CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ยิ้มไว้...เมื่อภัย(มะเร็ง)มา ตอน 25 เล่าจากเรื่องจริง

    ยังดีที่ชอนพอจะขับเลี้ยวไปที่หน้าปากซอย เพื่อหลบไม่ให้รถคันอื่นๆชนตูดเอา เพราะมันทั้งมืด
    ทั้งดึก แสงตามเสาไฟต่างๆ ก็ไม่ค่อยจะสว่างนัก จากนั้นพวกเราก็รีบวิ่งไปออกจากรถไป เพราะกลัวว่ารถมันจะลุกไหม้ขึ้นมาซะก่อน ฉันละกลัวมันจะระเบิดขึ้นมาเสียจริงๆ ส่วนชอนก็รีบวิ่งไปเปิดกระโปรงหน้ารถ ซึ่งฉันก็ไม่เห็นหน้าเขาหรอก
    เห็นแต่ควันพุ่งโขมงเต็มหน้ารถไปหมด แต่รู้แน่ๆว่าชอนเขาหงุดหงิดมาก ฉันรู้สึกละอายใจ ที่นานๆทีเพื่อนจะมาหา แล้วไอ้รถบ้านี่ ดันมาทำให้เสียหน้า แต่ว่าอากาศก็ไม่ได้ลดละ 40 องศายังไงก็ยังร้อนอยู่อย่างนั้น แม้แต่ลมที่พัดผ่านมาก็ยังเป็นลมร้อนเลย ราวกับว่าพวกเราอยู่กลางทะเลทรายเลยก็ว่าได้ "ขอโทษนะคะคุณเล็ก ปรกติรถมันก็ไม่เป็นไร แต่พอดีวันนี้มันร้อนมากไปหน่อย หม้อน้ำมันก็เลยไหม้เลย" ฉันก็รีบขอโทษขอโพยคุณเล็ก
    เป็นการใหญ่ "ไม่เป็นไรหรอก ดีซะอีก เราได้มีประสบการณ์ตื่นเต้น ตั้งแต่วันแรกที่มาเมลเบิร์นเลยเนอะคุณเล็ก" ต่ายยังจะมีอารมณ์ขันอีก
    แล้วพวกเราก็หัวเราะจนท้องแข็ง จากนั้นฉันก็รีบตะโกนไปบอกชอนเมื่อฉันเกิดปิ๊งงง
    ได้ไอเดียดีๆ "เบบี้ คุณก็โทรไปหาปีเตอร์ดูสิ ให้เขามาช่วยพวกเราหน่อย เผื่อมาร์คเขายังไม่กลับ จะได้รับพวกเราไปที่บ้านด้วย เพราะบ้านเราอยู่ทางเดียวกัน" ฉันแนะนำ "ไม่ได้หรอก ผมทิ้งรถไว้ที่นี่ไม่ได้" ชอนยังดื้อด้านอยู่ อีกทั้งเกรงใจเพื่อน ฉันควันขึ้นหู
    ทำไมชอนถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ ไม่กล้าแม้แต่จะโทรไปรบกวนเพื่อน
    " Shaun, What's a friend for? (ชอน แล้วเขามีเพื่อนเอาไว้ทำอะไร)" ฉันตะโกนถามเขาอย่างหงุดหงิด เพราะเขาเป็นคนหัวรั้นมั่กมาก
    ไม่ค่อยจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร แต่วันนี้พวกเรามีแขก จะมีเอาศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้งไม่ได้ แล้วฉันก็เป็นห่วงว่าเพื่อนๆคงเหนื่อยกันมาจากบนเครื่อง อากาศก็ร้อน พวกเขาคงอยากจะไปอาบน้ำพักผ่อนมากกว่าการนั่งรออยู่บนฟุตบาทข้างทางเป็นแน่
    "ชอน คิดให้ดีๆนะ เพื่อนก็ต้องมีไว้พึ่งพาในยามที่เราเดือดร้อนสิ
    แล้วเราไม่ได้ไปรบกวนเขาทุกวันนี่นา พวกเขาก็รู้แล้วนะว่ารถเราไม่ค่อยดีตั้งแต่กลางวันแล้ว รีบโทรไปก่อนแล้วให้มาร์คไปส่งฉันกับเพื่อนๆก่อนก็ได้
    ส่วนคุณก็รออาร์ เอ ซี วี(RACV)ไปก่อน ให้ปีเตอร์เขาอยู่เป็นเพื่อนคุณระหว่างที่รอก็ได้" ฉันต้องใช้เล่ห์อุบายของขงเบ้ง มาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเอาไว้ก่อน เพราะในตอนนั้นชอนเขาโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว "ก็ได้ ผมโทรหาพวกเขาก็ได้" ชอนพูดอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะโทรหาปีเตอร์กับมาร์ค เขาวิ่งไปดูป้ายชื่อของถนนหน้าปากซอย เพื่อจะได้บอกทางให้เพื่อนๆตามมาได้ถูก


