ความคิดเห็นที่ 1 มารออ่านนะคะ จากคุณ : อีกนิดก็สวยแล้ว (เหมียวสุ) - [ 6 ส.ค. 49 12:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รออ่านค่ะ จากคุณ : sueko - [ 6 ส.ค. 49 12:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มารออ่าน รีบๆมา นะนะนะ จากคุณ : pokpokpok - [ 6 ส.ค. 49 12:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ไอ้เราก็พยายามบอกตัวเอง ด้วยการคำนวณ BMI  Body Mass Index เป็นการวัดว่าเราอ้วนหรือไม่คนที่ไม่อ้วนจะมีค่า  BMI  น้อยกว่า ๒๕ การคำนวณคือ เอา น้ำหนัก (กก) หารด้วย (ส่วนสูงเป็น ซม) แล้วหารด้วย (ส่วนสูงเป็น ซม) อีกที เช่น ผม สูง ๑๖๕ หนัก ๖๙ กก BMI  = ๖๙ หาร ๑.๖๕ หาร ๑.๖๕ ผลลัพธ์ คือ ๒๕.๓๔ ซึ่งความเป็นจริงควรมีน้ำหนักแค่ ๖๘ ไอ้เราก็เลยใจเย็น คิดว่ากิโลเดียว ไม่อยากอะไร แต่ว่าแต่ว่า ทำไมเวลาใครพูดถึงเรา เช่นเวลาไปซื้อของ เด็กมันชอบบอกว่า ให้พี่คนอ้วนๆคนนั้นก่อน หรือ พี่คนอ้วนมาก่อนได้ก่อน หรือ บางคนเวลาเราถามก็จะตอบว่า ไม่อ้วนหรอก แค่ท้วมๆ ทำไม ทำไม ถ้าเราไม่อ้วน คงไม่มีใครตอบเราแบบนั้นแน่ๆ หรือ ไอ้หลักการ BMI   มันผิด กลับมานั่งคิดหลายๆมุม เออ ไอ้หลักการที่ว่าเนี่ย มันใช้กับทุกคนได้หรือเปล่า จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 12:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เลยมานั่งคิด คิด คิด เปรียบเทียบคน ถามน้ำหนัก ส่วนสูงคนที่สูงพอๆกับเราไปทั่ว เปรียบเทียบหุ่น เปรียบเทียบอะไรหลายๆมุม เริ่มพบว่า คนเรามันไม่เหมือนกัน เรามันไหล่เล็ก โครงเล็ก ไม่เหมือนคน ไหล่กว้างๆ โครงกว้างๆ เราเวลาน้ำหนักขึ้นเพียง ครึ่ง กิโล มันจะออกด้านข้าง หรือ พุงยื่นทันที เรามันจะตัวกลม ไม่ใช่ตัวแบน เพราะฉะนั้น เราจะดูอ้วนง่ายกว่าคนโครงอื่น เอาละสิ เริ่มรู้ความจริงว่า เรามันคนอ้วนดีๆนี่เอง หยุดหลอกตัวเองเสียที แต่ ใจนี่สิ  ใจมันยังอยากกิน อยากดื่ม ผอมก็อยากผอม เครียด ถึงขั้นบอกกับตัวเองว่า ใครจะทำไมฉันจะอ้วน ฉันจะกิน ฉันจะกิน อ้วนแล้วมีความสุข ดีกว่า คนหุ่นดีๆ ที่ต้องมากังวลเรื่องอาหารทุกวันทุกวัน เคยคิดจะเปิดเวป คนอ้วนแต่มีความสุขใครจะทำไม แต่อีกใจมันบอกว่า ไม่ดีมั้ง คนอ้วนเป็นที่มาของความอ่อนแอ และโรค โอย เครียด เดี๋ยวกินข้าเที่ยงก่อนนะ เดี๋ยวมาต่อครับ (ข้าว แกงส้ม ไม่กินผัดที่ใช้น้ำมันครับ) จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 12:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ้วน เครียด ดื่มกิน อ้วน เครียด ดืมกิน อ้วน เครียด ดื่มกิน เป็นวัฏจักรที่ใครก็ไม่รู้ คิดออกมาได้โดนจริงๆ ต่อมามีเหตุให้ต้องไปบนบานศาลกล่าว เกี่ยวกับงานไม่ใช่เรื่องอ้วน ว่า ถ้าสำเร็จ จะไปฝึกสมาธิที่วัด สามวัน ถึงเวลา เราก็ ไปที่วัด ก่อนไป กินเสียเต็มคราบ เพราะที่วัดพระจะฉันท์มื้อเดียว เราก็คิดว่า เราเอาด้วย แต่ขอสองมื้อแล้วกัน และคิดในใจว่ากลางคืน ถ้าหิวก็จะมาตักกินที่โรงอาหารของวัด  ตอนนั้น ไอ้อ้วนกำลังเต็มที่ ที่น้ำหนัก ๖๙ กก  อยู่วัดต้องแอบ ปลดกระดุมเม็ดของกางเกงเกือบตลอดเวลา แต่ทว่าตอนอยู่ที่วัดเนี่ย เราต้องนั่งสมาธิ เอาจริงเอาจังมาก (แต่ต้องปลดกระดุมนะ) กลางคืนฟังเทศน์อบรมจนสี่ห้าทุ่ม ง่วง ไม่มีอารมณ์กินอะไรแล้ว ล่อน้ำผลไม้ก่อนนอน แล้วหลับเร็วๆ ทุกวัน จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 13:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผ่านไปสามวัน กลับบ้าน ชั่งน้ำหนัก อุแม่เจ้า อะไรกันนี่ น้ำหนักเราลดไป สอง กิโล ซะอย่างนั้น ตาฝาดหรือเปล่า (ใช้เครื่องชั่งแบบตัวเลข) เหลือ ๖๗ กิโล กำลังใจมาอย่างแรง ฉันจะไม่ยอมให้ตาชั่งมันดีดกลับไปแม้แต่นิดเดียว  คืนนั้น อัดน้ำแล้วนอนทันที ผลจากการฝึกสมาธิ ใจเราเข้มแข็งขึ้นบอกกับตัวเองว่า ลาก่อนเจ้าเบียร์ และของทอดตลอดจนอาหารเย็น และ เริ่มหยิบกระเป๋าชุดออกกำลังกาย พร่งนี้ ฉันจะต้องลดอีก ๑ กิโลให้ได้ ฮาฮาฮา จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 13:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อเลยค่ะ...หนูก็มีปัญหาเหมือนกัน จะลดความอ้วนแล้วนะ... มาอ่านเพื่อให้เป็นกำลังใจ จากคุณ : uasuki - [ 6 ส.ค. 49 13:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แต่นั่นยังไม่ใช่ความสำเร็จครับ น้ำหนักที่ลดไปสองกิโล เป็นแค่ช่วงแรกของการเริ่มต้นของ โยโย่ เอฟเฟค ความดีใจกลายเป็นความกังวลและความเหนื่อย และความสำเร็จในที่สุด หนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อยครับ จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 13:43:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สามวันถัดจากนั้นสิ่งที่ทำคือ เช้า กินมูสลี ไม่ใส่น้ำตาล กลางวัน ไม่กินข้าว กิน กล้วย นมไร้ไขมัน เย็น อัดน้ำ นมถั่วเหลือง โอฮาโย่ บางวันมีผลไม้น้ำตาลต่ำร่วมด้วย(ไม่ได้โฆษณาให้นะ มันอร่อยจริงๆ)   อ่านหนังสือให้ง่วง หลับให้เร็วที่สุด เวลากลางคืนที่เสี่ยงต่อการอ้วนเพราะการกิน ก็จะผ่านเราไป การอ้วนเป็นกระบวนการสะสมน้ำหนักอันเกิดจากไขมัน เกิดขึ้นตลอดเวลาโดยเฉพาะมื้อเย็นและก่อนนอน เราหยุดความอยากกิน อยากดื่ม ด้วยการใช้การกำหนดจิตว่า เราสบายกาย สบายท้องแล้ว เราไม่ต้องการความพึงพอใจที่ปาก เราสำรวจตัวเอง เอ เราก็สบายดีจะเอาอะไรใส่ท้องปากใส่ท้องไปทำไม คิดได้แบบนั้น ก้อหมดความอยากกิน ชั่งน้ำหนักทุกวันสองวันแรกน้ำหนักลดลงเกือบกิโล เหลือ ๖๖ กิโล แต่วันที่สาม น้ำหนักที่ลดเพิ่มกลับคืนไปที่เดิมที่ ๖๗ กิโลอีก   อะไร อะไรกัน ทำไม เราพิจารณาตัวเอง เราไม่ได้กินไขมันเลยไม้แต่หยดเดียว บางวันก่อนนอนแทบไม่ได้กินเลยด้วยซ้ำ ทำไม จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 13:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาเครียดเหมือนพี่ จขกท ครับ ตอนนี้ ก็พยายามงดทานของมัน และแป้งอยู่ วิ่งแทบตาย ไม่ลงครับ เลยต้องเปลี่ยนแนวจะดีกว่า ผมขอแค่ 4-5 กิโลก็พอแล้ว จากคุณ : gop_tmc - [ 6 ส.