 |
รายงานผล...จากการลดความอ้วนครั้งก่อน...[มีรูปประกอบ !!]
กลับมารายงานผล
หลังจากหายหน้าไป 5 เดือนเพื่อลดน้ำหนัก (ว่าไปนั่น...ความจริงลดน้ำหนักแค่สามเดือนแรกเท่านั้นล่ะ อีกสองเดือนที่เหลือเข้าโรงพยาบาล)
ถ้าเพื่อนจำได้...(ใครจำได้ก็อัจฉริยะเหนือคนแล้ว)...เราเคยมาโพสต์ในห้องนี้ว่าต้องการลดน้ำหนักด่วน เพราะคุณมารดาสั่งไว้ถ้าลดไม่ได้ห้ามกลับบ้าน ตอนนั้นหนัก 78 กิโล... (แต่มีรูปอ้วนสุดแค่ตอน 73 ก.ก. ...รูป before)
หลังจากนั้นก็พยายามลดความอ้วน...ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกายมีตั้งแต่ว่ายน้ำ ตีแบต ปั่นจักรยาน เดิน เต้นอยู่ในห้องหรือเข้าฟิตเนตแถวบ้านอย่างน้อยสัก 1 ชั่วโมง
ตามมาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน จากที่กินวันละ 5 มื้อ เหลือ 3 มื้อ...แต่ละมื้อกินพออิ่ม...และเลี่ยงน้ำอัดลม (ปกติไม่ชอบทานหนมหวานหรือของกรุบกรอบอยู่แล้ว)
และเคล็ดลับของเราอย่างแรกคือทานเม็ดแมงลักด้วยวันละ 1 ช้อนชาปล่อยให้แมงลักพองตัวในน้ำจนเต็มที่แล้วค่อยดื่ม จะช่วยทำให้ลำไส้ระบายได้ดียิ่งขึ้น (อ่าาาา...บ๊าย บายท้องผูก)
เคล็ดลับอย่างที่ 2...เราจะทานมื้อเช้าตามใจปาก ยัดอะไรได้ยัดลงไปเลย...พอมื้อเที่ยงก็ลดแป้งลงมานิดหนึงส่วนใหญ่จะเป็นเกาเหลากับข้าวแค่ครึ่งถ้วย... ตอนเย็นจะเป็นมื้อเพื่อสุขภาพ (แต่ตดเหม็นชะมัด) ไม่ว่าจะเป็นสลัดน้ำใส หรือผลไม้ที่หาได้ง่ายตามรถเข็นทั่วไป และทุกเย็นเราจะมีน้ำเต้าหู(ไม่ใส่น้ำตาล)เป็นเพื่อน 1 ถุง โปรตีนในน้ำเต้าหูมีมากพอจะแทนเนื้อสัตว์ได้และทำให้เราอิ่มท้องและนอนหลับได้สบายๆ ด้วย
เดือนแรกผ่านไป...แม่เจ้าโว้ยลงเร็วมากๆ เดือนเดียวปาเข้าไปเกือบสิบกว่าโลจาก 78 กิโลเหลือ 69 กว่าๆ ทำให้มีกำลังใจในเดือนต่อมาอีกโขเลย
กลางเดือนที่สอง...น้ำหนักเริ่มคงที่ๆ 67-68 ไม่เคยลดไปไกลกว่านี้แล้ว ช่วงนี้ล่ะที่คนอ้วนส่วนใหญ่จะท้อ...ช่วงนี้ล่ะที่จะสอนให้เราอดทนและรอคอยอย่างใจเย็น โดยที่เราเองก็เกือบจะเลิกอยู่แล้วเชียว (ช่วงนั้นน้องที่เขาไปออกกำลังกายด้วยกันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะลิ้นหัวใจรั่ว) เมื่ออกกำลังกายคนเดียว...ความน่าเบื่อและความท้อแท้เริ่มมาเยือนโดยที่เราไม่รู้ตัว เราเริ่มออกกำลังกายบ้าง ไม่ออกกำลังกายบ้างแต่ยังควบคุมอาหารอยู่เหมือนเดิม...ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความเคยชินด้วยกระมัง
ปลายเดือนที่สอง...เราก็เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกายของเรา...คือเราจะอาเจียนทุกครั้งเวลาที่จะพยายามยัดอาหารเข้าไป โดยเฉพาะอาหารเช้าซึ่งปกติเราสามารถทานได้หมดจาน แต่...ตอนนั้นเราทานได้อย่างมาเพียงครึ่งจานเท่านั้น หากเราฝืนทานไปมากกว่านั้นเราก็ตองรีบวิ่งไปอาเจียนทันที... เราวิตกมากกลัวว่าตัวเองเป็นบูลิเมียหรือเปล่า ? ตามที่เราค้นหาในเนตเราก็คิดว่าเราเข้าขายนะ...เราทนมันมาตลอดจนเดือนที่สามผ่านเข้ามา เราทนไม่ไหวอีกต่อไป...อาหารเราแทบไม่อยากจะแตะอีกเลย ไม่อยากจะทานเพราะทานแล้วต้องอาเจียนออกมาทุกครั้ง แม่เลยตัดสินใจพาเราไปหาหมอ... อยากจะบ้าตาย...หลังจากที่หมอฟังเราตรวจหมอบอกไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่กระเพาะมันหดตัวเท่านั้น...แต่หมอก็แจกยาแก้อาเจียนกับยาเคลือบกระเพาะ(มาทำไม?)
