พวกแม่บ้านทำความสะอาดโรงแรมนั้นจะต้องมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เจอใครก็ต้องยิ้มต้องทัก เวลาเจอแขกก็ต้องทำตัวสุภาพนอบน้อม เหมือนกับเป็นหน้าเป็นตาของโรงแรม เพราะเขาเป็นผู้ที่คอยดูแลแขกอย่างใกล้ชิด ใครอยากได้อะไร ก็เรียกใช้แม่บ้านได้ โดยเฉพาะแขกประจำของโรงแรมนั้นแม่บ้านที่ทำความสะอาดอยู่ประจำก็จะต้องรู้ว่าแขกเขาชอบทานอะไร ชอบหมอนแบบไหน ชอบอ่านหนังสืออะไร ชอบดื่มชาแบบไหน ประมาณนั้นหรือมากกว่านั้นซะอีก ซึ่งอาชีพนี้เป็นอาชีพที่สำคัญมากสำหรับทางโรงแรม แต่กลับถูกคนอื่นๆมองว่าเป็นอาชีพที่ต้อยต่ำ ไม่มีเกียรติ เงินเดือนก็น้อย แต่ยอมรับว่าพวกแม่บ้านเขาทำงานกันหนักมั่กมาก อึดจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าพวกที่เขาทำกันได้นานๆเป็นสิบๆปีนั้นเขาทนกันได้ยังไง ราวกับว่าต้นแขนและท่อนขาของพวกเขาทำด้วยแท่งเหล็กยังงั้นแหละ เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนและต้องใช้แรงควายซึ่งยิ่งกว่าแรงม้าอีกนะ
ขอบอกค่ะว่าหนักยิ่งกว่าทำงานในฟาร์มซะอีก ขนาดฉันไปทำงานอยู่ได้แค่ 3 -4 เดือน กว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละวันนี่แสนจะยากลำบากซะเหลือเกิน มันเหนื่อย เมื่อยล้าไปทั้งตัว ขัดโน่น ขัดนี่อยู่ทั้งวัน รวมทั้งต้องทำงานแข่งกับเวลาอีกต่างหาก ต้องสะอาดและเร็วด้วย กว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละวันฉันขัดจนเมื่อยไปหมดทั้งตัว เวลาจะเดินไปไหน หรือว่าหันหน้าไปทางไหน กระดูกของฉัน มันก็มีเสียงดังกรอบๆ แกรบๆ ไปซะทุกท่วงท่าเวลาที่ฉันขยับตัว นี่ถ้าฉันไม่ต้องการเงินและต้องการมีรายได้เป็นหลักแหล่งเพื่อที่จะเอาเงินไปผ่อนบ้านด้วยกันกับชอนละก้อ ฉันก็ไม่มาทำงานแบบนี้หรอกค่ะ ทรมานสังขารมั่กมากเลย ซึ่งงานนี้มันก็ไม่เหมาะกับคนเพิ่งจะหายป่วยอย่างฉันซะด้วยสิ แต่ฉันก็ไม่เคยเล่าให้ชอนฟังกลัวว่าถ้าเขารู้เขาคงจะไม่ให้ฉันทำต่อแน่ๆเลย ไอ้เราก็อยากช่วยเขาอีกแรงนึง ซึ่งฉันมันเป็นคนไทย ไม่ใช่คนออสซี่จะไปหางานดีๆให้สมกับความรู้ของเรานั้นมันก็หายาก เขาไม่รับกันง่ายๆหรอกค่ะ ซึ่งฉันก็ลูกผีลูกคนอยู่ เรื่องต่อสู้วีซ่านักเรียนก็กำลังอยู่ในช่วงรอการตัดสิน ก็เลยต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนักกันต่อไป
