1 เดือนแห่งการรอคอยการติดต่อกลับจากยัยตัวร้ายได้จบสิ้นลงไปพร้อมกับความรู้สึก ทำใจ ยอมรับให้ได้ว่า ที่ผ่านมามันก็แค่เอ็นดูเด็ก ซึ่งเราเจอผู้หญิงมาทำแบบนี้กับเราบ่อยๆ เพียงแต่ครั้งนี้มันต่างกันตรงที่เราไม่ได้มีใจให้ผู้หญิงเหล่านั้น ต่างกันแค่นั้น
แต่เจ็บลึกถึงเพียงนี้เชียว...
เอาน่ะ เพื่อให้ลืมยัยตัวร้ายได้หมดใจ เราถึงตัดสินใจห่างจากคุณเธอและเปิดตัวเองให้กับสาววัยรุ่นราวคราวเดียวกับคุณเธอ โดยเข้าเวบไซต์เลสเบี้ยนและนั่งไล่ดูรายชื่อสมาชิกของเวบทีละคนว่าใครเข้าตาบ้าง ตลอดจนกำหนดช่วงอายุของคนที่เราต้องการจะรู้จักอยู่ที่ 30 - 40 ปี ต่ำกว่านี้ไม่คุย ไม่สน ไม่ให้เห็นขาอ่อน
ช่วงเวลานี้เองที่ทำให้เราได้รู้จักกับเลสเบี้ยนคนอื่น ซึ่งมีมากมายหลากหลายอาชีพตามที่เราเขียนเกริ่นไปแล้วในตอนแรกๆ การได้รู้จักกลุ่มผู้หญิงที่มีรสนิยมเดียวกันก็ทำให้การพูดคุยเต็มไปด้วยอรรถรสแต่มันก็ออกแนวเพื่อนคุยเล่นกันซะมากกว่าที่จะคบหาใครจริงๆ จังๆ ส่วนนึงเพราะเราไม่ชอบคำว่า กิ๊ก ด้วย เมื่อเราพบว่า ใครมีแฟนแล้วเราก็มักจะวางคนนั้นไว้ในตำแหน่งพี่สาวทันที
มันเป็นการหาใครสักคนที่เป็นเลสเบี้ยนเหมือนกันเพื่อคบหาเป็นแฟน แต่ไม่ใช่การคบหาบนพื้นฐานของความรู้สึกรักใคร่ ผูกพันแบบรักแรกพบอะไรแบบนั้น ชีวิตที่ค่อนข้างรันทดทีเดียวเชียวแหล่ะ คิดดูสิ อุตส่าห์มีรสนิยมเป็นสาวรุ่นพี่พวกเธอก็ดันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด บางคนก็จะให้เราเป็นกิ๊กอันดับ 4 โน้น โอ้ว....ไม่ไหวอ่า สาวน้อยใสซื่ออย่างเรารับไม่ได้จริงๆ
ขอโทษนะคะ ไม่เชื่อว่ะค่ะ
กุยแก เพื่อนสาวชาวเลสของเราคนนึงในพันทิป เอ่ยมาอย่างไม่เชื่อใจนัก ด้วยความที่ว่า เราเคยไปทำกรุ้มกริ่มอ้อล้อกับคุณเธอแบบว่า สวยดีไรเงี้ยะ แล้วก็โดนสวนกลับมาอย่างรู้เท่าทัน เล่นเอาเราฝ่อไปเลยแบบว่า เออ....ถึงเค้าจะเป็นเลสแต่เค้าคงไม่ชอบเราแบบนั้นเนอะ วันเวลาผ่านไปคุณเธอก็กลายมาเป็นศิราณีเป็นเพื่อนสาวที่คอยให้คำแนะนำเราเวลาจีบสาว
จนวันนึงเราประสบปัญหาหัวใจขั้นรุนแรง เรื่องมันเกิดมาจากเราริอาจอยากจะปฏิวัติตัวเอง อยากเป็นเลสโฉด เจ้าชู้ๆ กับเค้าดูบ้าง เผื่อจะได้มีแฟนเป็นตนซะที เราก็เลยเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับ 3 เจ้
ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า เราอ่ะ ไปติดตาต้องใจยัยตัวร้ายอยู่นานปีแต่แล้วดูท่าจะไม่มีใจให้แต่ก็เอ็นดูเราตามประสาผู้ใหญ่ใจดี เราจึงตัดใจและหันเหไปเจ๊าะแจ๊ะกับพี่นุ่น ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของยัยตัวร้ายแต่ก็ไม่ได้จริงๆ จังๆ อะไร แหย่ๆ ขำๆ ไปตามประสาคนอารมณ์ดีอยากเห็นเจ้นุ่นแกยิ้มบ้าง เจอทีไรเจ้แกชอบทำหน้าเป็นปลาดุกอุยท้องผูกทุกทีเลย
ความที่พี่นุ่นแกชอบเล่นแชทก็มักจะพูดคุยกับเราทางอินเตอร์เนตบ่อยๆ เรามักจะแหย่ให้พี่นุ่นแกเคืองใจเล่น วันไหนอารมณ์ดีคุณเธอก็คุยด้วยสนุกสนาน วันไหนอารมณ์ไม่ดีหรือกำลังยุ่งๆ อย่าได้ไปแหย่เชียวเพราะหล่อนด่าเจ็บมาก เหอๆ
ช่วงนั้น ด้วยความที่เราพยายามตัดใจจากยัยตัวร้ายจึงไม่ค่อยชวนพี่นุ่นคุยหรือพยายามตะล่อมๆ ถามเรื่องเกี่ยวกับยัยตัวร้ายจากพี่นุ่น แต่กลับกลายเป็นชวนพี่นุ่นคุยเรื่องทั่วๆ ไป เรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องหนัง การพูดคุยกันในหลายๆ เรื่อง ทำให้เราได้พบว่า พี่นุ่นสาวมาดไฮโซ เจ้าของคำพูดคำจาที่มีความหมายแอบแฝงเสมอคนนี้ก็มีมุมเหงาๆ และอ่อนไหวกับเค้าเหมือนกัน
ในค่ำคืนวันหนึ่ง ขณะที่เรากำลังออนไลน์แชทคุยกับเพื่อนฝูงอย่างเพลิดเพลินก็เห็นพี่ออนไลน์และสิ่งที่เรามักจะทำเสมอจนเป็นนิสัยคือ ทักทายพี่นุ่น ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมต้องทักทายเค้าทุกครั้งที่เห็นเค้าออนไลน์หรืออาจจะเป็นเพราะเค้าเป็นเพื่อนสนิทของยัยตัวร้ายและมีนิสัยชอบพูดจาคลุมเครือทำให้รู้สึกลึกลับน่าค้นหากระมัง
หวัดดีเจ้
กินข้าวด้วยกันไหม
พี่นุ่นพิมพ์ตอบกลับมา เอ๋?...เรามองข้อความที่อยู่บนจออย่างแปลกใจ พี่นุ่นไม่เคยเป็นแบบนี้นา
อารมณ์ไหนเจ้ เราถามอย่างระแวงๆ
เหงา
เกิดอะไรขึ้นเหรอ?
