ความคิดเห็นที่ 1 วันอาทิตย์ 10/9/49  ตอนบ่าย 2.30  มาม๊าไม่สบาย   ป๊าเลยพาน้องเฟยกับพี่ชายแกไปที่ TK  Park  อุทยานการเรียนรู้ที่  เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า     พอไปถึงน้องเฟยก็วิ่ง เล่นนำหน้าป๊าไปก่อน   กดลิฟท์เอง ไม่ยอมให้พี่เขากดลิฟท์  เพราะปกติคนพี่มักจะแย่งกับน้องกดลิฟท์เป็นประจำ   พอไปถึงก็เข้าไปเล่นเกมส์ อินเตอร์เนท   จนกระทั่งเวลา 5.00 เย็น  เราก็ออกมา   น้องเฟยบอกว่าหิวข้าว  จึงพาไปกินอาหารญี่ปุ่น Zen แต่น้องเฟยบอกหนาว  หนาวมาก ๆ  ป๊าจับตัวดูก็รู้ว่าไข้ขึ้นจึงรีบวิ่งไปซื้อยาลดไข้ คาลปอล  มาป้อนน้องเฟยก่อน   จนแกเริ่มดีขึ้น  ก็ทานข้าวกับกุ้งเทมปุระ  ได้จนหมดจาน   นับเป็นครั้งแรกที่น้องเฟยทานจนหมด เพราะปกติแกจะเป็นคนที่เลือกทานอาหารมาก ๆ  ไม่ชอบกินผัก   จากนั้นก็รีบกลับบ้านทันที วันจันทร์ที่  11/9/49  คุณ แม่พาน้องเฟยไปหาหมอรอบที่ 2 กับหมอ วรรณี  คนเดิมที่ รพ. กรุงเทพคริสเตียน วัดไข้ได้  38.5 C   แต่ก็ยังร่าเริง  วิ่งเล่นอยู่หน้าห้องรอตรวจ  ดูอาการดีกว่าเด็กคนอื่น ๆ ที่มาตรวจด้วยซ้ำไป       คุณหมอจึงได้จัดยา  ยา Zithromax  เป็นยาแก้อักเสบ  และ ยาลดไข้   2 อย่าง     พอกลับบ้านก็ทานยาตามปกติ ตามเวลา  น้องเฟยก็ร่าเริงตามเดิม  คุยเสียงดัง ลั่นบ้านตามเคย วันอังคารที่ 12/9/49  น้องเฟยไปโรงเรียนตามปกติ    ตอนเย็นกลับบ้านทานยา Zithromax  วันละ 1 ครั้ง เป็นยาแก้อักเสบ วันพุธ ที่ 13/9/49    น้องเฟย ไปโรงเรียนตามปกติ วันพฤหัสบดีที่ 14//9/49   น้องเฟยเริ่มมีอาการผิดปกติ  ไม่มีไข้แม้แต่น้อย  ตัวไม่ร้อน แต่น้องเฟยบ่นว่าเมื่อยทั้งตัว ไม่มีแรง   เราก็นึกว่าเด็กตื่นเช้า 6.20 น อาจจะยังง่วงนอนอยู่ก็เลยเมื่อย ๆ   พอไปถึงโรงอาหาร  แกก็กินข้าวไม่ลง  ทานได้ 2-3 คำก็ไม่กินแล้ว  มาม๊าเลยอุ้มน้องเฟยมากอดให้แกงีบสักพัก พออ๊อดเข้าห้องดัง  ป๊า และ ม๊าก็พาแกไปเข้าห้อง แต่พอเดินมาถึงกลางสนามบาสแกก็บอกว่าเดินไม่ไหว    ณ เวลานั้น   ถ้าผมทราบว่าตอนนี้มีโรคระบาดในเด็กละก็   ผมคงไม่ชะล่าใจ  นึกว่าแกแกล้งไม่ยอมเข้าห้องเรียน จนถึงเวลานี้ก็ยังเสียใจว่าทำไมวันนั้นเราไม่นึกเอะใจเลยนะว่าลูกเราผิดปกติ แต่เราก็กลัวแกเรียนไม่ทันเพื่อน  เพราะ หยุดเรียนไปหลายวันแล้ว   อีกอย่างอาทิตย์หน้าก็จะสอบแล้วด้วย   เลยพาแกเข้าห้องเรียนด้วยมือของเราเอง   (น้องเฟย  ป๊าขอโทษ  ป๊าผิดเองที่วันนั้นพาน้องเฟยเข้าห้องทั้ง ๆ ที่น้องเฟยบอกเรียนไม่ไหว    ป๊าเสียใจมาก ๆ มากจนไม่อาจให้อภัยตัวเอง   ถ้าหากมีข่าวเรื่องโรค  มือ เท้า ปาก มาก่อน  ป๊าจะไม่ยอมให้น้องเฟยไปโรงเรียนเลย  ทุกวันนี้มันก็ยังหลอนอยู่ในหัวป๊าตลอดเวลา ) จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 10 ต.ค. 49 16:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทำไมทางสาธารณสุขถึงปิดข่าวกัน   ไม่เคยมีใครรู้จักโรคนี้มาก่อนเลยทั้งที่มันรุนแรงกับเด็ก มาก ๆ และกำลังระบาดอยู่   ซึ่งความจริงมีเด็กเสียชีวิต ตั้งแต่ต้นปีแล้ว 5-6 คนด้วยกัน  เพิ่งจะเป็นข่าวก็ในกรณีลูกของผมนี่แหละ เย็นวันนั้นหลังจากรับกลับบ้าน   ปรากฏว่ามีรอยบวมใต้ตาทั้ง 2 ข้าง  พอมีใครไปทักแกก็จะบอกว่าอย่ายุ่ง   รู้สึกว่าวันนั้นแกจะนั่งดูทีวีอย่างเดียว  ไม่พูด ไม่คุย  ไม่ส่งเสียงดังตามปกติ เวลา  2 ทุ่ม  ผมอุ้มแกเข้าห้องให้แกนอนที่เตียงประจำของแก   แต่ปรากฏว่า ที่แขน  และ ขา จับแล้วเย็นมาก   แต่ที่ตัวยังอุ่น  หัวเริ่มมีเหงื่อออกมาก   ผมรู้แล้วว่าอาการโรคที่แท้จริงตอนนี้เริ่มปรากฏตัวแน่ ๆ แล้ว  ทั้งที่ตอนหัวค่ำยังไม่มีอาการมือเย็น  เท้าเย็น  เลยแม้แต่น้อย   ผมปรึกษากับคุณแม่  เห็นว่ามันดึกแล้ว ถ้าไปโรงพยาบาลเวลานี้คงเจอแต่หมอเวร   อีกอย่างแกก็ไม่มีไข้   นอนอย่างเดียว  ไม่ร้องเจ็บ  หรือ ปวดตรงหัวเหมือนตอนก่อนเป็นไข้ครั้งแรก   ก็เลยตั้งใจว่าเช้าวันศุกร์จะพาไปหาหมออีกที  คราวนี้น่าจะรักษาได้แน่เพราะอาการออกชัดมาก ๆ วันศุกร์ ที่ 15/9/49   คุณแม่พาน้องเฟยไปโรงพยาบาลเวาลา 10.00 น    ช่วงเช้า 7.00 น คุณพ่อได้นวดแขนนวดขาให้น้องเฟย เพราะมือและขา แกเย็นมาก ๆ  ตลอดเวลา  แต่ไม่มีแผลที่มือ หรือ เท้าเลยแม้แต่น้อย สะอาดมาก       พอไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอได้พยายามเจาะหาเส้นเลือดเพื่อใส่น้ำเกลือด่วน  เพราะว่าเด็กเกิดอาการช๊อค   แต่ก็ไม่สามารถเจาะได้ จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 10 ต.ค. 49 16:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะเส้นเลือดหาไม่เจอเลย ต้องเจาะอยู่ถึงกว่า 10 ครั้ง  น้องเฟยร้องไห้ตลอดเลยเพราะว่าเจ็บมาก  จนคุณแม่ที่นั่งรออยู่ข้างนอกยังทนไม่ไหวถึงกับร้องไห้สงสารลูก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะการเจาะเลือดเป็นทางเดียวที่จะให้อาหารแกด้วน้ำเกลือ  เพื่อพยุงอาการให้เข้าที่ เวลา  21.00 น  ผมมาถึงโรงพยาบาล  ที่ห้อง ไอ ซี ยู  เห็นน้องเฟยนอนตาลอยอยู่  ดูหน้าแล้วโทรมกว่าตอนเข้ามาก ๆ   จากนั้นแกก็อาเจียน    มีเสลดในคอต้องคอยดูดออกเป็นระยะ ๆ    แต่ไม่มีหมอในห้อง ICU เลย   ผมถามแฟนว่าหมอไปไหนกับหมด   แฟนก็บอกว่าหมอออกเวรไปแล้ว   สักพักก็มีหมอเวรเด็ก เข้ามาและตรวจอาการแกตามปกติ   แต่รุ้สึกว่าอาการลูกผมจะแย่ลงเรื่อย ๆ เห็น คุณหมอวิ่งเข้า วิ่งออกอยู่หลายรอบ   เรียกพยาบาลเข้าไปช่วยต้วย แกบอกว่าลูกผมอาการค่อนข้างหนักมาก ๆ  แต่ยังหาสาเหตุของโรคไม่เจอ   จากนั้นได้นำน้องเฟยไปเอ็กซ์เรย์ ปอด     หัวใจ  และ ทำ CT Scan สมอง   เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติบ้าง   ผลก็คือ ปอดปกติ  ไม่มีอาการปอดบวม   (อาการปอดบวมมาพบทีหลังในเช้าวันเสาร์ที่เสียชีวิต )   แต่หัวใจทำงานผิดปกติ  แรงดันชีพจรเต้นเดี๋ยวแรงเดี๋ยวเบา   อาการน่าเป็นห่วง   ส่วนที่สมองก็มองไม่เห็นความผิดปกติ   แต่คุณหมอในคืนนั้นก็แจ้งว่าเครื่อง CT Scan สามารถมองเห็นได้แค่ช่วง   1 CM.  