เพื่อที่จะไปถึงชั้นที่แต่ละคนรับผิดชอบ เราขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน ซึ่งเป็นลิฟต์เฉพาะของพนักงาน ส่วนของแขกนั้นหรูผิดกันราวฟ้ากะเหวเลยก็ว่าได้ ของเรานั้นเก่าแสนเก่า เวลาใช้ไปฉันก็กลัวมันจะพังเสียให้ได้ แต่ก็ต้องใช้ค่ะ เพราะจะให้วิ่งขึ้นลงบันไดก็เห็นจะไม่ไหว แต่เราจะใช้ลิฟต์ได้ก็ต่อเมื่อมีบัตรประจำตัว ถ้าใครไม่มีก็ต้องคอยให้คนอื่นกดให้ ลำบากมากค่ะ บางทีต้องรอนานมากกว่าคนอื่นจะมา แต่ก็เป็นเฉพาะช่วงแรกๆที่เรามาทำงานใหม่ๆ พออยู่ไปสักพักเขาก็ให้เราไปทำบัตรประจำตัว เป็นป้ายชื่อเราพร้อมติดรูป เพื่อที่จะได้เรียกใช้ชื่อเราได้ถูกและบัตรนี้ก็สามารถเปิดห้องของแขกได้ทุกชั้นทุกห้องเลย ซึ่งก็เสี่ยงมากเหมือนกันถ้าใครคิดไม่ซื่อ แต่ฉันก็ไม่เคยได้ยินเรื่องที่แม่บ้านกลายเป็นนักย่องเบานะ เพราะถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าทำลายหน้าที่การงานและอนาคตของตัวเองไปเลย
พอแม่บ้านมาถึงชั้นที่ตัวเองรับผิดชอบแล้วก็จะต้องไปในห้องเก็บของที่เรียกว่าแพนทรี่ (Pantry) ซึ่งเป็นห้องที่เก็บอุปกรณ์ตลอดจนถึงพวกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ไปจนถึงแชมพู ปากกาและกระดาษทิชชู่ พอไปถึงห้องแต่ละคนก็จะมีเจ้ารถเข็นที่ใช้บรรทุกของใช้ต่างๆ จะมี A กะ B ก่อนอื่นก็ต้องเติมรถเข็นตัวเอง ซึ่งคล้ายๆของพวกแอร์ที่ใช้บนเครื่องบินเลย อาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ เพราะใส่ของเยอะเลยค่ะ เข็นก็ลำบาก ฉันหล่ะเกลียดที่สุดก็ตอนเข็นเข้าลิฟต์นะ ถ้ามีงานอื่นเร่งด่วนเราก็จะต้องไปช่วยคนอื่นตามชั้นต่างๆ โดยที่เราต้องเอาอุปกรณ์ของเราไปเอง
มาเข้าเรื่องกันเลยดีก่า ก่อนไปทำความสะอาดเราก็ต้องเติมของในรถเข็นก่อนจะได้ไม่เสียเวลา ชั้นบนสุดจะเป็นพวกสบู่ แชมพู ครีมนวด หมวกคลุมผม ปากกา กระดาษโน๊ต ซองจดหมาย กระดาษแฟ็กซ์ ชาซอง กาแฟซอง ช็อคโกแล็ตซอง นิตยสารต่างๆ ซึ่งจะมีเป็นช่องๆให้เราใส่ของใช้ที่จำเป็นพวกนี้ให้เต็ม ถ้าเป็นห้องวีไอพี ก็จะมีเป็นแบบแพ็คสบู่แชมพู ครีมนวดผมเป็นเซ็ตอยู่ในกล่อง เพื่อความหรูหราและเพื่อให้ดูสวยงาม จะแตกต่างจากห้องธรรมดาอย่างสิ้นเชิง ก็เนอะ เขาจ่ายแพงกว่าก็ต้องได้อะไรที่ดีกว่า จะเห็นได้ว่าโรงแรมนี่จะก็แบ่งเป็นชนชั้นวรรณะอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ใช่ว่าห้องธรรมดาเราจะไม่ดูนะ เราหน่ะดูแลกันเป็นอย่างดี แต่ห้องวีไอพีนี่ก็คูน 10 