ค. 49 13:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนนี้เพิ่งลดได้ 2 กิโลค่ะ ประมาณ เกือบๆ 3 อาทิตย์น่าจะได้ หลักการของเราคือ  กินเฉพาะเมื่อหิวจริงๆ  เพราะเมื่อก่อน...กินตอนอยาก อยากเมื่อไหร่เป็นกิน......  ถึงอิ่มแต่ปากอยาก ก็ขวนขวายมากินให้ได้  ไม่ดีเลยเนอะ.... ตอนนี้พยายามไม่ตามใจปากค่ะ  แต่เรื่องอาหารนี้ไม่งดแน่นอนเพียงแต่ทานน้อยลงและทานให้ครบ 5 หมู่ กับใช้พลังงานให้มากขึ้น ทานของทอดให้น้อยลง กินผลไม้ + ผักเยอะๆ ทานข้าวให้น้อยแต่เน้นโปรตีน จากคุณ : ส้มกลมกลิ้ง - [ 6 ส.ค. 49 13:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาสำรวจตัวเองพบว่า นั่นแหละ โยโย่ สองกิโลแรกมันไม่ใช่การลดเพราะไขมันลด มันลดเพราะน้ำและกล้ามเนื้อบางส่วน เราศึกษาแล้วพบว่า การสะสมของไขมันใช้เวลานานที่ละน้อยสะสมช้า แต่ มั่นคง ไม่เหมือนน้ำที่ลดและเพิ่มในร่างกายได้ง่ายๆ หรือ กล้ามเนื้อที่เหี่ยวลงได้ง่าย ทุกอย่างที่อยู่ในร่างกายล้วนแล้วแต่เป็นน้ำหนักทั้งสิ้น ถ้าอยากผอมจริงๆไม่ขึ้นลงฮวบฮาบ เราต้องเอาไขมันออกเท่านั้น   ดังนั้น เราจึงต้องเพิ่มการออกกำลังกาย เราเคยวิ่งได้ ๕ กิโลเมตร เราเคยวิ่งได้ เรากลับมาวิ่งอีก คุมอาหารแบบเดิมด้วย วิ่งด้วย อาทิตย์ต่อมา เราวิ่ง วันละสองเวลา เช้า เย็น รอบละ ๒๕ นาที ขอบอกเลยว่า อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ น้ำหนักอยู่ที่ ๖๖ ถึง ๖๗ กิโล กำลังใจเกือบหายไป จนกระทั่งมานั่งคิดและ เราพบว่านี่แหละการลดลงอย่างแท้จริง  เพราะไขมันเริ่มหายไป เอวเริ่มหลวมๆแต่น้ำหนักเท่าเดิม ไม่เหมือนน้ำ หรือ กล้ามเนื้อที่เหี่ยวลงได้ง่าย จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 14:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รออ่านๆๆ จากคุณ : Jeban - [ 6 ส.ค. 49 14:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณพี่คะ ของหนูนะคะ พยายามมาสองอาทิตย์ ลดไปสองโลครึ่งค่ะ หูย แทบฉลองเลยค่ะ กว่ามันจะลดได้ แทบตายแน่ะค่ะ กินวันละมื้อเดียว แต่คุณพี่คะ หนูดีใจได้แป๊บอาทิตย์เดียวค่ะ ทั้ง ๆ ที่กินเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ นน. หนูพุ่งปี๊ด ขึ้นไปสามโลครึ่ง สรุป อด แต่อ้วนกว่าเดิม ทำไงดีคะ เศร้าจัง อ้วน ๆ แบบนี้จะหึงแฟนก็ไม่ได้ มันสวนมาว่า ไม่ดูสารรูปตัวเอง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด จากคุณ : โบ่โบ๊ - [ 6 ส.ค. 49 14:25:55 A:124.120.84.160 X: TicketID:122305 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ู^ ^ ^ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ได้โพสติด ๆ กะพี่จีน เย๊ ๆๆๆ ดีจายค่ะดีจาย แอบๆ ตามอ่าน blog พี่อยู่ นู๋ช๊อบ ชอบ จากคุณ : โบ่โบ๊ - [ 6 ส.ค. 49 14:28:15 A:124.120.84.160 X: TicketID:122305 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนนี้เราก้กำลังลดน้ำหนักเหมือนกันค่ะ ^^ ตอนแรกจากน้ำหนัก 62 ตอนนี้เหลือ 54 แย้ว อุอุ ลดด้วยตัวเอง ไม่พึ่งยาแบบแต่ก่อง ( แต่ก่องกินยาลดความอ้วน พอเลิกยาก้เด้งพรวดหนักยิ่งกว่าเดิมซะอีก แถมทรมานมาก ๆ ตอนกิน ก้เลยตัดสินใจเลิกกินยา ) เริ่มลดตั้งกะปลายเดือน พ.