    พอสักประมาณ 10 กว่านาที เพื่อนๆเขาก็ขับรถมากันคนละคัน พอพวกเขาลงจากรถมาฉันก็แนะนำให้ปีเตอร์กับมาร์ครู้จักกับกระแตน้อยกับคุณเล็ก ก่อนหน้านั้นถ้ากระแตไม่ได้งานก่อนที่จะมาที่นี่ หล่อนก็คงอยากจะมาอยู่ที่เมลเบิร์น
    ในระยะยาวเลย แล้วฉันก็ได้เล็งปีเตอร์ไว้ เผื่อพวกเขาจะได้เกิดปิ๊งปั๊งกันขึ้นมากฉันก็จะได้มีเพื่อนสนิทอยู่ด้วยกันที่นี่อีกคน แต่ว่าเจ้ากระแตน้อยของฉันดันไปได้งานไม่กี่วันก่อนเดินทางมาเที่ยวที่นี่ แผนการณ์ที่ฉันวางไว้เป็นอันยกเลิกไป เฮ้อ น่าเสียดายแทน เพราะปีเตอร์เขาก็ยังโสดอยู่ถึงแม้จะหล่อน้อยไปหน่อย แต่ก็เป็นวิศวะกรเคมีที่มีฐานะมั่นคง
    แถมยังมีบ้าน มีรถ แต่ขนาดแค่เพื่อนข้างกายเท่านั้นเอง
    ส่วนมาร์คนั้นจะเป็นหนุ่มวิศวะกรคอมพิวเตอร์ ที่หล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว
    แต่ว่าเขายังไม่อยากมีแฟน เพราะเป็นคนสมธะ ชอนสันโดษ อีกทั้งยังอยู่กับพ่อแม่ สำหรับคนที่นี่เขาจะคิดว่าพวกที่อยู่กับพ่อแม่จะเป็นคนที่ยังไม่ยอมโต ส่วนในเมืองไทยนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะลูกๆก็ต้องมีหน้าที่ดูแลพ่อแม่
    ในยามที่ท่านแก่เฒ่าอยู่แล้ว ผิดกับที่นี่ถ้าพ่อแม่แก่ตัวไปก็ต้องไปอยู่หมู่บ้านสำหรับคนชรา
    กันเสียส่วนใหญ่


    เอ้า ฉันนี่ตะเลิดไปไกลละ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า สรุปว่ามาร์คสุดหล่อก็พาพวกสาวๆ
    ไปส่งที่บ้านก่อน ส่วนชอนกับปีเตอร์ก็อยู่รอ RACV ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยงานประกันที่ดูแลเรื่องความเรียบร้อยบนท้องถนน ถ้ามีรถของใครเกิดเสียกลางทางหรือมีปัญหาขึ้นมาก็โทรไปแล้วเขาจะส่งคนขับรถลากใหญ่ๆ มารับทั้งคนทั้งรถกลับไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดถัย ดังโฆษณาของเขาที่ว่า
    "If you need me, I want to call me. Call me!
    Don't wait too long! I'll be there. I'll be there."
    ซึ่งชอนก็ต้องโทรไปหาเจ้าหน้าที่ RACV ให้มารับ ส่วนพวกเราก็กลับมาบ้านก่อน
    โดยที่มาร์คขับรถมาส่ง โชคดีที่เขายังไม่กลับบ้านไปก่อนนะ ไม่งั้นก็คงต้องอยู่รอ RACV
    พร้อมชอนแน่ๆ กว่าพวกเราจะกลับมาถึงบ้านประมาณ ตี 1 กว่าๆ ส่วนชอนกว่าจะมาถึงบ้าน
    ก็ปาเข้าไปถึงตี 3 กว่าๆไปแล้ว เขานะทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย และหงุดหงิด
    แล้วเจ้า RACV ก็ชาร์จพวกเรา 80 เหรียญ โห นี่ขนาดเป็นสมาชิกนะ
    ถ้าไม่ได้เป็นจะขนาดไหนเนี่ย แต่ก็ยังดีกว่าที่เราจะต้องทิ้งรถไว้ที่นั่นทั้งคืน


