ถีงคนที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่ง และเมื่ออ่านแล้วว่าจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรเลยที่เปลี่ยนไปแต่สิ่งที่เปลี่ยนมันคือความเคยชิน--------------เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วกินใจมากแล้วคุณจะรักกันมากขึ้น
ลองอ่านและซึมซาบความรู้สึกอย่างช้า ๆ
" เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากชั้นไป....เธอควรเป็นคนที่จูงมือชั้นออกไป "
ในวันแต่งงานของผม ผมจูงมือภรรยาของผมในอ้อมแขน
รถแต่งงานจอดหน้าที่พักของเรา เพื่อนเจ้าบ่าวบอกผมว่า
ผมควรจะอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน ดังนั้นผมจึงทำตาม เธอเขินอายในอ้อมแขนผม
ผมช่างเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุดในโลก...
นี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบปี... ในวันถัดๆ มาทุกอย่างก็เหมือนเดิม
เรามีลูกด้วยกัน...ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว...
เมื่อเราเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น... ความห่างของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน...
ทุก ๆเช้าเราออกจากบ้านไปด้วยกันแล้วก็ถึงบ้านเวลาเดียวกัน
ลูกเราเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน ดูเหมือนความรักของเราช่างน่าอิจฉายิ่ง
นัก...แต่แล้ว
ความสงบสุขก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมิได้คาดหมาย....
เจนเข้ามาในชีวิตของผม .... ผมยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน...
เจนเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง.. หัวใจผมเต้นแรงด้วยความรัก...
ที่นี่...เป็นอพาร์เมนท์ที่ผมซื้อให้เธอ...เธอบอกว่า
คุณเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุก คน ถวิลหา...
คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงภรรยาผม... ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ
..เธอบอกว่าวันที่ คุณประสบความสำเร็จ
ผู้ชายอย่างคุณจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา... ผมเริ่มรู้สึกลังเล...
ผมรู้ว่าผมกำลัง ทรยศภรรยาผม... แต่ผมก็ได้ทำลงไปแล้ว....
ผมปลีกตัวออกจากเจน " วันนี้คุณไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เองแล้วกันน๊ะ
ผมต้องเข้าออฟฟิศ " ... แน่นอน... เธอไม่ค่อยพอใจนัก
เพราะผมสัญญากับเธอว่าเราจะ ไปด้วยกัน...
ในตอนนั้น...ความรู้สึกถึงการหย่าร้างเริ่มวิ่งเข้ามาในความคิดผม....ทั้ง
ที่จริงๆแล้วผมไม่เคยมีความคิดนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ผมก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกกับภรรยาของผม....
ไม่ว่าผมจะพูดกับเธอดีสักเพียงใด... เธอจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน...
จริง ๆ
แล้วเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก... ทุก ๆ เย็นเธอจะวุ่นวายกับการ
ทำอาหาร..ในขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าทีวี ทานอาหารเสร็จเราก็นั่งดูทีวีด้วย
กัน...หรือ... ถ้าผมจะเลือกเป็น...นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์....
มองเรือนร่างอันงดงามของเจน... ช่างเป็นอะไรที่หน้าฝันถึงเสียจริง
วันนึงผมพูดทีเล่นทีจริงกับภรรยาของผมว่าจะเธอจะทำยังงัยถ้าเราหย่ากัน...
เธอจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...และเธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร..เธอ
มั่นใจว่าการหย่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก...ผม
นึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอรู้ว่าเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่อง
จริง...เธอจะเป็นอย่างไร
วันนึงภรรยาผมมาที่ออฟฟิศ...สวนทางกับเจนที่เพิ่งจะออกไปพอดี...
พนักงานทุกคนทำหน้าตาเลิกลัก...
เหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเธอ.... เธอเหมือนจะรับรู้มันได้...
แต่เธอก็ยิ้มน้อย ๆ
กับพนักงานทุกคน....แต่ผมก็สังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอภายใต้รอยยิ้ม
นั้นในที่สุด...เจนก็บอกกบผมว่า...หย่ากับเธอน๊ะ..แล้วเราอยู่ด้วยกัน..ผมพยัก
หน้า....ผมจะลังเลอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว....ผมตัดสินใจบอกภรรยาผมในอาหารค่ำ..ผมมี
อะไรจะบอกคุณ...