ค ไม่ได้ออกกำลังกายเลย แต่ใช้วิธีควบคุมอาหารค่อนข้างเคร่งหน่อย แรก ๆ น้ำหนักลดไว แต่ช่วงนี้เริ่มช้าแร่ะ 2-3 อาทิตย์จะลงซักโล ตั้งเป้าไว้ที่ 45-47 โล ยังต้องพยายามกันอีกยาวเลย -o-' จากคุณ : Araz - [ 6 ส.ค. 49 14:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อาทิตย์ต่อมา เริ่มเปลี่ยนแผนการวิ่งเป็นวันละ ๓๐ นาทีแต่รอบเดียว และกลับมากินแป้ง อันนี้สำคัญมากๆ เราเคยคิดว่า ถ้าไม่กินไขมัน และ ไม่กินแป้ง มันจะไม่มีทางอ้วนเด็ดขาด ปรากฎว่า ผิด อย่างแรง ถ้ากล้ามเนื้อไม่มีแป้ง ร่างกายจะไม่มีแรงเพื่อเริ่มต้นการเผาผลาญไขมัน การเผาผลาญไขมันจะเริ่มหลังจากการเผาผลาญของแป้งในกล้ามเนื้อ ดังนั้นการกินแป้งจึงขาดไม่ได้ เพราะมันก็จะถูกเปลี่ยนเป็น แป้งในกล้ามเนื้อ หรือ ไกลโคเจนเพื่อใช้ในการออกกำลังกาย หลังจาก ไกลโคเจนหมด หลังการออกกำลัง ประมาณ ๑๐ นาทีร่างกายจะมองหาไขมันที่สะสมในร่างกายมาเป็นเชื้อเพลิงระหว่างการออกกำลังกาย เพราะฉะนั้น เราต้องมีไกลโคเจนด้วยการกินแป้งในปริมาณที่พอจะไปเก็บเป็นไกลโคเจน ถ้ากินมากไปมันจะไม่มีที่เก็บไกลโคเจน มันจึงกลายเป็นไขมัน และเราต้อง ออกกำลังด้วยการ Burn เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 14:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โอ้แม่เจ้า WORK นี่แหละทำไมต้องใช้วิทยาการเข้ามาช่วยในทุกๆเรื่อง ความรู้เรื่องเวชศาสตร์การกีฬา เป็นที่ที่มีวิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด ไม่ใช่นิตยสาร สาวสวย สาวเปรี้ยว ไฮโซ ต่างๆ น้ำหนักลดลงฮวบเลย แปลกใจสุดขีดครับ กินข้าววันเว้นวัน แต่น้ำหนักลดลงทุกวัน บางวันให้รางวัลกับตัวเองด้วยการกินข้าวเย็นชามใหญ่ น้ำหนักก็ยังลดลงได้ ตอนนี้สัปดาห์ที่ ๓ ปรับแผนการวิ่งเป็น วิ่ง ๒ หรือ ๓ วัน พักหนึ่งวัน เบียร์ ไม่ดื่ม เย็นกินข้าวบางวัน บางวันต้องกินเหล้ากับเพื่อนวันนั้นก็วิ่งเผื่อไว้อีก ๕ นาที จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 14:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มันเริ่มได้ใจครับ กิน ดื่มได้ แต่ต้องสั่งเบรคได้โดยเฉพาะมื้อเย็น ผมเริ่มกินข้าวเป็นมื้อเช้า กลางวันทานสลัด เย็นกินอาหารไทยๆ ขอแนะนำของอร่อย ที่กินจนพุงปลิ้นก็ไม่อ้วน ส้มตำ ซุปหน่อไม้ ปลาช่อนนึ่งลุยสวน ต้มยำน้ำใส ผักจิ้มน้ำพริก ไก่ย่าง แต่ต้องลอกหนังนะ ปลาทุกประเภทที่ไม่ได้ทอด ยำวุ้นเส้น เกาเหลา อนุโลมมน้ำมันนิดหน่อย บางวันใช้กำหนดจิต ไม่กินมื้อเย็นมันซะดื้อๆ กินน้ำเต้าหู้ นอน เดือนแรกลดไปเลย ๔ กิโลกรัม เดือนที่สอง กินเพิ่มมาก แต่วิ่งมาก เลยลดได้แค่ อีก ๓ กิโลกรัม ตอนนี้พอใจแล้วครับ เลยรักษาการออกกำลังกายเป็น วิ่ง ๓ วันวันละ ๕ กิโลเมตร หยุดวิ่งหนึ่งวัน แล้ววิ่งอีก ๓ วัน จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 14:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สรุปการกำหนดจิตใจเพื่อการลดน้ำหนักดังนี้ครับ ใจความสำคัญอยู่ที่การสร้างกำลังใจให้ตัวเอง มันจะถดถอยอยู่เสมอ การให้กำลังใจในการผอมสำคัญ เพราะเราอ้วนเพราะเราชอบกิน เราจะผอมเราต้องสู้กับความชอบของตัวเองด้วยกำลังใจในหลายรูปแบบ ๑. คุณต้องลดน้ำหนักให้ได้ด้วยการงดการกินมื้อเย็น ๓ วัน คุณจะลดได้ ๒ กิโลแต่ไม่ถาวรแต่คุณจะเริ่มมีความหวังและกำลังใจและเห็นความเป็นไปได้ของตัวเอง ๒. คุณจะต้องบอกตัวเองว่า ฉันจะไม่ยอมให้มันเด้งกลับไปอีก ด้วยการเริ่มออกกำลังกาย ๓. คุณจะต้องบอกตัวเองตอนเย็น เวลาที่ความอยากกินมันกลับมาทรมาณคุณว่า ฉันสบายตัวแล้ว ฉันจะกินอะไรทำไม ย้ายความสบายใจ จากปากไปที่ท้อง บอกกับตัวเองว่าฉันจะผอม ไอ้ปาก ไอ้ลิ้นกับไอ้ฟันอย่ามากวนใจฉัน  จำไว้ว่าตอนกินปาก ลิ้นและฟัน เท่านั้นที่มีความสุขจากการกิน เราสิ ทุกข์จากการอ้วนในวันพรุ่งนี้ ๔. ออกกำลังกายตอนเย็นๆ อาบน้ำ อ่านหนังสือ ดื่มนมหรือน้ำเต้าหู้บนที่นอน เปิดแอร์ให้สบายๆ คุณจะหลับเร็วมาก ทำให้เวลากลางคืนที่คุณจะเผลอกินแล้วอ้วน หดสั้นลง เพราะฉะนั้น การออกกำลังตอนเช้าให้ผลหนึ่งทาง แต่ออกกำลังกายตอนเย็นให้ผลสองทางคือ เผาผลาญ และข้ามมื้อเย็นไปด้วย ๕. มื้อเย็น คุณจะติดการได้เคี้ยวอาหาร ให้คุณกินผลไม้เนื้อแข็ง เช่น ฝรั่ง เงาะ มะม่วง ความอยากเคี้ยวจะบรรเทา ๖. คุณต้องชั่งน้ำหนักตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ทุกวัน วางไว้ในห้องน้ำเลย ชั่งมันทั้งวัน ก่อนกิน หลังกิน คุณจะรู้ว่าคุณกินน้ำกินอาหารไปกีกิโล อุจจาระ ปัสสาวะ ก็ชั่งด้วย เชื่อไหมว่า หลังการปัสสาวะ น้ำหนักจะลดลงเกือบ ๒๐๐ กรัม ๗. ให้กำลังใจตนเองว่า อาทิตย์นึง ฉันจะกินอุตลุตสุดขีด ไม่กลัวอ้วน หนึ่งมื้อ กินให้เต็มคราบ แล้วกลับไปลดต่อ ไม่อ้วนผมรับรอง เราอาจจัดวันนั้นไว้กินกับเพื่อนหรือสำหรับวันที่เลี่ยงไม่ได้  อย่าให้เกินอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพราะแผนจะแตก เราจะกลับไปกินอีก ๘. กำหนดการให้รางวัลไว้ เช่น ผมบอกตัวเองว่า ถ้าลดได้ ๕ กก จะซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ ถ้าไม่ถึง ไม่ซื้อ แต่ปรากฏว่าก็ไม่ได้ซื้อ โทรศัพท์ เพราะ พอลดได้ ๕ กิโลกรัม ผมต้องซื้อเสื้อกางเกงรองเท้าใหม่หมดเลย ๙. หมั่นเอากางเกงที่เคยใส่แล้วคับ มาลองใส่ดู เราจะให้กำลังใจตัวเองด้วยการสวมมันแล้วพบว่า เฮ่ เราใส่ได้แล้วนี่นา เอาตัวเก่าๆที่เคยใส่หลายเดือนก่อนมาใส่ ไปให้คนเห็นๆกันไปเลย  อย่ารีบซื้อตัวใหม่ เอาของเก่าๆที่เราเคยชอบมาใส่ แต่ถ้าจะซื้อ ก็ซื้อแบบแนบตัวไปเลย ให้มันรู้กันไปเลยว่าฉันผอมลง ๑๐. คิดเสมอๆ ว่า เสื้อผ้า ไม่มีนักออกแบบคนไหนออกแบบมาให้คนอ้วนใส่  ถ้าอยากสวย อยากเท่ห์ ต้องลดน้ำหนัก เราจะได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆลวดลายใหม่ๆ อินเทรนด์ตลอดเวลา ไม่ใช่ใส่แต่แบบเดิมๆ ลายเดิมๆ สไตล์เดิมๆแบบคนน้ำหนักเกินเขาใส่กัน ๑๑. คนไม่อ้วน กินอาหารได้อร่อยกว่า