แล้วก็เว้น 1 CM   คื่อมองเห็นช่วง และ ไม่เห็นช่วงสลับกันไป   จากภาพถ่าย ก้านสมองเด็กมองแล้วก็ยังไม่เห็นเลือดคั่ง  หรือ อะไรที่ผิดปกติ คุณหมอเวรช่วงดึก แกก็ได้โทรไปปรึกษา  หมอประจำของน้องเฟย  คือ คุณ หมอ วรรณณี  ตลอด แล้วก็วิ่งเข้าไปเจาะเลือดลูกเราอีกแล้ว  ทุก ๆ ชั่วโมง  แต่ลูกเราตอนนี้โดนยานอนหลับอยู่จึงยังไม่มีการร้อง หรือตอบสนอง   คุณหมอได้ตะโกนเรียกน้องเฟย  เอาที่เคาะกระดูกมาเคาะที่เท้า แต่  เท้าก็ไม่มีการตอบสนอง  เอาไฟฉายมาส่องตา  ตาก็ไม่ตอบสนอง   แล้วคุณหมอก็พยายามตะโกนเรียกน้องเฟยอยู่นาน   ผมก็เริ่มรู้สึกใจไม่ดีแล้ว  เอทำไมบรรยากาศเริ่มแย่ลง ๆ  ลูกเราเป็นอะไรกันแน่     ถามคุณหมอ  แกก็บอกว่าอาจจะช็อกอย่างแรงจากโรคเบาหวานเฉียบพลัน จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 10 ต.ค. 49 16:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่หลังจากวิเคราะห์อีกที  ก็ไม่น่าจะใช่  เพราะผลเลือดสรุปแล้วมีแต่น้ำตาลในเลือดที่สูงถึง 300 แต่ตัวอื่นปกติจึงไม่น่าจะใช่บาวหวานเฉียบพลัน     ตอนนั้นผมเริ่มถามตัวเองแล้วว่า    หมอใหญ่ของที่นี่ไปไหนกันหมด  ปล่อยให้หมอเวรหนุ่ม ๆ ทำอยู่คนเดียว โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน  ไม่มีหมอดี ๆ เหลือเลยเหรอ   แต่ผมก็เห็นความตั้งใจของหมอเวรคนนี้มาก  แกพยายามทำทุกวิธีทาง  ใช้ทุกเครื่องมือของโรงพยาบาลที่มี   รวมทั้งเครื่องตรวจหัวใจด้วยไฟฟ้า  เครื่อง CT Scan ตรวจสมอง ผลก็คือ  ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร คุณหมอเวรคืนนั้นเดินมาบอกเราว่า   ทางโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนไม่มีเครื่องมือที่ละเอียดเพียงพอที่จะหาเชื้อโรคตัวนี้   หรือ ไวรัสตัวนี้ได้   จำเป็นต้องส่งต่อโรงพยาบาล จุฬา หรือไม่ก็ ศิริราช     ในเวลานั้นผมเริ่มใจสั่นและคิดหนัก  ว่าอาการลูกเราตอนนี้เป็นตายเท่ากัน  จะไปไหนดี  นี่ก็ตี 2.30 แล้ว  ใครจะมีอาจารย์หมอละ   คืนวันศุกร์  ติดต่อไปที่จุฬาก็ไม่มีเตียงเหลือ     สุดท้ายผมเลือกโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ทางหมอเวรได้ติดต่อประสานงานให้กับ  รพ บำรุงราษฏร์  เรียบร้อย   เป็นอาจารย์หมอเด็กเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ     เพราะลูกผมตอนนี้หายใจถี่มาก ๆ  เหมือนคนวิ่งมาเหนื่อย จะหายใจถี่ ๆ ตลอดเวลา ต้อง ใช้รถพยาบาลของกรุงเทพคริสเตียนส่งไปพร้อมกับใช้เครื่องช่วยหายใจไปตลอดทาง ระหว่างทางผมเห็นหยดน้ำตาบนหน้าน้องเฟย   จิตใจเราก็เริ่มแย่ลง หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาแก   ภาวนาว่าอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ   ปาป๊า กำลังพาน้องเฟยไปหาหมอที่เก่งที่ดีที่สุดแล้ว   อดทนหน่อยนะ   น้องเฟยชอบพูดว่าน้องเฟยอดทนเก่งนี่ คราวนี้ถ้าน้องเฟยหาย  ปาป๊าจะพาไปดู MASK  RIDER  SHOW  ที่กำลังจะแสดงเร็ว ๆ นี้   น้องเฟยชอบพูดว่าอยากดูไม่ใช่เหรอ    จะดูกี่รอบก็ได้นะ พอไปถึง คุณหมอที่ บำรุงราษฏร์  ได้เตรียมห้อง  ICU รอไว้เรียบร้อยแล้ว  และทำการรักษาต่อทันที มีการใส่เครื่องช่วยหายใจอัตโนมัติ    เครื่องให้น้ำเกลือ    เครื่องตรวจชีพจร   เครื่องตรวจการเต้นของหัวใจ  เครื่องตรวจอะไรอีกไม่รู้  รวม ๆ แล้วเกือบ 8 เครื่องด้วยกัน คุณหมอบอกว่าลูกเรามีอาการติดเชื้อเข้าขั้นรุนแรง    เพราะหัวใจทำงานผิดปกติในการส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง  ทำให้สมองสั่งการให้หายใจผิดปกติด้วย   แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นไวรัสตัวไหน  จึงขออนุญาตดูดเลือดไปตรวจ จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 10 ต.ค. 49 16:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็ตกลง   แต่คุณหมอบอกว่า  อาการน่าเป็นห่วง ต้องดูตลอดเวลา ชั่วโมงต่อชั่วโมง   ชั่วโมงนี้แย่ แต่ ก็ไม่แน่ว่าชั่วโมงต่อไปอาจดีก็ได้   ในสิ่งที่แย่ก็ยังมีความหวังเสมอ   ผมฟังไปน้ำตาก็เริ่มไหล    ทำได้เพียงแค่สวดภาวนาขอให้ลูกเราปลอดภัยด้วยเถิด   จะให้เราทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น  ยาแพงแค่ไหนก็ได้  ขอให้เขาหาย ผลเลือดยังไม่รู้ต้องรอเพาะเชื้อ  3 วัน  แต่คุณหมอที่บำรุงราษฏร์   บอกว่าเขาได้ฉีดย่าฆ่าเชื้อแบคทีเรีย  และ ไวรัสเท่าที่เขามีให้แล้วโดยไม่รอผลเชื้อของห้องแล๊ป     ถ้าโชคดียาที่ส่งไปอาจใช้กับเวรัสในตัวลูกเราก็ได้  ต้องรอดูอาการอีกที   แต่คุณหมอบอกว่า  ไวรัส 99% ไม่มียาฆ่าเชื้อ  ต้องใช้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเด็กเองเป็นตัวฆ่า   ถ้าลูกเราแข็งแรง  ก็จะผ่านช่วงเลวร้ายนี้ได้  ถ้าแข็งแรงไม่พอก็จบ คืนนั้นผมไม่นอนเลย   นั่งเฝ้าหน้าห้องกระจก ICU ตลอดเวลา   จนเวลา ตี 5 คุณหมอจึงขออนุญาตกลับไปก่อนเพื่อให้หมอด้านหัวใจ  และ สมองมาตรวจในตอนเช้าอีกที   นั่งไปร้องไห้ไปเหมือนคนบ้า   แฟนผมก็นั่งหลับอยู่หน้าห้องเหมือนกัน เช้าวันเสาร์ ที่ 16/9/49  อาการน้องเฟยนิ่ง  ๆ  ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ  เดี๋ยวแรงเดี๋ยวเบา   คุณหมอเด็กด้านหัวใจอ่านรายงานของ  รพ  กรุงเทพคริสเตียน  บอกว่ายังพอมีหวัง  ถ้าไวรัสไม่เข้าไปที่หัวใจ แต่หลังจากใช้เครื่องสแกนหัวใจมาตรวจ  