เธอนั่งทานอาหารอย่าง เงียบๆ...ผมสังเกตุเห็นแววตาอันเจ็บปวดของเธอ...มันทำให้ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการ
พูดไม่ออก...แต่ท้าย
ที่สุดผมก็พูดออกไป...ผมต้องการหย่า...เธอดูไม่ตกใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูด
ออกไปเลย...ผมย้ำกับ
เธออีกครั้ง...เธอเขวี้ยงตะเกียบในมือทิ้ง...แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า..คุณมัน
ไม่ใช่ลูกผู้ชาย...เรา
ไม่ได้คุยกันอีกเลยคืนนั้น...
เธอร้องไห้ อย่างหนัก...
ผมรู้ว่าเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงาน
ของเรา...แต่ผมเองไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้...เป็นเพราะใจผมได้ให้
เจนไปหมดแล้ว
งั้นเหรอ...ผมคงไม่สามารถบอกเธออย่างนั้นได้..มันจะทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้น
ไปอีก...ผมร่างสัญญาการหย่าร้างขึ้น...ระบุว่า..เธอเป็นเจ้าของบ้าน...ทุก ๆ
อย่างในบ้าน ทั้งรถ... หุ้นบริษัท 30% ผมยกให้เธอหมด....
เธอเหลือบมองกระดาษที่ ผมร่างขึ้น...แล้วฉีกมันทิ้ง...มันทำให้ผม
รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น...ผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยมาเป็นระยะเวลาสิบปีกลายเป็นคนแปลก
หน้ากันภายในหนึ่งวัน...
ผมไม่สามารถคืนคำที่ผมพูดไปได้...เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด...
สำหรับผมแล้ว...การ
ร้องไห้ของเธอเหมือนเป็นการปลดปล่อยความสับสนของตัวผมเอง...หลังจากที่ผม
กลุ้มใจกับการตัดสิน
ใจครั้งนี้ของผม..ในที่สุด...มันก็เป็นรูปธรรมขึ้นมาจริงๆ
เสียทีคืนนั้น...ผมกลับถึงบ้านค่อน
ข้างดึก...เห็นเธอเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ..ผมหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความ
เพลีย...ผมตื่นขึ้น
มาอีกทีแล้วพบว่า...เธอเขียนเงื่อนไขการหย่าร้างว่าเธอไม่ต้องการสิ่งใดจาก
ผม...แต่เธอต้องการให้ผมให้
เวลาเธอหนึ่งเดือนเพื่อตั้งตัวสำหรับการหย่า...และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือน
นั้นทุกอย่างต้องดำเนิน
ไปตามปกติ...ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอต้องการให้ลูกจบการศึกษาซึ่งกำลังจะมาถึง
เสียก่อน..เธอไม่อยากให้
ลูกต้องเห็นความล้มเหลวในการแต่งงานของพ่อแม่ก่อนเวลานั้นจะ
มาถึง...รัชต์..คุณจำได้มั๊ย...วันที่เราแต่งงานกัน...คุณประคองชั้นไว้ใน
อ้อมกอดในวันที่เราเข้า
เรือนหอ..ผมพยักหน้า..นั่นเป็นความทรง
จำที่ดีที่สุดของชั้น...ชั้นมีเรื่องขอร้อง...ชั้นอยากให้คุณประคองชั้นไว้
ในอ้อมกอดจากห้องนอนไปถึงด้าน
ล่างทุกวันนับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน
ผม ยอมรับด้วยความเต็มใจ...ผมรู้ดีว่า เธอคิดถึงวันดีๆ
เหล่านั้น...และเธอต้องการให้ชีวิตการแต่งงานเธอจบลงด้วยความทรงจำที่ดี
ผมบอกเจนถึงเงื่อนไขที่ภรรยาผมตั้งขึ้นในการหย่าร้าง...เธอหัวเราะถึงความ
ไร้สาระของเงือนไข....ภรรยาผมบอกกับผมว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...
เธอจะต้องยอมรับผลของการหย่าร้างให้ได้...
คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง....