เพราะร่างกายของเรารู้วิธีเผาผลาญไขมันแล้ว จำไว้ว่า ถ้าเราเคยอ้วน แต่เราฝึกร่างกายให้ เผาผลาญจนผอมได้ ต่อไปกินอย่างไรก็ไม่อ้วน เพราะเรามีความสามารถในการเผาผลาญแล้ว  ตอนนี้เราเก่งสะสม เราต้องฝึกการเผาผลาญมาชดเชยกัน ๑๒. การออกกำลังกาย ทำให้เราได้ใส่เสื้อผ้ากีฬาเท่ห์ๆ กระเป๋านักกีฬา ที่แสนจะอินเทรนด์ เทห์จะตายไป ๑๓. เวลาเราไม่กินมื้อเย็น เราจะมีแต่คนชื่นชมว่า ทำได้ไง เขายังทำไม่ได้เลย จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 15:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาขอกำลังใจค่ะ   ลดไป 10 กก. แต่ช่วงปั่น thesis เจอโยโย่ กลับมา 4 กก. - -" จากคุณ : OatejunG - [ 6 ส.ค. 49 16:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นกำลังใจให้ค่ะ เก่งจังที่ชนะใจตัวเองได้ จากคุณ : ^@^บูรินรี่^@^ - [ 6 ส.ค. 49 17:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เราเคยลดตอน ม.1-ม.2 อ่ะพอดีมันอยู่ช่วงยืดตัวด้วยมั้งลดง่ายเลย จากคุณ : หมีมะลิ - [ 6 ส.ค. 49 18:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ๑. คุณต้องลดน้ำหนักให้ได้ด้วยการงดการกินมื้อเย็น ๓ วัน คุณจะลดได้ ๒ กิโลแต่ไม่ถาวรแต่คุณจะเริ่มมีความหวังและกำลังใจและเห็นความเป็นไปได้ของตัวเอง ๒. คุณจะต้องบอกตัวเองว่า ฉันจะไม่ยอมให้มันเด้งกลับไปอีก ด้วยการเริ่มออกกำลังกาย ๓. คุณจะต้องบอกตัวเองตอนเย็น เวลาที่ความอยากกินมันกลับมาทรมาณคุณว่า ฉันสบายตัวแล้ว ฉันจะกินอะไรทำไม ย้ายความสบายใจ จากปากไปที่ท้อง บอกกับตัวเองว่าฉันจะผอม ไอ้ปาก ไอ้ลิ้นกับไอ้ฟันอย่ามากวนใจฉัน  จำไว้ว่าตอนกินปาก ลิ้นและฟัน เท่านั้นที่มีความสุขจากการกิน เราสิ ทุกข์จากการอ้วนในวันพรุ่งนี้ ๔. ออกกำลังกายตอนเย็นๆ อาบน้ำ อ่านหนังสือ ดื่มนมหรือน้ำเต้าหู้บนที่นอน เปิดแอร์ให้สบายๆ คุณจะหลับเร็วมาก ทำให้เวลากลางคืนที่คุณจะเผลอกินแล้วอ้วน หดสั้นลง เพราะฉะนั้น การออกกำลังตอนเช้าให้ผลหนึ่งทาง แต่ออกกำลังกายตอนเย็นให้ผลสองทางคือ เผาผลาญ และข้ามมื้อเย็นไปด้วย ๕. มื้อเย็น คุณจะติดการได้เคี้ยวอาหาร ให้คุณกินผลไม้เนื้อแข็ง เช่น ฝรั่ง เงาะ มะม่วง ความอยากเคี้ยวจะบรรเทา จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 20:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ๖. คุณต้องชั่งน้ำหนักตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ทุกวัน วางไว้ในห้องน้ำเลย ชั่งมันทั้งวัน ก่อนกิน หลังกิน คุณจะรู้ว่าคุณกินน้ำกินอาหารไปกีกิโล อุจจาระ ปัสสาวะ ก็ชั่งด้วย เชื่อไหมว่า หลังการปัสสาวะ น้ำหนักจะลดลงเกือบ ๒๐๐ กรัม ๗. ให้กำลังใจตนเองว่า อาทิตย์นึง ฉันจะกินอุตลุตสุดขีด ไม่กลัวอ้วน หนึ่งมื้อ กินให้เต็มคราบ แล้วกลับไปลดต่อ ไม่อ้วนผมรับรอง เราอาจจัดวันนั้นไว้กินกับเพื่อนหรือสำหรับวันที่เลี่ยงไม่ได้  อย่าให้เกินอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพราะแผนจะแตก เราจะกลับไปกินอีก ๘. กำหนดการให้รางวัลไว้ เช่น