CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ยิ้มไว้...เมื่อภัย(มะเร็ง)มา ตอน 8 เล่าจากเรื่องจริง

    ฉันตกใจที่พอเปิดผ้าพันแผลออกแล้ว เห็นผื่นเล็กๆ เต็มไปหมด บางอันก็แตกออกเป็นหนอง หรือเรียกว่า gunk ลามไปทั่วต้นแขน พยาบาลคนอื่นๆเห็นก็ตกใจ คุณแจ็คซึ่งเป็นบุรุษพยาบาลก็ใช้คัทตอน บัด (cotton buds) มาถูๆที่ผื่นที่มีหนอง แล้วเก็บใส่หลอดเพื่อทำการตรวจว่าจะเป็นอันตรายมากน้อยเพียงใด คุณจูลี่นางพยาบาลอีกคนก็เอากล้องโพลาลอยด์มาถ่ายเพื่อเก็บไว้หลักฐานประกอบ หมอเบนบอกให้คุณเจนนี่ ดึงสายพิคค์ ไลน์ออก "ทำใจดีๆนะ นับ หนึ่ง สอง สาม" ฉันหลับตาด้วยความเสียว "pull ดึง" ฉันได้ยินเสียงเจนนี่แล้วเหลือบตาขึ้นมาดู เห็นเขากำลังค่อยๆ ดึงสายพิคค์ ไลน์ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มองแต่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังดึงสายเจ้าปัญหาออกจากแขนฉันช้าๆ คิดดูสิมันยาวตั้ง 42 เซนต์ มันรู้สึกเสียวๆ ฉันหลับตา นั่งนิ่งๆ ไม่ยอมขยับเขยื้อน หายใจเข้าออกๆ ช้าๆ  ใจมันสั่นๆ สักพักก็ได้ยินเสียง "เสร็จแล้ว" คุณเจนนี่บอก เฮ้อ...ฉันลืมตาขึ้นแล้วรู้สึกโล่ง ใจมันเบาๆ หวิวๆ เหมือนจะเป็นลม เฮ้อ ...ฉันละโล่งอก

    ฉันนึกในใจ ต่อไปนี้ฉันจะได้อาบน้ำเป็นปรกติซะที ทุกทีเวลาอาบน้ำ ฉันจะเปิดฝักบัวเบาๆ อาบแค่ครึ่งตัว ต้องยกแขนข้างขวาขึ้นเพื่อไม่ให้โดนน้ำ ฉันรู้สึกว่าาจั๊กแร้ข้างขวามันมีกลิ่นตุ ตุ ยังไงก็ไม่รู้ หรือว่าฉันอุปทานไปเอง แต่ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ ตลอดระยะเวลาหกอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันต้องสระผมในอ่างล้างหน้า คิดดูละกันลำบาก ลำบนแค่ไหน เฮ้อ ...ตอนนี้ฉันจะได้อาบน้ำสะบายๆซะที ฉันแอบยิ้มอย่างดีใจ คุณหมอเบนเขียนใบสั่งยา Anti-Biotic หรือยาปฏิชีวะนะบ้านเรานั่นแหละค่ะ เพื่อไม่ให้แผลที่เป็นหนองลุกลาม จะต้องทานทุกเช้า วันละ เม็ด จนกว่ายาจะหมด โชคดีที่สถานการณ์ทั้งหมดควบคุมได้ด้วย Anti-Biotic ไม่งั้นฉันแย่แน่ๆ

