CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ชีวิตรันทดคุณแอร์กี่ ตอนที่สิบ ค่ะ

    ที่มาคือ  คห. 72 ของกระทู้นี้เป็นต้นไปค่ะ

    http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4635917/L4635917.html
    ---------------------------------------
    ตอนที่สิบ


    ถ้าจะถามความในใจลึกๆว่าคิดถึงพี่อินบ้างไหม คิดถึงแบบไหน ฉันคาดว่าผู้หญิงหลายคนเป็นแบบฉัน ฉันนึกถึงพี่อินในบางครั้งที่ว่างจริงๆ หรือเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้นึกถึงเขา แต่ไม่ใช่ว่าจะคิดถึงเขามากมายจนทนไม่ไหวอะไรแบบนั้น  ฉันมีหน้าที่แม่และเมีย(หลวง)ที่หนักหนาพออยู่แล้ว ไม่อยากจะมามัวฝันเพ้อแบบเด็กสาวๆต่อไป ทั้งที่บางทีอดไม่ได้ที่จะแว้บๆบ้าง แต่ผู้หญิงเราทำได้แค่นั้น คนดีๆที่มีสติคงไม่ลุกขึ้นมาตามล่าหารักที่ผ่านพ้นไป แถมต้องห้ามคืนมาหรอก

    แค่แอบคิดถึงวันคืนหวานๆกับพี่อิน แล้วบอกตัวเองว่าดีออก เก็บไว้ในความทรงจำ ไว้คิดถึงแบบใจยิ้มๆ ยามโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ค่อยจะชวนยิ้มนัก โดยเฉพาะเวลาไปบินแล้วต้องเจอโน้ตใส่เศษกระดาษจากเชอร์รี่ ประณามหยามเหยียดว่าฉันเป็นเมียหลวงที่โง่เง่าเสียนี่กระไร เจอโน้ตจากหล่อนบ่อยจนบางวันลุ้นว่าวันนี้หล่อนจะเอาข้อมูลอะไรนักหนามาส่งการบ้านฉันอีก บางวันอารมณ์ดีมาก ลุ้นว่าหล่อนจะใช้กระดาษสวยๆมั่งมั้ยเนี่ย คนอารั้ย ไร้รสนิยมมาก ใช้แต่เศษกระดาษเขียนอยู่นั่นแล้ว ฉันเก็บเศษกระดาษจากหล่อนไว้ได้เยอะแยะ อันเป็นผลดีต่อฉันในภายหลัง

    ไม่เช็ค BOX ไม่ได้อีก เดี๋ยวตกข่าวที่บริษัทส่งมาให้ อัพเดทความรู้ไม่ทัน พาลโดนว่าไม่ศึกษามา แย่เลย เดี๋ยวมีไวน์ใหม่ ของแจกใหม่ เดี๋ยวมีอาหารแปลกๆ ต้องพร้อมจะรับรู้และซึมซับข้อมูลตลอดเวลาเพื่อเก็บไว้สอบเลื่อนขั้นต่อไป

    เข้าเรื่องว่าฉันเจอพี่อินที่โตเกียวตรงไหน  อย่างไร
    อันที่จริงต้องพูดว่าฉันเจอพี่อินที่นาริตะมากกว่า สนามบินที่โตเกียวจะอยู่ชานเมือง เรียกกันว่าสนามบินนาริตะ สถานที่ตั้งสนามบินคือเมืองนาริตะ  ไกลจากตัวเมืองโตเกียวมากพอดู ขับรถประมาณชั่วโมงกว่าขึ้น (แล้วแต่ประสิทธิภาพของรถ)

    สายการบินส่วนใหญ่จึงให้ลูกเรือพักที่โรงแรมใกล้ๆสนามบิน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ไม่ต้องเหนื่อยนั่งรถนาน พร้อมกับเป็นการช่วยเหลือบริษัทประหยัดงบ เนื่องจากโรงแรมในโตเกียวแพงมาก