    เป็นอันว่าพวกเราก็ฉลองปีใหม่กันที่ข้างๆแอร์พอต คนอื่นเขาก็ไปดูพลุกัน ส่วนพวกเราก็ไปดูควันพุ่งออกมาจากรถ ตื่นเต้นกว่ากันเป็นไหนๆ
    พลางลุ้นกันว่ามันจะระเบิดไหมเนี่ย ฉันก็กลัวว่าข้าวของที่เพื่อนๆขนมาจากเมืองไทย
    จะพังย่อยยับไปเสียก่อน ฉันไม่เสียดายรถหรอกเพราะมันเก่าแล้ว แต่เสียดายของมากกว่า ในคืนนั้นชอนกับฉันก็นอนกันไม่ค่อยหลับ ต้องเอามือก่ายหน้าผาก
    เพราะจะต้องเสียเงินค่าซ่อมรถอีกแล้ว ฉันก็กลุ้มใจคงไม่มีรถพาเพื่อนไปเที่ยวที่ไกลๆเป็นแน่ ฉันรู้สึกสงสารเพื่อนๆจริงๆที่อุตสาห์มาจากเมืองไทยกัน แต่รถฉันดันมาพังเสียนี่ ไม่งั้นคงจะได้พาไปเที่ยวที่ไหนๆอย่างสบาย ฉันกับชอนก็จะได้ไปเปิดหูเปิดตากับเขามั่ง แต่พวกเราก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันต้นปี คงไม่อู่มีที่ไหนรับซ่อมรถเป็นแน่ ความร้อนรุ่มและจิตใจที่ครุ่นคิดแต่เรื่องหนักๆ ก็ถูกทำให้ลดลงได้ ด้วยการเปิดแอร์เย็นๆที่ห้อง มันทำให้พวกเราผ่อนคลายไปได้บ้าง