เลยก็ว่าได้ ก็ด้วยเหตุผลที่เขาจ่ายมากกว่าเขาก็ต้องการบริการที่ดีว่าอยู่แล้ว เอ๊า เข้ามาเรื่องเจ้ารถเข็นกันต่อจะได้จบๆ แล้วจะได้ไปทำงานกันเสียที เอาเป็นว่าชั้นสองของเจ้ารถนี่ก็จะเป็นพวกผ้าเช็ดหน้าและผ้าเช็ดมือ ซึ่งจะเป็นผ้าขนหนูนุ่มๆ สีขาวๆ พวกผ้าเช็ดมือก็จะมีขนาดใหญ่กว่าและยาวกว่าผ้าที่ใช้สำหรับเช็ดหน้า ดูไม่ยากหรอกค่ะเพราะขนาดต่างกันเยอะ
ส่วนผ้าพวกนี้ก็จะมีฝ่ายทำความสะอาดได้พับให้เรียบร้อยแล้ว แล้วเขาก็เอามาเก็บไว้ตามชั้นต่างๆ ในห้องเก็บของเราก็หยิบมาเป็นกองๆใส่ไปในรถเข็นเลย แต่ก็ต้องไปพับอีกทีนึงก่อนที่จะเอาไปวางในห้องที่แขกพัก จะวางสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ค่ะ ซึ่งในชั้นสองนี้ก็จะเอาไว้เก็บพวกปลอกหมอน ซึ่งเราจะแยกใบใหญ่-เล็กไว้เป็นกองๆ พวกใบใหญ่สำหรับเตียงใหญ่ และพวกใบเล็กสำหรับเตียงเดี่ยว ส่วนชั้นล่างสุดก็จะเอาไว้ใส่พวก ผ้าปูที่นอน แล้วก็พวกผ้าห่มที่เรียกว่าดูน่า (Doona) ก็แยกเป็นสำหรับเตียงใหญ่ และเล็กอีกนั่นแหละค่ะ แล้วข้างๆรถเข็นในด้านที่มีราวที่จับเอาไว้ลากไปข้างหน้า ก็จะมีถุงผ้าใหญ่ๆเอาไว้ใส่พวกรองเท้าสลิบเปอร์ที่แพ็คไว้ให้ลูกค้าใส่ในห้อง รวมทั้งเอาไว้เก็บถุงที่ใส่รองเท้าและถุงลอนดรี่ ( Laundy)เอาไว้ เสื้อผ้าของแขกเพื่อที่จะเอาไปให้ร้านซักแห้งประมาณนั้นค่ะ เราก็ต้องเตรียมให้เขาหมด แล้วก็จะขาดไม่ได้คือผ้าขี้ริ้วสะอาดๆ ที่เขาเรียกว่า แร็กค่ะ (rag) ซึ่งสำหรับพวกเราแล้วเจ้าผ้าขี้ริ้วพวกนี้มีค่าดั่งพลอย เพราะว่ามันใช้เช็ดแทบทุกอย่างในห้องและพวกเราก็ต้องใช้มันเยอะด้วย ซึ่งทุกครั้งเวลามาทำงานพวกเราก็จะต้องไปแย่งกันเอาไอ้ผ้าขี้ริ้วอันมีค่านี้มาจากห้องข้างล่าง ซึ่งหมดแล้วหมดเลย กว่าจะมาใหม่ก็ต้องใช้เวลารอนาน ซึ่งบางทีพักเที่ยงฉันก็ลงไปเอาขึ้นมาอีกทีนึง เพราะเขามีกฏห้ามไว้ว่าห้ามใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัวของแขกเอาไปใช้ในการทำความสะอาด มันดูไม่เหมาะถ้าแขกมาเห็นเขาจะคิดว่าโรงแรมเราไม่สะอาด แต่ทีเผลอพวกเราก็ใช้พวกนั้นแหละเพราะไอ้พวกผ้าขี้ริ้วมันไม่พอกว่าจะเข้าไปแย่งกับพวกรุ่นพี่แต่ละคนตัวใหญ่ๆ แรงกระบือๆๆ กันทั้งนั้น ฉันก็ตัวเล็กยังกะมดแนะจะไปสู้เขาได้ยังไงไหว