ผมบอกตัวเองว่า ถ้าลดได้ ๕ กก จะซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ ถ้าไม่ถึง ไม่ซื้อ แต่ปรากฏว่าก็ไม่ได้ซื้อ โทรศัพท์ เพราะ พอลดได้ ๕ กิโลกรัม ผมต้องซื้อเสื้อกางเกงรองเท้าใหม่หมดเลย ๙. หมั่นเอากางเกงที่เคยใส่แล้วคับ มาลองใส่ดู เราจะให้กำลังใจตัวเองด้วยการสวมมันแล้วพบว่า เฮ่ เราใส่ได้แล้วนี่นา เอาตัวเก่าๆที่เคยใส่หลายเดือนก่อนมาใส่ ไปให้คนเห็นๆกันไปเลย  อย่ารีบซื้อตัวใหม่ เอาของเก่าๆที่เราเคยชอบมาใส่ แต่ถ้าจะซื้อ ก็ซื้อแบบแนบตัวไปเลย ให้มันรู้กันไปเลยว่าฉันผอมลง ๑๐. คิดเสมอๆ ว่า เสื้อผ้า ไม่มีนักออกแบบคนไหนออกแบบมาให้คนอ้วนใส่  ถ้าอยากสวย อยากเท่ห์ ต้องลดน้ำหนัก เราจะได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆลวดลายใหม่ๆ อินเทรนด์ตลอดเวลา ไม่ใช่ใส่แต่แบบเดิมๆ ลายเดิมๆ สไตล์เดิมๆแบบคนน้ำหนักเกินเขาใส่กัน ๑๑. คนไม่อ้วน กินอาหารได้อร่อยกว่า เพราะร่างกายของเรารู้วิธีเผาผลาญไขมันแล้ว จำไว้ว่า ถ้าเราเคยอ้วน แต่เราฝึกร่างกายให้ เผาผลาญจนผอมได้ ต่อไปกินอย่างไรก็ไม่อ้วน เพราะเรามีความสามารถในการเผาผลาญแล้ว  ตอนนี้เราเก่งสะสม เราต้องฝึกการเผาผลาญมาชดเชยกัน ๑๒. การออกกำลังกาย ทำให้เราได้ใส่เสื้อผ้ากีฬาเท่ห์ๆ กระเป๋านักกีฬา ที่แสนจะอินเทรนด์ เทห์จะตายไป ๑๓. เวลาเราไม่กินมื้อเย็น เราจะมีแต่คนชื่นชมว่า ทำได้ไง เขายังทำไม่ได้เลย จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 20:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ลองดูนะครับ ผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้ อย่าเข้มข้นกับตัวเองเกินไป กำลังใจมันจะดับ ผอมแล้ว มาบอกๆกันบ้างนะครับ จากคุณ : Niceink - [ 6 ส.ค. 49 20:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ได้อ่านแล้วชอบวิธีของคุณมากๆ ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ดีค่ะ เราก็จะบอกตัวเองว่า สู้ สู้ เหมียนกัน จากคุณ : my secret - [ 6 ส.ค. 49 20:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ลองช่วยจัดโปรแกรมอาหารให้หน่อยจิค่ะ หนูก้อปรับเปลี่ยนอาหารแล้วน๊า ทำไมไปไม่ถึงฝันสักที จากคุณ : sueko - [ 6 ส.ค. 49 20:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านแล้วรู้สึกฮึดขึ้นมาใหม่เลยค่ะ ของเรากินสลัดมื้อเย็นไป3วัน พอวันที่4ชะล่าใจกินไม่ยั้งเลย เลยล้มเหลวตั้งแต่ตอนนั้นมา TTwTT ต้องสู้ใหม่ จากคุณ : NeKKO (nekko_mania) - [ 6 ส.ค. 49 21:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เก๋มากค่ะ จะพยายามนะคะ จากคุณ : be_gu - [ 6 ส.ค. 49 21:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพิ่งจะรู้ว่า ไอเรื่องอ้วนๆเนี่ย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของผู้หญิงอย่างเดียว    เมื่อก่อนอีฟหนัก 58  สูง 160  แล้วไม่รู้สึกว่าตัวเองอ้วนด้วยนะ คงเพราะหลอกตัวเองเหมือนที่คุณเจ้าของกระทู้บอก  แต่ตอนนี้หนัก 47 ค่ะ  เคยกินยาลดความอ้วน แต่มันเหนื่อยมากเลย  กินได้ 1 เดือนก็เลยเลิก คิดว่า มันไม่ใช่แระ  ก็เลยลดด้วยการคุมอาหาร  ก็ได้ผลดีเรื่อยๆมา   4 ปีมาแระ ไม่โยโย่เลยค่ะ  ยิ่งตอนนี้อยู่มหาลัย  น้ำหนักจะลดลงเองอัตโนมัติ  ก็มันไม่มีเวลากินข้าวเลย  มีเวลาก็อยากนอนมากกว่าอยากกิน   สรุปเราไม่ได้ใช้ความพยายามเลยอ่า T_T จากคุณ : อีฟ (sayumin) - [ 6 ส.