ความคิดเห็นที่ 1 พ่อเราเป็นผู้ชายที่ดูแลเลี้ยงลูกทุกคนตั้งแต่แบเบาะ จะว่าไปพ่อเลี้ยงลูกมากกว่าแม่เราซะอีก พ่อเราทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะตื่นมาชงนมให้กินกลางดึก อุ้มลูกเดินกล่อมให้นอน อาบน้ำ เช็ดตัว ใส่ผ้าอ้อม เราได้เห็นทุกอย่างนี้จากตอนที่เห็นพ่อเลี้ยงน้องๆ และเรารู้จากที่แม่เล่าให้ฟังว่าพ่อเลี้ยงเรา ดูแล ประคบประหงม รักเรามาก เพราะเราเป็นลูกคนแรก เราเองก็รับรู้ได้ว่าพ่อรักเรามากจริงๆ พ่อเราเป็นพ่อที่ประเสริฐ เป็นคนดีมาก ดูแลรับผิดชอบทุกอย่างในครอบครัว ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว พ่อเป็นคนเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งพิงทางใจของลูกๆทุกคน พ่อไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดๆจากลูกเลย ไม่เคยบังคับจิตใจ พ่อรักและเป็นห่วงลูกทุกคน แม้ว่าพ่อจะเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เราก็รู้อยู่ในใจเสมอว่าพ่อรักเรา จากคุณ : love dad - [ 15 ต.ค. 49 15:24:41 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ครั้งหนึ่งเราเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนั้นเรากลัวมาก นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฉุกเฉิน เราได้แต่ร้องหาพ่อจ๋า แม่จ๋าตลอดเวลา เมื่อพ่อรู้ข่าว พ่อรีบขับรถมาที่โรงพยาบาล พ่อเห็นเราในสภาพเลือดอาบเต็มหน้า พ่อจับมือเราไว้ แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า "พ่ออยู่นี่แล้วลูก" ในชีวิตเราเคยเห็นพ่อร้องไห้อยู่ไม่กี่ครั้ง ซึ่งทุกครั้งเป็นการเสียน้ำตาเพราะเห็นลูกเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย หรือ จิตใจ ก็ตาม จากคุณ : love dad - [ 15 ต.ค. 49 15:27:11 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 3 และก็มาถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เราเสียใจไปตลอดชีวิต เหตุการณ์นี้เพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน เรามีแฟน และก็ได้มีอะไรกัน แฟนคนนี้เป็นผู้ชายคนแรกที่เรายอมมีอะไรด้วย (ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าเราอายุไม่น้อยแล้ว อยู่ในสังคมที่ดี การศึกษาดี การงานมั่นคง เราเป็นลูกที่ดีมาตลอด ไม่เคยนอกลู่นอกทางเลย สอบเข้าโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงก็สอบติด entrance ตอนก็ติดที่มหาลัยชื่อดังระดับประเทศ จบมาก็ได้ทำงานที่ดี มั่นคง เรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของครอบครัวก็ว่าได้ คือเราต้องการจะบอกว่าพ่อกับแม่รัก ไว้ใจ และ ตั้งความหวังไว้ที่เรามากแค่ไหน) จากคุณ : love dad - [ 15 ต.ค. 49 15:27:41 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่นานเราก็ตั้งท้อง ! วินาทีแรกที่เรารู้ สมองมันเบลอไปหมด รู้สึกกลัว สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือ ถ้าพ่อกับแม่รู้ ท่านจะเสียใจมากแค่ไหน ... ทำไมเราถึงได้เลวอย่างงี้ ทำไมเราทำให้พ่อกับแม่เสียใจ แล้วต่อไปชีวิตเราจะเป็นยังไง เราจะไปอยู่ที่ไหน หน้าที่การงานเราจะเป็นยังไง เราจะกล้าออกไปเจอหน้าผู้คนได้ยังไง ฯลฯ ตอนนั้นเราเครียดมาก แต่ก็ยังจำต้องใช้ชีวิตตามปรกติ ยังต้องไปทำงานตามปรกติ เราปรึกษาเรื่องนี้กับใครไม่ได้เลย มีแต่แฟนคนเดียวเท่านั้นที่เราสามารถพูดเรื่องนี้ได้ จากคุณ : love dad - [ 15 ต.ค. 49 15:28:03 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไว้ว่างๆจะมาเล่าต่อนะคะ ตอนนี้ขอไปทำธุระก่อน จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 15:30:31 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอ๊า...ซะงั้นอะ จากคุณ : Untitled - [ 15 ต.ค. 49 16:35:27 A:124.120.170.10 X: TicketID:126132 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มารออ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : นักรักโลกมายา - [ 15 ต.