สวัสดีครับ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ชาวสวนลุมฯทุก ๆ ท่าน
วันนี้ข้าพเจ้าก็มีเรื่องหน้าแตก แบบที่คุณหมอไม่รับเย็บเพราะจนปัญญามาเล่าให้ฟังกันอีกแล้วครับ!!!
เนื่องจากว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ไปร่วมงานแต่งงาน
ของรุ่นพี่ที่เคารพรักท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นพี่ในพันทิพนี่เอง
ข้าพเจ้ารับทราบข่าวนี้โดยการโทรมาบอกจากเจ้าบ่าว ซึ่งก็คือรุ่นพี่ของข้าพเจ้านั่นแหล่ะ
วันที่ได้ทราบข่าว วันนั้น ข้าพเจ้ากำลังนั่งดูหนังอยู่ในโรงหนัง
(แน่ล่ะ ดูหนังก็ต้องโรงหนัง จะให้มันเป็นโรงศพได้อย่างไร T_T)
ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจกับรุ่นพี่ท่านนี้เหมือนกัน เพราะตั้งแต่รู้จักกับแกมา
แกโทรหาข้าพเจ้าทีไร ข้าพเจ้าต้องนั่งอยู่ในโรงหนังทุ๊กที!!!
แล้วแกก็จะบ่น ว่าทำไมโทรไปไม่ยอมรับสายกรูซักทีวะ
ต้องปล่อยไว้ซักระยะก่อน แล้วถึงจะโทรกลับมา
ตัวของแกเองก็ไม่เข้าใจ อย่าว่าแต่ตัวรุ่นพี่ข้าพเจ้าเลยครับ
ตัวข้าพเจ้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อะไรมันจะประจวบคีรีขันธุ์ขนาดนั้น T_T
วันนึงมี 24 ชั่วโมง แกจะเลือกโทรเวลาไหนก็ได้ แต่แกก็ไม่โทร
แกจะโทรมาตอนที่ผมนั่งอยู่ในโรงหนังทุกที!!!
แล้วอาทิตย์นึง ข้าพเจ้าดูหนังเกือบทุกวัน แต่เป็นคนละเวลากัน
ส่วนมากจะช่วงเย็น ๆ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป
รอบหนังมันก็ไม่ได้กำหนดเวลาว่า มันต้องตอนนี้นะ ทุกวันซะหน่อย
วันนี้ข้าพเจ้าอาจจะดูรอบ 1 ทุ่ม อีกวันนึง ข้าพเจ้าอาจจะดูรอบ 5 โมงเย็นก็ได้
แต่แกก็ชอบโทรมา เออ ก็ดีเหมือนกัน T_T
แล้วก็ทุกทีเหมือนกัน พอแกรู้ว่า ข้าพเจ้ากำลังดูหนังอยู่ตอนที่แกโทรมาแล้วข้าพเจ้าไม่รับ
แกก็จะถามทุกทีว่า หนังสนุกไหม ข้าพเจ้าก็บอกแกไปว่า สนุก ทุกที
แล้วแกก็ผิดหวัง กับหนังที่ข้าพเจ้าบอกว่า สนุก ทุกที!!! T_T
เอาล่ะครับ มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า
ก็นั่นแหล่ะครับ แกโทรมาบอกข้าพเจ้าว่า แกจะแต่งงานแล้วนะ
โทรมาเชิญ เพราะว่า ไม่รู้จะส่งการ์ดเชิญมาให้ได้ยังไง อีกทั้งเป็นรุ่นน้อง
แค่บอกก็คงจะได้ ไม่ต้องพิธีรีตรองอะไรมาก ข้าพเจ้าไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่
ที่จะต้องไปเชิญด้วยตัวเอง!!!
