ความคิดเห็นที่ 1 เคยไหมคะ กินไปเยอะแยะ แป๊บเดียวก้อหิววววว แล้วสุดท้ายก้อต้องกินๆๆๆๆระหว่างมื่อ รอให้ถึงมื้อต่อไปไม่ไหว กินจุบจิบเพื่อบรรเทาอาการหิว เป็นอุปสรรคในการลดความอ้วนของใครหลายๆคนค่ะ คำตอบอาจอยู่ที่นี่ค่ะ คุณกำลังกินอาหารที่ดัชนีน้ำตาลสูงหรือเปล่าคะ ?????????? หลายคนอาจสงสัยแล้วมันคืออะไร ไอ้ดัชนีน้ำตาล ( Glycemic diet )เนี่ยคืออะไรอ่ะ(- - ) ??? คำตอบคือมันคือตัวบอกว่า คาร์โบไฮเดรตที่คุณกินเข้าไปเนี่ยมันจะถูกแปลงเป็นน้ำตาลแล้วนำไปใช้ได้เร็วขนาดไหนค่ะ ค่าจะอยู่ระหว่าง 0-100 ค่ะ เอ้า แล้วมันมาเกี่ยวไรกับกินไม่อิ่ม หิวบ่อยด้วยล่ะเนี่ย แน่นอนค่ะ เกี่ยวสิคะ เกี่ยวมากด้วย ก่อนอื่นขออนุญาติใช้คำว่า GI แทนดัชนีน้ำตาลนะคะ กินอาหาร GI สูง --> ย่อยเร็วเป็นน้ำตาล --> น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว --> ร่างกายปล่อยอินซูลิน ระดับสูงเพื่อนำน้ำตาลไปใช้ในระบบ ---> น้ำตาลในเลือดต่ำลงอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากการทำงานของอิซูลินที่มีมาก ---> รู้สึกโหยและหิว --> กินๆๆๆๆๆๆๆอาหาร GI สูงเพื่อทดแทน เป็นวัฎจักรอย่างนี้คะ หมุนวนไม่จบสิ้น อ้าวแล้ว GI ต่ำ ดียังไงคืองี้ กินอาหาร GI ต่ำ --> ค่อยๆย่อยเป็นน้ำตาล --> น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นช้าๆ --> ร่างกายค่อยๆปล่อยอินซูลิน เพื่อนำน้ำตาลไปใช้ในระบบ ---> น้ำตาลในเลือดลดลงอย่างช้าๆและสมดุล --- > รู้สึกอิ่มได้นานและไม่โหยไม่หิว จากคุณ : หมูมะยม - [ 10 ก.ย. 49 15:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่สำคัญอินซูลินที่หลั่งออกมานั้นมีความสัมพันธ์กับการกักเก็บไขมันในร่างกายค่ะ ยิ่งอาหารมีค่า GI สูงเท่าไหรแนวโน้มที่ทำให้ร่างกายกักเก็บไขมันยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัวค่า แต่ไม่ใช่ว่า อาหาร GI ต่ำคืออาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำนะคะ เรายังสามารถกินคาร์โบไฮเดรตได้แต่ต้องเลือกชนิดให้ถูกต้องค่ะ ทีนี้เรามาดูรายการอาหารที่ค่า GI ต่ำ GI สูงกันบ้างนะคะ จากคุณ : หมูมะยม - [ 10 ก.ย. 49 15:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กำลังรอรายการอาหารที่ว่าอยู่ค่ะ  เพราะอาการที่เราเป็นอยู่เหมือนที่คุณหมูมะยมบอกเปี๊ยบเลย  คือ  ทานมากแล้วก็ยังหิวง่ายอีก  แถมชอบทานของหวานด้วย จากคุณ : bingo111 - [ 10 ก.