ก็พบว่ามีไวรัสในหัวใจจริง ๆ   และเป็นตัวที่ร้ายที่สุด ซึ่ง ไม่มียาฆ่าเชื้อโรคตัวนี้   โอกาสรอดมีน้อยมาก   แฟนผมพอได้ยินว่าเป็นไวรัสที่ร้ายแรงที่สุด  ถึงกับร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก   จากนั้นคุณหมอด้านสมองเด็ก  ก็ได้มาตรวจดูด้วยเครื่องอะไรก็ไม่รู้  เพราะตอนนั้นสมองผมเองก็ เริ่มไม่รับรู้แล้วเหมือนกัน       คุณหมอสมองเด็กออกมารายงานว่า   ที่สมองตรวจพบเชื้อไวรัส  เช่นกันที่ก้านสมอง  ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของสมอง   และเริ่มตรวจพบเชื้อในปอด     ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานยังตรวจไม่พบเลย  ทำไมวันนี้จึงเจอละ คุณหมอบอกว่าความหวังสุดท้าย ของเรายังมี  คือ  ใช้เซรุ่มของคนอื่นที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง  มาฉีดให้น้องเฟย   เป็นความหวังสุดท้าย   เนื่องจากภูมิคุ้มกันร่างกายของน้องเฟย  ไม่ไหว  ต้องส่งกองทัพของคนอื่นมาช่วย ถ้าช่วยได้ก็คงจะฆ่าไวรัสได้บ้าง   ทางผมจึงตกลงให้ใช้เซรุ่มตัวนี้ จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 10 ต.ค. 49 16:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถึงแม้จะยังไม่การรับรองเซรุ่มตัวนี้อย่างเป็นเอกสารแต่ในเมืองนอกมีการใช้กัน และได้ผลบ้างในบางเคสเท่านั้น คุณหมอได้แจ้งอีกว่าราคาเข็มละ  60,000 B.  ซึ่งทางเราก็ยินดี   ทางคุณหมอได้ขอเจาะไขกระดูกสันหลังเพื่อขอส่งไปตรวจหาเชื้อด้วย  ซึ่งทางเราก็คิดหนักในตอนแรก  กลัวแกจะทนไม่ไหว     แต่ในที่สุดทางเราก็ได้อนุญาต  เพราะเราไม่มีที่พี่งแล้วนอกจากหมอ หลังจากได้รับการฉีดเซรุ่ม  เข้าไป 2 ชั่วโมง   หัวใจของน้องเฟยก็หยุดเต้น ขึ้นมา   คุณหมอจึงรีบเข้ามาปั๊มหัวใจซึ่งก็ใช้เวลาในการปั๊ม  1.20 ชั่วโมง  คุณหมอทั้ง 3 คนออกมาแจ้งว่าน้องเฟย ไม่ไหวแล้ว   ผมกับแฟน  อากง  อาม่า  มีแต่น้ำตา  พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว   พอคุณหมอเห็นสภาพผมในตอนนั้น ท่านก็เดินกลับเข้าห้อง ICU อีกครั้งช่วยกันปั๊มหัวใจอีกร่วม 30 นาที  ด้วยกัน แต่ผลสุดท้าย น้องเฟยก็จากพวกเราไป แล้ว ผมเสียใจมาก  โทษตัวเองว่า  เราประมาทอะไรไปรึเปล่า   ทำไมเราไม่ส่งเขาไปรพ บำรุงราษฏร์แต่แรก   เราเห็นว่าประวัติการรักษาทั้งหมดอยู่ที่  รพ กรุงเทพคริสเตียน   เขาเกิดที่นี่  ประวัติการรักษาก็อยู่ที่นี่   แต่ที่นี่กลับไม่สนใจลูกผมเลย   คุณหมอวรรณี   ก็ได้แต่ส่งเสียงตามสายเท่านั้น   ทั้งที่เราก็หาเขาตลอด  ทำไมเขาถึงปล่อยให้ลูกเรานอนรออยู่เฉย ๆ ตั้ง 3-4 ชั่วโมง   จนกระทั่งหมอเวรมาตรวจในตอน 4 ทุ่ม    พบว่าเป็นเคสอาการหนัก   คุณหมอวรรณีก็ไม่ได้แวะมาช่วยดูเลยแม้แต่น้อย    ไม่ได้พูดกับเราเลย แม้สักคำ   มีแต่หมอเวรหนุ่มที่มีความตั้งใจมาก  แต่ยังขาดประสบการณ์   มาดูแลน้องเฟยคนเดียว   นับจากนี้ผมจะไม่ยอมให้ลูกผมนอนรอโดยหาคำตอบไม่ได้อีกต่อไปแล้ว   เปลี่ยนหมอ  หรือ เปลี่ยนโรงพยาบาลเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจหมอ  หรือ กลัวไม่ได้ประวัติการรักษา   เพราะเขาอาจไม่รอดรอให้เรารักษา เหมือนผม จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 10 ต.ค. 49 16:20:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เฟย    ป๊ากับม๊า  รักเฟยมาก  และ  เสียใจมาก ๆ   ขอให้เฟยเกิดมาเป็นลูกป๊าอีกนะ     คราวนี้ป๊ากับม๊า  จะดูแลเฟยใหม่  จะไม่ให้ไปโรงเรียนถ้ามีไข้ และจะไม่ฝืนถ้าลูกร้องไม่ไหวอีกต่อไป สิ่งที่ผมเขียนมานี้เป็นความจริงทั้งหมด  และขอให้ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์แก่  พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ทุกคนในการดูแลลูก หลานของท่าน     โรค  Enterovirus 71 นี้ไม่จำเป็นต้องมีอาการแผลที่มือ  ปาก เท้า  แต่ถ้ามันเข้าไปถึงหัวใจ หรือก้านสมอง  โอกาสรอดชีวิตน้อยมาก ๆ  ถ้ารอด สมองก็จะไม่เหมือนเดิม   สาธารณสุข  หรือ แม้แต่โรงเรียน  ก็ตาม   แจ้งแต่ผมการตรวจในห้องแล๊ป   แต่ไม่เคยเล่าอาการล่วงหน้ามาให้ทราบ   ทั้ง ๆ ที่ทางผมได้เล่าละเอียด   ดังนั้น  ผมจึงขอถือโอกาสนี้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนทราบ   เพื่อเอาไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน  ชีวิตน้องเฟย  1 คน  ในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน   จะมีค่าหากทุกคนช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร   ขอขอบคุณครับ คุณพ่อ  และ คุณ แม่  น้องเฟย   25/9/49 จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 10 ต.ค. 49 16:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอแสดงความเสียใจอย่างมากๆด้วยนะคะ ขอให้ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และครอบครัวของน้องเฟย เข้มเเข็ง และมีกำลังใจดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : meangirl (gibnaka) - [ 10 ต.ค. 49 16:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ จากคุณ : คนบ้าบิต - [ 10 ต.ค. 49 16:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ขอให้ดวงวิญญาณของน้องเฟยไปสู่สุคติค่ะ จากคุณ : ipiup - [ 10 ต.ค. 49 17:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เสียใจด้วยนะค่ะ  กับการจากไปของน้องเฟย   ขอให้คุณและครอบครัวเข้มแข็งให้มากๆ นะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : --กะเบ้อจ๊าง-- - [ 10 ต.