CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    แล้วฉันก็เลือกที่จะรักผู้หญิง...ด้วยกัน...ต่อไป (10){แตกประเด็นจาก L4588896}

    ในวันเชียร์แต่ละวัน ทุกคนก็ต้องไปตามนัด ช่วงแรกๆพี่ๆก็จะฝึกให้เราร้องเพลงมหาลัยและเพลงคณะ นอกจากจะมีเชียร์คณะแล้วก็จะมีเชียร์กลางด้วย พี่ๆจะจัดเป็นกลุ่มๆ A-Z คละกัน และมีป้ายให้ห้อยคอ

    ฉันเข้าไปแค่ 3 ครั้งเอง จะห้อยป้ายไปแค่ครั้งแรก ฉันได้อยู่กลุ่ม N รู้สึกว่าไม่มีเพื่อนร่วมคณะ ก็เลยไม่หนุกไม่มีเพื่อนคุยด้วย คนให้แอบแซ่บก็ไม่มี เซ็งเลยเรา!!!

    ครั้งที่สองไม่เอาป้ายไปค่ะ อ้างว่าป้ายหาย ฉันก็ไปอยู่กลุ่มกับเพื่อนสาขาคนนึงที่อยู่หอเดียวกัน และแล้วกลุ่มนี้ก็มีสาวมนุษย์ (เอ..หรือวิทยาการหว่า??...คือแซ่บไว้หลายคนเลยจำไม่ได้ค่ะ) น่าร้ากกกก ฉันตกลงจะฝังตัวอยู่กลุ่มนี้ถาวรค่ะ เพราะเธอคนนี้ (จริงๆคนนี้ไม่โดนแบบเต็มๆค่ะ ฉันชอบคนสวย แต่เธอคนนี้ออกแนวน่ารัก ไม่เป็นไร ดีกว่าไม่มีให้แซ่บ)

    ครั้งที่ 3 ไปช้าค่ะ หากลุ่มไม่เจอ เลยไปยืนลับๆล่อๆอยู่ เพื่อนคณะมันเห็น เลยเรียกฉันเข้ากลุ่ม พี่สต๊าฟก็เข้ามาถามว่า "น้องอยู่กลุ่มไหน...แล้วทำไมไม่ห้อยป้าย"

    ฉันก็รีบตอบทันทีว่า "อยู่กลุ่มนี้แหละค่ะ แต่ป้ายมันหาย" พร้อมทำหน้าบ๊องแบ๊วเข้าไว้

    แล้วก็ได้เข้ากลุ่ม แต่ว่า ไม่มีใครให้แอบแซ่บเลยค่ะ ก็เลยหาเรื่องป่วย กลับไปนอนเล่นที่ห้องดีก่า หุๆๆ  ฉันรู้สึกว่าเชียร์กลางมันน่าเบื่อค่ะ ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย ไม่ตื่นเต้น ไม่ได้ใช้ความคิด ไม่ฮา มีแต่ขำแบบฝืดๆ แล้วก็ทำให้ฉันไม่เข้าเชียร์กลางอีกเลย

    เชียร์กลางจะตรงกับเสาร์อาทิตย์ พอฉันเลิกเข้าเชียร์กลางก็เลยแอบหนีกลับไปหาพี่กิ๊ฟค่ะ ไปเติมความเร้าใจให้ชีวิต ทำให้บางทีเวลาที่เพื่อนๆในคณะนัดซ้อมเพลงในวันเสาร์อาทิตย์ ฉันก็ขาดไป

    ถึงคราวที่ต้องสอบเพลงเชียร์ต่อหน้าประธานเชียร์ ฉันได้แต่ทำปากผงาบๆ และปรบมือแบบไม่ดัง (เนียนค่ะเนียน) แต่บางครั้งก็ผงาบหรือปรบมือไม่ถูก พี่นายกสโมฯก็มองน่ะ(แกแอบม่อฉันอยู่ค่ะ) แต่ไม่ว่าอะไร ฉันจึงพยายามให้แค่ตอนจบมันจบลงพร้อมๆเพื่อนก็โอแระ

    คณะฉันเชียร์สนุกค่ะ แต่ก็เหนื่อยเหมือนกัน มันเป็นอะไรที่ดูเหมือนจะเครียดแต่ไม่เครียด บางทีพี่ว้ากหลุด พวกฉันก็ขำค่ะ แต่ก็โดนว้ากว่า "ใครอนุญาตให้ขำ จะขำก็ต้องขออนุญาตก่อน แล้วก็บอกเหตุผลด้วยว่าขำอะไร ห้ามขำโดยไม่มีเหตุผล เข้าใจมั๊ย"

    แต่มันขำหน้าพี่แกนี่หว่า ฉันก็พยายามไม่ขำ แต่ไอ้เพื่อน
    ข้างๆนี่สิ.....