กำหนดแต่งก็คือ วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550 ที่ผ่านมานี่เองครับ
ตอนที่แกโทรมาบอกข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าก็บอกแกไปว่า ข้าพเจ้าคงไม่อยู่กรุงเทพในช่วงนั้น
เนื่องจากข้าพเจ้ามีโปรแกรมไปเมาโค้งที่แม่ฮ่องสอน (เอาไว้จะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น) T_T
อาจจะกลับมาไม่ทัน แกเองก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่ส่งซองมาด้วยนะ
ตัวไม่มาไม่ว่า แต่ซองต้องมา T_T
เอ่อ ผมแซวเล่นน่ะครับ แกบอกว่า ไม่เป็นไร เอาไว้เลี้ยงกันนอกรอบก็ได้!!!
แกบอกสถานที่จัดงานแต่งงานไว้ให้ผม เผื่อผมจะเปลี่ยนใจ กลับมาทัน
โรงแรม อมารี แอร์พอร์ต ดอนเมือง!!!
โอ้ย ใกล้บ้านแค่นี้เอง ตอนที่ฟังนั้น ข้าพเจ้าเองก็ตื่นเต้นพอสมควรกับงานแต่งงาน
เนื่องจากว่า ข้าพเจ้าเองนั้น ไปงานแต่งงานนับครั้งได้!!!
แล้วงานแต่งงานส่วนมากที่ข้าพเจ้าไปนั้น ก็จะจัดกันแถว หน้าอำเภอ หรือไม่ก็
ลานเลี้ยงไก่หน้าบ้านของเจ้าสาว หรือเจ้าบ่าวก็ว่ากันไป
พูดตรง ๆ ก็เป็นงานแต่งงานของพนักงานโรงงานนี่แหล่ะครับ
เป็นแบบพื้นบ้าน บ้านนอกอะไรประมาณนั้น ตั้งแต่เกิดมา เคยไปงานแต่งงาน
ที่จัดในโรงแรมเช่นงานนี้แค่ เอ่ออออออออออ
ศูนย์ครั้ง!!!!!
ครับ ข้าพเจ้าไม่เคยไปงานที่จัดในโรงแรมเลย
งานแต่งที่ใหญ่ที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยไป ก็คืองานแต่งของผู้จัดการของข้าพเจ้าเอง
ซึ่งตอนนั้น ข้าพเจ้ามีหน้าที่ควบคุม PRESENTATION อยู่หลังเวที
ไม่มีโอกาสได้ออกมาพบปะผู้คนที่มาในงานเค้าหรอกครับ
คอยเปิดคอมฯ อยู่ด้านหลังโน่น!!!!
นั่นจึงแสดงว่า ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าพเจ้าจะได้ไปงานในโรงแรม
และก็บังเอิญว่า ข้าพเจ้ากลับมาจาก 762 โค้งที่แม่ฮ่องสอน ทันวันอาทิตย์พอดี!!!
กลับมาด้วยความเมาค้าง
ไม่ได้เมาเหล้านะครับ แต่เมารถ!!!
เมามาก เมาสุด ๆ ไม่เคยเมารถขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ข้าพเจ้ารู้แล้ว ว่าการทรมานตลอด 10 ชั่วโมงนี้มันเป็นเยี่ยงไร!!!
ก็โอเคล่ะ กลับมาทันงานจนได้ กลับมาเช้าวันอาทิตย์
แต่งานเริ่มตอน หกโมงเย็น โอ้ย เวลาเหลือเยอะแยะ
ด้วยความที่เวลาเหลือเยอะแยะนั่นเอง ทำให้ข้าพเจ้า นอนหลับเป็นตาย!!!
คือถ้าไฟไหม้บ้านข้าพเจ้าวันนั้น ข้าพเจ้าก็ตายสถานเดียว T_T
ตื่นมาตอนบ่าย 3 โมงเย็นได้มั้งครับ
เดินลงมาดูสภาพตัวเองในกระจกที่อยุ่ในห้องน้ำ
พระเจ้า!!!!!! แน่ใจหรือว่านี่คน!!!!