ค. 49 17:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านแล้วเสียใจมาก ๆ ค่ะอาการไม่ออกด้วยตอนแรกฟังแล้วเหมือนอาการป่วยทั่วไปเลยมือเท้าไม่ออกอาการด้วยโรคนี้น่ากลัวจังน่าจะมีการเผยแพร่บอกลักษณะของอาการให้มากกว่านี้เนอะประชาชนจะได้รู้เราก็ดูแต่มือเท้าปากลูกอย่างเดียว จากคุณ : แม่น้องภาม - [ 10 ต.ค. 49 17:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราได้ FW เมลล์มาอ่านแล้วยังน้ำตาซึมสงสารน้องเฟยเลยค่ะ จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 10 ต.ค. 49 18:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เสียใจด้วยค่ะ  น้องเค้าไปสบายค่ะ คุณพ่อคุณแม่ พยายาม เข้มแข็งน่ะค่ะ จากคุณ : แม่ ไอ๊ซ (napawan2536) - [ 10 ต.ค. 49 19:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นกำลังใจให้คุณพ่อ คุณแม่ และครอบครัวนะคะ ขอบคุณคุณตังโอ๋ ที่นำเรื่องนี้มาโพสต์ให้อ่านค่ะ จากคุณ : Think of U - [ 10 ต.ค. 49 20:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เสียใจด้วยอย่างสุดซึ้งค่ะ จากคุณ : ชกท้องน้อย - [ 10 ต.ค. 49 20:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอแสดงความเสียใจด้วยอย่างมากค่ะ ขอบคุณ จขกท. ที่นำข้อมูลมาแบ่งปันกันค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : CutieFindingLove - [ 10 ต.ค. 49 20:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ขอให้ครอบครัวเข็มแข็งขึ้นไวๆ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : MaLiDee - [ 10 ต.ค. 49 20:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โหวตให้ค่ะ  จะได้เป็นอุทาหรณ์ต่อไป จากคุณ : jikkoi (Jikkoi) - [ 10 ต.ค. 49 20:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งครับ จากคุณ : thaiMBA - [ 10 ต.ค. 49 21:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ร้องให้เลยค่ะทนไม่ไหว จากคุณ : chobchingchai - [ 10 ต.ค. 49 23:21:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หน้าจะบอกนามสกุล คุณหมอคนแรกด้วยนะครับ .. ผมล่ะมีอคติกับหมอมาเยอะมากเลย พวกรักษาแบบขอไปทีเนี่ย ไร้ความรับผิดชอบ ผมโกรธแทนสุด ๆ เลยเนี่ย หมอประเภทนี้มีเยอะซะด้วยสิ ใครทำอะไรไว้ก็ขอให้ได้รับตามนั้นละกันครับ ประทับใจคุณหมอเวรด้วยครับ อย่างน้อยก็มีคนดี ๆ ใน รพ. นั้น.. จากคุณ : Saeros - [ 10 ต.ค. 49 23:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เสียใจด้วยนะครับ ไม่รู้จะพูดยังไงดี พูดอะไรไม่ออกจริงๆ จากคุณ : robbiepit - [ 11 ต.ค. 49 09:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4763240/A4763240.html จากคุณ : MikaRin - [ 11 ต.ค. 49 10:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 25 น้ำตามันไหล เสียใจด้วยจริง ๆ จากคุณ : กลิ่นลำดวนตรอมตรมจมอุรา - [ 11 ต.ค. 49 10:59:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เข็มแข็งนะคะ... เพิ่งจะดูสาระคดีเกี่ยวการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เกิดจาก ความผิดพลาดทางการรักษาในอเมริกา (Medical Error) เป็นเคสที่เกิดกับโรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในอเมริกา John Hopkins Hospital เพราะความผิดพลาดจากการวินิจฉัยและรักษาทำให้หนูน้อย Josie King ต้องเสียชีวิตภายใต้สายตาของพ่อแม่ ที่พร่ำบอกนางพยาบาลว่าลูกสาวตัวน้อยอาการผิดปรกติอย่างแรง ในขณะที่อยู่ใน ICU เพราะพ่อแม่รู้ความเปลี่ยนแปลงของลูกตลอดเวลา แต่พยาบาลก็เฝ้าบอกว่าไม่มีอะไรผิดปรติ จนในที่หนูน้อยก็ทนไม่ไหวและจากไปในที่สุด คร่าวๆคือหนูน้อย Josie โดนน้ำร้อนลวกขั้นโคม่า เข้ารักษาตัวที่ John Hopkins รู้สึกว่าที่สุดเธอจากไปเพราะร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง ระหว่างการรักษา แต่พยาบาลมองไม่เห็นถึงความผิดปรกติ ทำให้หนูน้อยต้องจากไป งานนี้พ่อแม่ Josie ฟ้องโรงพยาบาล เพราะถือว่า เด็กเสียชีวิตด้วยความประมาทของโรงพยาบาล ทั้งๆที่พ่อแม่ เป็นคนบอกเองว่าเด็กผิดปรกติ แต่พยาบาลก็ยังไม่เชื่อ แต่ตรวจดูแล้วก็บอกว่าเค้ายังโอเค จากเหตุการของหนูน้อย Josie ทำให้ John Hopkins ต้องตั้งสติแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทันที โรงพยาบาลออกมายอมผิด ยอมจ่ายเงินให้ครอบครัว แต่พ่อแม่ของหนู Josie เปลี่ยนความต้องการจากเงินเป็น ให้ John Hopkins หาวิธีทางในการแก้ปัญหา ที่ทำให้เกิดความผิดพลาดอย่างนี้ขึ้น งานนี้ทางโรงพยาบาลยอมทำตาม โดยทำการมองหาจุดบกพร่องทุกอย่าง ในการประสานงาน เปลี่ยนระบบการสื่อสารระหว่างหมอ พยาบาล ผู้ช่วยทุกฝ่าย โดยมีแม่ของ Josie เป็นหนึ่งในผู้ร่วมปฏิวัติการทำงานในโรงพยาบาลทั้งหมด แม่หนูน้อย Josie จึงตั้งมูลนิธิชื่อ Jodie Foundation นำโดยแม่ของหนูน้อย ร่วมกับโรงพยาบาล John Hopkins ตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ให้โรงพยาบาลในอเมริกา หันมามองปัญหาจริงๆจังๆ ภายในโรงพยาบาล และให้แก้ปัญหาที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดทางการรักษาขึ้น รู้สึกว่าเพราะโครงการของหนูน้อย Josie นี้มั๊ง ที่ทำให้บางโรงพยาบาลได้มีนโนบาย ให้เจ้าของไข้สามารถ โทรเรียกหมอได้ด้วยตัวเองทันทีที่รู้สึกว่า ไม่สามารถสื่อสารกับคนที่ดูแลคนป่วยอยู่ณ ตอนนั้นได้ หรือว่าให้เจ้าของไข้เข้าร่วมประชุมได้ในเวลาที่มีการประชุมหมอและพยาบาลของเคสนั้นๆ อยากให้โรงพยาบาลบ้านเรามีสำนึกในการทำการรักษาคนไข้แบบสุดใจบ้างจัง อยากให้มีเทวดาขี่เมฆขาวมาช่วยปัดกวาด ความผิดพลาด ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลในกระทรวงสาธารณะสุขบ้านเราให้เอี่ยมอ่อง....................... คุณพ่อคุณแม่เข็มแข็งนะคะ..... ลองเข้าไปอ่านเรื่องของหนูน้อย Josie กับสิ่งที่ครอบครัว King กำลังทำเพื่อปฏิวัติระบบการรักษาคนป่วยภายใาโรงพยาบาลที่นี่นะคะ http://www.josieking.org/index.html จากคุณ : ใบไผ่ - [ 11 ต.