ค. 49 16:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาอ่าน... แต่ดีใจอยู่อย่างนึง  คือคุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันมีทางเลือกในการตัดสินใจ  อยู่ ก็หวังว่าคุณจะเลือก  ในสิ่งที่ถูก และควร... จากคุณ : pipim - [ 15 ต.ค. 49 16:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โตแล้ว แล้วไป... จากคุณ : Pupaman - [ 15 ต.ค. 49 17:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาให้กำลังใจ จขกท. จากคุณ : z2you - [ 15 ต.ค. 49 17:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาปูเสื่อรอฟังต่อค่ะ จากคุณ : ใบบัง - [ 15 ต.ค. 49 19:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปูเสื่อรอวุ้ย จากคุณ : หัวเจิดจ้า - [ 15 ต.ค. 49 19:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอ่อ มาแนวพวกกระทู้ซีรี่อีกและ มาเล่าให้ค้างคาแล้วออกไปทำธุระ ปล่อยให้พวกรออ่าน นั่งปูเสื่อกัน ^^" จากคุณ : หลงทางเป็นงานอดิเรก - [ 15 ต.ค. 49 20:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โอว แล้ว จขกท. แก้ปัญหาชีวิตอย่างไรครับ ยังเรียนหนังสือต่อได้จนจบหรือเปล่าครับ บอกเป็นวิทยาทานหน่อยครับ จากคุณ : พสุธากัมปนาท - [ 15 ต.ค. 49 20:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กลับมาแล้วค่ะ เล่าต่อนะ ... ตั้งแต่รู้ว่าตั้งท้อง ตอนนั้น ชีวิตเราเหมือนตกนรกทั้งเป็น มันสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี จะบอกพ่อแม่ก็ไม่กล้า พ่อเราเป็นคนใจเย็น มีเหตุผล แต่พ่อเราสุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรง ส่วนแม่เรานั้นเป็นคนอารมณ์ร้อนมากกกกกกกกก ถ้าแม่รู้เรื่องนี้บ้านแตกแน่นอน ส่วนพ่อกับแม่ของแฟนเราก็อยู่ต่างจังหวัด พ่อกับแม่แฟนเราได้รู้เรื่องนี้แล้ว ทางแม่แฟนก็คงจะโกรธอยู่ไม่น้อย แต่พ่อแฟนเป็นคนใจเย็น แฟนเราก็ได้แต่ปรึกษากับพ่อของเขา ส่วนเราไม่มีใครเลย เราปรึกษาใครไม่ได้เลย เราไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ ไม่กล้าบอกใครเลย ทั้งอาย ทั้งกลัว ทั้งสงสารพ่อกับแม่ เราได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจคนเดียว นอนร้องไห้ทุกคืน มันช่างทรมานเหลือเกิน จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 21:13:40 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรารู้ว่าตั้งท้องตอนประมาณสัปดาห์ที่ 2-3 ของการตั้งครรภ์ โดยใช้เครื่องมือตรวจปัสสาวะที่ซื้อตามร้านขายยา ใช้ 2 อัน ผลตรวจเป็น 2 ขีดทั้ง 2อัน จนประมาณสัปดาห์ที่สี่ของการตั้งครรภ์ เรากะแฟนไปหาหมอที่ รพ. เอกชนแห่งหนึ่ง หมอจับตรวจปัสสาวะ ผลก็ออกมาว่าท้อง ตามคาด เรากะแฟนคุยกับคุณหมอ หมอซักประวัติไปมา จนถึงคำถามที่ว่า เราได้เคยกินยาอะไรมาก่อนหน้านี้บ้างหรือปล่าว แล้วเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ก่อนหน้านั้นเราได้กินยารักษาสิว โรแอคคิวเทน เข้าไป เป็นจำนวน 30 เม็ด และเพิ่งหยุดกินได้ประมาณเดือน ถึง เดือนครึ่ง เท่านั้น (นั่นเป็นครั้งแรกที่เราลองกินยานี้ แต่เพราะว่ากินแล้วรู้สึกปากแห้งมาก และรู้ว่าเป็นยาอันตราย เราเลยไม่กินต่อ) ถ้าใครเคยกินยานี้ คงจะรู้ดีว่า ยานี้เป็นอันตรายมากกับเด็กในครรภ์ มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เด็กพิการ ความจริงแล้ว ระยะการหยุดยาที่ปลอดภัย ก่อนจะตั้งครรภ์คือ 3 -6 เดือน (อ้างอิงจากที่หมอบอก ตัวเลขแน่นอนเราจำไม่ได้ แต่ประมาณนี้ค่ะ) จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 21:14:15 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อหมอได้รู้ ว่าเราเพิ่งหยุดยาไปได้ไม่นาน ก็มีท่าทีวิตกอย่างเห็นได้ชัด หมอสูติฯ ได้โทรไปขอคำปรึกษาจากหมอผิวหนัง เล่ารายละเอียดต่างๆ ถามถึงอัตราความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และได้ส่งตัวเราไปพบกับหมอผิวหนังท่านนี้ เพื่อพูดคุยปรึกษา หมอผิวหนังก็มีท่าทีวิตกเช่นเดียวกัน ซึ่งระหว่างพูดคุย หมอผิวหนังคนนี้ก็ได้ไปปรึกษากับหมอผิวหนังอีกคนหนึ่ง ไม่มีหมอท่านใดกล้าเอ่ยปาก confirm ว่าเด็กจะปลอดภัย เรากลับมาคุยกับหมอสูติฯอีกครั้ง ซึ่งเป็นคนละคนกับหมอสูติคนแรก และเราก็รู้เลยว่า หมอสูติฯ ไม่อยากรับฝากครรภ์เราหรอก เพราะมันก็เสี่ยงต่ออาชีพการงานเค้าไม่น้อย หมอสูติฯคนแรกถึงขนาดเอ่ยปากออกมาว่า ถ้าคุณไม่มั่นใจ คุณก็ไปเอาเด็กออก ! หลังจากได้คุยกับหมอสูติฯ และหมอผิวหนัง เรารู้สึกหมดหวังมาก มันเจ็บที่หัวใจไปหมด ทำไมเราต้องโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างงี้ เรากลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ต่อหน้าหมอ เกิดมาเราไม่เคยเจอเรื่องร้ายแรงเท่านี้มีก่อนเลย และไม่เคยคิดด้วยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตเรา จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 21:14:56 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จากวันนั้นจากที่เราเครียดอยู่แล้ว ความเครียดมันก็เพิ่มเป็นทวีคูณ ไหนจะเรื่องยังไม่ได้บอกพ่อแม่ ไหนจะเรื่องลูกในท้องเราจะเป็นอะไรหรือปล่าว แฟนบอกให้เราไปบอกพ่อแม่ แต่เราก็ยังยื้อไว้ ยังไม่รู้จะบอกท่านยังไง หลังจากที่ไปหาหมอที่ รพ. เอกชน แห่งแรก และได้รับรู้ว่าหมอที่นั่นคงช่วยอะไรเราไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วัน เรากะแฟนก็ไปที่ รพ. ของรัฐ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งด้วยความหวังที่ว่าหมอที่นั่นจะช่วยอะไรเราได้บ้าง เราออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ไปถึง รพ. ก็ไปนั่งรอคิวอยู่ร่วม 2 ชั่วโมง พอหมอสูติฯ เรียกเข้าพบ เราก็เล่าเรื่องที่เรากินยาก่อนตั้งครรภ์ให้หมอฟัง เมื่อหมอได้ยินดังนั้นก็ชักสีหน้าทันที และจากบทสนทนาก็ทำให้เรารู้เลยว่า หมอไม่อยากรับเคสเราไว้ การพูดจาของหมอคนนี้ดูไม่เป็นมิตรไมตรีเลย และท่าทาง สีหน้า แววตา น้ำเสียง ที่แสดงออกนั้น เหมือนเค้ากำลังดูถูกเหยียดหยามเรา คงคิดว่าเราท้องก่อนแต่ง และแต่งเรื่องขึ้นเพื่ออยากจะเอาเด็กออก เรานั่งรอคิวอยู่ 2 ชั่วโมง แต่ได้เข้าไปคุยกับหมอไม่ถึง 5 นาที แถมกลับรู้สึกแย่เข้าไปอีก คำตอบที่ได้รับจากหมอคนนี้ ก็เหมือนกับหมอหลายๆคนที่เราไปหามาก่อนหน้านี้ ก็คือไม่มีใครกล้ายืนยันว่าเด็กจะออกมาเป็นปรกติ เรากับแฟนออกมาจาก รพ. นั้น อย่างหดหู่ และ เศร้าใจอย่างมาก ไม่มีใครช่วยเราได้เลยเหรอ จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 21:37:05 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แต่เราสองคนก็ยังไม่หมดความพยายาม หลังจากออกมาจาก รพ. รัฐแห่งนั้น เราตัดสินใจมุ่งหน้าไป รพ. เอกชนอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงพอสมควร มีหมอเก่งๆมาอยู่ที่นี่เยอะ เราได้พบหมอสูติฯ ท่านหนึ่งและก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดเหมือนเดิม และเหตุการณ์ก็เป็นเหมือนเช่นทุกครั้ง หลังจากที่หมอพยายามหาข้อมูลต่างๆ รวมทั้งขอฉลากยาจากแผนกโรคผิวหนังเอามาอ่าน แล้วก็มีทีท่าว่าไม่อยากรับเราไว้ หมอทุกคนที่เราไปหามา จะพูดเป็นกลายๆ ทำนองว่า ถ้ามันมีอัตราเสี่ยงแบบนี้แล้ว ก็มีวิธีเดียวคือไปเอาเด็กออก หมอคนนี้ก็เช่นกัน แต่ว่าด้วยจรรยาบรรณแพทย์ ก็จะพูดแนะนำตรงไปตรงมาไม่ได้ แต่โดยรวมๆแล้ว เราก็รู้ว่าหมอต้องการสื่อแบบนั้น โดยที่ให้เราตัดสินใจเอาเอง เรากับแฟนพยายามทุกวิถีทาง ที่จะขอความช่วยเหลือจากหมอ เราไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว แล้วหมอท่านนี้ ก็เลยแนะนำว่า ให้ไปพบกับหมออีกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นอาจารย์หมอ และเชี่ยวชาญทางด้านความผิดปรกติของเด็กในครรภ์ ซึ่งหมอท่านนี้จะเข้ามาในตอนเย็น แต่ความรู้สึกเราตอนนั้น คือ หมอทุกคนที่เราไปพบมา พยายามปัดเคสของเราออกไป (ขออภัยที่ต้องเขียนแบบนี้ แต่เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่เราก็เข้าใจแหละค่ะ เคสของเรามันเสี่ยงจริงๆ ) จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 21:55:43 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ณ ขณะนั้น เป็นช่วงประมาณบ่ายๆ แล้ว เรากับแฟนเครียดมากๆ ดูจะไม่มีความหวังอะไรเลย หมอที่เรารอพบตอนเย็นนี้ ก็คงจะพูดเหมือนหมอทุกๆคนที่ผ่านมา คือ มีโอกาสสูงที่เด็กจะไม่ปรกติ แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป ถ้าลูกออกมาพิการ ทั้งลูก และ เราสองคนก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น เราเบลอไปหมด สับสน คิดอะไรไม่ออกเลย ระหว่างนั้นแฟนเราเค้าก็โทรปรึกษา รายงานพ่อกับแม่ของเขาตลอด ในที่สุด เรากับแฟนก็ตัดสินใจไปที่สถาบันวางแผนครอบครัว หรือถ้าจะเรียกให้เข้าใจกันตรงๆก็คือ คลีนิคทำแท้งค์ ! แต่ไม่ใช่คลีนิคเถื่อนนะคะ (ในส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ตรงนี้ขอไม่เล่าแล้วกันค่ะ) ตอนนั้นเรากับแฟนต่างคนต่างก็เครียดและสับสนไปหมด ยอมรับค่ะว่าจากที่คิดว่าจะเอาเด็กไว้ ก็กลายเป็นเริ่มสับสนแล้วว่าควรจะเอาไว้ดีหรือไม่ เพราะไม่อยากให้ลูกออกมาพิการค่ะ สงสารลูกนะ ถ้าเค้าออกมาแล้วไม่ครบ 32 เนี่ย เค้าคงทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิค แต่ที่เดินทางไปที่คลีนิคนั้น เรายังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอนว่าจะทำแท้งค์นะ เพียงแต่เราพยายามดิ้นรนทุกวิถีทาง ไปที่นั่นเผื่อได้รับคำปรึกษาอะไรกลับมาบ้าง จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 22:23:20 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เราไปถึงที่นั่นก็ได้เข้าไปตรวจอัลตราซาวน์ ผลออกมาปรากฏว่าเด็กยังเล็กเกินไป ยังไม่สามารถเอาเค้าออกมาได้ (แต่ถึงเอาออกมาได้ วันนั้นเราก็คงยังไม่ทำหรอก) เรากับแฟนได้เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในนั้น ได้ปรึกษาปัญหา พูดคุยเรื่องราวต่างๆกับเขาอยู่พักใหญ่ๆ แต่ว่าเขาไม่ใช่หมอนะ จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 22:26:48 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จากนั้นเราก็เดินทางกลับมาที่ รพ. เอกชน ที่ได้นัดพบอาจารย์หมอไว้ตอนเย็น หมอท่านนี้ดูสุภาพ ใจดี ใจเย็น และท่านนี้เองที่เป็นเหมือนพระมาโปรด หลังจากได้ซักถามเรื่องราวต่างแล้ว ท่านบอกว่า เคสของเราถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่ แต่ก็ไม่น่าวิตกอย่างที่คิด เราอย่ากังวลให้มาก บางทีเราเครียดมากเกินไป จะเป็นผลร้ายกับเราและลูกของเราเอง เรื่องมันยังไม่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่ แต่เด็กอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ หมอบอกว่าให้เราทำใจให้สบาย เด็กยังมีโอกาสรอดเป็นปรกติ และถึงแม้เด็กไม่ปรกติ หมอก็สามารถเห็นได้จากการอัลตราซาวน์ หมอพูดหลายๆอย่างทำให้เรากับแฟนสบายใจขึ้นอย่างมาก แล้วเราก็ได้ฝากครรภ์กับหมอท่านนี้ และท่านก็เต็มใจรับเราเข้าฝากครรภ์ด้วย หมอได้เจาะเลือดเราไปตรวจ และนัดฟังผลอีกราวๆอาทิตย์ถัดไป พร้อมกับจะทำอัลตราซาวน์ด้วย จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 22:28:26 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอให้ตอนจบของเรื่องนี้เเฮปปี้นะคะ รออยู่ค่ะ จากคุณ : rice (samb) - [ 15 ต.ค. 49 22:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตามอ่านอยู่เหมือนกันค่ะ ขอให้จบแบบแฮปปี้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : นักรักโลกมายา - [ 15 ต.ค. 49 22:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยากให้จบด้วยดีเหมือนกันค่ะ แต่ขอติงการเขียนคำนิดนะคะ ทำแท้ง   ไม่ใช่ ทำแท้งค์(น้ำ) จากคุณ : Rotkaeppchen - [ 15 ต.