    เคราะห์ดี ฉันทำคีโมและฉายรังสีเสร็จแล้ว จึงถอดสายพิคค์ ไลน์ออกไปได้ ไม่งั้นคงแย่แน่ไม่รู้จะต่อสายเข้าที่ไหน คืนนั้นเป็นคืนที่ฉันได้นอนอย่างสุขสบายซะที ฉันขยับตัว ดิ้นไป ดิ้นมาได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะดึงถูกสายพิคค์ ไลน์ หรือไม่ต้องมีเสียงเจ้าปั๊มมากวนใจ ฉันมีความสุขมาก ที่จะได้หลับอย่างเป็นสุขซะที ฉันนึกในใจ แต่แล้วฉันก็นอนไม่หลับ ฉันผ่านเรื่องร้ายๆ ต่างๆ นานา มันอยู่ในหัวฉัน ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร มันรุมเร้าอยู่ในหัว ฉันพยายามนับแกะก็แล้ว หรือท่องอิติปิโส พุทธ โธ ก็แล้ว มันใจก็ไม่ยอมหลับ ไม่ยอมนอน ฉันเหลือบไปเห็นคนข้างๆ เห็นเขานอนหลับปุ๋ยอย่างเป็นสุข ฉันอยากหลับได้อย่างเขามั่งจัง มันเป็นอย่างนี้มาตลอด หลังจากที่รู้ว่าฉันเป็นมะเร็ง ฉันก็เป็นโรคนอนไม่หลับ ต่อให้เหนื่อยแต่ไหน กว่าจะหลับได้ มันยากมาก หวังว่าสักวันหนึ่งมันคงจะดีขึ้นนะ

    แผลที่เป็นหนองเริ่มแห้งแล้ว แต่ชอนก็ต้องคอยใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลให้ฉันอยู่ตลอด เขาคอยเป็นพยาบาลยามฉันเจ็บป่วย เป็นสารถีพาฉันไปไหน มาไหน ถ้าไม่มีเขาฉันก็คงไม่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้  บางครั้งฉันก็นึกโกรธตัวเองที่ทำไม่ต้องมาเจอกับเรื่องร้ายๆอย่างนี้ ฉันไม่มีทางออก บางทีก็เอามือเขกหัวตัวเองแรงๆ ให้มันเจ็บ สะใจ ไม่รู้จะทำอะไรให้มันสาสม โกรธที่ทำไม่ตัวเองถึงได้โชคร้ายอะไรอย่างนี้ พอชอนเห็นเขาก็จะร้องให้และพยายามดึงมือฉันไม่ให้ฉันทำร้ายตัวเอง ถ้าฉันยังไม่เลิกทำ เขาก็จะเอามือเขกหัวตัวเองแรงๆ เมื่อฉันเห็นเขาเจ็บฉันก็หยุด นึกขึ้นได้ว่าเราไปทำร้ายตัวเราเองทำไม ทำแล้วมันมีอะไรดีขึ้นไหม ผลที่ได้ออกมาทำให้หัวเราปูดโน เจ็บหัว เจ็บตัว เจ็บใจ เพิ่มขึ้นอีก ฉันจึงหยุดทำร้ายตัวเอง พยายามนึกถึงชอน นึกถึงครอบครัวของฉันถ้าเราเป็นอะไรไป ทุกคนคงเสียใจ ความรักจากชอนและครอบครัวทำให้ฉันอยากมีสู้อีกครั้ง

    ขอย้อนไปก่อนหน้าที่ฉันใกล้จะทำคีโมเสร็จ วันนั้นเป็นวันเปิดเรียน ฉันได้ไปที่มหาลัย     เพื่อทำการดรอบการเรียนเอาไว้ก่อน ฉันนึกเสียดาย เพราะว่ามันเป็นเทอมสุดท้ายของฉันแล้ว ฉันไปแคมปัสในเมืองเพื่อไปเอาแบบฟอร์มการขอดรอบการเรียน แต่ฉันต้องมีลายเซนต์ของอาจารย์ที่เป็น course co-ordinator ฉันจะดรอบซี๊ซั๊วไม่ได้ ชอนเลยไปส่งฉันที่หน้ามหาลัย ที่แคมปัสฟุทสเคร์ Footscray campus ตอนนั้นเป็นช่วงหน้าร้อนฉันใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว และกระโปรงยืดสีดำมีพิมพ์ลายดอกไม้เล็กๆสีม่วงอยู่บนชายกระโปรง ฉันใส่กางเกงไม่ได้เพราะว่าแผลผ่าตัดครั้งนั้นยังไม่ติดดี ที่ต้นแขนของฉันจะมีผ้าพันแผลพันเจ้าพิคค์ ไลน์อยู่ และฉันก็สะพายเจ้าปั๊มไปด้วย ช่างน่าเวทนาตัวเองยิ่งนัก ฉันเตรียมเอกสารหอบหิ้วพรุงพะรัง เพื่อที่จะให้อาจาร์ที่ปรึกษาฉันเซนต์รับรอง

