CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ยิ้มไว้...เมื่อภัย(มะเร็ง)มา ตอน 10 เล่าจากเรื่องจริง

    ฉันหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงคุณพยาบาลคนหนึ่งเรียก "แพรว แพรว รู้สึกตัวหรือยัง" เขาพยายามปลุกเพื่อบอกให้ฉันรู้ว่า ฉันผ่าตัดเสร็จแล้วนะ ฉันได้ยินเสียงซู่ๆ ๆ ซึ่งเป็นเสียงของหลอดอ๊อกซิเจน ฉันมองไม่ค่อยเห็นตามันฟ่าฟางไปหมด สลึมสลือ ครึ่งหลับ ครึ่งตื่น ไม่มีคำไหนเล็ดลอดมาจากปาก นอกจากเสียงคราง "อืออออ อืออออ"  รับคำว่าฉันได้ยินที่เขาพูด แล้วฉันก็เผลอหลับไปอีกครั้งด้วยความอ่อนล้า

    ตอนดึกของคืนนั้นฉันค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ ในห้องมืดสลัว มีแสงไฟลอดมาจากนอกประตู ฉันได้ยินทั้งเสียงนางพยาบาล เสียงเจ้าหน้าที่คุยกัน แต่ฟังไม่เป็นคำ ฉันมึนๆ คอแห้ง กลืนน้ำลายแทบไม่ได้ ฉันค่อยๆ คลำหาปุ่ม เรียกนางพยาบาลที่อยู่บนหัวเตียง คลำไปคลำมาเป็นปุ่มเปิดไฟ ห้องสว่างทำให้ตาฉันจ้าไปหมด แล้วฉันก็เจอปุ่มเรียกนางพยาบาลจนได้ รอสักพักเขาก็เดินมาก็บอกชื่อฉันไม่สนใจ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ฉันกระหายน้ำ  "ฉันขอดื่มน้ำหน่อยได้ไหม" ฉันขออนุญาติเขา "ได้ เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำแข็งมาให้นะ ให้อมน้ำแข็งไว้นะ ห้ามกลืนลงไปเลย แต่อย่าอมทีละเยอะๆนะ หมอห้ามไว้" เขาเตือนฉันแล้วก็หายไป สักครู่ก็เอาน้ำแข็งมาให้ฉัน ฉันรีปใช้ช้อนพลาสติกสีขาว ตักน้ำแข็งใสก้อนเล็กๆ ตักเยอะก็ไม่ได้ นางพยาบาลดูอยู่ ฉันก็ค่อยๆตักทีละก้อน แล้วก็เอาเข้าปาก อมน้ำแข็งไปมันก็ละลายช้าๆ สักครู่ก็หมดแล้ว ฉันก็ตักอีกก้อนนึง "แค่ก้อนก็แล้วก็พอนะ รอสักพักค่อย ตักใหม่" นางพยาบาลปรามฉันอีกละ

    ก็คนมันคอแห้งอะนะ ฉันหงุดหงิดนิดๆ แต่ก็ไม่อยากมีปัญหามีอะไรก็ทนเอาไว้ มาถึงขั้นนี้ละ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมองดูแผล ใจมันกลัว รอไว้พรุ่งนี้ค่อยดูละกัน ฉันนึกได้ก็กดยาแก้ปวดไปทีนึง ไม่อยากให้มันเจ็บ พอนึกขึ้นได้ทีนึงก็กด ไปทีนึง กดมากๆก็ไม่ดี ฉันกลัวติอมอร์ฟีน อิอิอิ เวอร์ซะไม่มี ยาแก้ปวดแบบนี้มันไม่ติดกันได้ง่ายๆหรอก แต่ฉันก็กลัวในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันเหนื่อยมาก ล้าไปทั่วร่างกาย ไม่ได้โทรหาชอน เพราะมันดึกมากแล้ว ไม่อยากรบกวนเขาด้วย ในใจคิดว่าค่อยเจอกันพรุ่งนี้ก็ได้ ฉันก็พยายามข่มใจให้หลับต่อ

