ความคิดเห็นที่ 5
ตอน 7ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่า ไอ้ที่เราทำอยู่เค้าเรียกว่า โรค บู(ชิท)ลิเมีย ..เรารู้เพียงว่า มันเป็นการไดเอ็ทแบบหนึ่งในโลกที่คนอื่นยังไม่ค้นพบ โอ้เราช่างแปลก และ แตกต่างจริงๆ .. แน่นอน พ่อ แม่ และคนรอบข้าง ไม่มีใครรู้ .. เราซ่อนความลับได้เก่งมาก เก็บหลักฐานหลักการทำได้แนบเนียน เพราะเราเป็นเด็กหัวดีนั้นเอง เลยไม่ถูกจับได้ง่าย ๆ ..
เราหยุดได้แค่ 14 วันหลังจากมาถึงอเมริกา ในวันที่ 15 ได้เริ่มมันอีก แล้วเราก็หยุดไม่ได้ตลอด365 วันที่นั้น
ชีวิตเราไม่ได้ขาดหาย เราดำเนินชีวิตเหมือนคนปกติ ทำกิจกรรมทุกอย่างเต็มที เพียงแต่ขอเวลา 15-30นาทีหลังอาหารเท่านั้น แล้วเราก็กลับมาเฮฮากับเพื่อนได้เหมือนเดิม
เราเริ่มเข้มงวดกับการทานอาหาร อ่านดูแคลอรี่ ควบคุมปริมาณไขมันว่าไม่ให้เกิน 3 กรัมในแต่ละวัน .. ซึ่งเราสามารถทำได้ วันไหนกินเกิน 10กรัม เราจะจัดการมันทันที .. เพราะในทุกฉลากอาหารที่อเมริกาเค้าจะเขียนบอกไว้อย่างละเอียด
เราไม่รู้จักคำว่า พอดี รู้จักแต่ เคร่งๆๆๆ มาก ๆ ถ้าเกินลิมิตปุ๊บ เราก็จะ โอเวอร์ แล้วก็ ทำมัน ก็แค่นัน..
เราเชื่อในพรหมลิขิตมาก .. ลูกของโฮสที่เราอยู่ด้วย เค้าก็เป็นบูลิเมียเหมือนกัน อะไรมันจะโป๊ะเช๊ะ ได้อย่างนี้ ..
เธอจับไต๋เราได้ก่อน (เรามันอ่อนหัดกว่า ก็เธอเป็นรุ่นพี่บูลิเมียมาก่อนเรามาประมาณ 2 ปี) หลังจากอยู่บ้านด้วยกันมาแปดเดือน ก็จับได้ .. หลังอาหารมื้อเย็น หลังจากเราทำมันเรียบร้อย หลังทำร่างกายจะอ่อนแรง เธอเรียกเรามาวิ่งรอบสนามเล่นกีฬาจนเราแทบลมจับ เธอคาดคั้นเราก็โกหกว่า เราเพิ่งทำครั้งนี้เป็นครั้งแรก ..
เธอบอกว่า .. What ever you do, you don`t do it okey? it is not easy to quit ,trust ME.
เราได้ยิน ตัวเราเริ่มสั่น เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างจริงจัง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทำ เราเริ่มมันมานานแล้ว .. เธอบอกว่า โรคที่เธอเป็นนั้น ชื่อ บูลิเมีย ครั้งแรกที่เราได้ยิน BULIMIA , am i Bulimic? เราเลิร์ชหา คำนี้จากอินเตอร์เนต เราอ่านบทความเยอะมากๆ เรากลัว แต่ความกลัวไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เราเลิกมันได้หรอก..
แทนที่เราสองคนจะช่วยกันเพื่อให้หาย เราทั้งสองต่างแกล้งกัน ชิงเข้าห้องน้ำหลังอาหารก่อน แล้วอยู่นาน ๆ ในนั้น ทำให้อีกฝ่ายทนทรมาน
ในจม. ที่เราเขียนหาแม่มักจะเล่าเรื่องร้าย ๆ ของเธอคนนั้นเสมอ และเราก็เล่าให้แม่ฟังด้วย ว่า
.. ลูกโฮสอ่ะแม่ กินแล้วก็ล้วงคออ้วก หนูเห็นแล้วสะอิดสะเอียนมากเลย..
หลังจากเธอรู้ ก็ยิ่งทำให้ชีวิต บูลิเมียของเรายากลำบากขึ้นอีก แต่เธอก็ไม่สามารถจับเท็จเราได้ จนวันที่เรากลับไทย .. น่าภาคภูมิใจ เราแน่มาก หลอกฝรั่งได้ ..แถมให้กำลังใจเธอก่อนกลับว่า .. ต้องเข้มแข็งสู้มันให้ได้นะ(ไม่ได้เจียมสังขารตัวเองเลย)
ความหวังด้วยหัวใจเต็มเปี่ยมอีกครั้งว่า เราจะเลิกให้ได้เมื่อเรากลับไทย มื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้าย .. แม้ในเครื่องบินตอนขากลับไทยเราก็ยังทำมัน
.. คำว่า มื้อสุดท้ายไม่สามารถรักษาโรคบูลิเมียได้ ..
จากคุณ :
ไอริสสีฟ้า
- [
9 ก.ย. 49 22:18:23
A:124.39.134.28 X: TicketID:092385
]
|
|
|