ข้าพเจ้าไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมพี่ทหารเค้าถึงได้เรียกข้าพเจ้าตรวจในวันนั้น
เพราะหน้าตาข้าพเจ้า ถ้าเปรียบกับโจร ก็คงเป็นพวกมหาโจรนั่นแหล่ะครับ
หน้าเลวมาก ๆ ตาบวม ๆ แดง ๆ หัวฟู ๆ เพราะไม่ได้ตัดผมมาหลายเดือนมากแล้ว
หนวดเคราโอ้ยยยย ไม่ต้องบรรยายเลย ถ้าเอาอะไรมาครอบหัวข้าพเจ้านี่นะ
ข้าพเจ้าสามารถออกไปขายโรตี 12 ราศีได้เลย!!! T_T
นั่นจึงทำให้ข้าพเจ้าต้องออกไปตัดผม เพื่อให้มันดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาซักหน่อย
แต่ขอโทษครับ ตัดแล้วหนักกว่าเดิมอีก จากมหาโจร กลายเป็นหัวหน้าคนคุกไปเลย T_T
หน้าเลวหนักกว่าเดิมอีกครับ ตัดแล้วนึกว่าจะดีขึ้น ที่ไหนได้
หน้าข้าพเจ้าชั่วกว่าเดิมอีก T_T
แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ ตัดไปแล้ว และช่างตัดผมก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
ชอบตัดเกินคำสั่ง บอกให้เอาออกนิดเดียว เจ๊แกก็ตัด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ซอย ๆ ๆ ๆ ๆ
ข้าพเจ้าบอกว่า พอแล้วครับ เจ๊แกก็บอกว่า โอเคค่ะ เดี๋ยวเล็ม ๆ ให้มันเท่า ๆ กัน
เล็มไปเล็มมา เหมือนกะลาครอบหัวข้าพเจ้าอยู่ยังไงก็ไม่รู้ T_T
เซ็งเป็ด!!!!
นั่นทำให้ข้าพเจ้าต้องหาหมวกมาใส่!!
ตัดผมเสร็จ ข้าพเจ้าก็อาบน้ำแต่งตัว และ ไปเล่นบาส!! T_T
ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ไปเล่นบาสก่อนครับ ยังไม่ได้ตรงไปงานเลย
แหม ก็งานมันเริ่มตั้งหกโมงเย็น กว่าจะเริ่มพิธีก็ทุ่มกว่าเข้าไปโน่น
เวลาเหลือตั้งเยอะ ข้าพเจ้าจะทำอะไรล่ะ นอนต่อก็ไม่ได้ เพราะถ้านอนต่อ
ข้าพเจ้าคงไม่ได้ทำอะไรต่อซักอย่างแหล่ะ เนื่องจาก คงนอนยาวไปตื่นอีกวันโน่นเลย T_T
แต่ไม่ต้องกลัวครับ ข้าพเจ้าเตรียมชุดไปเปลี่ยนด้วย
เล่นบาสเสร็จ ข้าพเจ้าก็ไปงานแต่งต่อเลย อาบน้ำที่สนามนั่นแหล่ะ
สบู่ แป้ง ผ้าเช็ดตัว เอาไปด้วย (ฝากเก็บไว้ในรถเพื่อน T_T)
มาถึงงานเวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่า ๆ ก็เป็นไปตามคาดแหล่ะครับ
โดนยามหน้าโรงแรม ตรวจค้นก่อนตามระเบียบ!!!
ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมาตรวจข้าพเจ้าอยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่คนอื่นก็เยอะแยะ
ตอนนั้นนะครับ ที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าทำไม
ก็ตอนที่ยามเค้าถามข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้ามาติดต่ออะไร
ข้าพเจ้าบอกพี่ยามไปว่า ข้าพเจ้ามางานแต่งงาน ที่ห้องดอนเมืองบอลลูม
โดนพี่ยามมองแบบแปลก ๆ พร้อมขอค้นตัว
ทั้งตัวข้าพเจ้ามีเพียวกระเป๋าคาดเอว adidas ใบเดียวเท่านั้น + กับหมวกที่อยู่บนกบาลอีก 1 ใบ!!