ย. 49 17:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อาหาร GI สูงควรหลีกเหลี่ยง = แป้งขาว ข้าวขาว ขนมปังขาว คอนเฟลกซ์ เพรทเซล ครัวซองท์ อุด้ง โมจิ เส้นหมี่ ขนมปังกรอบ กล้วย มะม่ง สัปปะรด น้ำอัดลม เครื่องดื่มผสมน้ำตาล ขนมหวานต่างๆ มันฝรั่ง เผือก มัน แครอท อาหาร GI ต่ำ ( ค่าน้อยกว่า 55 ) รับประทานได้  = ถั่ว ไข่ เต้าหู้ เนื้อสัตว์ ขนมปังโฮลวีทหรือโฮลเกรน ข้าวซ้อมมือ เส้นโซบะ  เส้นพาสต้า แยมผลไม้100% เห็ด ปลา หอย แตงกวา กะหล่ำปลี ถั่วงอก บรอคโคลี่ ผักกาดแก้ว หัวไช้เท้า มะเขือม่วง ผักโขม โยเกิร์ต ผลิตภัณฑ์นม ผลไม้ทุกชนิด ยกเว้น กล้วย มะม่วงสุก สับปะรด ทุเรียน เอ หลายคนอาจแปลกใจ เหมือนเราในตอนแรก ให้กิน เส้นโซบะ เส้นพาสต้า เนี่ยนะ คือว่า พวกนี้ไม่ได้ทำจากแป้งขัดขาว 100%ค่ะ จึงสามารถย่อยสลายได้ช้าๆ อิ่มนาน (แต่โดยส่วนตัวไม่กินเส้นพาสต้า ค่ะ ถ้าอยากกินพวกเส้นๆจะเลือกเมนูพวกโซบะเย็นค่ะ )อีกอย่างที่ต้องระวังคือ GI diet เนี่ยดูจากค่า GI ไม่ได้ดูจากแคลอรี่ แต่ดูจากค่า GI แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่ากินได้ไม่จำกัดนะคะ ต้องกินในปริมาณปกติ ทีนี้ในเราจะไม่ค่อยหิวบ่อย และตัดการกินจุบจิบ ลดความอยากอาหาร ไม่ทำให้ตบะแตกจนกินไม่บันยะบันยัง ช่วยให้ควบคุมอาหารในระยะยาวโดยไม่ทำให้รู้สึกลำบากและหิวโหยแต่ประการใด ยกตัวอย่างนะคะ ถ้าปกติคุณกินมันฝรั่งกรอบ ก้อลองเปลี่ยนมาเป็น ถั่วอบสักกำมือ หรือถ้าอยากกินไอศครีมลองเปลี่ยนโยเกิร์ตผลไม้ไขมันต่ำดู จะช่วยให้คุณระงับความหิวได้นานขึ้น กินจุบจิบน้อยลงค่ะ ต่อไปจะเป็น trick ต่างๆที่รวบรวมมาจากหลายๆที่ ที่ช่วยทำให้การควบคุมอาหารโดยดูจากค่า GI มีประสิทธิภาพ มากขึ้นค่ะ จากคุณ : หมูมะยม - [ 10 ก.ย. 49 17:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมเราอ่านแล้วรู้สึกมันแปลก ๆ หว่า -_-' จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 10 ก.ย. 49 18:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ชอบจังเลยกระทู้แบบนี้ มาบ่อยๆนะคะ จากคุณ : =U_U= PoRpLe - [ 10 ก.ย. 49 19:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อืมๆๆ แสดงว่าอาหารที่ผมกินอยู่ก็เป็นพวก GI diet จิฮับ อิ อิ (แต่ว่าแบบสูง ข้าวขาหมูเงียะ ติ่มซำเงียะ) จากคุณ : crazyyos - [ 10 ก.ย. 49 20:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราก็ซัดไปหลายเลยค่ะวันนี้ อาหารที่คุณว่าน่ะ เหอ เหอ จากคุณ : 1 - [ 10 ก.