    ระหว่างทางจากสนามบินไปโรงแรม พวกเราพากันมองแต่สองข้างทาง ทุกปากจะมีคำว่า ..สวยจังๆๆ.. ปนอยู่ในคำพูด (อยู่ญี่ปุ่น พูดอะไรมีคำว่า "จัง" มันฟังดูเข้าบรรยากาศญี่ปุ่นดี สวยจัง อิ่มจัง อยากได้จัง เบื่อจัง รักจัง...เป็นอาทิ)

    ช่วงนั้นดอกซากุระบานสวยงาม สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นซากุระ สดใสไปทั่วรัศมีสายตา สีชมพูทุกเฉดคละเคล้าปะปนกัน  เป็นโชคดีที่ได้บินญี่ปุ่นแล้วเห็นซากุระบาน  ในปีหนึ่ง ซากุระจะบานอยู่ประมาณสองสัปดาห์เท่านั้นเอง

    พวกเราเช็คอินเข้าโรงแรม นัดกันว่าจะ "ฮานามิ"กัน แถวๆโรงแรมพรุ่งนี้เย็น วันนี้ตัวใครตัวมันก่อน จะค่ำแล้วไปไหนลำบาก แค่นั่งรถบัสของโรงแรมไปหาอะไรทานแถวสถานีรถไฟเท่านั้นพอ

    "ฮานามิ" ไม่ใช่ข้าวเกรียบ แต่มาจากชื่อเทศกาล โอฮานามิ (OHANAMI) หรือเทศกาลชมดอกไม้ของญี่ปุ่น จะเริ่มต้นตั้งแต่ดอกซากุระเริ่มบาน ไปจนกระทั่งดอกซากุระร่วงหล่นหมดไป ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเมื่อดอกซากุระบาน พวกเขาจะต้องนำสาเกและปลาไปถวายเทพเจ้าซากามิ หรือเทพเจ้าแห่งภูเขา เพื่อให้พืชพันธุ์ธัญญาหารเจริญเติบโตงอกงาม จึงเป็นประเพณีชมดอกไม้สืบทอดกันมา

    แล้วสุดท้ายคนถวายเครื่องบูชากลับนำเอาเครื่องบูชามาดื่มกินกันเอง เหมือนชาวจีนไหว้เจ้า ชาวไทยแก้บน เสร็จแล้วเอาอาหารมารับประทานกัน ถือว่าเหลือจากเทพแล้วเสียดาย มาทานกันเองดีกว่าปล่อยให้เสียไป ของออกจะแพง มาถึงยุคหลังๆ การณ์กลับเป็นว่าหนุ่มสาวญี่ปุ่นพากันจับจองที่ใต้ต้นซากุระเพื่อปิกนิกตอนเย็น เฮฮาดื่มเหล้าดื่มเบียร์ พร้อมนำอาหารกล่องมาแบ่งกันทาน หลายคู่ตกลงปลงใจกันใต้ต้นซากุระนั่นเอง (  ตกลงเป็นแฟนกั๊น อย่าคิดลึก)

    ฉันเข้าห้อง อาบน้ำไม่ทัน ได้แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า ขืนมัวอาบน้ำต้องไม่ทันรถไปสถานีรถไฟแน่นอน ฉันเปิดประต^ห้องออกมา ภาพที่เห็นคือ...ช่อดอกซากุระวางอยู่หน้าห้องสามช่อ สวยสดราวกับเพิ่งเด็ดออกมาจากต้น ฉันหยิบขึ้นมาดู ยกขึ้นมาดม หอมเป็นบางช่อแฮะ ดมอีก เออแปลก ทำไมดอกซากุระกลิ่นมันไม่เหมือนกัน มาทราบภายหลังจากคนให้ว่า ดอกไม้สามช่อนั้นคือ ซากุระ ดอกท้อ และดอกบ๊วย มองเผินๆ ดูคล้ายกันมาก หากเมื่อลงไปในรายละเอียดจะเห็นความแตกต่าง ดอกไม้ทั้งสามนี้เป็นดอกไม้นางเอกในเทศกาลดอกไม้ของชาวญี่ปุ่น

