ความคิดเห็นที่ 1 เพื่อนคุณอยากขายประกันค่ะ เค้าเลยให้ซื้อคุ้มครองพิเศษเพิ่ม เราไม่ชอบเลยพวกขายประกันเนี่ย เราเคยเข้าไปในวงการนี้อยู่ช่วงนึง ที่เข้าไปเพราะคนรู้จักชวนไป(คืออยากให้เราไปเป็นตัวแทนด้วย) แต่เราก็ไม่ทำเพราะเราไม่ชอบธุรกิจแบบนี้ จริงๆ  ปีแรกที่จ่ายไปแล้วเค้าไม่ให้คืนค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็ตัดความคุ้มครองพิเศษออกไปจ่ายแต่ค่าเบี้ยประกันเดิมก็ได้ค่ะ จากคุณ : แฮปปี้...ดีเดือด - [ 21 ส.ค. 49 13:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ประกันชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ดีนักหรอก จากคุณ : นางสเตนเลส - [ 21 ส.ค. 49 14:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอแนะนำให้เลิกคบเพื่อนคนนี้ค่ะ  มาประเภทเดียวกับเพื่อนที่ขายแอมเวย์ค่ะ  ได้ยินมามั่งเปล่าคะว่าแอมเวย์ทำให้เสียเพื่อน  อันนี้เข้าข่ายเดียวกันค่ะ ถ้าคุณไม่มีเงินที่จะจ่ายประกันจริง ๆ ขอแนะนำให้เลิกทำค่ะ เลิกทำซะตั้งแต่ปีนี้ เพราะคุณยังต้องจ่ายต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดนะคะ (ไม่แน่ใจว่า 20 หรือ 21 ปี ขึ้นอยู่แต่ละกรมธรรม์ค่ะ) แล้วนี่เพิ่งปีที่ 2 เองนะคะ ส่วนปีที่ผ่านมา ขอให้ตัดใจค่ะ คุณรู้หรือเปล่าว่าปีแรก ตัวแทนขายประกัน (เพื่อนคุณ) ได้เท่าไร แต่ละบริษัทจะจ่ายให้ไม่เท่ากันนะคะ แต่ประมาณ 40-50% ของเงินที่เราจ่ายไปค่ะ ส่วนปีที่ 2 ก็จะ 30-40% ค่ะ ส่วนปีที่ 3 ก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ  เพราะฉะนั้นเพื่อนคุณได้เงินไปแล้วในปีแรก ส่วนปีนี้ถ้าคุณจ่ายประกันไป เพื่อนคุณก็จะได้รับเงินในส่วนของคุณอีกค่ะ  แล้วที่เขาด่าคุณเนี่ย ก็ไปคิดเอาแล้วกันว่าเขาด่าทำไมนะคะ  เราไม่กล้าสรุปค่ะ ให้คุณไปสรุปเอาเองนะคะ แต่อยากบอกไว้อย่างนะคะ เวลาเราเดือดร้อน ไม่มีเงินจริง ๆ เนี่ย ใครจะมาหาเลี้ยง หรือให้เรายืมเงินค่ะ ลองไปยืมเงินเพื่อนคุณดูสิว่าเขาจะให้คุณยืมมาจ่ายประกันหรือเปล่า หรือยืมเพื่อให้คุณหมุนหนี้สินคุณทัน  ก็ลองดูนะคะ คิดให้ดี ๆ นะค่ะ ถึงแม้ว่าการทำประกันจะเป็นผลดีในระยะยาว (วววว) แต่ถ้าในระยะสั้น ทำให้เราเดือดร้อน แล้วในระยะยาว เราจะไม่เดือดร้อนกว่านี้หรือ แล้วถ้าหมุนเงินไม่ทันในระยะสั้น ๆ ในระยะยาวจะมีเงินให้หมุนหรือไม่  ไม่ใช่ว่าเป็นหนี้สินในระยะยาว แล้วเกิดคุณเสียชีวิตขึ้นมา ใครจะรับภาระหนี้สินคะ จะกลายเป็นว่าได้เงินประกันมาก็ไม่พอกับต้องชำระหนี้สินนะคะ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะทำประกันไปทำไมไม่ทราบคะ จากคุณ : จ้างก็ไม่ทำประกัน (pukkapaopla) - [ 21 ส.