ย. 49 20:49:42 A:124.120.16.24 X: TicketID:106122 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณกุนซือคะ ตอนแรกที่อ่านเจอเรื่อง GI diet เนี่ยเราก้อว่าแปลกค่ะ แปลกมากด้วย  - -" ) แต่พอไปค้นคว้าดู ข้อมูลมีเยอะมากๆๆๆๆ ปรากฏว่าจริงๆแล้วเรืองค่าดัชนีน้ำตาลเนี่ยมีมานานในวงการโภชนาการและแพทย์โดยเฉพาะเชื่อว่าช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และลดความอยากอาหาเรลงได้ค่ะ เราไม่ได้ทำตาม 100% แต่เอามาปรับเปลี่ยนบ้างค่ะ ซึงมันก้อได้ผลสำหรับเรานะคะ อย่างพาสต้าเราไม่กินค่ะ ไงๆเราก้อรู้สึกว่ามันแคลอรี่เยอะอยู่ดีค่ะ แหะ แหะ เราจะเลือกแบบ GI ต่ำ และแคลอรี่ต่ำด้วยค่ะ คืออยากเอามาฝากเห็นว่าอาจมีประโยชน์บ้าง ไม่มากก้อน้อยค่ะ เหมาะสำหรับระยะยาวค่ะ คงไม่ได้ลดลงปุปปัป ไม่หักโหมอ่ะคะ ^ - ^ เดี๋ยวจะมาต่อเรื่องสุดท้ายค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 49 22:21:58 จากคุณ : หมูมะยม - [ 10 ก.ย. 49 22:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณหมูมะยมค๊ะ ขอบคุณที่เอาความรู้ดีดีมาบอกนะค๊ะ เป็นเรื่องแปลกที่ไม่เคยรู้มาก่อนแต่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทีเดียวค่ะ ... - - > ไหงคุณกุนซือถึงคิดแบบนี้ละ เค้าเอาความรู้ใหม่ๆมาบอกน๊า - - < จากคุณ : มู๋๐๐เหมือนกาน - [ 10 ก.ย. 49 23:22:15 A:221.128.114.71 X: TicketID:119302 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อดีของ GI Diet 1. สามารถกินอาหารได้ครบหมู่ค่ะ จากที่ search จากพวกเวปต่างประเทศ พวกงานวิจัย วิธีนี้ค่อนข้างดีต่อสุขภาพและปลอดภัยค่ะ 2. ไปทานอาหารนอกบ้านก้อมีให้เลือกเยอะเหมือนกันค่ะ สะดวกหน่อย 3. ไม่รู้สึกทรมานและสามารถทำได้นานค่ะ เพราะบางสูตรก้อกินแต่ผักผลไม้ บางสูตรก้องดคาร์โบไฮเดรตหรือไขมันทั้งหมดไม่ไหวค่ะ หรือไม่ก้อกินน้อยจนเหมือนขาดสารอาหาร รู้สึกว่าทรมานร่างกายไปหน่อย พอตบะแตกก้อกินๆๆๆๆแล้วอ้วนค่ะ 4. สูตรนี้เน้นให้เลือกกิน แต่ไม่ห้ามกินค่ะ ไม่กดดันค่ะ ถ้าไม่ไหวจริงๆเค้าก้ออนุญาติให้กินได้นิดหน่อยค่ะ 5. สามารถช่วยลดความอยากอาหารและลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานค่ะ 6. สามารถใช้ในการควบคุมน้ำหนักในระยะยาวได้ค่ะ ข้อควรระวังค่ะ 1. อย่ากินแป้งและไขมันพร้อมกันค่ะ เลี่ยงได้จะดีมาก พวกชุบแป้งทอด หรือ มันฝรั่งทอด ไม่ได้นะคะ ถ้าอยากกินอาหารผัดๆ ก้อเลือกเป็นพวก ผัดผักทั้งหลาย ใส่น้ำมันแค่พอดีพอดี ใส่เนื้อสัตว์ไปบ้างยังได้ จะได้สมดุลค่ะ 2. อย่างดคาร์โบไฮเดรตต้องกิน แต่เลือกแบบ GI ต่ำนะคะ ร่างกายต้องการนำไปใช้เป็นพลังงานหลักค่ะ พวกสูตรที่งดคาร์โบไฮเดรตเนี่ย