    ยังไม่ทันพินิจพิจารณา มีมือยื่นมาส่งดอกไม้ให้อีกช่อหนึ่ง

    "ช่อนี้หอมแน่นอนค้าบ ดอกเหมย รินรู้จักมั้ย"

    ไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าเค้าเป็นใคร บอกมาตั้งแต่ตอนที่แล้วเพิ่งมาโผล่ ..พี่อิน...สูง หล่อ ยิ้มหน้าทะเล้น เหมือนเดิม

    ใจฉันกระตุก พี่อิน ผู้ชายคนแรกที่เอาหัวใจฉันไป คนแรกที่ทำฉันร้องไห้ คนแรกที่สอนให้ฉันแยกความรักออกจากความใคร่ให้ได้หากเราไม่สามารถรวมมันเข้าด้วยกัน

    จำได้ไหม ฉันเคยเล่าที่พี่อินบอกว่าเวลาเขาคิดถึงฉัน เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องบนเตียงเลย

    ฉันยกมือไหว้พี่อิน ยิ้มหน้าบานของเขาทำเอาฉันรีบยิ้มรับแทบไม่ทัน พี่อินคนเดิม แต่..มีอะไรบางอย่างดูแปลกไป

    พี่อินตัดผมสั้น สั้นมากจนแทบจะเป็นสกินเฮด ทำไมต้องตัดผมสั้นขนาดนั้นด้วย

    "ดูรินมองพี่เข้า ทำหน้าสงสัยอะไรจ๊ะ ดีใจจังที่ได้เจอรินอีก ไม่เจอกันนานเลยนะ"

    "แล้วพี่อินไปบินไหนมา ทำไมรินไม่เจอพี่เลย "

    ฉันคงทำหน้าบอกไม่ถูกอยู่อย่างนั้น มันบอกไม่ถูกจริงๆนี่ ไม่รู้จะวางตัวแบบไหน ไม่รู้จะพูดอะไรดี ไม่รู้ไปหมด

    พี่อินเล่าว่า หลังจากที่เขาไม่ผ่านการ EVALUATE ถึงสองครั้ง เขาจึงท้อใจ ลาออกไปทำงานที่สายการบินประเทศเพื่อนบ้านที่โด่งดังเป็นเยี่ยมทางด้านบริการเป็นเลิศ รับตำแหน่งกัปตันหลังผ่านการทดสอบฝีมือในการบินแล้ว เงินเดือนสูงกว่าที่บริษัทเรา แต่ต้องไปอยู่ที่ประเทศนั้น เขาเลยพาภรรยากับลูกไปอยู่ด้วยกัน ทั้งครอบครัวเขามีความสุขกันดี

    พี่อินบอกว่าเห็นฉันตั้งแต่เข้ามาเช็คอิน หากเขาไม่อยากเข้าไปทัก เกรงผู้คนจะครหานินทา แต่อดไม่ได้ ต้องลงไปในสวนของโรงแรม แล้วเก็บดอกไม้มาให้ฉัน เพื่อแสดงว่า...

    "พี่ไม่เคยลืมรินเลยนะครับ"

    เพียงคำพูดเท่านั้น แต่ทำไมสะเทือนใจฉันนักหนา ฉันคุยกับพี่อินต่อไปเรื่อยๆจนเลยเวลาขึ้นรถบัสไปสถานีรถไฟนาริตะ ช่างมัน ไม่ไปสถานีรถไฟแล้ว เดี๋ยวรถบัสออก เพื่อนร่วมงานไม่เห็นฉันคงทราบเองว่าฉันเปลี่ยนใจไม่ไป

