ยาฆ่าแมลงที่เราใช้กันในปัจจุบัน เราสามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ตามสมบัติทางเคมีคือ
1. Organochlorine เป็นยากลุ่มเก่า มีพิษสูง ตัวยาสลายได้ช้า และคงทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมนาน ก่อให้เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อมมาก ตกค้างในห่วงโซ่อาหารได้ ตัวอย่างที่เรารู้จักกันดีคือ DDT ซึ่งในปัจจุบันเลิกใช้แล้ว และเป็นสารต้องห้ามในหลายๆประเทศ
2. Organophosphate พัฒนาขึ้นมาจากกลุ่ม Organochlorine โดยสามารถสลายตัวภายใน 72 ชั่วโมงในสิ่งแวดล้อมปกติ แต่ยังคงมีความเป็นพิษต่อคนสูง ถ้าได้รับสารเข้าไปมากๆ ก็สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้
สารกลุ่มนี้นิยมใช้ในทางเกษตรเพราะสามารถสลายตัวได้เร็ว สามารถฉีดก่อนที่จะเก็บเกี่ยวได้ 3 วัน
3. Carmamate มีพิษต่อคนน้อย สลายตัวได้เร็วและไม่ตกค้าง มีข้อเสียคือราคาค่อนข้างแพง
4. Pyrethrin/Pyrethroid เป็นยาฆ่าแมลงที่สกัดได้จากพืช (Pyrethrin) หรือสารสังเคราะห์เลียนแบบ (Pyrethroid) มีพิษต่อคนน้อย สลายตัวได้เร็วและไม่ตกค้าง
ในประเทศไทย นิยมใช้ยากลุ่มนี้มากที่สุด
5. Inorganic เช่น พวกสารหนู, กำมะถันผง, และคอปเปอร์ซัลเฟต, boric acid มีอันตรายมาก ไม่ค่อยนิยมใช้กันนัก (หากไม่จำเป็น)
ปัจจุบัน ยาฆ่าแมลงที่เราใช้กันตามบ้านเรือน จะเป็นกลุ่ม Pyrethroid เช่น
Baygon = permethrin + prallethrin
Raid = permethrin + tetramethrin + allethrin
อัศวิน = deltamethrin
ซึ่งยาฆ่าแมลงกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ จะมีพิษต่อคนน้อย นอกจากว่าจะฉีดใส่ปากหรือฉีดแล้วสูดเข้าปอดเล่น แบบนี้ก็อาจเกิดอันตรายได้
ที่กระทู้ที่แล้ว บอกว่าเห็นคนฉีดใส่อาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะยาอาจจะตกค้างอยู่ในอาหารนั้นๆได้ ก่อนที่มันจะสลายตัวไป และหากได้รับสารไปนานๆ ก็อาจจะส่งผลให้เป็นมะเร็งได้
ส่วนการฉีดแบบปกติทั่วไป ไม่อันตรายต่อคนเรามากนัก และอันตรายจากการสัมผัสกับสารเหล่านี้ทางผิวหนัง ก็น้อยกว่าอันตรายจากการกินมาก
ที่กำหนดว่า ฉีดแล้วไม่ควรเข้าใกล้เป็นเวลา 15-30 นาทีเหตุผลหลัก ไม่ได้เพื่อให้ตัวยาฆ่าแมลงนั้นสลายไป แต่เพื่อให้ตัวทำละลาย (สารที่ทำให้ยาฆ่าแมลงอยู่ในรูปของเหลว/ก๊าซ) ระเหยไปให้หมด
ซึ่งตัวทำละลายเหล่านี้ โดยเฉพาะพวกที่เป็น organic solvent หลายๆตัวเป็นอันตรายต่อร่างกายคนเรา ดังนั้นหลังจากฉีดยาแล้ว ควรทิ้งไว้ให้มันระเหยไปให้หมดก่อนที่จะเข้าไปในห้องนั้นๆ หรือหากฉีดถูกมือ ก็ควรจะรีบล้างมือด้วยสบู่หลายๆครั้ง
ดังนั้น จากกระทู้ที่แล้ว เรื่องที่อ. พูดว่ายาฆ่าแมลงนั้นยังคงอยู่ที่เดิมอีก 30ปี ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเมื่อ 30 ปีที่แล้วครับ ยาที่ใช้ส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่ค่อยมีแบบนี้แล้ว
สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไปอีกคือ ถึงมันจะตกค้างแล้วมันเกิดอันตรายหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่ยาฆ่าแมลงตามบ้านนั้น เป็นกลุ่มที่ปลอดภัยต่อคน ก็ไม่ต้องกังวลอันตรายจากยาฆ่าแมลงมากนัก และก็ไม่ต้องตกใจมาก หากเห็นเขาโฆษณาแล้วฉีดโดยไม่ได้ใส่เสื้อคลุมมิดชิดหรือใส่หน้ากากป้องกันแบบที่ฉีดในไร่นา
และการที่กล่าวว่าคนไทยเป็นมะเร็งมากขึ้นนั้น อาจไม่สามารถนำมาสรุปรวมไปกับการใช้ยาฆ่าแมลงได้ครับ เพราะในปัจจุบัน มีสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งได้อีกเพียบ รอบๆตัวเรามีสิ่งที่เพิ่มความเสี่ยงกับการเกิดมะเร็งมากมายหลายชนิด ไม่จำเพาะแค่ยาฆ่าแมลงเท่านั้น
หากจะพูดว่ามีความเข้าใจแบบผิดๆเกี่ยวกับยาฆ่าแมลงคนไทยถึงเป็นมะเร็งกันเยอะ คงจะไม่ถูกนักครับ
จากคุณ :
Marquez
- [
วันเกิด PANTIP.COM 00:45:09
]