หลังออกสูตร โยโย่กวักมือมาแต่ไกลคะ คุณคงเลี่ยงกินคาร์โบไฮเดรตไปไม่ได้ตลอชีวิตหรอกค่ะ เพราะอาหารส่วนใหญ่มีคาร์โบไฮเดรตปะปนอยู่ไม่มากก้อน้อย จริงไหมคะ 3. กิ่นแต่พอดีนะคะ ไม่ใช่กินไม่ยั้ง ครบ 3 มื้อ เพื่อให้ระบบเผาผลาญคงที่ อาจมีแทรกระหว่างมื้อได้บ้างคะ ถ้าอยากลดแคลอรี่เลือกเป็นมื้อเย็นค่ะ 4. ถ้าคุณต้องการลดอย่างรวดเร็วในวันสองวัน GI diet ช่วยไม่ได้ค่ะ จากการวิจัยต่างๆ และประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ จะลดได้ประมาณเดือนละโล ถึงสองโลค่ะ โดยไม่อดโซ ถ้าออกกำลังไปด้วยสักอาทิตย์ละ 3 ครั้ง จะดีมากค่ะ เห็นผลไวขึ้น 5. โดยส่วนตัวนะคะ ถ้าอยากได้ผลเร็วขึ้น คำนึงเรื่องแคลอรี่ไปด้วยจะดีค่ะ อย่างเราก้อเลือกกินข้าวโพด มากกว่าถั่วคะ คือ เคี้ยวมันเหมือนกัน GI ต่ำเหมือนกันแต่ ข้าวโพดแคลอรี่น้อยกว่าถั่วเยอะค่ะ แบบไปกินโซบะก้อเลือกโซบะเย็น ไม่ก้อพวกโซบะน้ำใสที่ใส่ผักเยอะๆ แทนเมนูโซบะผัดๆค่ะ คือแล้วแต่ใครจะประยุกต์ยังไงค่ะ ได้ผลยังไงมาบอกกันบ้างนะคะ หรือใครมีคำถามหรืออยากได้ข้อมูลเพิ่ม บอกมาได้นะคะ จะไปค้นหามาให้เท่าที่จะหาได้ค่ะ วันนี้ขอตัวก่อนค่ะ แล้วจะเอาเรื่องน่าสนใจมาฝากอีกนะคะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 49 23:39:05 จากคุณ : หมูมะยม - [ 10 ก.ย. 49 23:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราว่าที่คุณหมูมะยมแนะนำถูกต้องคะ หลักการลดน้ำหนักจริงๆก้อเป็นอย่างนี้แหละคะ ถ้าใครไปปรึกษาโภชนากรเพื่อลดหรือควบคุมน้ำหนัก เค้าก้อจะแนะนำอย่างนี้คะ แต่เค้าจะไม่ใช้คำว่าGI คะ ขออธิบายเพิ่มนิดนะคะ ที่บอกว่ากินพาสต้าได้ก้อคือกินปริมาณไม่เยอะคะก้อคือทานแทนข้าว 1 มื้อคะ พาสต้าความหมายรวมถึงขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว มักกะโรนี อาหารเส้นทั้งหลาย อาหารจำพวกนี้ร่างกายเราจะค่อยๆเผาผลาญและนำไปใช้ประโยชน์คะ ทำให้อิ่มนานคะ.....  แต่ถ้าความรู้ที่มีผิดพลาดประการใดขออภัย ด้วยนะคะ แต่ถ้า อ่านแล้วเกิดประโยชน์บ้างก้อขอให้เราผอมๆสวยวันสวยคืน สาธุ อิอิ จากคุณ : Jane Smith - [ 10 ก.ย. 49 23:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กินอาหาร GI สูง --> ย่อยเร็วเป็นน้ำตาล --> น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว --> ร่างกายปล่อยอินซูลิน ระดับสูงเพื่อนำน้ำตาลไปใช้ในระบบ ---> น้ำตาลในเลือดต่ำลงอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากการทำงานของอิซูลินที่มีมาก ---> รู้สึกโหยและหิว --> กินๆๆๆๆๆๆๆอาหาร GI สูงเพื่อทดแทน เป็นวัฎจักรอย่างนี้คะ หมุนวนไม่จบสิ้น ^ อันนี้ผมเพิ่งดูช่อง 11 เมื่อ สัก 3 วันก่อน หมอเขาบอกอย่างงี้เลยครับ กินของหวานตอนหิวๆ เป็นโรคเบาหวานง่ายสุดๆเลย จากคุณ : 619 - [ 10 ก.