ค. 49 21:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สู้ด้วยค่ะ หลังจากกินข้าวผัดปูไปตอนดึกๆ อะฮือๆๆๆ ติดกินดึกหงะค่ะ จากคุณ : Cookie (^Bloody_Brownie^) - [ 6 ส.ค. 49 23:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โอ้โห ! ยอดเยี่ยมค่ะ ได้กำลังใจเป็นอย่างดีเลย ขอบคุณที่ post นะคะ ตอนนี้กำลังพยายามเหมือนกัน อยากลดให้ได้อีกนิดเดียว แต่ 4 โลนี่มันดูยากเย็นเหลือเกิ๊นนน :-)  ขอบคุณมากสำหรับแรงบันดาลใจค่า จากคุณ : superduperpuff - [ 6 ส.ค. 49 23:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สุดยอดจริงๆ ขอบคุณสำหรับแรงจูงใจและกำลังใจนะคะ เดี๋ยวต้องเอาไปลองมั่ง เพราะเน้นแต่การอดอาหารอย่างเดียว มันขึ้นวูบลงวูบ (แต่ตอนแก่แล้วเนี่ย มันมีแต่วูบขึ้นอย่างเดียวเล้ยยย ว่ามั้ยคะ) แต่การออกกำลังกายเนี่ยมันต้องอาศัยแรงใจจริงๆ  คงต้องเริ่มทำอะไรกับเครื่องวิ่งที่บ้านบ้างแล้ว ก่อนที่มันจะกลายเป็นที่ตากผ้าเวลาฝนตกแทน จากคุณ : L@st love - [ 7 ส.ค. 49 00:09:05 ]

ความคิดเห็นที่ 36 วันก่อนฮึดสู้ค่ะ จะได้จากเลข 50 ไปสู่เลข 4X ซะที อีก 3-4 โลที่ใฝ่ฝัน (แต่ความจริงวันนั้นกินเผือกมันต้มกะทิไป 3 ถุงแทนข้าว และกล้วยปิ้ง 5-6 ลูก) พอเต้น Aerobic ที่ลานแอโรบิกแถวบ้าน ได้ 20 นาที หน้ามืดเลยค่ะ เดินออกกลางลานเลย มานั่งตากลมสูดอ็อกซิเจนที่เก้าอี้... เพิ่งสร่างไข้แต่ไม่เจียม T-T.... จากคุณ : Cookie (^Bloody_Brownie^) - [ 7 ส.ค. 49 00:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เก่งมากเลยค่า ขอบคุณกระทู้ดีๆของคุณที่ให้แรง จูงใจนะคะ เพราะ กำลังเข้าสู่ program ลดน้ำหนักค่ะ ตอนนี้รู้สึกอึดอัดทั้งคู่ทั้งเราและแฟน เลยตั้งใจแข่งกันลดน้ำหนักในเวลา 3 เดือน ใช้วิธีของใครของมัน ทำคนเดียวมันเสียความตั้งใจง่าย นี่แข่งกันเลย ใครเห็นความเปลี่ยนแปลงมากกว่าใน 3 เดือน เป็นผู้ชนะ ได้รางวัลตามที่ผู้ชนะ request (มีเพดานงบอยู่ค่ะ อิอิ) แต่นี่เพิ่งเริ่มค่ะ หนทางยังยาวไกล ยังไงก็สู้ สู้ ตายค่ะ จากคุณ : LuckyNeko (LuckyNeko) - [ 7 ส.ค. 49 09:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณคร้าบบบ กะลังอยากลดอยู่เลยเนี่ย -_-" จากคุณ : supertarokung - [ 7 ส.ค. 49 10:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เก่งจังเลยค่ะ ขอบคุณที่เขียนให้อ่านด้วยนะคะ กำลังลดน้ำหนักอยู่เหมือนกัน  T^T จากคุณ : ลิงตัวเล็กๆ - [ 7 ส.ค. 49 10:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กินเร็ว กินดึก กินแป้ง กินมันๆ กินจุกกินจิก จากคุณ : tomoko - [ 8 ส.ค. 49 17:25:35 ]