เราไม่ได้ถูกต้องตัวกันเลยนับแต่วันที่ผมขอเธอหย่า...ความจริงเหมือนจะเป็น
คนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำ
ไป...พอถึงวันที่ผมประคองเธอลงจากห้องวันแรก...มันจึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูก...
ลูกชายเราตบมือ
แล้วพูดด้วยความดีใจว่า ว้าว...
วันนี้พ่ออุ้มแม่ลงจากห้องด้วย....มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น......เธอ
บอกว่าอย่าบอกลูกเราถึง
เรื่องของเรา...ผมพยักหน้า...ด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม...ผมขับรถ
ไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์..แล้วเลยไปออฟฟิศ
วันถัดมา...ความรู้สึกขัดเขินเริ่มน้อยลงไป...เธอซบบนอกผม...เราใกล้ชิดกัน
มากจนผมได้กลิ่นน้ำ
หอมของเธอ...ผมถึงได้ตระหนักว่า....เธอไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว...เธอ
เริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น
ในวันที่สาม...เธอกระซิบบอกผมว่าสวนกำลังรื้ออยู่ให้เดินระวังด้วย...ในวัน
ที่สี่...มันช่างเหมือนกับว่าเราเป็นคู่รักที่หวานชื่นมาก...ภาพของเจนเริ่มเลือนลางไป...วันที่ห้าและ
หก..เธอคอยเตือนผมในเรื่อง เล็กๆน้อยๆ
เช่นเธอวางเตารีดไว้ที่ไหน..ผมควรจะระวังอะไรบ้างตอนทำอาหาร...และอื่นๆ
อีกมากมาย...ความสนิทสนมของเราเพิ่มมากขึ้นทุกที...ผมไม่ได้บอกเจนถึงเรื่อง
นี้เลย...ผมรู้สึกว่าผมอุ้มเธอง่ายขึ้นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัว
เธอเลย...หรือบางทีคงเป็นเพราะผมแข็งแรงขึ้น...แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่
ใช่อย่างที่ผมคิด...เป็นเพราะว่าเธอผอมลงจนไม่
สามารถใส่เสื้อผ้าเดิมได้..นั่นต่างหากที่ทำให้ผมอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น
ผมรู้ดีว่าเธอพยายามซ่อนความขมขื่นเอาไว้... ลูกของเราร้องขึ้นว่า
พ่อได้เวลาอุ้มแม่แล้วน๊ะ...สำหรับลูกแล้ว...การได้เห็นพ่ออุ้มแม่เป็น
ภาพที่เขามีความสุขที่สุด....เธอเอื้อมมือไปกอดลูกไว้แน่น...ผมทนมองภาพนั้น
ไม่ได้จริงๆ ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย
และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง....ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด...เท้าผมแทบจะก้าวไม่
ออก......เธอบอกกับ
ผมว่า...ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เถ้า...ผมกอดเธอ
แน่น...และผมก็ตระหนัก
ว่า..ชีวิตคู่ของเราขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...ผมขึ้นรถทันทีเพื่อจะไป
ยังจุดหมายใหม่..ผมลังเล
เล็กน้อย..แต่ในที่สุดแล้ว..ผมก็มาพบเจนจนได้....เธอเปิดประตูออก...ผมบอก
เธอว่าเจน..ผมขอโทษ... ผมจะไม่หย่า....เธอมองหน้าผม แตะหน้าผากผม..
คุณสบายดีหรือเปล่าเจน...ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริง ๆ...
ผมจะไม่หย่ากับภรรยาผม...ชีวิตการแต่งงานของเราน่าเบื่อมันเป็นเพราะผมไม่
ได้ให้ความสำคัญกับ รายละเอียดเล็กน้อย...ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ....มันไม่ได้
หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน....ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว....ว่าตั้งแต่วันที่ผม
อุ้มเธอเข้าบ้าน...เธอมีลูก
ให้ผม...ผมควรจะประคองเธอไปจนแก่...
เจนตบหน้าผมอย่างแรงและกระแทกประตูใส่ผม....ระหว่างทาง
กลับบ้านผมแวะร้านดอกไม้.... พนักงานขาย
ดอกไม้ถามว่าจะเขียนว่าอะไร....
ผมให้เธอเขียนว่า..........................ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่
แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 49 16:21:59
จากคุณ :
Valentine_TT
- [
8 ต.ค. 49 16:06:02
]