    พี่อินพาฉันเดินออกทางด้านหลังของโรงแรมไปที่ร้านอาหารเล็กๆขายแต่อาหารจำพวกปลา ที่นั่นฉันทานได้ทานปลาย่างซีอิ๊วที่อร่อยที่สุดในโลก พี่อินทานปลาดิบ เขาชวนฉันให้ทาน แต่ฉันไม่ชอบปลาดิบสักนิด ฉันทานอาหารที่ไม่ปรุงสุกไม่ได้ เราเลยทานกันคนละอย่าง ไม่มีลูกเรือคนไหนมาที่ร้านนี้อาจจะเพราะเป็นร้านเดียวตั้งอยู่โดดๆ ไม่สนุกเหมือนนั่งรถบัสไปที่สถานีรถไฟ ที่นั่นร้านอาหารมีให้เลือกมาก มีซุปเปอร์มาร์เก็ต มีร้านขายของน่ารัก  และยังเดินไปห้างสรรพสินค้าจัสโก้ได้ด้วย บางคนอยากไปเที่ยวกลางคืนในโตกียว ไปช้อปปิ้งที่ฮาราจูกุ แหล่งรวมแฟชั่นก็สามารถขึ้นรถไฟไปได้เลย

    ดีแล้วที่ไม่เจอคนอื่น ขี้เกียจโดนนินทา พี่อินมาถึงนาริตะวันวันเดียวกับฉัน จะอยู่สามคืนแล้วบินไปลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ขากลับมาแวะที่นาริตะอีก

    "พี่จะไปแอลเอ รินไปซีแอ๊ตเติ้ล แล้วเราจะได้กลับมาเจอกันอีก.."

    "ริน สบายดีจริงป่าวครับ ลูกๆเป็นไงบ้าง สงสัยหน้าตาดี พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย”

    พี่อินทราบข่าวฉันตลอดจากเพื่อนนักบินคนหนึ่ง เขาบอกว่าเขาห่วงฉันมากเพราะ...

    "หนิงรอบจัด คนอย่างรินไม่ทันเค้าหรอก"

    สุดท้ายฉันเผลอเล่าเรื่องลูกไก่และเชอร์รี่ไปจนได้

    เล่าไปเล่ามาเลยพาลร้องไห้ ตอนนั้นเราเดินกันอยู่ในสวนดอกไม้ของโรงแรม ต้นไม้ใหญ่น้อยเต็มไปด้วยดอกไม้ ชวนให้นึกถึงคราวที่ไปนูเมียกับพี่อิน ยิ่งร้องหนักขึ้น มันเศร้านี่

    พี่อินหยิบผ้าเช็ดหน้าลายทางสีหม่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง ส่งให้ฉัน

    "รินจ๋า อย่าร้องไห้ แล้วนี่พี่จะช่วยรินได้ยังไงดี เฮ้ออออ กลุ้ม..กลุ้ม...กลุ้ม..."

    ฉันรับผ้าเช็ดหน้ามาจากพี่อิน ซับน้ำตาเอง คงไม่ค่อยดีถ้าจะให้พี่อินมาซับน้ำตาให้แบบในหนัง ฉันเตือนตัวเองให้นึกถึงลูกรุ้งกับลูกเมฆตลอด

    ลูกเป็นความรักที่มีความหมายกับฉัน มากกว่าความรักอื่นใด ลูกเปรียบเสมือนเนวิเกเตอร์ชี้ทางทุกครั้งที่ฉันจะเดินไปในทางผิดๆ

    พี่อินเปลี่ยนเรื่องคุยจากเรื่องของฉันเป็นเรื่องอื่น

    "รินดูสิครับ ว่าต้นนี้ต้นอะไร ทายซิ"

    "พี่อินจะมาแกล้งอะไรริน รินกำลังเศร้านะคะ นี่มันต้นซากุระเห็นๆ ถามมาได้ไงคะเนี่ย"

    "รินดูดีๆ กลีบดอกมันบางกว่าซากุระ สีก็แดงกว่า หอมด้วย ดมสิครับ พี่บอกตั้งแต่แรกที่เจอรินวันนี้แล้วว่ามันดอกอะไรเอ่ย.."