ค. 49 12:00:29 A:4.237.243.210 X: TicketID:112262 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เข้าใจหมอนะ จริง โรงพยาบาล ขนาดนั้น คนไข้ มีเงินเขาก็รักษาเต็มที่ครับ แต่ก็เห็นใจ พ่อของน้องคนนั้นเหมือนกัน จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า - [ 11 ต.ค. 49 12:57:29 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เราก็เคยเกือบตายเพราะหมอ ตอนนั้นน่าจะเกือบ 10 ปีแล้ว เราเป็นไข้เลือดออก ( ไข้สูงตอนเย็นแต่ตอนเช้าลดอะไรอย่างนี้ นานแล้วจำไม่ค่อยได้ ) แม่พาเราไปหาหมอที่วชิระ ถึง 3 ครั้งหมอบอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ( มาหา 3 ครั้งมันน่าจะไม่ธรรมดาแล้วนะ ) จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเป็นลมต่อหน้าหมอเรย เรายังได้ยินไอ้หมอบ้ามันว่าเราว่าเป็นโรคต๊อแต๊ นี่ถ้าสบายดีกว่านี้จะถีบปากมัน จนกระทั่งมีหมอผู้หญิงท่าทางมีอายุมาตรวจก็รัดแขนเราจุดก็ไม่ขึ้นก็เอาเลือดเราไปตรวจปรากฎหมอบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้อีก1 ชั่วโมงก็ไม่รอดแล้วเพราะเลือดมันจะไปออกที่กระเพาะกะสมองแล้ว คิด แล้วยิ่งแค้น โชคยังดีไม่งั้นคงตายไปแล้ว จำหน้ามันไม่ได้ ไอ้เลวทำตรูเกือบตายเป็นหมอได้ไงไม่มีจรรยาบรรณเอาซะเรย อย่าไปเชื่อกับคนที่ขึ้นชื่อว่าหมอมากเกินไป หมอไม่ได้ดีไปซะทุกคน... จากคุณ : nakaenamee - [ 11 ต.ค. 49 15:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านแล้วน้ำตาแทบไหล  ขอให้น้องเฟยไปสุขสบายนะคะ  แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวน้องเฟยด้วย  และอยากบอกกับคุณพ่อน้องเฟยค่ะว่า อย่าโทษตัวเองนะคะ  เก็บสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนไว้ เพื่อที่ต่อไปเราจะได้ไม่ประมาท  และขอขอบคุณที่เผยแพร่เรื่องราวเหล่านี้ให้ได้ทราบค่ะ จากคุณ : หัวใจสีชมพู - [ 11 ต.ค. 49 17:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขนาดเราอ่านไปก็ร้องไห้ไปค่ะ คุณพ่อคงต้องเสียใจมากๆแน่ เสียใจด้วยนะคะ ขอให้น้องเฟยไปสู่สุขติ ขอให้แกเกิดมาเป็นลูกคุณอีก แล้วคุณพ่อน้องเฟยก็ไม่ต้องเฝ้าโทษตัวเองอักนะคะ ถ้าน้องเฟยรู้จะไม่สบายใจเอา เรื่องแบบนี้ มันเกินคาดจริงๆค่ะ เสียใจด้วยจริงๆนะคะ จากคุณ : @^0^@ - [ 12 ต.ค. 49 00:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอให้กำลังใจค่ะ จากคุณ : Jeps (jeps) - [ 12 ต.ค. 49 09:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จากคุณ : ++แขวน++ - [ 12 ต.ค. 49 15:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อ คุณแม่นะคะ จากคุณ : The SAM - [ 13 ต.ค. 49 23:42:15 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอแสดงความเสียใจกับคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวของน้องเฟยด้วยนะคะ..ตอนนี้ลูกสาวของคนคุ้นเคยกันคนนึง ก็กำลังเป็นโรคนี้และอยู่ที่ รพ.เช่นกัน ยังไม่ได้สอบถามอาการและความคืบหน้าเลยค่ะ ฟังแล้วใจคอไม่ดี..เดี๋ยวจะลองโทร.ถามอาการของแกดู.. เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : i'm not superman - [ 14 ต.ค. 49 07:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เสียใจด้วยนะคะ จากคุณ : alca (alca) - [ 14 ต.ค. 49 07:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เสียใจด้วยนะคะ แต่เราว่าคุณพ่อชะล่าใจไปหน่อยนะ  ถ้าอยู่ดี ๆ เป้นไข้เฉย ๆ โดยที่ไม่เป็นหวัด หรือเป็นไข้เลือดออก  ให้สงสัยไว้เลยอ่ะ ว่าอาจติดเชื้อไวรัส  หรือเกิดการอักเสบภายในร่างกายอ่ะ จากคุณ : Ja-E'Jr - [ 14 ต.ค. 49 10:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เสียใจด้วยนะคะ น้องเฟยไปอยู่ที่สบายๆ ไม่เจ็บปวดแล้วค่ะ   น้องเฟย คงไม่อยากให้คุณพ่อรู้สึกผิด โทษตัวเอง            ขอบคุณสำหรับ อุทาหรณ์ ที่มาแชร์ประสบการณ์ ในนี้เผยแพร่ ทั้งที่คุณพ่อน้องเฟย คงเจ็บปวดขณะที่เขียนบอกเล่าประสบการณ์ ขอผลบุณนี้ ที่ส่งผลให้ช่วยคนอื่นๆ ได้ ย้อนกลับไป ที่คอรอบครัว คุณ และน้องเฟย ค่ะ จากคุณ : ตถตา - [ 14 ต.ค. 49 21:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอแสดงว่าความเสียใจ และ ขอให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปอย่างเข้มแข็งค่ะ น้องเฟยไปสบายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ทำดีที่สุดแล้ว น้องเฟยคงเข้าใจ จากคุณ : เจน (OraCle‘U) - [ 14 ต.ค. 49 21:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เคยเหมือนกัน ตอนเรียน ม.1 เป็นไข้ปวดหัว ไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดไปวันจันทร์นะ รอนานมาก พอหมอตรวจก็ให้ยามากิน ถามว่าจะเป็นไข้เลือดออกหรือเปล่า หมอบอกว่าถ้าอยากรู้ให้มาวันพฤหัสอีกที เมื่อกลับไปบ้านปรากฏว่าตอนเย็นมีไข้ขึ้นสูงและปวดหัวมากจนทนไม่ไหว แม่ก็เลยพาไปที่โรงพยาบาลเอกชน หมอสั่งเจาะเลือดตรวจดูเลยว่าเป็นไข้เลือดออกหรือเปล่า ผลก็คือผมเป็นไข้เลือดออกจริง และอาการรุนแรงมาก ถึงขนาดที่หมอเรียกแม่ไปบอกว่าให้ทำใจไว้ด้วย หลังจากนั้นวันต่อๆ มา ร่างกายก็มีอาการบวมขึ้นเรื่อยๆ จนใส่ตะขอกางเกงแทบไม่ได้ หมอบอกว่าเป็นผลจากการที่มีเลือดออกจากอวัยวะภายในร่างกาย ต้องคอยให้น้ำเกลือ ให้ยา และให้น้ำเลือดเลี้ยงไว้ ตอนนั้นนอนอยู่โรงพยาบาลนาน 8 วันถึงได้หาย ในวันนี้ยังนึกอยู่เสมอว่าถ้ารอให้ถึงวันพฤหัสตามที่หมอคนแรกบอกก็คงตายไปนานแล้ว และยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเขาไม่เจาะเลือดดูตั้งแต่แรก เพราะใช้เวลาเพียงไม่เท่าไหร่ก็รู้แล้วว่าเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ จากคุณ : Gunnersaurus - [ 14 ต.