ยิ้มไว้...เมื่อภัย(มะเร็ง)มา ตอน 4
มาถึงตอนนี้ถอยไม่ได้แล้ว ฉันต้องสู้ต่อไป ค่อยๆ รวบรวมความกล้าผ่านแต่ละด่าน ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน ฉันเวลาที่ฉันไม่สบายใจ ฉันก็โทรไปหาเพื่อนๆที่เมืองไทย เพื่อนๆที่เคยทำงานด้วยกันที่บริษัทหมีน้อยแถวอยุธยา พี่ๆและเพื่อนๆ ก็คอยปลอบโยนให้กำลังใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉันได้ติดต่อกับเพื่อนหลายๆคน จากหลายๆประเทศทั้งไทย นอร์เวย์ ญี่ปุ่น เยอรมัน เพราะฉันคิดถึงเพื่อนเก่าสมัยเรียนหรือเคยทำงานด้วยกัน แต่ละคนแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นกันทั้งนั้น
กำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนๆทำให้ฉันคิดได้และมีกำลังใจฮึดสู้ พอมาเจอคุณหมอเชาว์ ซึ่งมีเชื้อสายจีน เขายังหนุ่มอยู่ อยู่อาจจะแก่กว่าฉันนิดหน่อย เขาก็ให้ฉันลองชั่งน้ำหนักดู ตอนนั้นฉันหนักประมาณ 46 กิโล เขาก็ขอให้ฉันขึ้นไปนอนที่เตียงคนไข้ และฉันก็ร้องเสียงหลง อีกแล้ว ฉันโดนหมอข่มขืนทางก้นอีกแล้ว !!! ไม่ใช่ค่ะ ล้อเล่น!!! ฉันโดนจิ้มก้นอีกแล้ว ครั้งนี้ก็เจ็บไม่ต่างจากครั้งที่แล้วเลย ไม่นึกเลยว่าจะโดนรอบสอง คุณหมอเชาว์บอกว่าฉันต้องทำการฉายรังสี แต่ว่าเนื่องจากฉันเป็นสาวเป็นแซ่ รังสีอาจจะทำลายไข่และมดลูก เพราะว่ามันอยู่ใกล้กันกับลำใส้ที่เป็นมะเร็ง เขาเลยแนะนำให้ฉันไปพบกับคุณหมอโรม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านรังไข่
วันรุ่งขึ้นฉันก็ถูกส่งตัวไปหาคณหมอโรม โดยที่ชอนคอยไปรับ ไปส่ง คอยอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจ ฉันโชคดีมากที่มาเจอคนดีๆอย่างชอน ฉันบอกกับเขาเสมอว่า You are the best thing in my life เขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน ถ้าไม่มีเขาฉันคงตายไปแล้วแน่ๆ You save my life ชีวิตนี้คงไม่รู้จะใช้หนี้บุณคุณเขาหมดหรือปล่าว
เมื่อเรามาพบคุณหมอโรม เป็นวันศุกร์ เขาบอกว่า วันจันทร์ที่จะถึงนี้มาเลย ผ่าตัดด่วนเลย เพราะจะได้ไม่เสียเวลา เขาบอกว่าจะต้องผ่ายกรังไข่ของฉันขึ้นไปเหน็บไว้ที่ซี่โครงก่อน เพราะจะได้ไม่ถูกรังสีทำลาย ในอนาคตจะมีลูกได้ เขาก็แนะนำให้ฉันเอาไข่ไปแช่แข็งไว้ก่อนก็ได้ ถ้าอยากมีลูกจริงๆ แต่ว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก ฉันไม่มีเงินพอขนาดนั้น เราเลยเลือกการยกรังไข่ขึ้นไปดีกว่า
พอตกบ่ายมีนางพยาบาลโทรมาหาฉัน และเขาก็คอยบอกว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้าง มารายงานตัวที่โรงพยาบาลตอนกี่โมง เขาได้โทรไปหา medibank แล้วและค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฉันไม่ต้องจ่ายเอง โชคดีที่ฉันทำประกันไว้ เรื่องเงินไม่มีปัญหาละ ฉันเริ่มสบายใจขึ้น ขอให้การผ่าตัดดำเนินไปด้วยดี ที่ออสเตรเลีย พยาบาลที่นี่จะใจดีจะคอยโทรมาให้คำแนะนำ ในกรณีที่เราไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลย เขาจะแนะนำให้ทุกอย่าง ไม่รู้ว่าที่เมืองไทยเหมือนกันหรือปล่าวนะ