    ตอนท้ายพี่อินทำเสียงล้อๆราวกับล้อเด็ก

    ฉันสบตาเขา นึกขึ้นได้ "ดอกเหมยๆ ใช่มั้ยคะพี่อิน"

    "ใครบอก ดอกบ๊วยตาหาก" พี่อินทำหน้าทะเล้น

    "โอย พี่อินอำรินอีกแล้ว ซากุระ ดอกเหมย ดอกบ๊วย  รินงงแล้วนะ"

    "เห็นมั้ย รินหยุดร้องไห้แล้ว  พี่เห็นรินร้องไห้แล้วใจไม่ดี หัวใจจะวายตาย"

    " พี่อินนี่น้า  พูดเอาๆ แล้วตกลงดอกไม้นี่มันดอกอะไรกันแน่คะ อธิบายมาด่วน " ฉันเริ่มหายเศร้า ขำพี่อินที่พยายามเปลี่ยนอารมณ์ฉันได้สำเร็จ

    พี่อินเป็นคนชอบต้นไม้ เป็นข้อหนึ่งที่เหมือนพี่หนิง เขาอธิบายให้ฉันฟังว่าที่แท้ดอกบ๊วยคือดอกเหมยที่คนจีนเรียก มีทั้งแบบมีผลทานได้และไม่มีผล คนญี่ปุ่นเรียกว่า UME เป็นดอกไม้ชนิดแรกที่บานในฤดูใบไม้ผลิ โดยจะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม มีช่วงที่บานนานถึงเดือนเมษายน จะค่อยๆบาน ค่อยๆร่วง กลีบดอกหนากว่าซากุระ และหอมมาก เป็นสัญญลักษณ์แห่งความโชคดี มีอายุยืนยาว มีความอ่อนเยาว์ยืนยง เป็นดอกไม้แห่งความหวัง

    ฉันเลยติดใจดอกเหมยเหรือดอกบ๊วยเข้าให้ในวันนั้นเอง ต่อมาทุกครั้งที่เห็นถุงบ๊วยต่างๆมีรูปดอกบ๊วย ฉันจะนึกถึงดอกบ๊วยจริงๆที่ฉันเห็นที่นาริตะเสมอ และจะคอยบอกใครๆว่า

    "รู้ป่าว ดอกบ๊วยนี่นะมันคือดอกเหมยจ้า" แล้วบรรยายคุณสมบัติของดอกเหมยพ่วงเข้าไปอีก

    กลับถึงโรงแรมค่ำมาก  อากาศเริ่มเย็น เราเดินเกือบถึงตัวโรงแรมแล้ว พี่อินหันมาหาฉัน ประคองหน้าของฉันไว้ แล้วจูบฉันที่หน้าผาก

    "พรุ่งนี้ไปวัดนาริตะซังกันมั้ยครับริน ใกล้ๆนี่เอง พี่อยากพารินไปไหว้พระ รินจะได้มีความสุข  รินเคยไปแล้วยังครับ"

    "ยังค่ะ ไปค่ะ"

    เรานัดพบกันตอนเช้าที่ประตูหลังสวนในโรงแรม พี่อินบอกว่าไม่อยากให้ใครเห็นเราสองคน เขาไม่อยากให้ใครมาเข้าใจผิด

    ฉันแยกกับพี่อินตรงนั้น เขาบอกให้ฉันเข้าโรงแรมไปก่อน  เข้าไปถึงล็อบบี้ เจอพี่จี๊ด (แอร์คนที่เคยไปตะวันออกกลางกับพี่อินและฉัน)นั่งคุยอยู่กับน้องบิว (เจ้าของชื่อบอกว่าย่อมาจาก BEAUTIFUL) สจ๊วตสาวที่สวยเหมือนผู้หญิงจริงๆ  นอกเครื่องแบบแล้วบิวแต่งตัวสวย สวมกางเกงขายาวเข้ารูป กับเชิร้ตตัวสั้น รวบชายเสื้อมาผูกเป็นโบว์ไว้เหนือเอวนิดหน่อย   ศีรษะมีผ้าโพกผมพันไว้อย่างเก๋ ชวนมอง คนที่ไม่รู้จักบิว ต้องคิดว่าบิวเป็นหญิงแท้แน่นอน

    จากคุณ : paninee - [ 20 ส.ค. 49 12:10:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com