    ฉันเดินตามหาอาจารย์วีเจ ซึ่งเป็นชาวอินเดีย ท่านก็เป็นอาจารย์สอนฉันในวิชาหลัก ๆ ฉันไปหาห้องพักของท่านแต่ก็ไม่เจอ ฉันเลยเดินขึ้นไปหาท่านที่ห้องเรียน โชคดีที่ท่านเดินสวนมาพอดี ฉันเข้าไปทัก "สวัสดีค่ะ วีเจ" ท่านมองหน้าฉันอย่างๆงง แล้วก็ทักตอบ ฉันบอกท่านว่าฉันเป็นมะเร็ง แต่อาจารย์ท่านไม่ได้ตั้งใจฟัง ฉันเลยพูดซ้ำ "ฉันมาขออนุญาติ ลาพักการเรียน" ฉันบอก "ทำไมเหรอ ฉันจะรีบไปสอนมีอะไรด่วนไหม" ท่านพูดท่าทางรีบร้อน "ฉันเป็นมะเร็ง" ฉันพูดต่อไปไม่ออก  แล้วฉันก็ยื่นใบรับรองจากหมอเบนว่าฉันเป็นมะเร็งให้ท่าน"อะไรนะ ใครเป็นมะเร็งนะ" ท่านถามฉันอย่างไม่เชื่อหูที่ได้ยิน และท่านก็อ่านเอกสารซ้ำอีกครั้ง "ฉันเป็นมะเร็ง ฉันต้องไปผ่าตัด..." ฉันพูดไม่ออก ฉันร้องไห้โฮ ต่อหน้าอาจารย์ ท่านตกใจ "ผมขอโทษนะ ที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง ผมเสียใจนะ ที่คุณมาเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น" ท่านรู้สึกผิด จึงรีบฟังฉันอย่างตั้งใจ ท่าทีที่รีบร้อนกลับกลายเป็นท่าทีที่เห็นใจ ท่านรีบเซนต์รับรองแล้วขอให้ฉันโชคดี "All the best" ท่านพูดแล้วก็มองฉันอย่างสงสาร แล้วเดินจากไป ฉันยังสะอึกสะอื้นไม่หาย ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้ร้องไห้ต่อหน้าท่านอย่างนั้น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

    ฉันรีบเช็ดน้ำตาแล้วลงไปห้องธุรการชั้นล่างเพื่อยื่นแบบฟอร์มขอพักการเรียนในเทอมนี้ไว้ก่อน จากนั้นฉันก็เดินตามหาเพื่อนที่เรียนด้วยกันในคณะ ทั้งเอฟลิน และโรส ต่างก็ตกใจที่ฉันเป็นมะเร็ง แต่ครั้งนี้ ฉันไม่ได้ปล่อยโฮต่อหน้าเพื่อนๆ ฉันไม่ได้คุยนานเพราะพวกเขาต้องไปเรียนฉันเลยบอกว่าว่างๆ จะโทรไปหาทั้งสองคน เป็นอันว่าฉันได้ดรอบการเรียนเพื่อที่จะต้องทำการผ่าตัดลำใส้ในไม่ช้า

    อาทิตย์ต่อมา มิสเตอร์เบลมมี่ได้นัดฉันไปคุยเพื่อที่จะพูดถึงเรื่องการผ่าตัด เขาให้ฉันขึ้นไปนอนที่เตียงคนไข้ แล้วให้ฉันนอนตะแคง เอาอีกแล้ว ฉันโดน Digital Examination อีกแล้ว ฉันร้องจ้า เสียงหลงอีกแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ ยิ่งกว่านั้นเขาต้องสอดนิ้วเข้าที่ไปรูก้นของฉัน ลึกกว่าครั้งก่อน นานกว่าครั้งก่อน เพื่อที่จะไปสัมผัสเนื้องอกที่อยู่ในลำใส้ฉัน เขาลูบไปมา เขาไม่ได้ฟังเสียงร้องของฉันเลย ... โปรดติดตามตอนต่อไป

    แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 49 12:46:22

    จากคุณ : Summer_scent - [ 29 ก.ย. 49 12:45:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com