    เช้าวันรุ่งขึ้นฉันก็ถูกมิสเตอร์เบลมมี่ปลุกตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่เลย จริงแล้วที่นี่ก็ไม่มีไก่อะนะ ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าเลย เขาตื่นเร็วจัง เป็นหมอที่นี่ลำบากนะ ต้องตื่นแต่เช้าตรู่และต้องแอ็คทีฟ อยู่ตลอดเวลา "หวัดดีจ้า แพรว เป็นยังไงบ้าง" เขาทักทาย "สบายดีค่ะ" ฉันตอบไป คำว่าสบายดีมันติดปากนะ จริงๆแล้วไม่สบายหรอก อึดอัด หิวน้ำ หิวข้าว เจ็บแผล ได้ยินเสียงซู่ๆ มองหาว่าเสียงอะไรนะ ที่แท้ก็เป็นสายออกซิเจนที่เขาเหน็บอยู่ที่จมูกของฉัน เมื่อคืนก็มองหา ไม่รู้อยู่ที่ไหน ที่แท้ก็อยู่แค่ปลายรูจมูกฉันนี่เอง "ผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี เราได้ตัดเอาเนื้อร้ายออกหมดแล้ว" มิสเตอร์เบลลมี่อธิบายด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส "แต่เราก็ต้องเอาลำไส้ที่ตัดแล้วไปตรวจให้แน่ใจก่อนว่าจะมีผลอะไร ต่อไปหรือเปล่า แล้วผมจะแจ้งให้คุณทราบอีกที" ฉันกล่าวขอบคุณเขา เขาก็มีเปิดดูแผล ฉันเห็นแว๊บๆ อ๊าว... เขาผ่าแผลเก่านิ เขาผ่าแผลเดียวกับตอนผ่ารังไข่เลย ฉันเห็นแผลเก่าที่ผ่าจากใต้สะดือลงมาถึงใกล้ๆ กับแพรวน้อยเป็นทางยาวประมาณ 15 เซนต์แนะ แต่ยาวกว่าเก่าหน่อย ของเก่าประมาณ 10 เซนต์ เขาแปะพลาสเตอร์ใสใหญ่ๆ ปิดแผลไว้ ปิดยังไงๆ ก็มองเห็น ออกจะใสขนาดนั้น โอย ...จะเป็นลม แต่รวบรวมความกล้ามองไปอีกที เห็นถุงอะไรนะ แปะอยู่ข้างๆ ตัว อ๋อ...ถุงอึ๊อึนั่นเอง แปลกดีแฮะ กลัวมันเต็มจัง ไม่รู้ว่าจะเหม็นหรือปล่าว (ตอนนั้นยังไม่ได้ถ่ายเลยค่ะ แม้แต่จะกินยังไม่ได้กินเลย จะถ่ายได้ไงอะ) เมื่อมิสเตอร์เบลมมี่เปิดดูแผล และดูที่ท้อง หันมายิ้มกับฉันแล้วบอกว่า "good ดี ไม่มีปัญหาอะไร พักผ่อนให้มากๆ นะ"

    เขาดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย คงจะชินละหล่ะ เลยเห็นเป็นเรื่องปรกติธรรมดา แต่ฉันยังทำใจไมได้เลย
    แล้วก็ฉันกลั้นใจถามว่าฉันจะทานอาหารได้เมื่ไหร่ เพราะฉันหิวอะ เขาก็บอกว่าถ้าถุงอีลีออสโตมีที่อยู่หน้าท้องฉัน มีลมพองเป็นเหมือนลูกบอลลูนเมื่อไหร ฉันก็จะกินอาหารได้เมื่อนั้น โห...จริงๆแล้วก็คือ ถ้าฉันตด (pass wind) จนถุงนั้นพองขึ้น เมื่อไหร่ฉันก็จะกินได้เมื่อนั้น รอไปรอมาฉันก็ไม่ตดสักที เขาก็บอกว่าจะมาดูฉันทุกวันไม่ต้องเป็นห่วงนะแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้อง พอเขาออกไปฉันก็เปิดดูแผลตัวเองให้ชัดๆอีกที ดูดีๆ มีตั้ง 3 รอยแนะ แผลใหญ่ หนึ่งละ แผลข้างซ้ายที่ใส่ถุงอึไว้ สองละ แล้วแผลที่สามก็เป็นแผลเล็กๆอยู่ด้านซ้ายมือ อยู่เกือบติดขอบกางเกงในแล้วก็มีท่อต่อจากแผลนั้นเป็นท่อใสๆ มองเห็นเลือดสีแดงๆ อยู่ในท่อนั้นด้วย ดูเหมือนจะเป็นท่อที่ใช้ดูดพวกเลือดที่เสียออกมาจากท้องฉันแน่เลย เพราะมันต่อกับถุงพลาสติกที่พักไว้ที่ปลายเตียง พักไว้ข้างๆ กับถุงฉี่นั่นแหละ คงจะเป็นของเสียเหมือนกัน ฉันนึกในใจ แต่ไม่รู้มันคืออะไร ไม่ได้ถามใครเลย