ย. 49 23:54:10 A:unknown X:58.136.95.103 TicketID:121669 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กำลังจะมาถามตามคุณ 619 ว่าน่ะค่ะ  ยังงงอยู่คะ  โดยเฉพาะเรื่องอาหาร GI ทำไมมันย่อยเป็นน้ำตาล ???  แล้ว GI สูงต่ำ  นี่มันเกี่ยวกับแคลอรี่รึเปล่าคะ  เพราะเห็นอาหารบางอย่างแคลอรี่สูงแต่ GI ต่ำเจ้าคะ ไม่ได้ตั้งใจตีรวนอย่างพวกใช้บัตรผ่านชอบมาว่าคนอื่นหรอกนะคะ  ถ้าเราเห็นว่ามันใช้ไม่ได้หรือมีผลเสียเราบอกไปตรง ๆ แล้ว  แต่นี่เราเพิ่งเคยได้ยินจริง ๆ คะ เราว่าสูตรนี้ก็ดีนะคะ  ถึงจะใช้ได้ผลหรือไม่ได้ผลแต่ลองแล้วก็ไม่เสียหายอะไรหรือเป็นผลเสียกับร่างกายเน้อ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 11 ก.ย. 49 01:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เพิ่งนึกออกขอมาถามเพิ่มอีกหน่อยนะคะ  เผื่อคุณมะยมจะรู้หรือหาข้อมูลให้ได้  ช่วงนี้เรามักมีปัญหาความดันต่ำอะคะ  พอมีแล้วชอบกินของที่ให้น้ำตาลสูง  ถ้าเราไม่ทานมันก็จะไม่มีแรงบางทีก็วูบไปเลยคะ  มันเกี่ยวกับ GI รึเปล่าคะ  แล้วมีวิธีแก้ยังไงบ้าง ขอบคุณล่วงหน้าเจ้าคะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 11 ก.ย. 49 01:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถูกต้องตามหลักของการทานอาหารให้สมดุลกับการทำงานของระบบในร่างกายน่ะ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน แล้วก็ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดด้วยล่ะ การทานอาหารที่มี glycemic index ต่ำ (พวกคาร์โบไฮเดตเชิงซ้อน) จะทำให้น้ำตาลค่อย ๆ ปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด ไม่สูงขึ้นปรี๊ดหลังกินเสร็จเหมือนอาหารที่มี glycemic index สูง ๆ (พวกคารโบไฮเดรตเชิงเดี่ยว) เสร็จแล้วก็เดือดร้อนพวกอินซุลินมาตามเก็บ ทำให้หายไปจากกระเสเลือด ดังนั้นสักพักก็หิวอีกแหละ แต่อย่างที่คุณหมูมะยมว่า คงต้องปรับกับแต่ละคนด้วยอย่าคาดหวังว่ากิน GI แล้วน้ำหนักจะลด แต่ถ้าเพื่อสุขภาพแล้วมีผลดีแน่นอน จากคุณ : anan - [ 11 ก.ย. 49 01:27:40 A:128.240.233.197 X:128.240.229.3 TicketID:127025 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มีคาร์โบไฮเดรทเชิงซ้อนกะเชิงเดี่ยวมาเพิ่มอีกแล้ว -_-' ใครอธิบายเพิ่มทีเจ้า  เริ่มงงแล้ว... จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 11 ก.