ค. 49 14:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เราว่าถ้าเราทำงานก็มีประกันสังคมอยู่แล้วอ่า คงไม่เดือดร้อนค่ารักษาพยาบาล แต่ถ้าอยากออมก็เป็นอีกทางเลือกนะ แต่ถ้าไม่มีจริง ๆ ก็เลือกเหอะ 20000 คงไม่ได้คืน ตัดใจนะ จากคุณ : oldword - [ 21 ส.ค. 49 15:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เหอๆ ตาม คห.ที่3 ถ้าเพื่อนเก่ามาหาหรือโทรมา ระวังไว้ ถ้าไม่แอมเวร ก็ประกันนี่แหละจ้า.. เกลียดนักทั้งแอมเวร กับประกันเนี่ย.. จากคุณ : ฮากลิ้ง - [ 21 ส.ค. 49 16:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เราเคยทำมีปัญหามากมายเวลาเจอเพื่อนเก่าโทรมานี่คิดได้เลย99% คาดเดาได้ว่าเรื่องชวนขายอะไรสักอย่าง และที่สำคัญยังหาอีก1%ไม่เจอที่โทรมาแล้วไม่มีอะไรนอกจากคิดถึงเนี่ย ถ้าจะส่งต่อมีทางเลือกคือ ส่งเฉพาะเบี้ยประกันชีวิตหรือถ้ามากไปก็ส่งโดยลดวงเงินอาจจะเป็น2แสนเหลือ1 แสนหรือไม่ก็5หมื่น เปลี่ยนแบบประกันใหม่แบบตลอดชีพแต่จ่ายแบบ20ปีจะถูกกว่า เอาไว้มีเงินหรือเดือดร้อนอยากได้ประกันสุขภาพก็ซื้อเพิ่มที่หลัง แต่ที่แนะนำมาทั้งหมดนี่หาคนทำให้ลำบากเพราะตัวแทนเขาได้ประโยชน์มากปีแรกปีต่อไปได้น้อยลง ฉะนั้นต้องอาจติดต่อบริษัทเองซึ่งขอบอกว่าเคยแล้วเป็นอะไรที่เลวร้ายมากในชีวิตที่เคยเจอ แต่โชคดีที่มีพี่ทำงานอยู่ที่สำนักงานประกันภัยช่วยทำเรื่องให้ง่ายขึ้น ถ้าหวังพึ่งตัวแทนกับบริษัทนี่คงยาก จากคุณ : noi48 - [ 21 ส.ค. 49 16:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปีแรกที่เสียไป คงจะเอาคืนไม่ได้ค่ะ ตอนนี้ถ้าพอจะทำได้ก็คือขอทำเรื่องเป็นจ่ายเบี้ยรายครึ่งปี งวดนี้ก็จะจ่ายไปแค่ครึ่งนึงก่อน แล้วอีกครึ่งนึงจ่ายอีกครึ่งปีถัดไป หรืออย่างคุณ แฮปปี้...ดีเดือด แนะนำ ตัดพวกบริการเสริมต่าง ๆ ออกไปเหลือไว้แต่ตัวหลักเบี้ยก็จะลดลง แต่เราชอบพวกบริการเสริมนะ เวลาเคลมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยดี จ่ายเบี้ยอุบัติเหตุปีละ 2500 โดนหมากัด ฉีดยากันพิษสุนัขบ้า รักษาแผลอีก ค่ารักษาเกินค่าเบี้ยประกันไปแล้ว การทำประกันอยากให้ทำเพราะเห็นความสำคัญของประกันจริง ๆ มากกว่าเกรงใจเพื่อนนะคะ จากคุณ : แบ๊น แบน - [ 21 ส.ค. 49 17:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นเพราะการซื้อขายประกันแบบเกรงใจคนขายนี่แหล่ะ มักจะทำให้เกิดปัญหาขึ้น และทำให้ภาพพจน์ของการประกันเสียหาย พวกคนขายประกันใหม่ๆ ที่ชอบขายแบบยัดเยียด งกคอมมิชชั่น ขายแบบไม่ดูสภาวะจริงของคนที่จะซื้อ ขายแบบไม่บอกรายละเอียด (อาจเป็นเพราะตัวเองก็ไม่รู้) ประกันทุกรูปแบบ ไม่ว่าประกันชีวิต ประกันอุบัติภัย จะมีประโยชน์ และรู้สึกคุ้มค่าก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันเกิดป่วยหรือมีเหตุร้ายอะไรขึ้นมา ถ้าคิดว่าประกันแบบออมเงิน มองในแง่ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจน้อย