CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    แล้วฉันก็เลือกที่จะรักผู้หญิง...ด้วยกัน (9){แตกประเด็นจาก L4583093}

    จากการค้นคว้าหาข้อมูลของฉันได้พบว่า ถ้าแปลตามภาษาอังกฤษ (visaul communication design = VCD) มันคือการออกแบบสื่อความหมายที่สามารถมองเห็นได้ (ฉันแปลเองนะ ถ้าไม่เป๊ะก็โทษฉันเถอะ)

    แม้จะยังไม่กระจ่างในการแปลของตัวเอง แต่ก็รู้ว่าคงไม่ได้ออกแบบอักษรเบลให้คนตาบอดแน่นอน (เท่าที่คิดตอนนั้นก็คือว่า ออกแบบคัทเอ้าท์ใหญ่ๆ ออกแบบสิ่งพิมพ์ ประมาณนั้นแหละ ยังไม่รู้ว่ามันครอบคลุมไปถึงเรื่อง packaging booth display web animation และอีกเยอะแยะด้วย)

    ....อย่างน้อยก็มีข้อมูลติดตัวแล้ว ใครถามจะได้ตอบได้....

    อาจารย์คนอื่นที่รู้เรื่องที่ฉันติดโควต้า ก็มักจะถามว่าทำไมไม่เลือกสายแพทย์หรือเชิงวิชาการหน่อย ก็อย่างที่เคยบอกไว้แหละค่ะว่าฟลุ๊ค แล้วก็คิดว่าอันนี้มันคงคิดอะไรๆได้อิสระ ไม่ต้องคอยอ้างอิงถึงทฤษฎีโน่นนี่ ไม่ต้องมาคำนวณหรือวิเคราะห์อะไรมากมาย  ทีนี้ก็รอวันสอบสัมภาษณ์เท่านั้น จะผ่านมั๊ยหนอ?

    เมื่อวันที่คะแนนและผลการสอบส่งมาถึงบ้าน ฉันไม่ทันแม่ซะแล้ว แม่แกะดูเรียบร้อย ฉันสอบอยู่ในนั้นเกือบ 10 วิชา แม่ก็ดูๆ แล้วก็บอกว่าแต่ละวิชานี่ไม่ถึง 70 เลยน๊า ติดโควต้าได้ไง ฉันก็แก้ตัวว่าเค้าเอาขั้นต่ำบางวิชา 30 หรือ 50 เอง แล้วของฉันที่ได้ใช้จริงๆก็แค่วิชาหลัก 3 วิชา (คณิต ไทย สังคม) กับ 2 วิชาความถนัด

    แม่ดูๆๆแล้วก็พูดอีกว่า "แล้วนี่มันอะไร วาดเส้น 10 คะแนน มันเต็ม 10 หรือไง มันต้องเต็ม 100 ไม่ใช่เหรอ
    แล้วได้ 10 เนี่ยนะ วิชานี่ได้ใช้มั๊ยล่ะเนี่ย" หาา มืออันสวยงามของฉันที่ฉันวาด ได้ 10 คะแนนเองหรือ แล้วฉันสอบติดได้อย่างไรเนี่ย

    แม่พูดต่อ "แล้วอันเนี๊ยะอะไร 95 คะแนน" ฉันหันขวับ 95 เหรอ "ชื่อวิชาอะไรแม่"
    แม่ตอบ "วิชาความถนัดทางนิเทศศิลป์ 95 คะแนน เต็ม 100" โอ้..แม่เจ้า จริงหรือเนี่ย! ปิระมิดฉัน! มดทะลึ่งของฉัน! รอยลิควิดอันสวยงามอีก! คนตรวจข้อสอบคงเพี้ยนไปแล้วจริงๆ

    มันน่าแปลกใจมากกว่าตอนที่รู้ผลสอบอีกนะเนี่ย ฉันก็เลยบอกแม่ว่า "ถ้ามีคนมาว่าหนูเลือกเรียนอะไรไม่รู้ ไม่เข่าท่า แม่ก็บอกไปเลยนะว่า หนูสอบได้ด้วยคะแนน 95
    แต่ไอ้สิบคะแนนนั่นอย่าบอกใครเชียว" พูดไปพลางคิดไปว่า ศิลปะที่เรียนมาก็ไม่เคยต่ำกว่า 95 หรือฉันคงถนัดทางด้านนี้จริงๆเหรอ....