กลางเดือนที่สาม...หลังจากที่น้องทำการรักษาจนออกจากโรงพยาบาล เราหมดข้ออ้างที่จะให้ตัวเองไม่ไปออกกำลังกายอีกต่อไป ถึงคราวนี้น้องจะไปเล่นกีฬากับเราไม่ได้เหมือนเก่า แต่เราก็ต้องพยายาม... เราไปชั่งน้ำหนักที่ศูนย์กีฬา น้ำหนักลดลงมาแล้ว จากการที่กะเพาะหดตัวทำให้เราน้ำหนักลดลงมาเหลือ 64 เป็นครั้งแรกในรอบสามปี...ไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจดี กับการที่ต้องแลกมาด้วยการทานได้น้อยลงกว่าเดิม กินได้ไม่กี่คำก็ต้องอิ่ม T^T
ต้นเดือนที่สี่...เราร้องลั่นบ้านหลังจากที่ชั่งน้ำหนักบนเครื่องชั่งดิจิตอล ม๊ะ...แม่..แม่ 58.8 กิโล แม่จ๋าาาาาา ยี่สิบกิโลภายในสามเดือน...เฮ้ยๆๆ ลงเร็วไปแล้วลางร้ายเริ่มมาเยือน... 6 กิโลภายในเวลาไม่ถึง 20 วัน...เหมือนมันจะกลับมาอีกแล้ว
ใช่...ลางสังหรณ์เราแม่นเสมอเมื่อเจ้าตัวร้ายกลับมาเยือนในคืนวันหนึ่งของวันที่ 8 เดือนที่สี่...เราถูกหามส่งร.พ. เราเข้าห้องไอซียูคืนนั้นเพราะ SLE กำเริบ...จนเราหายใจไม่ออก เราโดนสวมเครื่องช่วยหายใจอยู่ราว 2 สัปดาห์และโชคร้าย...ถูกฉีดยาด้วยสตีลรอยด์เพื่อรักษาชีวิต...ม่ายยยย หมดกัน...พยายามลดความอ้วนมาแทบตาย T^T
พอกดอาการได้...คุมโรคได้...น้ำหนักเด้งกลับมาอีก 11 กิโลเป็น 69 งานนี้ภูมิแพ้แดดที่ค่อยยังชั่วกลับมาเยี่ยมเยือนเราอีกครั้ง...เราไม่สามารถไปออกกำลังกายชนิดที่เรียกว่าโดนแดดจัดๆ ได้เลย... เราต้องออกกำลังก่อน 7 โมงเช้าและหลัง 6 โมงเย็นไปแล้ว
แต่...เพื่อนๆ อาจจะคิดว่าเราคงจะท้อแท้ และเลิกล้ม...เพื่อนๆ คิดผิดแล้วค่ะ...สองเดือนที่เราพยายามรักษาตัวมาโดยตลอด วันนี้เราจะเริ่มสานฝันของเราใหม่(อีกครั้ง)...เราจะไม่ยอมให้โรคที่เราเป็นอยู่มาทำให้เราเลิกล้มความฝันของเราไปได้เป็นอันขาด...ต่อให้จะเป็นครั้งที่สิบหรือร้อย เราก็จะพยายามสู้ต่อไป...เพื่อนๆ ก็เหมือนกันนะคะ มาสู้ด้วยกัน
รูป before น้ำหนัก 73 ก.ก. รูป after น้ำหนัก 63 กิโล...ต่างกันสิบกิโล...เราไม่เคยเห็นหน้าเราเรียวแบบนี้มาก่อนในชีวิตตั้งแต่โตเป็นสาว... ครั้งที่แล้วเรามีโอกาสได้เห็นแล้ว...ครั้งนี้เราจะต้องได้เห็นอีกแน่ๆ (ชักหลงรักตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ)
จากคุณ :
yodaoi
- [
4 ก.ย. 49 02:58:14
]
|
|
|
|
|