    เวลาเชียร์คณะฉันไม่มีห้องแบบเป็นขั้นบันได เลยต้องนั่งขัดสมาธิกับพื้น หัวเข่าก็ชนกันเพื่อน ไอ้เพื่อนข้างๆที่ว่า มันสั่นค่ะ เข่ามันตึ่กๆๆ อยู่ข้างๆ ฉันก็เลยเหลือบมองมันว่ามันเป็นอะไรของมัน

    ปรากฏว่ามันขำไม่หายค่ะ มันเส้นตื้น นั่งขำกระตุกอยู่คนเดียว พอรู้ว่ามันขำ ฉันก็ขำมันสิค่ะ มันตึ่กๆๆๆอยู่ข้างๆ ฉันก็ต้องตึ่กๆไปกับมัน วันนั้นปวดท้องเลยค่ะ เกร็งมากไปหน่อย

    ตั้งแต่เชียร์มา รุ่นฉันไม่เคยมากันครบ 72 เลยค่ะ มักหายไปสองหน่อ คือไอ้ปอ(ดนตรีสากล)กะไอ้ออด(จิตกาม)
    ทั้งคู่เป็นทอม

    ไอ้ปอเป็นทอมตัวอ้วนๆ ตัดสกินเฮดอย่างแมน มันมาจากกรุงเทพ และมันค่อนข้างแอนตี้การเชียร์ มันก็เลยไม่มา ส่วนไอ้ออดได้ข่าวว่ามันไปสอบติดที่อื่นแล้ว แต่ยังไม่มาทำเรื่องลาออกที่นี่ แล้วมันก็ยังคงมาเรียนอยู่ แต่มันไม่ยอมเข้าแฮะ

    รุ่นพี่บอกว่า วันปิดเชียร์ต้องมากันให้ครบ ถ้าไม่ครบรุ่นก็ไม่ผ่านเชียร์แล้วก็จะตัดรุ่น 7 ออก เพื่อนบางคนที่มันจริงจังกับการเชียร์นี่เครียดไปเลยค่ะ เครียดจนร้องไห้ แต่ฉันขำๆค่ะ รู้ว่าพี่ๆไม่มีสิทธิ์อะไรมาตัดรุ่นพวกฉันได้หรอก

    พวกฉันพยายามไปรบเร้าไอ้ปอให้มาเชียร์ (อยู่หอเดียวกันกับฉัน) จนมันยอมมา แต่ก็ต้องมาสอนเพลงมันหน่อย ก็โอเค มันเริ่มเข้าใจการเชียร์มากขึ้นแล้ว

    พูดถึงไอ้ปอ (ยังเป็นซี้กะมันอยู่จนวันนี้) เจอมันจังๆครั้งแรกตอนเข้าห้องน้ำที่คณะ  ฉันอยู่หน้ากระจกกำลังล้างมือ
    มันเดินตุ๊บๆๆเข้ามา (ตัวอ้วนๆ สกินเฮด เสื้อนักศึกษาและกระโปรงทรงเอเท่าหัวเข่า รองเท้าผ้าใบ และหน้าตามัน
    เหมือนโก๊ะตี๋) ท่าทางนักเลงเชียว ฉันรู้ว่ามันอยู่หอเดียวกัน แต่ไม่ยุ่งกับมันหรอก มันน่ากลัว มันดูโหดในสายตาเพื่อนทุกคน

    พอมันเห็นฉันในห้องน้ำ มันชี้มาทางฉัน (สารภาพว่าโคตรกลัวมันเลยอ่ะ ดีนะที่ฉี่มาแล้ว ไม่งั้นฉี่เล็ดแน่ๆ)

    "เฮ้ย เธอ" เสียงเล็กๆ ออกโทนแหลม (เสียงเมิงเหรอเนี่ย ไม่เข้ากะเมิงเล้ยยยย) ฉันหันไปหามันด้วยความหวาดผวาและฝืนยิ้มให้  

    มันเดินเข้ามาหาฉัน มันหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วพูดว่า "เธออยู่หอ 17 ใช่มั๊ย เราเคยเห็นเธอ"

    ฉันตอบด้วยความกลัวมันอยู่ "ใช่"
    มันถาม "ห้องไหน"
    ฉันตอบ "412"

    มันพูดพร้อมเข้ามาเขย่ามือ "ยินดีที่ได้รู้จักนะ เราอยู่หอ 17 เหมือนกัน ห้อง 3xx(จำไม่ได้)" (กรูรู้แระ ก็ถึงไม่พยายามผ่านห้องเมิงไง) มันยิ้มทักทายด้วยความยินดีอย่างจริงใจ (เธอ ฉัน ผู้ดีเชียวนะเมิง เดี๋ยวนี้มีแต่ e สัด
    e ควาย e โน่นนี่สารพัด แล้วแต่มันจะนึกคำออก)