ไม่เป็นไรครับ อยากค้นก็ค้นไป
แล้วทีนี้ก็ได้รู้ครับ ว่าทำไมพี่ยามถึงได้มองหน้าข้าพเจ้าแปลก ๆ
ก็เนื่องจากว่า พอข้าพเจ้าเดินไปถึงหน้างาน
อะโหหหหหหหหหหหหหหหหหหห
ผู้ชายใส่สูท ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผู้หญิงใส่ชุดราตรี ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เด็กผู้หญิงตัวน้อย ๆ ใส่ชุดนางฟ้า มีปีกอยู่ด้านหลัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
นี่มันงานของเหล่าเทพหรืออย่างไรฟระเนี่ย T_T
โอวววววววว เหลือบมองดูตัวเอง
แล้วเทพกิ๊กก๊อกตกงานอย่างตรูข้า จะเข้าไปร่วมสังสรรค์กับเค้าได้หรือ!!!
เสื้อคอปกสีขาว + กางเกงยีนส์เน่า ๆ มีรอยขาด 1 จุดเล็ก ๆ
+ หมวกสีดำ 1 ใบ + กระเป๋าคาดเอว + รองเท้ากีฬาคู่ละ 199 บาทอีก 1 คู่!!
เหมือนพ่อค้าที่เพิ่งขายปลาออกมาจากตลาดสดยังไงยังงั้นเลยครับ T_T
ป๊าดดดดดดดดด เข้ากับงานมากเลย กางเกงยีนส์ ชนกางเกงสแลค!!! T_T
เสื้อยืดคอปก ชนกับสูทสุดหรู!!!
"เอาแล้วไงล่ะกรู" ผมอุทานออกมาในใจ
ผมเดินไปชะงักอยู่ประมาณ 5 เมตรก่อนถึงจุดเขียนคำอวยพร
ตัดสินใจทันทีว่า ข้าพเจ้ากลับบ้านดีกว่า เพราะแต่งตัวขัดกับงานอย่างแรง
แล้วก็นึกถึงพี่ยามหน้าโรงแรมไว้ ว่า เค้าไม่เรียกคนมาล็อคตัวข้าพเจ้าส่งตำรวจก็บุญโขแล้ว T_T
ก็อย่างที่บอกแหล่ะครับ ข้าพเจ้าเคยไปแต่งานบ้าน ๆ ไม่เคยมางานโรงแรม
ทำให้ข้าพเจ้าไม่ได้คิดไว้เลย ว่าเค้าใส่สูทกันทั้งงาน T_T
ขณะที่กำลังจะหันหลังเผ่นกลับบ้านนั่นเอง
ก็ดั๊นนนนนนนน มีคนรู้จัก เรียกชื่อผมมาแต่ไกล!!!!
คุณหมันใช่ไหมครับ!!!
ครับ จบกัน หาทางชิ่งไม่ได้เสียแล้ว ข้าพเจ้าเลยต้องเดินเข้าไปทักทาย
ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้รู้จักคนที่ทักข้าพเจ้าเลยนะ ตีมึนไปเรื่อย
"ว่าไงครับสบายดีไหม" ในใจก็นึกว่า "ใครละหว่า"
"ครับ นึกว่าใคร เห็นใส่หมวกมายืนด้อม ๆ มอง ๆ"
"นึกว่าโจรจะมาปล้นงานแต่งหรือครับ" ข้าพเจ้าตอบกลับไปแบบตลก ๆ
"555555" ข้าพเจ้ารู้ว่าเค้าต้องคิดด่ามารดาข้าพเจ้าอยู่ในใจแน่ ๆ เลย T_T
"อ่ะครับ เดี๋ยวผมขอซองแล้วก็จะกลับล่ะครับ"
"โอ๊ ๆ ๆ ๆ ไม่ได้ครับ เข้าไปในงานก่อน"
"ฮ่ะ ๆ ไม่เป็นไรครับ ไม่เข้าก็ได้ ผมรีบกลับพอดีเลยแวะมา"
ที่ข้าพเจ้ากล้าพูดนั่นก็เพราะว่า ตัวเจ้าบ่าว หรือว่ารุ่นพี่ของข้าพเจ้าเอง
ตอนนั้น ไม่รู้ไปรับแขกอยู่ตรงไหน ยังไม่เห็นว่าข้าพเจ้ามา
ข้าพเจ้าเลยวางแผนจะใส่ซอง แล้วชิ่งกลับบ้าน
แต่ครับ คนมันจะได้เข้างานหรู ๆ อย่างนี้ ยังไงมันก็ได้เข้า
เมื่อตอนที่ข้าพเจ้ากำลังเขียนอวยพรให้ได้กันไว ๆ ในสมุดอวยพรนั้น
รุ่นพี่ของข้าพเจ้าก็มา ครับ นั่นแหล่ะ ข้าพเจ้าเลยชิ่งไม่ได้ตามระเบียบ
"อ้าวหมัน นึกว่าไม่มาแล้ว มา ๆ ๆ ไปนั่งก่อน ๆ โต๊ะนี้นะ ป้าเอมก็นั่งอยู่"
เจ้าบ่าวเดินเอาไปฝากไว้ที่โต๊ะ ๆ นึงที่มีคนที่ข้าพเจ้ารู้จักนั่งอยู่ด้วย!!!