ออมทุกปี ไปรับ 20 ปีข้างหน้า ปรากฏว่าค่าของเงินเหลือน้อยนิดเดียว เวลาคนขายประกันให้เรา มักบอกว่าให้เราพยายามเก็บวันละกี่บาท แยกบัญชีเก็บไว้ ซึ่งก็น่าจะเป็นวิธีการที่ดี แต่ปฏิบัติยากเหมือนกัน ถ้าคุณคิดว่าประกันมีโอกาสที่จะประโยชน์กับคุณ ก็พยายามกัดฟันส่ง ขอผ่อนชำระเป็นงวด 3 เดือนหรือ 6 เดือนได้ มีดอกนิดหน่อย แต่ถ้าลำบากมาก และคิดว่ายังไงก็ไม่ได้ใช้ คงต้องตัดใจจากเงินก้อนแรก ทิ้งไปเลย ที่คุณบอกว่าครบแล้วนี่ ยังเหลือระยะผ่อนผันอีก 1 เดือนหรือเปล่า จากคุณ : t - [ 21 ส.ค. 49 18:58:19 A:203.151.122.230 X: TicketID:046716 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคุณ t นะ เราว่าประกันชีวิตมันเป็นการประกันความเสี่ยง ที่จะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งถ้าใครให้ความสำคัญกับความเสี่ยงตรงนี้ ก็น่าทำ ถ้าทำประกันเพราะหวังว่ามันจะคุ้มค่า เป็นการลงทุนนี่อย่าไปหวังเลย มันจะมีประโยชน์ก็ตอนเราเจ็บป่วยน่ะแหละ และมีประโยชน์มากอย่างที่เราคาดไม่ถึง เห็นหลายรายแล้ว ขอยกเลิกกรมธรรม์ หรือยกเลิกพวกบริการเสริม แล้วพอเป็นอะไรขึ้นมา มาถามว่าเบิกได้มั๊ย หรือทำประกันตอนนี้ทันรึเปล่า  -_-" เพิ่งจะมาเห็นความสำคัญเอาก็ตอนไม่มีแล้วหรือทำไม่ได้แล้วนั่นแหละ จากคุณ : แบ๊น แบน - [ 22 ส.ค. 49 00:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เงินที่เราส่งไปแล้วปีแรก  ถ้าหยุดส่งคงไม่ได้คืนเพราะเพิ่งปีเดียวเอง  ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือ ลองตัดพวกสัญญาพิเศษเพิ่มเติมออก  แล้วถ้าปีต่อๆ ไปถ้าเงินพร้อมกว่านี้  หรือต้องการซื้ออีก ค่อยว่ากัน  แล้วก็จากส่งเป็นรายปี  ขอส่งเป็นราย 3 เดือน หรือ 6 เดือนไปจะดีกว่า จากคุณ : กัปตันน้อย - [ 22 ส.ค. 49 00:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เออ อย่าเหมารวมสิค่ะ ไม่ใช่นักขายประกันทุกคนหรอกทุกทำแบบนั้น แม่เราก็ขายประกันค่ะ มีแต่ลูกค้ารัก มีลูกลูกค้ารายหนึ่งอุบัติเหตุเสียชีวิต(เพิ่งสิบแปดเอง) แต่ทำประกันน้อย เพราะฐานะไม่ดี ได้เงินคืนห้าแสน หลังจากนั้นพ่อเขาก็ทำเพิ่มให้ทั้งครอบครัวเลยค่ะ ของแบบนี้ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกค่ะ ว่ามันมีประโยชน์ แม่บอกว่าคนทำประกัน คือคนที่รักคนอยู่ข้างหลังค่ะ เพราะไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนอื่นค่ะ จากคุณ : blissful senorita - [ 22 ส.