ค. 49 22:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ น้องเฟยคงรับรู้แล้วค่ะว่าคุณพ่อ คุณแม่รักเค้าแค่ไหน ขอให้น้องเฟยกลับมาเป็นลูกที่น่ารักของคุณอีกครั้งนะคะ จากคุณ : Juney (taneth) - [ 15 ต.ค. 49 00:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอร่วมไว้อาลัยแด่น้องเฟยผู้วายชนม์ด้วย ณ ทีนี้ และขอให้ประสบการณ์เพิ่มครับ ไม่ได้อยากโทษบุคลากรสาธารณสุข แต่อยากให้ข้อมูลที่ช่วยป้องกันคนที่คุณรักจากอันตรายต่อชีวิตเนื่องจากการไม่รู้เท่าทันโรค เรื่องการปวดท้องของแฟนผมครับ แพทย์เฝ้าเวรฉุกเฉิน (ยังหนุ่ม ๆ อยู่) รพ. เอกชนที่ ตจว. ตรวจว่าเป็นโรคกระเพาะ ทั้ง ๆ ที่ต้องไปหาตอนตี 3 เนื่องจากแฟนทนปวดท้องไม่ไหว ตรวจแล้วให้ยาแก้โรคกระเพาะมาชุดใหญ่ ตกบ่ายของวันนั้น (14 น.) แฟนผมบอกว่าปวดแบบบอกไม่ถูก เลยไป รพ. เดิมนั่นแหละ (ก่อนหน้าก็เพิ่งไปรักษาตัวจากกระดูกทับเส้นประสาท แต่ไม่เกี่ยวกันนะ หมอเจ้าของไข้โรคกระดูกคนนั้นดีมากครับ แถมยังแนะนำและนัดให้ไป รพ. รัฐ อีก) แพทย์อีกท่านซึ่งมีอายุมากหน่อยตรวจแล้วบอกว่า ไส้ติ่งอักเสบขั้นรุนแรง ใกล้แตก (ไม่แน่ใจว่าบวมมา 36 ชม. หรือว่าอยู่ในระยะ 36 ชม. ก่อนจะแตก) ต้องผ่าตัดด่วน 1 ทุ่มวันนั้นเลย (ผ่าจริงประมาณ 2 ทุ่ม เพราะรอคิวฉุกเฉินและแฟนผมไม่ทันได้อดอาหาร) สรุปว่าแพทย์ที่วินิจฉัยว่าแฟนผมเป็นโรคกระเพาะเพราะแฟนผมไม่สามารถบอกการปวดท้องได้ว่าปวดรอบตัว เนื่องจากมันไม่ได้ปวดแค่ท้องน้อยด้านขวาอย่างที่เคยเข้าใจว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบต้องปวดแค่ด้านขวา แต่นี่มันปวดรอบตัวและตัวเองก็มีอาการป่วยจากกระดูกทับเส้นประสาทเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านั้น ว่าแล้วก็คิดถึงเค้าจัง เลิกกันไปเกือบปีแล้ว จากคุณ : TumProfess - [ 15 ต.ค. 49 05:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ จากคุณ : witz@ - [ 15 ต.ค. 49 07:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอแสดงความเสียใจค่ะ แต่มันคงไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อ คุณแม่หรอกค่ะ ก็น้องดูอาการดีซะขนาดนั้นเป็นใครก็คงทำแบบคุณพ่อน่ะ แหละค่ะ แต่ก็อย่างว่า เด็กเค้าบอกอะไรเราไม่ได้มากนัก ถ้าไม่สบายเกิน 5 วันละก็ขอหมอ admit ไปเถอะ อยู่ใกล้ๆ มีอะไรก็จะได้แก้ไขทัน และจงยืนยัยกับหมอว่า ลูกเรา ผิดปกติ เพราะจะมีใครรู้จักลูกเราดีกว่าเรา ส่วนคุณหมอก็ขิให้เชื่อ พ่อแม่ไว้ก่อนนะคะ ปลอดภัยกับตัวเองค่ะ แต่่กรณีนี้ก็โทษคุณหมอคนแรกไม่ได้นะคะ เพราะว่า ตรวจไม่เจออะไรก็ลำบากเหมือนกัน แต่เพียงแต่เอาใจใส่คนไข้มากขึ้นก็คงจะดีค่ะ จากคุณ : แพรละบาย (แพรละบาย) - [ 15 ต.ค. 49 07:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอเเสดงความเสียใจอย่างที่สุดค่ะ พูดไม่ออก เเต่ขอส่งกำลังใจทั้งหมดให้ครอบครัวที่เหลืออยู่ของน้องเฟย คุณพ่อคุณเเม่เข้มเเข็งนะคะ... พร้อมกันนี้ต้องขอบคุณคุณพ่อน้องเฟยมากค่ะที่กรุณามอบประสบการณ์อันพรรณาค่ามิได้นี้เป็นทานต่อพวกเราเพื่อนำมาปรับใช้ดูเเลคนที่เรารักให้ดีที่สุดต่อไป จากคุณ : iamjetski - [ 15 ต.ค. 49 11:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ปัจจุบันมันก็มีโรค มีการติดเชื้อ หลายอย่างที่ยังไม่สามารถรักษาได้ วิธีที่ดี่ที่สุดคือการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ จะได้มีภูมิต้านทานโรคสูงๆ ไว้สู้กับเชื้อโรคที่ยังไม่มียารักษา หมอไม่ได้รู้ไปหมดทุกอย่าง ไม่ได้รักษาได้ทุกโรค และไม่มีทางวินิจฉัยถูกทุกครั้ง การรักษาแล้วไม่ดีขึ้น หรือ วินิจฉัยผิด มันคนละเรื่องกับ จรรยาบรรณ ถ้าบอกว่า วินิจฉัยพลาด แล้วไม่มีจรรยาบรรณ ก็ไม่มีหมอคนไหนในโลกมีจรรยาบรรณหรอกครับ นอกเรื่องอีกนิด ไข้เลือดออกเนี่ย ถ้ามีไข้วันแรก จะตรวจเลือดไม่พบความผิดปกติ จะตรวจพบก็ต่อเมื่อประมาณเข้าวันที่ 3 หลังจากมีไข้ ถ้าตรวจเลือดวันแรกแล้วปกติ ก็ไม่ได้บอกอะไร ก็ยังเป็นไข้เลือดออกได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นก่อนจะด่า ควรหาความรู้ไว้หน่อยก็ดีนะครับ จากคุณ : Evil_Dog - [ 15 ต.ค. 49 12:30:56 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แสดงความเสียใจด้วยนะค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ ต้องเข้มแข็งนะค่ะ หนูเฟยไปสบายแล้วค่ะคุณพ่อ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ รักษาสุขภาพของตัวเองให้มากๆ อย่าโทษตัวเองอยู่นะค่ะ ถ้าหนูเฟยรู้จะไม่สบายใจ และเป็นห่วงเปล่าๆนะค่ะ จากคุณ : องุ่นดอง - [ 15 ต.ค. 49 13:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ จากคุณ : TeddyJr - [ 15 ต.ค. 49 23:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณที่มาให้อุทาหรณ์กับคนอื่นด้วยนะฮะ หมอ โรงบาล นี่คงเลือกกันลำบากฮะตอนเร่งด่วน แต่คนที่จะเป็นหมอน่าจะรู้ว่าตัวเองชี้เป็นชี้ตายคนอื่นได้ คือแบ่บ....อำนาจมันมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบ...   อาชีพนี้ก็พอๆกับสร้างตึกซ่อมบ้าน ชาวบ้านไม่มีใครรู้หรอกฮะว่ามันดีแย่ปลอดภัยแค่ไหนยังไง  จรรยกับประสบการณ์ล้วนๆ ฮะ เคยเจอแต่ตรวจผ่านๆ ตรวจเร็วดูชำนาญมาก..