    หลังจากที่ฉันติดโควต้า (สอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วด้วย) ทางโรงเรียนจะมีกีฬาสี ฉันก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานสีแสด (ชอบๆ) ฉันก็บ้าบอเต็มที่กับกิจกรรมกีฬาสีไปเลย ไม่ต้องหมกหมุ่นกับการเอ็นท์ใหญ่เหมือนคนอื่น ตอนแรกฉันก็
    คิดจะเอ็นท์ใหม่เข้าถาปัตย์นะ แต่...ไม่ดีกว่า ขี้เกียจอ่านหนังสือและติวเพิ่มอ่ะค่ะ

    ช่วงนั้นฉันเป็นโรคอียิปต์ขึ้นสมอง ฉันสร้างแสตนท์เชียร์ของฉันให้เป็นอียิปต์โบราณ มีปิระมิดทั้ง 3 ยื่นออกมาจากแบ็คกราวน์ทะเลทรายและพระอาทิตย์ดวงใหญ่ เพื่อสร้างมิติ

    ฉันจำได้ว่าสีเหลือง(คู่แข่งทุกสถานการณ์) ไปจ้างทำฉากเป็นทัชมาฮาลล์ สวยเหมือนกันนะ ไม่ว่าผลการตัดสินแสตนท์เชียร์จะเป็นไง ฉันก็ภูมิใจเพราะฉันกับเพื่อนๆได้ร่วมทำมันเองกับมือ

    ฉันกับเพื่อนอีก 3-4 คนออกตังค์กันไปซื้อผ้าเพื่อตัดเป็นชุดคลุมเหมือนๆพวกนักบวชอียิปต์โบราณ(เพื่อให้ดูเข้ากับบรรยากาศ) เป็นแค่ผ้าต่วนขาวมาคลุมตัว และคลุมหัว ตกชุดละไม่ถึง 80 แล้วอีกอย่างที่ฉันลงทุนเอง (ฉันอยากให้มี แต่งบหมดน่ะค่ะ) คือชุดคลีโอพัตรา แต่ฉันจะเอามาจากไหนดีนะ ต้องปรึกษานังนัท

    ฉันกับนังนัทก็คิดๆๆกัน ว่าแล้วก็ไปซื้อผ้าที่ตลาดนัดที่เค้าขายเป็นกิโล(โลละ 20) เลือกชิ้นที่เป็นสีทองออกมา
    ให้รวมๆแล้วได้ซัก 3 เมตร เสร็จแล้วก็ไปซื้อลูดปัดมาร้อย ซื้อไหมพรมมาทำวิก เอากระดาษแข็งมาพ่นสีทอง ทำแผงคอ ทำรองเท้า สายรัดข้อแขน ข้อมือ มงกุฎหัวงู เย็บด้วยมือทุกอย่าง โดยวัดขนาดตัวจากนังนัท (จะให้หล่อนเป็นคนใส่ เพราะหล่อน want ในการได้เป็นกษัตริย์สาวพราวเสน่ห์)

    ภาพรวมก็ดูโอเคนะ แม้ด้วยงบอันน้อยนิด แต่เอาเข้าจริงๆนังนัทก็อายที่จะใส่ (เพื่อนสาวเทียมทั้งหลาย ของฉันไม่นิยมแต่งหญิงกันค่ะ) แต่ฉันก็บังคับให้หล่อนใส่จนได้ (แค่ให้ใส่เดินไปเดินมาทั้งวันเท่านั้นแหละค่ะ จะได้เข้ากับบรรยากาศ) นังนัทใส่ให้ฉันได้แป๊บเดียว หล่อนก็ถอด แล้วก็ไปแร่ดๆที่อื่น ....ก็ยังดีที่ทำมา แล้วยังได้ใส่

    เทอมนั้นการเรียนฉันไม่ใส่ใจเลยค่ะ เรียนไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ (ยิ่งเคมีกับฟิสิกส์) สอบย่อยก็ไม่ค่อยผ่าน แต่ฉันไม่สนแล้ว ไม่ติด 0 เป็นพอ ขอแค่จบ เพราะฉันมีที่เรียนต่อแล้ววว เทอมนั้นด้วยความตั้งใจในงานกิจกรรมของฉัน ทำให้ได้รางวัลมาเยอะที่สุด อาจารย์เคมีซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา จึงให้เกรด 4 แก่ฉัน (จริงๆแล้วคะแนนฉันได้แค่เกรด 2 เองค่ะ) เป็นรางวัลการทำงาน

    ในช่วงม.ปลายนี้ ฉันก็มีเพื่อนผู้ชายในห้องมาชอบ เป็นผู้ชายที่ดูน่ารักนะ นิสัยดี ตัวเล็กๆ หน้าตี๋ๆ พอดีบ้านเค้าใกล้บ้านฉัน ฉันเลยชอบไปอ้อนขอยืมการบ้านมาลอกบ่อยๆ ตอนแรกไม่รู้หรอกว่าเค้าชอบ แต่นังก้องเอาสมุดเคมีนายคนนั้นมาให้ดูตรงช่วงหน้ากลาง มีชื่อฉันอยู่เต็มไปหมดเลย

    พอความลับแตกเพื่อนๆก็เลยแซวกัน พวกผู้ชายก็ยุให้เค้าจีบฉันให้ฉันเลิกเป็นทอม ดูเค้าก็พยายามนะ แต่ก็คุยกันไว้แล้วล่ะว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า