ค. 49 22:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าที่หมอหลายที่ทำหน้าไม่พอใจ เพราะเขาไม่ชอบแนะนำให้ทำแท้งครับ คือรู้กันหรือเป็นความเชื่อสักอย่างว่าบาปมาก อย่างไรก็ตามขอให้จบด้วยดีนะครับ ^^ จากคุณ : toh TH - [ 15 ต.ค. 49 22:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรากับแฟนคลายความกังวลใจได้มากเลยทีเดียว จากคำพูดของคุณหมอท่านนี้ แต่จริงๆ ลึกๆ แล้วก็ยังกังวลอยู่ดีแหละค่ะ เพราะว่ายังไงก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดีนั่นแหละ เพราะรู้ๆกันอยู่ว่ายาตัวนี้อันตรายกับเด็กในครรภ์มาก หลังจากนั้นเราก็ยังใช้ชีวิตตามปรกติ ไปทำงานตามปรกติ ทั้งๆที่ไม่มีกะใจจะไปเลยจริงๆ เรายังไม่ได้บอกพ่อแม่เลย จนวันเวลาก็ล่วงเลยเข้ามาจนสัปดาห์ที่ 5-6 แล้ว เราไปฟังผลตรวจเลือดตามที่หมอนัด ผลเลือดออกมาทุกอย่างปรกติ แล้วก็ทำอัลตราซาวน์ แฟนเราได้เข้าห้องไปด้วย เราได้เห็นลูกเราที่หน้าจอมอนิเตอร์ ได้เห็นหัวใจของเขาเป็นจุดเล็กๆ กระพริบๆ อยู่ นี่ไง เค้าอยู่ในท้องเราจริงๆด้วย ความรู้สึกของคนเป็นแม่มันเป็นอย่างงี้นี่เอง ลืมบอกไปว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เรามีเลือดสีน้ำตาลเข้มซึมออกมาทางช่องคลอดเล็กน้อย เป็นลักษณะข้นๆ ซึ่งแฟนเราก็ได้โทรไปปรึกษากับหมอท่านนี้แล้ว ในวันที่มาทำอัลตราซาวน์นี้ หมอก็เลยตรวจภายในด้วยเลย ปรากฏว่าก็ไม่มีอะไรผิดปรกติแต่อย่างใด ทาง รพ. ได้บันทึกภาพอัลตราซาวน์ลงซีดี มอบให้แก่เรา รวมทั้งเอกสารบันทึกผลตรวจด้วย จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 22:49:41 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เราเขียนผิดจริงๆด้วย แย่จัง ขอบคุณ คห ที่ 25 ค่ะ รีบพิมพ์ รีบโพสต์ น่ะค่ะ ตอนแรกไม่นึกว่าจะยาวขนาดนี้ เพราะไม่กะว่าจะเล่าละเอียด แต่เขียนไปเขียนมา กลายเป็นเล่าซะละเอียดเลย จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 22:53:26 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 29 วันเวลาล่วงเลยมามากแล้ว เราคงจะยื้อเวลาต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราควรจะไปบอกพ่อกับแม่ได้แล้ว อย่างแรกเราคิดว่าจะไปบอกพ่อก่อน เราไม่กล้าไปบอกแม่ อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าแม่เราอารมณ์ร้อนมากกกกกก เวลาโมโหจะน่ากลัวมากๆ แต่แม่เราเป็นคนจิตใจดีนะ ชอบช่วยเหลือคน เป็นคนจริงใจ ในที่สุด เรากับแฟนก็ไปหาพ่อ พ่อเราไม่เคยเจอแฟนเรามาก่อน เราก็พาแฟนไปสวัสดี แต่ก็ยังไม่รู้จะเริ่มยังไง พ่อเราก็พูดคุย สอบถามประวัติแฟนเราไปตามเรื่องตามราว ด้วยท่าทีปรกติ เรารู้ว่า พ่อเรารู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เพราะอยู่ๆเราก็พาแฟนคนนี้เข้ามาหา เพียงแต่พ่อรอให้เราเอ่ยปากเท่านั้น พูดคุยกันอยู่ซักพักหนึ่ง เราก็ยังไม่ได้บอกออกไป จนพ่อเราเอ่ยปากถามว่า หนูมีอะไรจะพูดกับพ่อหรือปล่าว เราได้แต่อ้ำอึ้ง มันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งก้มหน้า แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา เราไม่รู้จะพูดอย่างไร เราพูดออกมาไม่ได้ แล้วแฟนเราก็เป็นคนบอกพ่อเราเอง ว่าเราตั้งท้อง พ่อยังคงนิ่ง อารมณ์เป็นปรกติ พ่อบอกว่าพ่อรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าจะต้องเป็นเรื่องนี้ จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 23:10:12 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า พ่อเราเป็นคนใจเย็น มีเหตุผล มีสติ ทำให้เราเลือกที่จะมาบอกพ่อก่อน เราทั้งสามคน ได้พูดคุยถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น และเราจะแก้ปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างไรดี เราบอกว่า เราคงต้องออกจากงาน แล้วเราก็คงจะอยู่บ้านไม่ได้ เราอาจจะไปเช่าคอนโดอยู่ หรือไม่ก็ไปอยู่คอนโดกับแฟน เราสองคนยังแต่งงานกันไม่ได้ เพราะแฟนเรายังไม่พร้อม เค้ายังเรียนไม่จบเลย ทางพ่อกับแม่เค้าก็หวังกับเค้าไว้มากเหมือนกัน ถ้าจะให้มาแต่งงานกันโดยที่แฟนเรายังเรียนไม่จบ ก็คงจะทำไม่ได้ แล้วจะแก้ปัญหานี้ยังไง แล้วไหนจะเรื่องแม่เราอีก ถ้าเค้ารู้แล้วจะเป็นยังไง จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 23:23:50 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แล้วพ่อเราได้ขอเบอร์โทรของพ่อแฟนเรา แล้วก็กดไปคุยเดี๋ยวนั้นเลย แต่ว่าพ่อแฟนเราเค้าส่งโทรศัพท์ให้แม่แฟนเราเป็นคนคุย สรุปได้ว่า พ่อกับแม่แฟนเราจะเข้ามาคุยกับพ่อเราในวันเสาร์อาทิตย์ วันธรรมดามาไม่ได้เพราะติดงานทั้งคู่ วันนั้นเราไปนอนที่คอนโดแฟน เพราะว่าวันรุ่งขึ้นพ่อเราจะไปบอกแม่เราเรื่องนี้ เราคงอยู่บ้านไม่ได้ เวลาแม่โมโห เราไม่รู้ว่าอะไรอาจจะเกิดขึ้นได้บ้าง ก่อนเราจะออกไปกับแฟน เราก้มลงกราบแนบเท้าพ่อ แล้วร้องไห้ ได้แต่พูดว่า พ่อ หนูขอโทษ ๆ พ่อกอดเราไว้ พูดปลอบใจเรา ว่าให้ค่อยๆแก้ปัญหากันไป เรารู้ว่าเราทำให้พ่อเสียใจมากแค่ไหน แต่พอไม่โกรธ ไม่ดุ ไม่ด่าเราเลยซักนิดเดียว เพราะพ่อรู้ว่าเราเป็นทุกข์ พ่อไม่ซ้ำเติมเรา จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 23:35:28 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ค่ะ จากคุณ : rice (samb) - [ 15 ต.ค. 49 23:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เหตุการณ์ตอนนี้แหละค่ะ ที่มันช่างเหมือนกับในโฆษณาซะจริงๆ ยิ่งภาพในโฆษณาที่ตัดภาพตอนที่พ่อโผเข้ากอดลูกสาวตอนที่ลูกสาวมาบอกเรื่องตั้งท้อง ลูกสาวกอดพ่อร้องไห้โฮ แล้วภาพก็ตัดไปที่พ่อตอนกำลังอุ้มลูกสาวพาดบ่า ตอนที่ลูกสาวยังเป็นทารก ร้องไห้จ้า ภาพนี้สะเทือนใจเรามากจริงๆ ถ้าเราได้ดูโฆษณานี้อีกก็คงร้องไห้อีก ..... จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 23:57:33 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ต่อนะคะ .. คืนนั้นเรากับแฟนไม่ได้นอนเลย มันนอนไม่หลับ เรานอนคุยกันทั้งคืน คิดหาวิธีแก้ปัญหาทั้งหลาย ต่างๆนานา จนตอนสายๆวันรุ่งขึ้น มีโทรศัพท์จากแม่โทรเข้ามาที่เครื่องเรา เรากลั้นใจรับสาย ด้วยรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เป็นไปตามคาด เสียงแม่ร้องไห้ ทั้งตวาดเข้ามาในสาย เราได้แต่นิ่งฟัง ไม่พูดอะไร แม่กำลังโมโหอยู่ ถึงเราพูดอะไรไปเค้าก็ไม่ฟัง ยิ่งจะทำให้เค้าโมโหไปใหญ่ มีเสียงพ่อลอดเข้ามาในสาย ว่าให้แม่ใจเย็นๆ จากคุณ : จขกท - [ 15 ต.ค. 49 23:58:13 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เที่ยงคืนแล้ว สงสัยจะพิมพ์ต่อไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ ต้องขอตัวไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปทำงาน ตอนแรกไม่คิดเลยว่าเล่าไปเล่ามาเรื่องจะยาวขนาดนี้ ไว้พรุ่งนี้ว่างๆจะมาเล่าต่อค่ะ จากคุณ : จขกท - [ 16 ต.ค. 49 00:06:03 A:124.120.99.101 X: TicketID:127936 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ค่ะ จากคุณ : rice (samb) - [ 16 ต.ค. 49 00:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จะรอนะค่ะ จากคุณ : seoul-station - [ 16 ต.ค. 49 00:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขนาดหนูไม่ได้มีชีวิตที่คล้ายกะโฆษณาเลย ดูแล้วยังน้ำตาซึม..........ม เลยอะ เค้าสื่อโฆษณาออกมาได้ดีมาก..............................ก                 เป็นกำลังใจให้นะค่ะพี่....................... ฝันดีค่ะ...................อิอิ จากคุณ : อีฟนี่หว่า - [ 16 ต.ค. 49 00:15:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มาให้กำลังใจนะครับ  สู้ๆ โฆษณานี้  ทำเอาผม น้ำตาซึมเหมือนกัน มันซึ้ง น่ะ จากคุณ : สะติมม๊อนโสสะโตเบ้ว - [ 16 ต.ค. 49 00:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มารอ..