แถมให้ยามาเป็นกำ เอ๊ะใจไปหาเช็คหมออีกคนปรากฎ ตรวจผิดแถมยาที่ให้อาจจะทำให้แย่ไปอีกนั้น ><   ก่อนเลือกเส้นทางมาทางนี้ก็หันมามองมือตัวเองก่อนอ่ะนะว่าถึงป่ะ  >< ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า จากคุณ : cinnamo - [ 16 ต.ค. 49 00:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ จากคุณ : หนาวแสงนีออน (หนาวแสงนีออน) - [ 16 ต.ค. 49 14:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอแสดงความเสียใจด้วยคะ และขอให้เป็นกำลังใจให้กับครอบครัวคุณเจ้าของกระทู้เข้มแข็งขึ้นไว ๆ นะคะ และขอบคุณมากนะคะสำหรับสิ่งที่คุณเจอมาและเล่าให้ผู้อื่นได้รับรู้ อย่างน้อยก็จะเป็นประโยชน์สำหรับทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของคูณและเก็บมันไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ และเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยสำหรับดิฉันที่มีลูกอายุขวบครึ่งในตอนนี้ และเป็นประโยชน์มากสำหรับการเลือกโรงเรียนและเวลาที่ควรส่งลูกเข้าโรงเรียน ซึ่งดิฉันกำลังตัดสินใจอยู่ คงจะยังไม่ส่งลูกเข้าเรียนรอแกโตกว่านี้ดีกว่า แกยังพูด แกยังบอกเราได้ ขอบคุณมาก ๆ คะ จากคุณ : tamboon - [ 16 ต.ค. 49 15:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เสียใจด้วยนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ไม่ทราบว่าจะพูดอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว จากคุณ : เมมิจัง - [ 16 ต.ค. 49 15:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ จากคุณ : zunea - [ 16 ต.ค. 49 16:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 53 น้ำตาไหล... ปาป๊าน้องเฟยอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ โรคนี้ไม่ได้พบกันบ่อยๆ เราไม่ใช่หมอ เราไม่ทันนึกได้ถึงความผิดปกติหรอกค่ะ จากคุณ : หัวเจิดจ้า - [ 16 ต.ค. 49 16:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ร้องไห้ น้ำตาไหล ...  สงสารน้องเฟย โทษตัวเองไปก็ไม่มีประโยชน์ครับ  เป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ จากคุณ : ++ Emotion Change ++ - [ 16 ต.ค. 49 21:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านแล้วเศร้าครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : ลิงกำถั่ว - [ 17 ต.ค. 49 00:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โห อ่านแล้วเราน้ำตาซึมเลยค่ะ :( ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่มากๆ จากคุณ : crushiie - [ 17 ต.ค. 49 08:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 57 T_T จากคุณ : Mikaza_Za (Mikaza_Za) - [ 17 ต.ค. 49 11:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอแสดงความเสียใจด้วยคับ จากคุณ : print 43 - [ 17 ต.ค. 49 12:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 59 จากคุณ : flight of the bumble bee - [ 17 ต.ค. 49 14:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอเเสดงความเสียใจด้วยค่ะ น้องเฟยเค้ารับรู้เเน่ๆค่ะว่าพ่อเเม่รักเขามากเเค่ไหน จากคุณ : bijna - [ 17 ต.ค. 49 17:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอแสดงความเสียใจกับพ่อแม่น้องเขาด้วยนะครับ แต่โรคนี้มันไม่แสดงอาการเลยนี่มันตรวจหาลำบากนะ ใครจะไปคิดอ่ะนะ ทั้งวิ่งเล่นคุยได้ปกติจะเป็นโรคอย่างนั้น จากคุณ : aspd190 (aspd190) - [ 17 ต.ค. 49 17:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 62 หากต้องการจะด่าหมอก็ด่าได้  แต่กรุณาศึกษาในเรื่องโรคนั้น ๆ ให้ละเอียด อย่างเช่นเรื่องไข้เลือดออก  มีข้อจำกัดในหลายด้าน ดูให้ดีจะได้ด่าได้ตรงจุด จากคุณ : ZtahC - [ 17 ต.ค. 49 17:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เสียใจด้วยอย่างสุดซึ้ง.. ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้น้องเฟยได้เกิดเป็นลูกของคุณป๊าอีกนะครับ.. จากคุณ : Bommel - [ 17 ต.ค. 49 21:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่.. โบเชื่อว่าน้องเฟยต้องรับรู้ถึงความรักที่พ่อแม่มีให้แน่นอนคะ น้องเฟยนอนหลับให้สบายนะคะ ป๋ากับแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง จากคุณ : NuBozo - [ 17 ต.ค. 49 22:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอแสดงความเสียใจด้วย เข้าใจถึงความรู้สึก ขอเป็นกำลังใจให้เข้มแข็งนะค่ะ จากคุณ : แม่ปูจ๋า - [ 18 ต.ค. 49 08:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เสียใจด้วยนะคะ  .. จากคุณ : ก็อยากเป็นคนน่ารักอยู่หรอก - [ 18 ต.ค. 49 09:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นอุทาหรณ์ก็ดีค่ะ เรื่องการระวัง ไม่ชะล่าใจ และอื่นๆ แต่ไม่เห็นด้วยกับการนำชื่อคุณหมอมาโพสต์นะคะ คือความเศร้าของคุณพ่อคุณแม่ก็เข้าใจ แต่คนละเรื่องกับการเอาชื่อคนอื่น (ไม่มีนามสกุลแต่มีชื่อโรงพยาบาล คุณหมอไม่เสียหายเหรอคะ)มาโพสต์ในทำนองที่จะสร้างความเสียหายได้ เพราะเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้คุณหมอคงไม่อยากให้เกิดขึ้น หนึ่งอาการของน้องไม่ปรากฏตามที่ควรจะเป็น ทำให้วินิจฉัยยาก คุณหมอเธอคงวินิจฉัยตามอาการ และเมื่อโทรศัพท์ไปปรึกษา (นอกเวลาทำงาน ช่วงกลางคืน ซึ่งหมอจะไม่รับไม่ใส่ใจเลยก็ได้)คุณหมอก็ให้คำปรึกษา เข้าใจนะคะ หัวใจพ่อแม่ยามลูกป่วยก็อยากให้ใครซักคนทำอะไรก็ได้ มาเช็ค มาอยู่ใกล้ๆดูแลลูกอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ดูแล เมื่อเป็นเช่นนั้น ความคาดหวังก็คงสูงมาก จนอาจลืมไปว่าคุณหมอทั้งหลายก็คือคนธรรมดา เธอและเขาอาจมีชีวิตครอบครัว มีปัญหาของตัวเองที่หนักไม่แพ้หัวใจพ่อแม่ขณะนั้น คุณหมออาจจะใส่ใจ แต่ไม่ถึงจุดที่คุณพ่อคุณแม่คาดหวัง นั่นคือความผิดของคุณหมอแล้วใช่ไหม ลองคิดให้คุณหมอเป็นคนธรรมดา ในชีวิตการทำงาน คงเจอเคสคนไข้มากมาย ยิ่งเป็นหมอเด็ก คุณพ่อคุณแม่ทุกคนถ้าลูกป่วยถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลก็ย่อมรู้สึกหนักหนาและอยากให้คุณหมอเข้ามาดูแลทั้งนั้น ทั้งที่บางเคศอาจไม่หนักแต่หนักในใจคุณพ่อคุณแม่ อย่างนี้ คุณหมอควรวางตัวอย่างไรคะ มิใช่ไม่เห็นใจคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็อยากให้มองในแง่ของคุณหมอบ้าง เพราะหลายกรณีที่เกิดตามสื่อก็มีแนวโน้มเป็นเช่นนี้เหมือนกัน จากคุณ : ไอซ์ - [ 18 ต.