ความคิดเห็นที่ 23
ส่วนทางสายอินเดีย เขาเรียกวิชานี้ alchemy ที่ว่า นี้ว่า tantra
เราวางแผนผัง (ในคัมภีร์) ที่แสดงเส้นทางเดินลมปราณของสายจีนกับสายอินเดียเข้าใกล้ๆเพื่อเปรียบเทียบกัน และประหลาดใจที่ว่า "มันเหมือนกัน" จะต่างกันก็คือว่าจุดชีพจรต่างๆบนเส้นทางเดินเลือดลมของจีนนั้น เขียนเป็นอักขระจีน เป็นภาษากวีเช่น จุดที่อยู่ระหว่างไต 2 ข้าง เรียกว่า "มิ่งเหมิน" แปลว่าประตูชีวิต ....เนื่องจากนักพรตเต๋าเชื่อว่า ไตทั้ง 2 ข้างที่แข็งแรงเป็นประตูที่เปิดไปสู่ชีวิตอันผาสุข และคนที่ไตไม่แข็งแรงจะมีแต่ความกังวลแบบวิตกจริตราวกับว่าไม่ได้เปิดประตูไปสู่ความมีชีวิตอันผาสุขนั่นเอง ....
ส่วนในหนังสือกำลังภายในที่ขายในเมืองไทย เขาชอบพูดว่า "จุดเป็น" และ"จุดตาย" เราไปเจอในหนังสือภาษาอังกฤษคนจีนเขียนไว้ว่า 'birth gate' คงเท่ากับ "จุดเป็น" แต่มันอยู่ที่ทวารหนัก เราคิดยังไม่ออกว่าทำไมเขาตั้งชื่อแบบนี้น่ะ และเขาพูดดว่า "death gate" มันคงเท่ากับ "จุดตาย" เขาว่าจุดนี้มันอยู่ที่โคนอวัยวะเพศชาย.....เอ่ออันนี้เข้าใจง่ายว่าทำไมเขาเรียกแบบนั้น นั่นก็เป็นเพราะนักพรตเต๋าถือว่าถ้าน้ำอสุจิผ่านจุดนี้ไปได้ก็คือผู้ชายตายผ่อนส่งนั่นเอง
ส่วนจุดชีพจรของอินเดียนั้น แทนที่จะเป็นอักขระจีนที่เป็นภาษากวี มันกลับเป็นภาษาสันกฤตที่เป็น abode สถานที่ประทับของพระเจ้าแต่ละองค์ ซึ่งมีระบบการสร้างและการทำลายเป็นการเปลี่ยนแปลงในระบบจักรวาล
เช่นที่สะดือเป็นที่ซึ่งพระพรหมประทับอยู่ ที่ perineum หรือฝีเย็บ หรือที่จีนเรียกว่า hui yin) ซึ่งอยู่ระหว่างอวัยวเพศกับทวารหนัก เป็นจุดที่ Shakti ประทับอยู่
Shati คือเจ้าแม่กาลี .....เทวีองค์นี้มีชื่อหลายๆชื่อคือ Durga, Kali, Parvati และ Sati พระองค์เป็นพระชายาของพระศิวะนั่นเอง
ส่วนจุดกลางกระหม่อม (ของจีนเรียกว่า bai hui) เป็นจุดที่ Shiva (พระศิวะ) ประทับอยู่.........
ส่วนเรื่องการขับเคลือนลมปราณไปทางทิศไหนนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกัน หากแต่สายจีนอธิบายเป็นภาษาของนักพรตเต๋า ส่วนสายอินเดียอธิบายเป็นภาษาที่ใช้ในศาสตร์โยคะ.............
ความคล้ายคลึงกันเป็นไปได้ 2 ความเป็นไปได้คือ
1. Great men think alike (บุคคลผู้ยิ่งใหญ่มีแนวคิดที่คล้ายๆกัน) ....คล้ายๆกับที่ Isaac Newton กับ Liebnitz คิดวิชา calculus ขึ้นมาได้พร้อมๆกันโดยไม่ได้มีการนัดหมายกันแต่อย่างใด ..........ซึ่งยังมีหลักฐานในเรื่องนี้คือจดหมายที่ทั้งสองคนเขียนถึงกันเรื่อง calculus (มะใช่เรื่อง sex นะ...อิๆๆๆ...) เป็นภาษา Latin ที่เก็บอยู่ใน British Museum จนถึงทุกวันนี้........
2. จีนกับอินเดียแลกเปลี่ยนวิชา alchemy กันเมื่อสมัยที่มีการค้าผ้าไหม บนเส้นทางที่มีการค้าผ้าไหมกันนั่นเอง
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 49 23:09:22
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 49 04:00:58
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 49 03:59:25
จากคุณ :
tansy (iwrite4u)
- [
24 ต.ค. 49 03:55:16
]
|
|
|