ค. 49 02:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราว่าประกันชีวิตนี่สำคัญมากนะคะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีภาระต้องดูแลชีวิตคนอื่น และยังฐานะไม่มั่นคงเพียงพอ ถ้าเราจากไปก่อนที่คนข้างหลังจะดูแลตัวเองได้พวกเขาจะทำอย่างไร ตอนอยู่ตัวคนเดียวเราก็ไม่ทำหรอกค่ะ แต่งงานแล้วก็ยังไม่ทำ แต่พอมีลูกเนี่ย เราโทรไปเรียกตัวแทนมาคุยเลย ทุกวันนี้ทำครบหมดเท่าที่จำเป็น มีแล้วก็สบายใจ รู้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ลูกเราไม่ลำบาก อย่างน้อยก็จะมีเงินเรียนไปจนจบปริญญาโท โดยไม่ต้องรบกวนเงินจากญาติพี่น้องคนอื่น เราคิดอย่างนี้จริงๆ ในกรณีคุณ ถ้าพิจารณาแล้วว่ายังต้องการมีหลักประกันนี้อยู่ (อย่ามองแต่เรื่องต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยนะคะ) ให้คิดมองก่อนว่ามันเป็นของจำเป็นสำหรับคุณหรือไม่ ถ้าคุณตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว หรือพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู มันก็อาจไม่จำเป็น แต่ถ้ามันจำเป็น หน้าที่ของเราคือหาเงินมาชำระค่าเบี้ยประกันภัยค่ะ อีกอย่างคือคุณสามารถปรึกษากับบริษัทประกันชีวิตได้ว่าจะปรับลดวงเงินหรือผ่อนชำระเบี้ยประกันภัยอย่างไร เชื่อว่าบริษัทเขาต้องหาทางช่วยคุณเท่าที่จะทำได้ เพราะในส่วนของบริษัทเอง เขายังไม่ได้กำไรอะไรเลยในปีแรกนี้ (ต้นทุนของกรมธรรม์ประกันชีวิตในปีแรกจะประมาณ 130% ของเบี้ยประกันภัยที่เขาเก็บจากลูกค้า--ก็คือขาดแล้วขาดทุนนั่นแหละ) ที่สำคัญ การคงอยู่ของกรมธรรม์มีความสำคัญมากสำหรับผลประกอบการ ปรึกษาบริษัทดูนะคะ ส่วนเพื่อนคุณท่าทางจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แทนที่จะช่วยหาวิธีแก้ปัญหา ดันมาด่ากันซะนี่ เป็นตัวแทนทำงี้ได้ไง แจ้งบริษัทไปเลยว่าตัวแทนของเขาไม่ช่วยเหลือ ให้เขาไปจัดการกันอีกทางนึง จากคุณ : smart mind - [ 22 ส.ค. 49 13:51:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 - ขอปรับลดวงเงินประกัน - ขอยกเลิกสัญญาพิเศษ (ลองดูในกรรมธรรม์จะเห็นสัญญาย่อยๆอีกเยอะเลยค่ะ) - ขอจ่ายแบบราย 6 เดือน/3 เดือน/รายเดือน แทนแบบรายปีค่ะ มีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่จะเราว่าดีกว่าจ่ายเป็นเงินก้อนนะ ทางตัวแทนฯเค้าจะมีตารางคำนวณการจ่ายค่าเบี้ยต่างๆโดยประมาณอยู่แล้ว ลองดูแบบที่เราสามารถจ่ายไหวนะคะ และถ้ากลัวลืมจ่ายก็ให้ทำเรื่องขอหักบัญชีธนาคารอัตโนมัติ สะดวกและไม่ต้องกลัวโดนอุ๊บอิ๊บค่าเบี้ยประกันด้วยค่ะ (เราจ่ายแบบราย 3 เดือนค่ะ) - ขอยกเลิกกรรมธรรม์ แต่จะได้เงินคืนรึเปล่าต้องดูรายละเอียดในกรรมธรรม์อีกทีนะคะ (เท่าที่ทราบ ส่วนใหญ่เค้าจะไม่คืนให้นะ ต้องส่งเบี้ยซัก 3 ปีขึ้นไปถึงจะขอคืนค่าเบี้ยได้) ปล.ไม่ได้เป็นคนขายประกันนะ เหอๆๆ จากคุณ : s.o.s - [ 22 ส.ค. 49 17:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราทำประกันใช้คุ้มมากเลยเพราะว่าเข้ารพ.บ่อยอ่า เหอๆๆ เลยรู้สึกว่าดีจังที่ทำประกัน อิ...อิ จากคุณ : tokiwakun - [ 23 ส.ค. 49 10:51:33 ]