ค. 49 16:40:29 A:203.154.206.50 X: TicketID:130050 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ...เสียใจด้วยครับ ผมว่าอย่างน้อยคุณก็เป็นพ่อที่ดีมากๆ คนนึงเลยนะ... จากคุณ : เจ็บเพื่อเข้าใจ - [ 18 ต.ค. 49 16:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ,,, น้องเขาไปสบายแล้ว ,,, จากคุณ : VeCuVeZ (vecuvez) - [ 18 ต.ค. 49 17:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ และขอประณาม บรรดาหมอเลือดเย็นเหล่านี้ด้วย หัวจิตหัวใจทำด้วยอะไรกัน จากคุณ : โต้มอญ - [ 19 ต.ค. 49 03:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อ่านแล้วน้ำตาร่วงเลยค่ะ ขอให้น้องเฟยกลับมาเกิดกับคุณป๊า ม๊า อีกนะคะ ขอบคุณมากที่แชร์เรื่องราวดีๆค่ะ จากคุณ : rodia - [ 19 ต.ค. 49 08:37:56 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ทำใจดีๆไว้นะคะ ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ จากคุณ : ด้วยคน - [ 20 ต.ค. 49 05:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 73 น้องเฟยคงม่สบายใจที่เห็นป๊าม้าเศร้าและโทษตัวเอง รักษาสุขภาพให้ดีนะคะ น้องไม่ได้ไปไหน คงอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ขอให้เข้มแข็งและทำใจได้เร็ว ๆ และมีแต่สิ่งที่ดีเข้ามาหลังจากนี้นะคะ จากคุณ : huameng - [ 20 ต.ค. 49 15:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ อ่านแล้วน้ำตาซึม นึกถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องเสียลูกชายไป...เสียใจด้วยจริงๆค่ะ จากคุณ : A Little Catz - [ 21 ต.ค. 49 16:28:49 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ โรคหลายๆโรคไม่แสดงอาการตั้งแต่เริ่มต้น  และเราอาจจะไม่สามารถรู้ได้เลยแม้จะตรวจอย่างละเอียดมากขนาดไหนก็ตาม เพราะเราไม่สามารถตรวจหาเชื้อโรคทุกชนิดที่มีอยู่ได้ เรื่องนี้เราไม่ขอออกความเห็น แต่เห็นด้วยกับคคห.45 มากๆ ขอนอกเรื่องหน่อยนะ มีโรคอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้ตั้งแต่แรกที่มารพ.  แต่อาจต้องสังเกตอาการสักระยะถึงจะบอกได้ เราขอ2โรคที่เจอบ่อยๆ และมักจะมีปัญหาประจำ เช่น - ไข้เลือดออก  โดยทั่วไปเราไม่สามารถวินิจฉัยได้ตั้งแต่ "วันแรก" ที่เป็น  ต้องรอให้ผ่านไปประมาณ 3 วันก่อน (บางคนอาจเร็วกว่านี้  แต่ส่วนใหญ่จะนานกว่านี้) ฉะนั้น  ถ้าคุณถามว่าทำไมหมอถึงไม่ตรวจตั้งแต่แรก หรือทำไมตอนแรกบอกว่าเป็นไข้หวัด  ก็มันยังตรวจไม่เจอนี่คะ  แล้วถึงหมอส่งเจาะเลือดแล้วมันปกติ (ก็วันแรกมันก็ปกติอยู่แล้ว) ถ้าตอนหลังเกิดเป็นขึ้นมาก็กลายเป็นว่าทำไมตอนแรกตรวจไม่เจออีก - ไส้ติ่งอักเสบ อาการที่ typical ส่วนใหญ่คือปวดรอบสะดือก่อน แล้วย้ายไปปวดท้องน้อยด้านขวา  แต่ไส้ติ่งอักเสบสามารถมาได้หลายแบบมาก   ฉะนั้น  การที่ไปตรวจที่แรกแล้วหมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะ  มันก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะตรวจไม่ดี  แต่อาการตอนนั้นมันบอกได้แค่นั้นจริงๆ แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่ให้นอนสังเกตอาการที่รพ.ล่ะ ถ้าทำแบบนั้นแล้วมันไม่ใช่ไส้ติ่ง (ก็ส่วนใหญ่มันไม่ใช่นี่) จะบอกว่าให้นอนเพราะอยากได้เงินมั้ย ถ้าได้ศึกษาเรื่องการดำเนินโรคมาบ้าง  จะได้คำตอบว่า ทำไม "หมอคนสุดท้าย" ถึงเก่งที่สุดเสมอ เพราะตอนนั้นอาการของโรคมันชัดเจนแล้วไงคะ ขอโทษจริงๆที่ต้องนอกเรื่อง  แต่อ่านแล้วมันอยากอธิบายให้ฟังจริงๆ ขอแสดงความเสียใจกับคุณพ่อน้องเฟยอีกครั้งค่ะ จากคุณ : tachycardia - [ 21 ต.ค. 49 23:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อาชีพ หมอ ช่วยหลายชีวิต ให้อยู่รอด แต่ก้ทำให้หลายชีวิต เ สียชีวิตไปเพราะหมอตัดสินใจพลาด จากคุณ : หน่อยอ่ะนะ - [ วันปิยมหาราช 11:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งครับ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ จากคุณ : Paparase - [ วันปิยมหาราช 20:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอแสดงความเสียใจกับคุณพ่อ คุณแม่ด้วยค่ะ แต่ก็เห็นด้วยกับ คห ที่ 45 และ 67 นะคะ ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน คะ  แต่การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต่างหากที่เป็นของแน่ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ หมอเป็นแค่คนไม่ใช่เทวดา เขาทำเต็มที่แล้ว ขนาดออกเวรแล้ว ยังรับสาย ให้คำปรึกษา เรื่องลูก ของคุณ   คุณยังจะโพสชื่อ เขา เพื่อ ทำลายเขาอีกหรือ ทำไปไม่เห็นจะได้อะไร นอกจากเป็นเวรเป็นกรรมกันต่อไป จากคุณ : cardiogenic (cardiogenic) - [ 24 ต.ค. 49 10:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ และก็ขอให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่น้องเฟยด้วยนะคะ จากคุณ : Pink Angel - [ 24 ต.ค. 49 12:52:57 ]