ส่วนชั้นล่างสุดของถุงนี้ก็จะเป็นที่ยื่นออกมานิดนึงเอาไว้ใส่พวกกระดาษทิชชู่ และก็พวกน้ำยาทำความสะอาด ซึ่งจะใส่ในถังสี่เหลี่ยมที่มีหูหิ้ว เวลาเข้าไปทำความสะอาดในห้องพักของแขกจะได้หิ้วไปทั้งถังเลย ซึ่งในถังนั้นก็จะมี น้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดทั่วไป (Multi-purpose spray) หรือเรียกว่าพวกสเปรย์เอนกประสงค์หน่ะ จะเป็นสีเหลืองใสๆ ฉีดอะไรได้หมด ยกเว้นพวกกระจก ซึ่งจะมีน้ำยาเช็ดกระจกสีฟ้าอีกขวดนึงเอาไว้เช็ดส่วนนั้นโดยเฉพาะ ส่วนน้ำยาที่ใช้สำหรับทำความสะอาดชักโครกโดยเฉพาะก็จะเป็นสีน้ำเงินเข้ม (ต้องระวังอย่าให้โดนตาเพราะแรงมาก อาจทำให้ตาบอดได้นะ) แล้วก็จะมีพวกแปรงขัดห้องน้ำ ฟองน้ำที่สากๆหน่อยซึ่งเอาไว้ขัดพวกข้างฝาและพื้นในห้องอาบน้ำ ก่อนจะไปทำงานเราก็ต้องคอยเติมน้ำยาพวกนี้ให้เต็มก่อน และก็ไม่ลืมที่จะเติมพวกน้ำยาสำหรับทำความสะอาดอ่างอาบน้ำ ซึ่งจะแยกไว้ต่างหาก รวมทั้งผงทำความสะอาดพรม ในกรณี่ที่ห้องนั้นสกปรกมั่กมา หรือเหม็นควันบุหรี่มั่กมาก เราก็ใช้ผงนี้โรยทั่วๆ ห้องแล้วก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดๆ ให้ทั่ว แต่ได้ผลนะ ในห้องนั้นก็จะมีกลิ่นหอมขึ้นในชั่วพริบเลยทีเดียว
มาถึงทุกวันนี้เวลาทำความสะอาดบ้าน ฉันก็จะเช็ดซะ ขัดซะให้เกลี้ยงเลย อาจจะเป็นเพราะมันเคยตัวเหมือนสมัยที่ทำงานโรงแรม บ้านก็เลยจะเนี๊ยบมาก แต่ก็อาทิตย์ละครั้งนะ เพราะทำบ่อยๆ ก็ขี้เกียจค่ะ เอาเวลามาเขียนเรื่องเล่าให้ผู้อ่านฟังดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะเลย เอ้า นอกเรื่องอีกละ พอเติมของเสร็จแล้วฉันก็จะต้องไปทำความสะอาด ซึ่งหัวหน้าเขาจะเขียนบอกไว้ว่าห้องไหนเร่งด่วน ก็ไปทำห้องนั้นก่อนเพราะจะต้องเตรียมไว้ให้แขกคนต่อไปเลย เขาจะได้ไม่ต้องรอนาน ฉันก็ต้องเข็นไอ้รถบรรทุกของเครื่องใช้ ไปตามห้องต่างๆ ขอบอกว่าหนักมั่กมาก แรกๆ ก็ลากไม่ไหว แต่หลังๆ ก็รู้แกวก็ทำได้ แต่มันก็ยังหนักอยู่ดีแหละ เมื่อไปถึงห้องที่แขกเขาออกไปแล้ว เราก็จัดการจอดรถไว้ข้างๆห้องเลยจะได้ไปหยิบเอาของได้สะดวก ซึ่งฉันก็ต้องวิ่งเข้า วิ่งออกเพื่อไปหยิบอุปกรณ์ต่างๆ หน้าห้องอยู่แล้ว พูดถึงถ้าใครอยากผอมก็ไปทำงานนี้นะ รับรองว่าเป็นงานที่เผาผลาญแคลอรี่ได้ดีทีเดียว ฉันก็หุ่นดีเลย แถมได้กล้ามที่ต้นแขนกับต้นขาเป็นมัดๆๆเลย