ค่ะ..แล้วมาต่อ..นะคะ.. จากคุณ : tourmaline - [ 16 ต.ค. 49 09:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นโฆษณานี้แล้วร้องไห้เหมือนกันเลย ทำได้ดีมากดูแล้วอินจัง จากคุณ : :) (แล้วจะบอกนะ) - [ 16 ต.ค. 49 10:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โหย มีน้ำตาเล็ดเลยเรา กลับมาเร็วๆ นะ ปูเสื่อ เตรียมหมอน รอแล้ว จากคุณ : Body_Zatan - [ 16 ต.ค. 49 11:39:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 รอมาเล่าต่อนะค่ะ จากคุณ : Tum-Ao - [ 16 ต.ค. 49 11:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ครืดๆ ปูเสื่อรออีกรอบ ขอหมอนใบ มาไวไวนะคะ จขกท จากคุณ : บ้าน จ.จาน - [ 16 ต.ค. 49 13:18:27 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มารอด้วยคน จากคุณ : ยัยลีลี - [ 16 ต.ค. 49 14:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มารออีกคนค่ะ จากคุณ : คุณหมีกระต่าย - [ 16 ต.ค. 49 15:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มาต่อเร็วๆ นะคะ จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 16 ต.ค. 49 15:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มาต่อให้ไวเลยครับ   โห ...  ชีวิต ยังกะ โฆษณา ... เอาใจช่วยนะครับ สู้ ๆ จากคุณ : ++ Emotion Change ++ - [ 16 ต.ค. 49 16:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 T^T  รออ่านต่ออยู่นะครับ จากคุณ : หลงทางเป็นงานอดิเรก - [ 16 ต.ค. 49 16:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 50 รอด้วยคนค่ะ มาไวๆนะคะ จากคุณ : พี่คะ หนูชอบพี่!! (จะเอาอะไรกับลมปาก) - [ 16 ต.ค. 49 17:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ดูโฆษณาไม่ได้ร้องไห้ แต่อ่านเนี่ยน้ำตาซึมอ่ะ จากคุณ : inthemoon - [ 16 ต.ค. 49 20:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 52 --- ปูเสื่อให้กำลังใจครับ จากคุณ : เหมียวหล่อ (myth) - [ 16 ต.ค. 49 20:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 53 I hope your baby will be ok. I think you did the right thing by telling your parents and keeping the baby. It took a lot of courages for both you and your bf. You are so lucky to have an understanding DAD and a nice BF. Of course, you will have a health baby as well! Good Luck ka! จากคุณ : Smile ka (It is a life) - [ 16 ต.ค. 49 23:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยอ่ะค่ะ ฮือๆๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ คุณตัดสินใจ + ทำดีที่สุดแล้วละค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ จากคุณ : Nikk Zarx - [ 17 ต.ค. 49 00:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เฮ้อ .. มาให้กำลังใจครับ .. สิ่งที่ผมอยากจะพูดในอีกมุมหนึ่งนอกจากความซาบซึ้งกับโฆษณาชิ้นนี้ คือ เรื่อง " ความมีเกียรติของลูกผู้ชาย".. เด็กผู้ชายที่ทำให้เด็กผู้หญิงท้องในโฆษณาคือปัญหาที่ใกล้ที่สุด เห็นชัดที่สุดและเป็นเหตุเป็นผลมากที่สุด..ผมไม่รู้ว่าครอบครัวสมัยนี้เลี้ยงลูกชายกันอย่างไร ปลูกฝังแนวคิดที่ดีเกี่ยวกับเรื่องมุมมองต่อเพศหญิงและการให้ความเคารพแก่เพศหญิงบ้างหรือไม่ ส่วนเรื่องสังคมทั่วไป ผมไม่รู้ว่าเขาสอนลูกชายกันให้มีความเสียสละและอดทนหรือไม่ หรือว่าปล่อยๆ ไป ลูกผู้ชายเลี้ยงง่าย คบกับเด็กผู้หญิงก็ไม่มีอะไรต้องเสียหาย เป็นปัญหาของพ่อแม่ฝ่ายหญิงเองที่จะต้องดูแลลูกสาวให้ดี (แต่บางที คุณก็มีทั้งลูกสาวและลูกชาย) การตั้งท้องสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องใหญ่เสมอ..ใหญ่ที่สุดในชีวิตเรื่องหนึ่ง .. ส่วนผู้ชาย การได้ฟันผู้หญิงก็คงเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน คนหนึ่งก่อ..