พอเช้าวันจันทร์ ฉันก็ไปโรงพยาบาลแต่เช้า ชอนแค่ไปส่งเพราะเขาต้องไปทำงาน ตอนนั้นเขาเป็นนักวิจัยของคณะวิศวะ มหาลัยแห่งหนึ่งแถวๆเบอร์วูด ฉันต้องฉายเดี่ยว ในใจกลัวๆ กล้าๆ เพราะไม่เคยนอนโรงพยาบาลมาก่อน เคยแต่ไปเยี่ยมคนอื่น ตอนนี้เราต้องมานอนเองแล้ว โรงพยาบาลฟรีเมสันนี้อยู่แถวในเมืองอยู่ตรงกันข้ามกับร้านอาหารริมดอย ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยที่มีก๋วยเตี๋ยวเรือ และขนมจีนน้ำเงี๊ยวขาย อร่อยมาก
มาเข้าเรื่องดีกว่า บรรยากาศในโรงพยาบาลจะดู เก่าๆ และมีเสียงก่อสร้างอยู่ไม่ไกล เพราะเขาได้ปรับปรุงตึกใหม่ และพยาบาลก็พาฉันมาที่เตียง เป็นห้องรวม มี 4 เตียงนอน ฉันไม่เคยเข้าโรงพยาบาลมาก่อน เขาให้นอนที่ไหนก็ นอนที่นั่น ที่จริงแล้วเราทำประกันกับ medibank เราสามารถนอนห้องพิเศษ และไม่เก็บเงินเราเพิ่มด้วย ตอนนั้นไม่รู้ ก็เลยนอนในห้องที่มีผู้สูงอายุเป็นรูมเมท อีก 3 คน พยาบาลก็ไม่ให้เรากินอะไรเพราะจะต้องผ่าตอนเย็น แล้วเขาก็ให้ฉันใส่ชุดกาวน์ ซึ่งเหมือนชุดคนไข้ทั่วไป ข้างในเหลือแต่กางเกงใน และเขาก็ให้ฉันใส่ถุงเท้าบางที่หุ้มไปเกือบถึงหัวเข่า เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดคลั่งเวลา ผ่าตัด ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไร เขาให้ทำอะไรก็ทำ
มากไปกว่านั้น เขาเอามีดโกนมาให้ฉัน "คุณต้องโกนขน(ข้างล่าง) ของคุณให้หมดนะ เพราะเราจะผ่าตัดใกล้บริเวณนั้น" นางพยาบาลพูดยิ้มๆ ฉันหน้าแดงด้วยความอาย "ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกใช้ได้นะ" นางพยาบาลเสนอ "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้" ฉันพูดเขินๆ พลางเดินไปที่ห้องน้ำ เอา เป็นไงเป็นกัน ดิฉันไม่เค๊ย ไม่เคยโกน ไม่เคยแว๊กซ์ บราซิลล่ง บราซิลเลี่ยนไม่เคยทั้งนั้น ตอนนั้นอายมั่กๆๆ
พอถึงเวลาเขาก็มารับฉันไปที่ Theatre เรียกเหมือนโรงละคร ที่จริงหมายถึงห้องผ่าตัดนั่นเอง ก่อนที่จะผ่าเขาก็จะมีหมอที่จะมาวางยาเรา เข้ามาถามว่าจะเอาแบบไหน เอาแบบที่จะต้องใช้ยาสลบทั่วไป แล้วพอฟื้นขึ้นมาแล้ว เวลาเจ็บแผลก็กดเอา แล้วมอร์ฟีนจะออกฤทธิ์ ช่วยให้เราไม่เจ็บ หรือจะเอาแบบที่แพงกว่านี้ ที่จะต้องแทงเข็มไปที่กระดูกสันหลังเราแล้วยาชาจะออกฤทธิ์ เราจะไม่ต้องเจ็บแต่แพงหน่อย ฉันก็เลยเอาแบบถูกไว้ก่อน แบบกดดีกว่า เจ็บเมื่อไหร่ก็กด
เมื่อได้ฤกษ์ก็มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายลางเตียงมาให้ฉันนอนบนเตียงนั้นจากนั้นเขาก็ลากฉันไปที่หน้าห้องผ่าตัด ฉันก็ถอนหายใจลึกๆ เข้า-ออก เข้า-ออก พยายามทำใจให้สบาย จากนั้นคุณหมอโรมก็มาทักทายแล้วก็บอกว่าเจอกันที่ห้องผ่าตัดนะ พยาบาลก็ให้ฉันใส่หมวกคลุมผม แล้วก็ลากเตียงฉันไปที่ห้องผ่าตัด ที่ดีจะดีอยู่อย่างนึง เขาจะพยายามจะชื่อเรา ทักทายเรียกชื่อเรา ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นดี
เมื่อเข้าไปให้ห้องผ่าตัดเขาก็ยกฉันไปนอนอีกเตียงนึง มีหมอพยาบาลเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะทุกคนปิดหน้าเห็นแต่ตากับแว่น อิอิอิ เขาก็ฉีดยาสลบที่แขนของฉันแล้วก็ให้ฉันนับ หนึ่งถึงสิบ "One two threeee fourrr" ฉันไม่เคยนับถึงสิบสักที พอถึง 4 ฉันก็หลับเป็นตายไปเลย
...โปรดติดตามตอนต่อไป
จากคุณ :
Summer_scent
- [
28 ก.ย. 49 13:21:44
]