เรื่องมีอยู่ว่าได้ไปรู้จักกับชายคนหนึ่งผ่านเพื่อนรุ่นพี่โดยการแนะนำของเค้า ครั้งแรกที่เจอกันแค่คุยกันพอหอมปากหอมคอ เพราะต่างคนต่างมีเวลาไม่มากต้องรีบไปทำธุระของตนเอง ครั้งที่2เจอกันตอนนั้นช.คนนี้เห็นเหตุการณ์ตอนที่เรากำลังคุยกับหัวหน้างานอยู่ด้วยท่าทางซีเรียส
เค้าจึงโทรฯเข้ามาว่าสะดวกมาเจอกับเค้าไหมเค้ารออยู่เราก็บอกไปว่าได้แต่ขอเราคุยธุระกับหัวหน้าก่อน
พอไปเจอกันเค้าก็ถามว่ามีอะไร ร้องไห้มารึเปล่า เราก็เล่ารายละเอียดคร่าวๆแต่น้ำตาก็ไหลไปด้วย
เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ เอง แล้วเค้าขอไปธุระก่อนแล้วจะโทรฯมา เย็นวันนั้นเค้าก็โทรฯมาคุย คุยไป-มา ก็ขอคบเรา เราก็ถามว่าเห็นน้ำตาเราแล้วสงสารรึไง เค้าตอบว่าเปล่าเค้าตั้งใจอย่างนั้นตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราร้องไห้ เราก็เลยแยบๆไปว่าถ้าคิดอย่างนั้นตั้งแต่เจอกันไม่เห็นเคยโทรฯหาเราเลย เค้าก้อเลยบอกว่าต่อไปนี้จะโทรฯหาทุกวันเลย แล้วเค้าก็ทำอย่างที่พูดจริงๆ พอหลังจากนั้นได้4วันเค้ากลับจากต่างจังหวัดเค้าก็บอกให้เราไปรับเค้าที่สนามบินหน่อย ตอนแรกเราก็ติดธุระแต่ก็รับปากไป พอมาถึงเค้าก็ให้เราไปนั่งข้างคนขับเค้าจะขับเอง เราก็งงๆไม่กล้าโต้อะไรทั้งๆที่เราหวงรถมากแต่ก็ยอมเพราะเค้าพาเพื่อนมาด้วยไม่อยากทำให้เค้าเสียหน้า วันนั้นก็ไปธุระด้วยกันทั้งวันเพราะคุณย่าเราเข้ารพ. แล้วขากลับก็แวะทานข้าวด้วยกันนิดหน่อย ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเค้าก็เทคแคร์เราเป็นอย่างดีทุกอย่าง
วันต่อมาก็นัดกันไปชะอำขาไปก็ดีๆคุยกันตลอดทาง แต่พอขากลับต่างคนต่างเหนื่อยโดยฉพาะเค้าท่าจะเหนื่อยมากทำท่าเหมือนจะหลับในตลอดเลย เราก็เลยเป็นฝ่ายขอเปลี่ยนขับ พอขับมาถึงกทม.ก็ปรากฎว่า เค้าบอกให้เราจอดเค้าจะขับต่อเองเค้าขี้เกียจบอกทางไปบ้านเค้ามันยุ่งยาก พอดีกับว่าเราก็รู้สึกล้าก็เลยยอมเปลี่ยนให้เค้าขับ (ที่ใช้รถเราเดินทางเพราะรถเค้าเข้าอู่ค่ะ)พอมาถึงบ้านเค้า เราก็ขอตัวแต่เค้าไม่ยอมบอกให้เข้าไปไหว้พ่อ-แม่ของเค้าก่อน เราก็รุ้สึกไม่ดีเพราะวันนี้นเราแต่งตัวไม่สุภาพแล้วอีกอย่างก็ค่ำแล้วดูมันไม่เหมาะ แต่เค้ายืนยันว่ามาถึงนี่แล้วเข้าไปไหว้ซักนิดก็ยังดี เราก็เลยยอม แต่หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ค่อยพูดเพราะเรารู้สึกอึดอัดกับการกระทำของเค้าหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่เค้ามาตุ่ว่าเราเป็นแฟนเค้าเที่ยวเอาไปแนะนำคนโน่นนี้ อันที่จริงเราก็ไม่ได้รังเกียจเค้าถึงได้ตามน้ำไป แต่พอมามากเข้าเราก็เลยพูดไม่ออกแต่สิ่งที่เรามากรู้ตอนหลังกลับจากชะอำก็คือเค้าหยิบของมีค่าบางอย่างไปจากรถเราโดยที่เราไม่รู้ พอเรารู้ตัวเราก็ไปถามเค้า เค้าก็บอกว่าเค้าบอกเราแล้วแต่เราคงไม่ได้ยิน
แล้วหลังจากวันนั้นเค้าก็พูดจาไม่ดีกับเราเอาเสียเลยเอะอะก็เสียงขึ้นตลอดอย่างกับว่าจะหาเรื่องทะเลาะ เราก็ไม่เข้าใจว่าเค้าเป็นอะไรเครียดเรื่องงานรึเปล่าเค้าก็ตอบมาทำนองว่าใช่แล้วจู่ๆเค้าก็หายเงียบไปติดต่อไม่ได้ ทั้งๆที่วันหยุดที่ผ่านมานัดกันว่าจะไปดูหนัง เราเลยตัดสินใจsmsไปบอกเพื่อนเค้าว่าเค้าทำอย่างนี้กับเรา เพื่อนเค้าคงตกใจเลยโทรฯมาถามเค้า พอเค้ารู้เค้าก็โทรฯมาต่อว่าเราว่าไปทำอย่างนั้นทำไม ทำไมไม่คุยกันก่อนแม้ว่าเพื่อนเค้าจะเป็นคนแนะนำให้เรารู้จักกัน แต่พอคบกันแล้วมันก็เป็นเรื่องของคน2คน มีอะไรทำไมไม่คุยกันก่อน เราก็เปรียบเทียบว่าถ้าเป็นเราไปหยิบของจากห้องเค้าบ้างเค้าจะรู้สึกยังไง เค้าก็ว่าเรากลับว่าทีเราไปหยิบโทรศัพท์เค้ามาดูแล้วโทรฯออกไปหาคนอื่นเค้ายังไม่เคยขุดมาพูดเลย เราเข้าใจว่าเค้าคงเสียหน้าที่เราไปบอกเพื่อนเค้าอย่างนั้น แต่ตอนนั้นเราไม่รุ้จะทำอย่างไรจริงๆเพราะเค้าติดต่อไม่ได้ทั้งๆที่นัดกันไว้อย่างดิบดี เราก็เลยตัดสินใจทำอย่างนั้นเพื่อนๆว่าเราทำผิดไหม?????
สรุปก็คือเค้าเปลี่ยนไปตั้งแต่เปลี่ยนตำแหน่งคนขับรถจากชะอำมากทม. ไม่พูดหวานเหมือนเดิม เทคแคร์น้อยลง และอื่นๆ
จากคุณ :
changii41
- [
13 ธ.ค. 49 12:34:03
]