    ฉันนี่ขี้หดตดหายเลยอ่ะ แ..ม่ง น่ากลัวฉิบ ใครจะรู้ว่ามันจะแค่ทักทาย ฉันก็แสร้งทำหน้ายินดีไปด้วย และพอได้รู้จักมันมากขึ้น ขำๆค่ะ มันมุขเยอะ ฟังมันแต่ละที หัวเราะจนท้องแข็ง

    จากนั้น ฉันก็ไปไหนมาไหนกับมันมากขึ้น เพราะว่าเป็นทอมเกือบเหมือนกัน แล้วก็รู้มาว่าที่มันสกินเฮดนี่คือ มันไปบนไว้ค่ะว่าถ้าเอ็นท์ติดซักที่ มันจะยอมโกนหัว แล้วมันก็มาติด มข. อันดับสุดท้ายที่มันเลือก มันเลยต้องโกน เพื่อนเลยต้องกลัว

    เมื่อใกล้จะสิ้นสุดวันเชียร์ ธรรมเนียมของคณะฉันมีอยู่ว่าวันปิดเชียร์จะต้องเดินคณะในเวลากลางคืน ซึ่งในช่วงเวลาที่อยู่ในช่วงเชียร์นั้นห้ามเด็กปีหนึ่งไปที่คณะตอนกลางคืน ห้ามขึ้นบันไดหลังคณะด้วย

    เหตุผลเพราะพี่ๆยังไม่ได้รับเป็นรุ่นน้อง และเจ้าที่เจ้าทางก็ยังไม่ได้รับเข้าเป็นสมาชิกเหมือนกัน (เริ่มหลอนๆค่ะ) ก็ไม่มีใครกล้าหรอกค่ะ น่ากลัวเชียว คณะก็ตั้งอยู่โดดๆ มีป่าล้อมรอบ และที่สำคัญอยู่ใกล้สะพานขาวค่ะ (เด็ก มข.จะทราบประวัติสะพานขาวนี้ดี หลอนๆทั้งนั้น)

    เท่าที่ฉันได้ยินประวัติมา (ถ้าผิดตรงไหนขอรุ่นพี่แก้ไขด้วยนะคะ) คือแต่ก่อนโน้นนน ตรงสะพานขาวนี้จะเป็นแดนประหาร(ตัดคอ) และที่สร้างเป็นสะพานเพราะแต่ก่อนจะมีคลองอยู่ด้านล่าง  ตอนนี้คลองนั้นไม่มีน้ำมานานแล้ว ว่ากันว่าเคยจะถมมันและทำเป็นถนนธรรมดา แต่เจ้าที่ไม่ยอม จึงได้สร้างเป็นสะพานเหมือนเดิมทั้งๆที่ไม่มีคลองน้ำแล้ว

    ประวัติอีกอย่างก็คือ แต่ก่อนจะชอบมีคนมาขึงลวดเพื่อทำร้ายพวกที่ขับมอไซด์เร็วๆ หึๆๆ คอขาดกระจุย พูดแล้วก็ขนลุก

    ถ้าใครจะพิสูจน์ กลางคืนก็ให้ออกไปยืนที่ต้นสะพาน แล้วก็มองลอดหว่างขา เหอๆๆๆ หลอนแน่ๆ และที่ตรงนี้ก็มีความขลังในเรื่องการอธิษฐานด้วย ว่ากันว่าให้กลั้นหายใจจากต้นสะพานจนสุดปลายสะพานด้วยความเร็วรถ  20 หรือ  40 กม.ต่อ ชม.นี่แหละค่ะ ก็เคยลองเหมือนกันนะคะ แต่แอบโกงขับเกินนั้นทุกที แหะๆๆ

    ...พูดเรื่องเชียร์ต่อค่ะ...
    ใกล้ๆวันปิดเชียร์ พวกเราก็จะมีการทดสอบบูมเทียน ฉันไม่รู่ว่าที่อื่นมีหรือปล่าวนะคะ แต่มันดูขลังมาก เป็นการทดสอบความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน และก็มีการกอดคณะ และเดินคณะในวันปิดเชียร์ ฉันจะขอเล่าเป็นอย่างๆไปนะคะ

    เอาการกอดคณะก่อน...เป็นการทดสอบความพยายามค่ะ วิธีก็คือให้พวกเราน้องใหม่จับมือต่อกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่บันไดหน้าชั้นหนึ่งขึ้นไปชั้นสามแล้วต้องอ้อมลงมาเพื่อให้หัวแถวและปลายแถวสามารถจับมือกันได้ ใครมือหลุดก็ออกไป ให้คนข้างๆจับกันแทน ด้วยคนเพียง 71 (ไอ้ออดไม่เคยมาเชียร์เลย) จะจับได้ยาวแค่ไหนเชียว