    แต่ฉันเองไปแอบชอบเพื่อนผู้หญิงห้องข้างๆ เธอชื่อ "อ้อม" เราแทบจะไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ไปชอบได้ไง แต่ก็แค่ชอบ ไม่ได้กะว่าจะจีบ ไม่อยากให้เค้ารู้ด้วย ฉันเลยต้องเล่นบทเป็นสายลมที่หวังดี โดยการเอาดอกไม้ไปวางไว้ที่โต๊ะทุกวัน บางวันก็เป็นขนม ชอบแอบไปจัดชั้นหนังสือให้เมื่อถึงเวรอ้อมจัดหนังสือ ไปแอบมองอ้อมอยู่ข้างห้องทุกโอกาสที่มี แค่นี้ฉันก็มีความสุขของฉันแล้ว

    แต่เพื่อนฉันมันดันชอบแซวแบบออกนอกหน้า เพื่อนอ้อมเลยรู้แล้วก็เริ่มแซวด้วย ฉันไม่ได้อยากให้อ้อมรู้เลย ฉันเคยบอกเพื่อนอ้อมไปว่า ไม่ได้ชอบแบบจะคบ ชอบเฉยๆ อ้อมก็เลยไม่ได้มีทีท่าว่าจะรังเกียจฉัน เพราะฉันก็ไม่ได้ไปตามตอแยให้อ้อมรำคาญใจ ก็ดีนะ เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆ

    แต่หลังจากนั้นเรื่องมา เราก็ได้มีโอกาสได้เจอกันและพูดคุยบ่อยขึ้น และเราก้ได้เป็นเพื่อนกันในที่สุด เราเริ่มสนิทกันเมื่อใกล้จะจบม.ปลายนี่แหละ อ้อมมักพูดเสมอว่าเราน่าจะรู้จักกันเร็วกว่านี้ เพราะการที่อ้อมได้รู้จักฉัน ทำให้ชีวิตเรียบๆของอ้อม มีสีสันขึ้น (ก็ฉันพาเที่ยวนิ) แค่นั้นยังไม่พอ

    และแล้ว ฉันก็ได้ไปรู้จักคุณแม่ลูกสองคนนึง อายุห่างจากฉัน 7 ปี เธอชื่อ "กิ๊ฟ"  ฉันรู้จักพี่กิ๊ฟได้เพราะเพื่อนของน้องรัตน์บ้านอยู่ข้างๆบ้านพี่กิ๊ฟ และหลังๆพี่กิ๊ฟจะมีปัญหากับแฟนบ่อยๆ ไม่มีเพื่อนคุยจึงมาคุยกับน้องคนนั้น และเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนมีแฟนเป็นทอมตลอด แต่ต้องมาแต่งงานกับผู้ชายเพราะแม่อยากให้แต่ง คบกันกับแฟนก็มีแต่ปัญหา อยากกลับไปมีแฟนเป็นทอมเหมือนเดิม

    น้องคนนั้นจึงพูดว่ารู้จักฉันที่เป็นทอม(แต่ไม่บอกว่าเป็นแฟนเพื่อนตัวเอง) เดี๋ยวจะแนะนำให้พี่กิ๊ฟได้รู้จัก แล้วเราก็ได้รู้จักกัน พี่กิ๊ฟเป็นคนสวย ดูเซ็กซี่ (แต่ก่อนเคยเดินสายประกวดนางงาม อยู่สังกัดของป้าศรีเวียง) ฉันเห็นพี่กิ๊ฟครั้งแรกก็ชอบเลยแหละ เพราะพี่เค้าสวย (แม้จะอวบๆขึ้นจากการมีลูกก็เหอะ) แต่พี่กิ๊ฟค่อนข้างเอาแต่ใจเหมือนกัน ฉันจึงหยุดความชอบไว้แค่ความสวยของพี่เค้า

    ฉันยังคบน้องรัตน์อยู่ ฉันบอกน้องรัตน์เรื่องอ้อม แต่ไม่ได้บอกเรื่องพี่กิ๊ฟ เพราะเพื่อนน้องรัตน์ไม่ให้บอก

    ใน 3 คนนี้ ฉันอยากใช้เวลาม.ปลายที่เหลือ อยู่กับอ้อมให้นานที่สุด เพราะหากจบไปแล้ว อ้อมจะไปอยู่กรุงเทพ ฉันไปอยู่ขอนแก่น คงไม่ค่อยได้เจอกันอีก ส่วนน้องรัตน์ก็ต้องเจออยู่แล้ว เพราะฉันจะกลับมาหา

    แต่พี่กิ๊ฟนี่สิ....เข้ามาโดยที่ฉันไม่ได้เตรียมเวลาไว้ให้ และเป็นฝ่ายที่เข้ามาหาฉันมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อทะเลาะกับแฟน

    จากคุณ : i am yadamon - [ 2 ส.ค. 49 13:02:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com