เมื่อเข้าไปในห้องฉันก็ไปหยิบเอาถังมา เก็บพวกขยะที่มีอยู่เกลื่อนห้องออกไปทิ้งก่อน ซึ่งบางห้องก็ไม่ต้องพูดถึงเลย ยี๊...ไม่อยากเซด ก็ไอ้เจ้าถุงยาง ที่ใช้แล้วอะค่ะ มันตกเต็มห้องไปหมด ตามที่นอนด้วย ไม่รู้ทำกันยังไง เจ้าถุงนี่ถึงได้ตกเรี่ยราดที่นอนหมอนมุ้งไปหมด ฉันก็ต้องทนค่ะ แต่ยอมรับว่าฉันหงุดหงิดมากเวลาเห็นเจ้าพวกนั้น บางทีก็ต่อมน้ำตาแตกเอาตอนนั้นเลย เดินเก็บมันไป เช็ดน้ำตาไป เพราะสมเพชตัวเองที่จะต้องมาทำความสะอาดห้องรกๆอย่างนี้ ตอนหลังก็เริ่มชิน ในเมื่อเราก้าวขาซ้ายมาแล้ว ขาขวาก็ต้องก้าวตาม ก็ต้องทำให้ถึงที่สุดจะหยุดครึ่งๆกลางๆ ก็ไม่ได้และก็ถือเป็นการทดสอบตัวเองด้วยว่าจะทำงานแบบนี้ได้ไหม ฉันก็ต้องรวบรวมความเข้มแข็งใส่ถุงมือหยิบเจ้าพวกนั้นทั้งลงถัง ด้วยใจขยะแขยง แขกพวกนี้มาเพื่อความสนุกจริงๆ จะโยนใส่ถังขยะซะหน่อยก็ไม่ได้ เหมือนอยากจะประกาศให้ฉันรู้ว่าพวกเขาเจนจัดในเรื่องนั้นมากแค่ไหน โอ๊ย .. ฉันไม่สนใจหรอก จะทำงาน ขออย่าให้ห้องรก ก็พอแล้วเพราะยังมีงานอื่นอีกเยอะ หลังจากนั้นก็ต้องเปลี่ยนเอาพวกปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เอาของเก่าออกไปให้หมด แล้วก็เอาไปใส่ถังสี่เหลี่ยมซึ่งต่อกับข้างหน้ารถเข็น เอาไว้เก็บพวกของที่จะต้องเอาไปให้แผนกซักรีดอีกทีนึง
ต่อจากนั้นฉันก็จะหิ้วถังใส่พวกน้ำยาต่างๆไปห้องน้ำเลย แล้วก็เปิดน้ำร้อนให้เติมอ่างอาบน้ำ แล้วก็เปิดให้ที่ดันน้ำออกมาสำหรับนวดหลัง ให้มันทำงาน เสร็จแล้วก็ฉันก็ถอดผ้า ลงไปในอาบน้ำในอ่าง อืม ... ไอ้ที่นวดหลังนี่มันสบายจังเลยนะ น้ำก็อุ๊น อุ่น เปิดทีวีดูเบาๆ นอนแช่อยู่ในอ่าง พลางหลับตา รู้สึกถึงแรงดันของน้ำที่ค่อยๆนวดหลัง นวดต้นขา อืมมม ...รู้สึกสดชื่นและสบายอย่างบอกไม่ถูก ฉันได้กลิ่นหอมอ่อนๆของกลีบดอกกุหลาบที่ลอยฟูฟ่องอยู่บนผิวน้ำ นอนฟังเสียงเพลงเพราะๆ เบาๆมาจากทีวีที่เปิดไว้ อืมมมม ...มันช่างผ่อนคลายและสบายเสียนี่กระไร ตื่นๆๆๆ.. อ้าว ฉันฝันไปหรือเนี่ย นังแพรวนี่ไม่น่าปลุกให้ฉันตื่นเลย แหม ...ขัดจังหวะซะจริงๆ คนกำลังนึกอะไรอยู่เพลินๆเชียว เฮ้อ !!! แล้วฉันก็เทน้ำยาทำความสะอาดอ่างด้วยจิตใจหดหู่ ซึ่งแรงดันของน้ำร้อนที่หมุนวนไป วนมาในอ่าง จะช่วยขัดคราบสกปรกและจะช่วยให้ฉันประหยัดแรงไปอีกตั้งเยอะ
แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 49 17:49:16
แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 49 17:43:48
แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 49 17:41:08
จากคุณ :
Summer_scent
- [
16 ต.ค. 49 17:26:38
]