    ถ้ายังไม่สามารถบรรจบกันได้ ให้เอาสิ่งของในตัวมาต่อให้ยาวขึ้นได้โดยที่ห้ามปล่อยมือกัน พวกเราก็ต้องถอดเข็มขัด เชือกรองเท้า ผู้ชายก็ถอดเสื้อ (มีคนจะถอดถุงเท้าแต่โดนห้ามไว้ซะก่อน เฮ้ออ โล่งใจ) ใครมีผ้าเช็ดหน้าก้เอาออกมา ฉันเองมีแค่เข็มขัดกับเชือกรองเท้าค่ะ เลยสละได้แค่นั้น (รุ่นพี่เล่าให้ฟังตอนหลังว่า รุ่นก่อนๆคนจะน้อยกว่านี้ ผู้หญิงบางคนก็ถอดชั้นในเชียวล่ะ ผู้ชายถอดกางเกงก็มี กล้ามากกก ขอบอก)

    ที่เราต้องทำเพราะรุ่นพี่จะไซโคตลอดค่ะว่าเรารักคณะหรือปล่าว ถ้ารักก็ต้องกอดคณะให้ได้ กอดไม่ได้แสดงว่าไม่รัก และไม่อยากอยู่คณะนี้ พวกเราก็พากันฮึดสู้  ฉันจำไม่ได้ว่าตอนนั้นบรรจบกันได้หรือปล่าว แต่ก็ดีค่ะที่ได้รับรู้ความเห็นแก่ตัวของเพื่อนบางคน ได้เห็นความเสียสละของเพื่อนส่วนใหญ่ และได้ภูมิใจในสิ่งที่กำลังทำ เพื่อพิสูจน์การเป็นเด็กศิลปกรรมตัวจริง

    ต่อไปคือการบูมเทียน...คือการพิสูจน์ความสามัคคีพร้อมเพียงกัน วีธีก็คือ จุดเทียนตั้งเป็นระยะๆ และพวกเราก็ยืนล้อมเทียนเหล่านั้น จะมีคนเสนอตัวผลัดเปลี่ยนกันสั่งบูม "ทั้งหมด เตรียมบูม!!" พวกเราก็ก้มลงกอดคอกันไว้เป็นท่าเตรียม

    แล้วก็จะสั่งต่อ "บูมคณะ สาม สี่...เอาทะแมะ เอาทะแมะ แมมันนี่ F I N E A R T....fine art!" ช่วง fine เราจะมีการกระทืบเท้ารัวๆๆๆๆ แล้วก็ยืดตัวขึ้นสุดๆ ตรง art นี่แหละที่เราต้องก้ม ฟึ่บ! พร้อมกันเพื่อให้เทียนทุกเล่มดับพร้อมกัน

    พวกเราบูมกันจนหน้ามืด เราตะโกนกันจนคอแห้ง เราได้พักไม่นานโดยการนั่งระเบียบเชียร์และเอาใหม่จนกว่าจะทำได้

    (ขอแปลภาษาบูมของคณะฉันหน่อย มันเป็นภาษาอีสานค่ะ ซึ่งแปลได้ว่า เอาทะแมะ=เอาสิ  แมมันนี่=แม่เมิงนี่ ก็ไม่รู้ว่าใครคิดนะคะ แล้วความหมายจริงๆแปลว่าอะไร มีแต่เค้าพูดเล่นๆกันว่า เอามาสิ เอามาสิ แม่ มันนี่(เงิน) ประมาณว่าเป็นบูมขอเงินแม่ค่ะ ก็ฮาไปอีกแบบ เลยไม่รู้ความหมายจริงๆเลย หุๆๆ)

    การบูมเทียน คนไหนมีโรคประจำตัวจะไม่ให้เข้าร่วม และใครไม่ไหวก้ต้องออกมา เพื่อนฉันหน้ามืดไปหลายคน
    สุดท้าย พวกเราก็ทำได้ มันเหมือนมีมนต์สะกด และรู้สึกถึงพลัง เมื่อเราได้ ฟึ่บ ลงไปแล้วเทียนทุกเล่มดับ.....ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เสียงหายใจของความเหนื่อย มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากที่เราหลายคนจะรวมกันเป็นแรงลมพัด
    จังหวะเดียวกันลอยมาหวืดนึง แล้วพัดให้เทียนดับ

    รุ่นพี่บอกทีหลังว่าไม่เคยมีรุ่นไหนเคยทำได้เลยตั้งแต่มีการบูมเทียนในคณะมา อย่างเก่งก็เหลือเล่มนึง ก็หยวนๆกันไป...ครั้งนั้นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้กับชีวิตในมหาลัยของตัวเอง ไม่เคยลืมค่ะ

    จากคุณ : i am yadamon - [ 5 ส.ค. 49 01:51:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com