    แล้วนางพยาบาลก็มีดูว่าถุงใส่ฉี่ที่ต่อท่อเล็กๆ ใสๆ ยาวๆ จากรูฉี่ของฉัน ยาวไปจนถึงปลายเตียงโน่น ถุงฉี่นั่นแหละมันเต็มหรือยัง ถ้าเต็มแล้วนางพยาบาลก็จะถ่ายเอาน้ำฉี่ไปทิ้ง โดยที่เขาจะปีบที่ปากถุงเพื่อให้น้ำมันล้นออกจาถุงไหลไปสู่ท่อที่ต่อไว้อีกด้านนึงของเจ้าถุงนั่น แล้วก็ใช้กาละมังรองน้ำฉี่ของฉัน เมื่อเต็มก็เอาไปทิ้ง ฉันไม่มีอะไรทำ ได้แต่มองดูเขาอย่างใจจดใจจ่อ

    พอสักพักคุณเฮเลน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านท้องและลำใส้ (นึกถึงปอบผีฟ้ามาทันทีเลย ) เขาก็มาทักทายแล้วก็มาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันจะต้องรู้ เขาบอกว่าไอ้ลำใส้ที่ยื่นออกมาจากท้องฉันซึ่งจะเป็นรูที่ไว้สำหรับไว้ขับถ่ายของเสียออกมา เราจะเห็นเป็นสีแดงเหมือนสีปากของเรา ลำไส้ในท้องเราจะเป็นสีแบบนั้น รูปร่างเหมือนกับเราทำปากจู๋เลย (แต่ไม่น่าจูจุ๊บเลย ยี๊... ขยะแขยงซะมากกว่า)ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกส่วนนั้นว่าสตอม่า Stoma คุณเฮเลนบอกว่าฉันจะต้องเปลี่ยนถุงวันเว้นวันเพื่อความสะอาด และถ้าถุงมันเต็มแล้วเราก็เปิดท้ายถุง เพื่อรีดเอาของเสียที่อยู่ในถุงออกตั้งแต่ต้นถุง รีดลงไปยังท้ายถุง สนุกไปอีกแบบ (แบบเหม็นๆ dirty dirty หน่ะ) แต่เราก็นั่งเหมือนเรานั่งบนชักโครกนั่นแหละ เพียงแต่ว่าพยายามเล็งปากถุงให้ตรงรูของชักโครก จะได้ไม่เลอะ (เลอะแล้วเป็นเรื่องเลยนะคะ) เสร็จแล้วเราก็ปิดที่ก้นถุง ม้วนพับขึ้นสองทบ แล้วก็มีที่ปิดล็อคไม่ให้มันรั่วไหลไปเลอะที่อื่นได้ แต่ตอนนั้นฉันยังไม่มีอึออกมา เลยยังไม่ต้องไปห้องน้ำให้เสียเวลา อีกทั้งฉันก็ยังขยับตัว หรือลุกไปไหนไม่ค่อยไหว

    พอตกบ่ายก็มีเจ้าหน้าที่คนใหม่มามีสอนวิธีบริหารปอดหลังการผ่าตัด เขาก็ให้ฉันนอนตะแคง ฉันก็พยายามขยับตัว ไปข้างๆเตียง รวบรวมกำลัง แล้วใช้มือทั้งสองข้างยึดขอบข้างเตียงไว้ เอนตัวไปข้างๆ เพื่อจะนอนตะแคงให้ได้ เจ้าหน้าที่ก็ช่วยกดยาแก้ปวดให้ฉัน มันจะได้ช่วยให้ปวดน้อยลง เฮ้อ ... ในที่สุดฉันก็นอนตะแคงได้แล้ว เย้... แต่เจ็บแผลจังเลย  กว่าจะนอนตะแคงได้นี่มันยากเย็นแสนเข็ญซะจริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่เขาก็ใช้นิ้วมือจิ้มเหมือนเล่นเปียนโนที่บริเวณกระดูกซี่โครงของฉัน แล้วให้ฉันพยายม หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกลึกๆ breathe in - breathe out ทำอย่างนี้ข้างละ 5 - 10 นาที ขอย้ำข้างละ ฉันก็ต้องตาลีตาเหลือกนอนตะแคงขวาอีก กว่าจะได้ เฮ้อ ...มันทรมานจริงๆ
    แล้วเขาก็ชมว่าทำได้ดีมาก ให้กำลังใจแล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่ โห ...ยังจะมาอีกเหรอคะ ฉันจะต้องทำแบบนี้ไปอีกกี่วันเนี่ย เจ็บนะ ฉันพูดในใจ