คนที่นั่งอยู่ในงาน หันมามองข้าพเจ้าแบบแปลก ๆ ข้าพเจ้าก็ไม่ว่าหรอกนะครับ
เพราะว่าข้าพเจ้า แปลกประหลาดจริง ๆ เลยในงานนี้
เค้าสูทสีเข้มกันหมด มีข้าพเจ้าขาวอยู่คนเดียว T_T
ข้าพเจ้านั่งปุ๊ป ก็หันซ้ายหันขวา แล้วก็หันไปหาป้าเอมบอกกับป้าว่า
"ป้าครับ ผมไม่มีสูทใส่นะครับ น่าเกลียดมากเลย อยากกลับบ้าน T_T"
โชคดีที่ได้ป้าเอมคอยบอกว่า
"ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครเค้าสนใจหรอกน่ะ มาก็ดีแล้ว"
นั่นแหล่ะครับ ข้าพเจ้าถึงได้เอาตัวรอดแบบตัวลีบ ๆ อยู่จนกระทั่งงานเลิก T_T
หลังจากออกจากงานมา ข้าพเจ้าก็ตั้งปณิธานไว้เลยว่า ต่อไป ถ้าใครจะแต่งในโรงแรมอีก
ข้าพเจ้าก็คงฝากแต่ซองมา
เพราะข้าพเจ้าเอง ไม่มีสูทจะใส่ แล้วก็ไม่เคยคิดจะใส่
เนื่องจากใส่แล้วดูเหมือนบ๋อยมากกว่าจะดูเหมือนแขกมาร่วมงาน T_T
(แสดงว่าเคยใส่มาแล้ว)
แต่ข้าพเจ้าก็ได้ข้อคิดดี ๆ จากงานแต่งงานครั้งนี้นะครับ
ข้อคิดที่ข้าพเจ้าได้มานั่นก็คือ
งานแต่งงาน เป็นงานที่เราจะได้เห็นสาว ๆ มาในชุดสวย ๆ เซ็กซี่ ๆ เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
เพราะทุกคนจะ สายเดี่ยว ชุดแซก เกาะอก ผ้าเตี่ยว กระโปรงพริ้วไสวเหมือนตากผ้าไว้หน้าบ้าน
ขาวผ่องเป็นยองใย สวยผิดปกติเอามาก ๆ
เพราะเคยเห็นสาว ๆ ที่มาในงานตอนที่ไม่ได้แต่งอะไร (เอ่อ ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ได้ใส่อะไรนะครับ)
ดูแทบไม่ออกว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน เพราะเนียนมาก เนียนโคตร ๆ
เนียนเกินไปแล้วววววววววววววววววววววว
ว่าแล้ว ข้าพเจ้าก็ขออนุญาตไปเช็ดเลือดกำเดาอีกรอบก่อนนะครับ T____T
สมันน้อย เบอร์ 14
จากคุณ :
สมันน้อย เบอร์ 14
- [
16 ม.ค. 50 23:23:34
]