ย. 49 07:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กินแป้งอย่างไร ไม่ให้อ้วน        แหล่งข้อมูล : 1. หนังสือ อ้วน ไม่อ้วน ก็ควรลด ไขมัน พลเอก ประสาร เปรมะสกุล สนพ. อรุณการพิมพ์       2. หนังสือ กินให้ดี นายแพทย์ แอนดรู ไวล์ สนพ. อมรินทร์      ความเชื่อหนึ่งที่ฮิตกันมากเวลาเราจะลดความอ้วน นั้นคือการงดทานแป้งและน้ำตาล หรือ ลดสัดส่วนในการทานลงมากๆ          ถามว่า ทำแบบนี้ถูกต้องไหม         ก่อนจะตอบคำถามนี้ เรามาดูก่อนดีไหมครับว่า ทำไมแป้งและน้ำตาล จึงเป็นตัวอันตรายต่อความอ้วน          เมื่อเราทานแป้งและน้ำตาลเข้าไป ร่างกายจะย่อยสลายมันกลายเป็น กลูโคสเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งมีผลให้ ตับอ่อนจะผลิตฮอร์โมน อินซูลิน จะว่าไปก็เหมือนเป็นภารโรงที่คอยเกบกวาดกลูโคสไปจากกระแสเลือด โดยการนำเข้าไปในเซลล์เพื่อใช้ในการเผาผลาญเพื่อเป็นพลังงาน แต่หากกลูโคสยังเหลือ อินซูลินก็ไปกระตุ้นให้เกิดเอนไซม์ชนิดหนึ่งเปลี่ยนเจ้ากลูโคส เป็นไกลโครนเจนเข้าไปฝากที่ตับและกล้ามเนื้อ         แต่หากยังเหลืออีก คราวนี้แหละ อินซูลินจะเปลี่ยนกลูโคสกลายเป็นไขมันสะสมไว้ในร่างกายของคนเรา และนี้คือเหตุผลสำคัญว่า ทำไม แป้งและน้ำตาลถึงทำให้อ้วน         ดังนั้นที่เขาชอบแนะนำให้งดหรือลดการทานเจ้าแป้งและน้ำตาล ก็เพื่อลดระดับกลูโคสในกระแสเลือดนั้นเอง       แต่ในความจริงแล้ว เราก็มีวิธีการที่จะทำให้การกินแป้งไม่อ้วนแบบที่คิดได้ ด้วย 2 วิธีคือ        (1) การเลือกกินแป้งและน้ำตาล ที่มีดัชนี ไกลซีมิก ต่ำ - ดัชนีนี้เป็นตัววัดว่า อาหารพวกแป้งและน้ำตาลนี้จะมีผลต่อระดับของกลูโคสในเลือดอย่างไร หากมีค่าไกลซีมิกสูงเท่าไร ระดับกลูโคสในเลือดก็เพิ่มขึ้นเร็วเท่านั้น          โดยปกติ กลูโคสจะถือว่ามีค่าไกลซีมิกอยู่ที่ 100 ส่วนแป้งและน้ำตาลอื่นๆก็มีค่าน้อยลงลดหลั่นลงมา หากอาหารที่มีค่าไกลซีมิกต่ำกว่า 55 ถือว่ามีค่าไกลซีมิกต่ำ ส่วนระดับ 55-70 จัดว่ามีค่าอยู่ขั้นปานกลาง และระดับที่สูงกว่า 70 จัดอยู่ในขั้นสูง            ดังนั้น หากไม่อยากให้เกิดระดับกลูโคสในเลือดสูงเกินไป ก็เลือกกินแป้งและน้ำตาลที่มีค่าไกลซีมิกต่ำนั้นเอง            ตัวอย่าง แป้งและน้ำตาล ที่มีค่าไกลซีมิกสูง เช่น ขนมปัง (แม้แต่โฮลวีทที่มีวิตามินเยอะก็สูง) วัฟเฟิล แครกเกอร์ ข้าวขัดขาว มันฝรั่ง  ไม่ว่าจะเป็น เฟรนฟราย หรือ อบ              ตัวอย่าง แป้งและน้ำตาล