อีกคนรับผลที่สาหัส (ถ้าไม่พร้อม) คนก่อบางคนก็หนีไปเลย บางคนอยู่รับผิดชอบต่อไป แต่ชีวิตของทั้งสองคนก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง.. สมมติว่าถ้าผมทำโฆษณาชิ้นนี้ต่อภาคสองนะครับ ผมจะให้เด็กผู้ชายและครอบครัวของเขามีส่วนรับผิดชอบมากกว่านี้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งล่ะ ให้เด็กผู้ชายและพ่อของเขาแสดง "ความมีเกียรติ" แบบลูกผู้ชายตัวจริงออกมา ผมว่าผู้ชายดีๆ ในสังคมยังมีน้อยเกินไปนะครับ พวกตามน้ำน่ะมีเยอะ ดีได้ เลวได้ แล้วแต่สถานการณ์โดยใช้ตนเองเป็นจุดศูนย์กลางของความควร-ไม่ควร แนวคิดแบบนี้แหละจะทำให้สังคมสั่นคลอน.. จากคุณ : X-tazee - [ 17 ต.ค. 49 08:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มายกมือให้ความคิดคุณ X-Tazee ค่ะ แล้วก็ยังรอคุณ Love dad อยู่นะค่ะ จากคุณ : Tum-Ao - [ 17 ต.ค. 49 09:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อยากให้แยกเรื่องนี้ออกเป็น ๒ ส่วนนะคับ ส่วนแรกเป็นส่วนที่ควรชื่นชม คือ การเก็บเด็กไว้ และ ความรักที่พ่อมีต่อลูกสาว ซึ่งผมว่ามันทำให้สังคมบูดๆเบี้ยวๆของเรา นั่นอยู่ได้ กับอีกส่วนหนึ่ง เป็นด้านมืดที่ผมไม่อยากให้สังคมทำใจยอมรับมันเลย ก็คือ การที่ ช ญ ที่ วุฒิภาวะยังไม่พร้อม คบหาและมีเพศสัมพันธ์ตามสัญชาติญาณ จนกระทั่งเกิดตังครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ อย่าลืมนะคับ เราเอาสองส่วนนี้มาหักล้างกันไม่ได้ ถ้าเราเอามาหักล้างกัน ก็จะทำให้เกิดความชอบธรรมในการทำสิ่งที่ผิด และใช้ความรักความเอ็นดูมาเป็นเครื่องมือแก้ตัวในสิ่งที่ทำลงไป ญ เรียนจบ ม.มีชื่อเสียง ช เป็นนักศึกษา ขอให้คู่นี้เป็นแบบที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างดีกว่านะคับ ผมชื่นชมในสิ่งที่ดี และตำหนิในสิ่งที่ผิดเสมอคับ คนเราทำผิดได้ แก้ไขได้ แก้แล้วไม่ได้แปลว่าสิ่งที่ทำผิดมันเป็นถูก แต่แก้แล้วทำให้ผลร้ายที่เกิดขึ้น มันบรรเทาเบาบางลง สิ่งที่เขียน อาจทำให้รู้สึกไม่ชอบใจ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ จากคุณ : อาเจี่ย (JEA) - [ 17 ต.ค. 49 09:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เราดูโฆษณานี้ทีไร น้ำตาร่วงทุกที แค่คิดว่าเมื่อก่อนนี้ดื้อกับพ่อมาก ก็รู้สึกแย่แล้วค่ะ จากคุณ : AuIaUi - [ 17 ต.ค. 49 11:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 59 แตกมานี่แล้วนะ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4800115/L4800115.html จากคุณ : ตังโอ๋ - [ 17 ต.ค. 49 14:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อิอิ ความคิดคุณ อาเจี่ย (JEA) ยอดเยี่ยมมากคับ อิอิ จากคุณ : กวง อิอิ - [ 5 พ.ย. 49 19:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เคยกินยาโรแอคคิวเทนเหมือนกัน ตอนนั้นยังเรียนหนังสืออยู่ แล้วแม่ก็เข้าไปคุยในห้องกับหมอด้วย หมอพูดว่า "กินยานี้แล้วห้ามท้องนะ ทำได้มั๊ย" โอ้โห อายุก็ยังห่างไกลเลข 2 อยู่มาก แม่ก็นั่งอยู่ตรงนั้น ทำไมพูดอย่างงี้ล่ะหมอ แค่บอกว่ายานี้ส่งผลยังไงบ้างก็พอแล้ว เอาล่ะ เข้าเรื่อง เห็นด้วยกับคุณ JEA นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ผลเป็นอย่างไร และยังสะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังมีอะไรกันโดยไม่ป้องกัน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วหากไม่ได้ป้องกันในเวลานั้น ยาฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับวันรุ่งขึ้นก็มี มองในแง่ดี คุณยังโชคดีที่ท้องแล้วแฟนรับผิดชอบช่วยแก้ปัญหา และดูมีแนวโน้มว่าจะสร้างครอบครัว ก็เดินหน้าต่อไป ขอให้ลูกปลอดภัย แต่ถ้าเป็นอีกกรณี ที่ไม่ได้ท้อง แต่ได้อย่างอื่นมา เรื่องราวคงเลวร้ายกว่านี้ ถ้าจะมีอะไรกับใคร ไม่ว่าจะรักกันแค่ไหน ยังไงก็ต้องป้องกัน จากคุณ : Jolie - [ 17 พ.ย. 49 10:34:36 A:162.83.206.189 X: TicketID:127780 ]