    ปีนี้พวกเราเจอแจ็คพ็อตตั้งแต่ตั้นปีเลย ถือว่าฟาดเคราะห์ไป และฉันก็หวังว่าต่อๆไป
    จะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามามั่ง ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ความหวังฉันก็ยังไม่สิ้น
    ฉันได้แต่พยายามคิดในแง่บวกไว้ก่อน ไม่รู้ว่าสวรรค์จะเล่นตลกอะไรกับฉันตั้งแต่ต้นปีเลย
    แต่ฉันก็ไม่ท้อค่ะ ส่งมาเลยรูปแบบไหน ฉันรับได้หมดหละ ไม่มีรถไปส่งเพื่อนๆ ฉันก็พาเพื่อนๆนั่งรถไฟไปเที่ยวในเมืองได้ ไม่เป็นไร ฝนตกพวกเราก็กางร่มกันซะ ไม่เห็นยากเลย คิดดูแล้วกัน เมื่อวานอากาศ 40 กว่าองศา แต่พอมาวันนี้ อากาศหนาวมั่กมากเหลือประมาณ 10 กว่าองศา ฉันหล่ะสงสารกระแตน้อยกับคุณเล็กจริงๆ ที่เมลเบิร์นนี้ไม่ได้มีความพอดีเลย ดีนะที่เพื่อนๆแข็งแรง ไม่ป่วยกันไปเสียก่อน อากาศมันเปลี่ยนง่ายๆ ถ้าใครไม่ชิน ก็พลางจะเป็นไข้กันได้ง่ายๆ ฉันก็พาเพื่อนๆไปชมเมือง ถึงแม้อากาศจะหนาว
    ฝนจะตกเฉอะแฉะไปหมด แต่พวกเขาก็เก็บช็อดสวยๆ เด็ดๆกลับไปอวดเพื่อนๆที่เมืองไทยได้หมด ดูเหมือนพวกเขาจะชอบมากเลยทีเดียว พอวันรุ่งขึ้นก็ไปเที่ยวในเมืองกันอีก 2 คน ส่วนฉันก็อยู่ที่บ้านกับชอน พักผ่อนกันไป ไม่อยากไปไหนเพราะว่าไม่อยากจะเสียตังค์ ดีที่ปีใหม่นี้หมอเบนให้หยุดได้ 3 อาทิตย์ ฉันก็เลยไม่ต้องไปทำคีโม พักมั่งก็ดี เบื่อแล้ว ซึ่งฉันก็ได้ฝากกะแตซื้อของขวัญปีใหม่ให้กะหมอเบนด้วย เป็นถ้วยสำหรับใส่น้ำดื่มหรือพวกชา
    กาแฟก็ได้ เป็นลายเบญจรงค์ สีสันสวยงาม ดูหรูหรามั่กมาก เอาไว้ใช้ก็ได้หรือจะเอาไว้ใส่ตู้โชว์ก็ได้ ผลปรากฏว่าชอนเขาชอบมาก แทบอยากจะยึดเอามาเป็นของตน แต่ฉันก็ไม่ยอมเพราะฉันตั้งใจว่าจะให้เป็นของขวัญแก่หมอเบน ซึ่งเจ้ากระแตเขาก็ซิ้อเสื้อยืดของ
    JASPAL มาฝากชอน โดยที่เจ้ากระแตไม่รู้ว่ามันไม่ใช่เสื้อยืดเอาไว้ใส่เล่น แต่มันเป็นเสื้อที่เอาไว้ใส่เป็นเสื้อชั้นใน เวลาใส่เสื้อเชิ้ตอะไรประมาณนั้น แต่เจ้ากระแตเข้าใจผิดนึกว่าเป็นเสื้อยืดธรรมดาๆ แล้วหล่อนก็ขนนิตยสารชีวจิตมาให้ฉันอ่านเป็นสิบๆเล่ม แหมเพื่อนฉันนี่ น่ารักจริงๆ พอตกเย็นพวกเราก็รอทำไมเพื่อนฉันไม่กลับมาสักที
    รอไปรอมาจนเกือบ 4 ทุ่มปรากฏว่าคุณกระแตน้อยได้ก่อเรื่องทำให้พวกเราตื่นเต้นอีกแล้ว คือหล่อนได้ลืมกระเป๋าตังค์ที่มีบัตรต่างๆและเงินทั้งหมดไว้บนรถไฟคิดดูละกัน หล่อนได้เอากระเป๋าวางไว้ข้างๆ เพื่อที่จะหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ แต่พอใส่เสื้อเสร็จแล้วก็ลงรถไฟไปเลย กว่าจะเอะใจนึกขึ้นได้รถไฟมันก็แล่นออกไปแล้ว


    โชคดีที่เจอพลเมืองดีเขาก็ช่วยกดตรงปุ่มฉุกเฉินเพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่ของทางสถานีรถไฟ
    แล้วเขาก็รับปากว่าจะช่วยหาให้แต่ก็ไม่รับประกันว่าได้เจอกระเป๋าตังค์ของเจ้าหล่อนหรือปล่าว พอคุณเล็กโทรมาหาฉันที่บ้าน พวกเราก็รีบวิ่งแจ้นไปที่สถานีรถไฟ ดีที่มันอยู่ใกล้บ้าน พอไปถึงฉันก็เห็นสองสาวยืนรออยู่หน้าเคาท์เตอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่เขาพยายามโทรไปตามสถานีต่างๆ เพื่อติดต่อเรื่องกระเป๋าตังค์ให้เจ้าหล่อน แต่ว่าก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำสถานีนั้นๆรับสายเลย อาจจะเป็นช่วงวันปีใหม่ด้วย แถมยังเป็นวันหยุดราชการจะติดต่ออะไรมันก็ยากหน่อย พวกเราก็เลยทิ้งเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านของฉันพร้อมทั้งมือถือไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา แล้วพวกเราก็เดินคอตกกลับบ้าน ฉันก็สงสารเจ้ากระแตมากเพราะว่าเบอร์โทรศัพท์ของคุณพ่อของหล่อนก็อยู่ในกระเป๋านั้นด้วย อันดับแรกพอไปถึงบ้านก็ต้องโทรไปยกเลิกบัตรเครดิตกันก่อน พอพวกเรามาถึงที่บ้าน ฉันก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขี้น ฉันก็รีบวิ่งไปรับ โชคดีที่เป็นของเจ้าหน้าที่สถานีเบลเกรฟ ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายเลย แล้วเจ้าหน้าที่เขาก็พบกระเป๋าตังค์ของกระแตแล้ว ซึ่งเขาจะเก็บไว้ให้ วันพรุ่งนี้ก็ค่อยมาเอา เพราะคืนนี้ดึกมากแล้ว เฮ้อ..เป็นอันว่าเรื่องต่างๆจบลงด้วยดี แต่ละคนก็นอนหลับกันได้อย่างสบายใจ ดีนะที่เจ้าลูกหยีไม่อยู่ไปแทสมาเนีย ฉันเลยมีที่พักให้เพื่อนๆได้นอนกันอย่างสบาย แล้วหยีก็บอกไว้แล้วว่าถ้าเพื่อนฉันมาก็ให้ไปนอนห้องของหยีได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ แหม ใจดีจริงๆ