ที่มีค่าไกลซีมิกต่ำๆ เช่น พวกแป้งและน้ำตาลที่อยู่ในถั่วโดยส่วนใหญ่ น้ำตาลในผลไม้ ข้าวซ้อมมือ พาสต้า หรือ สปาเก็ตตี้             ปัญหาหลักของการทานดัชนีไกลซีมิกสูงๆ คือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการฟอกสีและกระบวนการผลิตที่ทำให้อาหารที่มีค่าไกลซีมิกต่ำกลายเป็นอาหารที่มีค่าไกลซีมิกสูง อย่างพวกแป้งขัดขาวที่นำมาทำเป็นขนมปัง             เคยมีสังเกตถึงคนชาวพื้นเมืองของอเมริกัน ที่แต่เดิมกินพวก หัวเผือกหัวมัน ถั่ว ข้าวโพด อาหารที่เส้นใย ผลไม้ ซึ่งมีค่าไกลซีมิกต่ำ แต่เมื่อพวกนี้เปลี่ยนมากินอาหารแบบคนเมือง คือ อาหารฟาสฟู๊ด น้ำอัดลม ขนมอบต่างๆ ปรากฏว่า กลายเป็นคนอ้วนไปต่ามๆกัน พร้อมทั้งมีปัญหาโรคเบาหวานมากขึ้น            ดังนั้น ไม่ถึงกับต้องงดหรือลดการทานแป้งและน้ำตาลครับ แต่ให้เลือกพวกที่มีค่าไกลซีมิกต่ำ เป็นหลัก           (2) การออกกำลังกาย - การออกกำลังกายนี้จะไปกระตุ้นตับอ่อนให้ผลิตฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งคือ กลูคากอน มันมีหน้าที่ในการรักษาระดับของกลูโคสในเลือดไม่ให้ต่ำเกินไป โดยการสลายไกลโครเจนที่สะสมไว้เป็นกลูโคส รวมไปถึงการเอาไขมันที่สะสมมาใช้ด้วย              เห็นไหมนี้แหละทำไม ออกกำลังกายถึงทำให้ผอมลง             เพราะฉะนั้น ในความคิดเห็นของผม อย่ากลัวแป้งและน้ำตาลมากจนเกินเหตุครับ ให้เราเลือกการรับประทาน และออกกำลังกายไปด้วย น้ำหนักก็ลดลงได้ จาก http://www.siamfitness.com จากคุณ : P.sek (P.sek) - [ 11 ก.ย. 49 12:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอขอบคุณ คุณหมูมะยมและคนอื่นๆ ที่เข้ามาแชร์ความรู้กันค่ะ  ^_^ จากคุณ : คินหวูด (cynwyd) - [ 11 ก.ย. 49 12:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอนำไปปรับใช้บ้างนะคะ จากคุณ : ยอดหญิงนักชิม - [ 11 ก.ย. 49 18:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณกุนซือคะ GI สูงต่ำ ไม่เกี่ยวกับแคลอรี่เลยค่ะ จริงๆมันเป็นตัวบอกระดับความเร็วที่ carbohydrate นั้นจะโดนย่อยสลายเปลี่ยนไปเป็น น้ำตาลชั้นเดียวเพื่อที่จะดูดซึมเข้ากระแสเลือดเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานได้ค่ะ คืองี้ค่ะคาร์โบไฮเดรตเนี่ยแบ่งออกเป็นสามแบบค่ะ น้ำตาลชั้นเดียว น้ำตาลสองชั้น และน้ำตาลหลายชั้น ถ้าร่างกายจะนำไปใช้ได้เนี่ยต้องเป็นแบบชั้นเดียวเท่านั้นค่ะ ทีนี้พวก GI สูงเนี่ยส่วนใหญ่เป็นพวกน้ำตาลชั้นเดียวทั้งนั้น คือ แบบพร้อมเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อแปรเป็นพลังงานในทันทีค่ะ ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงพรวดพราด ต่างกับน้ำตาลสองชั้นและหลายชั้นที่เราต้องมาย่อย ย่อย และ ย่อยก่อนจนกระทั่งเป็นน้ำตาลชั้นเดียว ก่อนค่อยๆดูดเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานได้ค่ะ อาหารสองชนิดอาจมีพลังงานเท่ากัน แต่เวลาที่ใช้ในการย่อยสลายก่อนนำไปใช้เนี่ยต่างกันค่ะ ค่า GI จึงต่างกันไปด้วยค่ะ ส่วนเรื่องความดันต่ำเนี่ยไม่ค่อยแน่ใจค่ะ แต่จริงๆการวูบเนี่ยอาจเกิดจากน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็วแล้วลดลงต่ำอย่างรวดเร็วหรือเปล่าคะ ถ้าใช้ก้อเกี่ยวกับ GI แน่นอน ลองยังงี้ดูไหมคะ เปลี่ยนเป็นของหวานที่มี GI ต่ำ อย่างพวกโยเกิร์ตใส่ผลไม้สด ไม่ก้อเต้าหู้ที่ใส่ในนมอย่างนั้นน่ะค่ะ น้ำตาลน้อยหน่อยนะคะแล้วลองดูว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนหรือเปล่าค่ะ ( ^ - ^ ) จากคุณ : หมูมะยม - [ 11 ก.ย. 49 20:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เท่าที่ทราบข้าวขาว  ขนมปังขาว และเบเกอรี่ เป็นคาโบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ส่วนข้าวกล้อง ขนมปังโฮหวีต  และอื่นๆที่มีผู้กล่าวไปแล้วเป็นคาโบไฮเดคนเชิงซ้อน วิธีแยกแยะ  อะไรที่ผ่านขบวนการผลิตมาเยอะๆก็จะกินแล้วอ้วน  อะไรที่เป็นธรรมชาติขบวนการผลิตไม่ซับซ้อนยกเว้นน้ำตาลหรือของรสหวานก็จะไม่ค่อยอ้วน ถ้าทานไม่มากไป จากคุณ : สาธุซอย58 - [ 11 ก.ย. 49 20:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณ  คุณหมูมะยมและคนอื่น ๆ ที่มาให้ข้อมูลมาก ๆ คะ  เดี๋ยวจะลองกิน GI ต่ำแบบเคร่งครัดดูสักเดือนนะเจ้า  เผื่อความดันต่ำกับโรควูบจะดีขึ้น @^0^@ คุณสาธุอธิบายเข้าใจง่ายดีจังคะ  ทำให้เลือกกินได้ง่ายขึ้น  ว่าแต่...เราชอบกินกล้วยปั่นด้วยสิเนี่ย... -*-  อ้า...ต้องลดหน่อยแย้ว จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 11 ก.ย. 49 20:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุงสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ .. ชอบมั่กๆ เรย อาวมาฝากกานอีกนะคะ .. จากคุณ : OkisanG - [ 12 ก.ย. 49 20:33:35 A:124.120.135.27 X: TicketID:127471 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แหม อ่านแล้วปลื้มคุณหมูมะยมจังค่ะ ชอบในความใฝ่รู้ ใช้อินเตอร์เน็ตได้สร้างสรรค์ดีมั่กๆ ^^ ยังไงจะเอาไปปรับใช้นะคะ จากคุณ : +++sLeEPYnOmORE+++ - [ 13 ก.ย. 49 20:37:33 ]