    นี่ขนาดวันแรกแท้ๆ พวกหมอ พยาบาล ไม่ค่อยปรานีฉันเลย แต่ดีหน่อยพอตกเย็นหน่อยชอนเขาก็มา เขาจะมาเยี่ยมได้ก็ต่อเมื่อหลังเลิกงาน หรือวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์เท่านั้น ฉันอยู่คนเดียวเหงามาก ตั้งตาคอยคนมาเยี่ยม ไม่ได้พูดหลายวันจนน้ำลายจะบูดแล้ว พอชอนมาถึงเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉัน แล้วก็จุมพิตที่หน้าผาก "เป็นไงบ้างครับ เบบี้" จริงๆแล้วเราเรียกกันและกันว่าเบบี้ แทนเรียกชื่อของแต่ละคน มันดูน่ารักดี ก็เหมือนกับคำว่าที่รักบ้านเรานั่นแหละค่ะ ฉันก็บอกว่า "ไม่ค่อยสบายเลย เจ็บแผลนิดๆ แล้วก็คิดถึงคุณมากๆเลย" ฉันพูดอ้อนหน่อยๆ ชอนยิ้มแล้วก็ถามว่า "Have you been eating poo,baby? ที่รักเธอไปทานอึมาเหรอ (ทำไมปากเธอเหม็นจัง)" เขาพูดแนวๆ โจ๊กๆ ขำๆ ฉันก็เอามือปิดปาก "Nooo ไม่ ฉันไม่ได้กินอะไร" นอกจากหมอกับพยาบาลแล้วฉันไม่ได้พูดกับใครจนน้ำลายบูดไปละ แหม ! พูดแบบนี้ฉันสูญเสียความมั่นใจเลย จึงต้องคอยเอามือปิดปากเวลาพูดกับเขา อิอิอิ

    ชอนเขาก็เปิดดูแผล แล้วเขาก็เอามือจิ้มๆถุงอึ แล้วเขาก็ร้องยี๊ เหม็นจัง เขาก็ล้อเล่นอีกนั่นแหละ ทำให้ฉันหัวเราะ โอ๊ย เจ็บแผล หัวเราะไม่ค่อยจะได้ คุณพี่ชอนก็ชอบมาทำให้หัวเราะอยู่นั่นแหละ ฉันเห็นตาเขาเศร้าเวลาเขามองฉัน เขาเห็นแล้วสงสารที่ฉันต้องมาอยู่ในสภาพนี้เขาก็เลยพยายามจะทำให้ฉันหัวเราะมั่ง จะได้มีชีวิตชีวา เขาจับโน่นจับนี่ คอยถามว่าฉันเจ็บที่ไหน เจ็บเยอะไหม ทนเอานะ เดี๋ยวก็หาย เขาก็สงสารที่ฉันกินอะไรก็ไม่ได้ และเขาก็ยังไม่ได้ทานอะไรมาเหมือนกัน รอให้มาเยี่ยมฉันก่อนแล้วค่อยหาอะไรกินทีหลัง เขาจะน่ารักอย่างนี้เสมอ คิดถึงฉันก่อนที่จะคิดถึงตัวเขาเอง นี่แหละที่ทำให้ฉันรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ อิอิอิ โอย... เจ็บแผล

    เขาบอกว่าเมื่อวานเขากังวลมาก กินไม่ได้ ไม่มีสมาธิทำงานเลย แต่พอมิสเตอร์เบลมมี่โทรมาบอกว่าการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีเขาก็โล่งอก ที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมเป็นเพราะว่า ฉันคงจะหลับอยู่ เขาจึงอยากให้ฉันพักผ่อนมากๆ แล้วเย็นนี้เขาก็เลยหอบรักให้ก้อนโตและคำพูดหวานๆมาให้หนำใจเลย อิอิอิ (ยกเว้นตอนถามว่าฉันไปทานอึมาหรือปล่าว) ชอนเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดอกไม้ เขาเลยไม่เคยซื้อมาให้ฉันเลย แม้แต่วันวาเลนไทน์ก็ไม่เคยมีดอกไม้มาให้เห็น อย่างดีก็การ์ดซักใบเพื่อสื่อความรู้สึกดีๆ เขาเสียดายตังค์ด้วย ซื้อมาแล้วเดี๋ยวมันก็เหี่ยว ที่นี่ดอกไม้แพงด้วย เก็บเอาเงินไว้เป็นค่าหยูกค่ายาให้ฉันดีกว่า ฉันก็ว่างั้นแหละ แค่เขามาเยี่ยมฉันก็ดีใจจนหน้าบานเป็นจานเชิงแล้ววว

    เขามานั่งอยู่เป็นเพื่อนฉันจนเขาประกาศไล่ญาติให้กลับไปได้แล้ว คนใข้จะได้พักผ่อน แต่ฉันพักมามากพอแล้ว อยากอยู่กับเขาให้หนำใจ ก็อยู่คนเดียวมันเหงาอะ ....โปรดติดตามตอนต่อไป

    แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 49 08:18:25

    แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 49 20:28:49

    แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 49 20:20:00

    แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 49 20:18:17

    แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 49 17:49:20

    จากคุณ : Summer_scent - [ 30 ก.ย. 49 17:39:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com