    พอวันรุ่งขึ้นกระแตกับคุณเล็กก็ไปเอากระเป๋าตังค์ แหม เพื่อนฉันชั่งโชคดีจริงๆ ไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไร ถ้าไม่เจอกระเป๋าหล่ะก้อ พวกเขาคงจะเกลียดเมลเบิร์นไปเลย คงจะไม่มาเยื่ยมฉันอีกแล้วหล่ะ พวกสองสาวเขาก็ไปเที่ยวกันตามประสานักท่องเที่ยว ส่วนชอนก็โทรศัพท์ไปให้คนมาซ่อมรถ แต่ก็ต้องรอเพราะเขาจะส่งช่างมาซ่อมในวันรุ่งขึ้น คิดดูสิ ที่นี่อะไรก็ต้องจอง ถ้าเป็นเมืองไทยนะ เขามาซ่อมให้ตั้งแต่วันแรกที่รถเสียแล้ว


    พอวันต่อมาฉันก็พากระแตและคุณเล็กไปหาคุณพ่อของกระแต ซึ่งท่านนัดเจอที่ฟุตสเคร ซึ่งไกลจากบ้านฉันมาก พวกเราก็ไปถึงช้าด้วย เลยปล่อยให้ท่านรอแง่กเลย หลังจากนั้นพวกเราก็ไปกินอาหารเวียดนามกัน แล้วฉันก็ลากลับบ้านเลย ก่อนกลับก็กอดเพื่อน
    ให้หายคิดถึง คุณเล็กก็ขอบคุณฉันเป็นการใหญ่ที่ให้การตอนรับเธออย่างอบอุ่น แล้วฉันก็นั่งรถไฟกลับบ้านด้วยความสบายใจ พอมาถึงบ้านก็เห็นคนกำลังซ่อมรถอยู่หน้าบ้าน เป็นอันว่าครั้งนั้นเราจะต้องเปลี่ยนหม้อน้ำและอุปกรณ์ต่างๆ รวมเป็นเงิน เกือบ 3,000 เหรียญแนะ แถมชอนยังเปลี่ยนยางรถทั้งสี่ล้ออีก หมดไป 500 กว่าเหรียญ ดูสิพวกเราอุตส่าห์จะใช้เงินที่เหลือในเป็นค่าผ่อนบ้านและค่าบิลต่างๆ แต่ก็ต้องกลายมาเป็นค่าซ่อมรถไปได้ แล้วชอนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหางานได้เลย หลังจากนั้นฉันก็ไปดูแลน้องหมาต่ออีกสองอาทิตย์ เพราะว่าแด๊ดดี้ของน้องหมากลับมาแล้ว ฉันก็หมดความหมายซะแล้ว ก็เลยกลับมาอยู่ที่บ้านถ้าวันไหนไม่ได้ไปทำคีโม ก็อยู่บ้านพักผ่อนไป

    แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 49 08:53:00

    แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 49 14:37:42

    แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 49 13:48:18

    แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 49 13:46:08

    จากคุณ : Summer_scent - [ 30 ต.ค. 49 13:24:43 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com