ป่าว....นั่งกินข้าวแล้วก็รู้สึกเหงาขึ้นมาเฉยๆ นั่งกินข้าวหน้าคอม เรื่องปกติของนักแชท......
ไอ้คำว่า เหงา เนี้ยะ คุณรู้ไหมว่า มันไปสะกิดต่อมผู้พิทักษ์ขึ้นมาทันที อารมณ์อยากปกป้อง คุ้มครอง ดูแลผู้หญิงคนนี้ก็บังเกิดขึ้นมาซะเฉยๆ อาจจะเป็นเพราะพี่นุ่นเนี้ยะ หน้าตาอาจจะไม่ตรงสเปคเรา ไม่ได้หลุดมาจากในฝันแบบยัยตัวร้ายแต่นิสัยของเค้าเนี้ยะ ใช่เลย เราชอบผู้หญิงที่มีมาดลึกลับ มีแววตาที่สวยชวนให้ความรู้สึกน่าค้นหาสนใจว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ ต่างกับยัยตัวร้ายอย่างสิ้นเชิง แม่คนนั้นน่ะ....ไฮเปอร์
พี่นุ่นจึงกลายเป็นคนที่น่าสนใจสำหรับเราขึ้นมาทันที เราสถาปนาตัวเองว่าจะเป็นผู้ทำให้พี่นุ่นอารมณ์ดีเพราะจากที่เราสังเกตเวลาพี่นุ่นออนไลน์เค้ามักจะมีถ้อยคำโปรยไว้หน้าชื่อเค้าเป็นแนวเศร้าๆ เสมอ ไม่ก็แนวประชดประชันแดกดันใครสักคนที่เผอิญหลงเข้ามาในชีวิตคุณเธอในขณะนั้น
บางครั้ง บางช่วงเราเห็นพี่นุ่นไม่ออนไลน์หลายๆ วัน ด้วยความเป็นห่วงผู้หญิงตัวคนเดียวในเมืองใหญ่ที่มีความคิดแผลงๆ จากการดูทีวีที่พูดถึงความเป็นความตายว่า
ถ้าฉันตายจะมีใครร้องไห้ให้ฉันไหม?
เราก็โทรไปหาเค้านะ แล้วก็มักจะเจอแจ๊คพอตเป็นวันที่คุณเธอไม่สบายหรือไม่ก็เพิ่งกลับจากการนอนซมที่โรงพยาบาล คุณเธอไม่ชอบการนอนโรงพยาบาลซึ่งเราเดาเอาเองว่า เค้าคงไม่อยากเป็นคนอ่อนแอในสายตาใคร มันเป็นอีโก้ของคนขี้โรคทุกคนบนโลกใบนี้น่ะ เราก็คนนึงนะ ที่ไม่ต้องการให้ใครมองว่า ร่างกายอ่อนแอแล้วจะต้องเป็นภาระใคร ซึ่งก็ทำปากแข็งกันไปอย่างนั้นแหล่ะ เวลาไม่สบายก็มักจะหาเรื่องอ้อนคนใกล้ตัวหรือคนที่คิดว่าอ้อนได้เป็นประจำ
ให้ซุปไปอยู่เป็นเพื่อนไหม?
เรามักจะเอ่ยถามพี่นุ่นเป็นประจำหากรู้ว่า คุณเธอไม่สบาย ถามเพราะเป็นห่วงน่ะ อยู่ตัวคนเดียว
ไม่เป็นไร อยู่ได้ และเธอก็ปฏิเสธประจำ
แน่ใจนะ
อือ .....พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว
พรุ่งนี้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อน? เราย้อน
เล่นเอาพี่นุ่นอึ้งไปเลยแฮะ แต่กระนั้นหล่อนก็ยังยืนกรานที่จะไม่ให้เราไปอยู่เป็นเพื่อน ตัวเราเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะ แค่นึกห่วงเฉยๆ ตามประสาคนแพ้ผู้หญิงแข็งนอกอ่อนใน ช่างสะเทือนใจเจ้าน้ำตาน่ะ
จากคุณ :
เมษาพาเพลิน
- [
15 พ.ย. 49 17:14:31
]