ความคิดเห็นที่ 1 .....เป็นผู้ฟังที่ดีคับ...... .....คุยให้เค้าเปลี่ยนทัศนคติ ส่วนใหญ่คนเป็นโรคซึมเศ้รา มันมองทุกอย่างลบ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง  ถ้าเปลี่ยนให้มองบวกได้ ก็หายเองคับ  แต่เท่าที่เห็นมักเปลี่ยนไม่ได้ ....... จากคุณ : คาซีโอเพย่า. - [ 15 มี.ค. 50 11:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แนะนำว่า ให้เค้าปลงๆซะบ้าง -*- แล้วยังไงก็ตาม ไม่ควรหยุดยา เพราะเด๋วจะยิ่งแย่หนักนะคะ ไปรับยา ไปตามหมอนัด แล้วก็ปรับวิธีการคิด ออกมาหาเพื่อน เปิดโลก ไม่จมกับอะไรเดิมๆ ก็น่าจะดีแล้วล่ะ ^^" ... จากคุณ : Spirited A's way - [ 15 มี.ค. 50 12:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พาไปเข้าวัดค่ะ  ช่วยได้มากกว่าหมอในด้านจิตใจ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 15 มี.ค. 50 13:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เขาควรจะลองออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน จะได้เห็นคุณค่าอะไรในบ้านบ้าง จากคุณ : เซียนแห่งmath - [ 15 มี.ค. 50 13:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กับคนที่เป็นโรคนี้ แนะนำว่า รับฟังอย่างเดียวพอค่ะ ถ้าอยากจะปลอบก็ขอให้ปลอบแบบเหมือนว่าคุณเข้าใจเค้า อย่าแสดงพฤติกรรมประเภท ไปกินยาซะ หรืออะไรอื่นๆที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าคุณกำลังคิดว่าเค้าป่วยอยู่เชียว คนโรคนี้มันน้อยใจแบบไร้เหตุผล ชอบคิดทุกอย่างในด้านลบ ไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ก็แค่ทำให้เพื่อนรู้สึกว่าเค้าเป็นคนที่มีคุณค่าในสายตาคุณน่ะค่ะ เท่านั้นก็พอแล้วล่ะ เพียงพอแล้วนะ จากคุณ : พิกุลแก้วเกศเกล้าเจ้าไม้หอม - [ 15 มี.ค. 50 15:44:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาตอบในฐานะที่เป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าคนหนึ่งนะคะ คุณเป็นเพื่อนที่น่ารักนะคะ ไม่ทราบว่าคุณกับเพื่อนสนิทกันมากน้อยแค่ไหน แต่คาดว่าหากเขาขอความช่วยเหลือจากคุณ แสดงว่าคงสนิทกันพอสมควร สำหรับคนป่วยด้วยโรคนี้แล้ว การมีคนรอบข้าง อาจเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่สามารถพูดคุยบอกเล่าความในใจได้เป็นเรื่องสำคัญค่ะ เข้าใจว่าเพื่อนของน้องและน้องคงอยู่ในช่วงวัยรุ่นด้วย การเข้าสู่ช่วงนี้ ย่อมทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งทางร่างกาย จิตใจ ทักษะทางสังคมและความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว เมื่อมีโรคซ้ำเข้าไปด้วยอีก น่าเห็นใจเขานะคะ เขาคงเป็นทุกข์ มีความสับสน ความอึดอัด ความไม่สบายไม่น้อย แต่คุณต้องไม่กังวลเกินไปนะคะ ตามจริงแล้วความเป็นเพื่อนแบบพื้นๆ ที่คุณมีให้กัน (การรักเพื่อน ปรารถนาดีต่อเพื่อน) และแผนคร่าวๆ ที่คุณคิดว่าวันพรุ่งนี้เมื่อเพื่อนมาคุย คุณจะให้เวลารับฟังเขานั้น เพียงพอและดีพอแล้วนะคะ เป็นตัวของตัวเองเป็นธรรมชาติ และอย่างที่หลายความเห็นข้างบนบอกนะคะ เป็นผู้ฟังที่ดี เท่านี้คุณก็ช่วยเพื่อนได้มากแล้ว นอกเหนือจากนี้ คงมีอีกบางเรื่องที่พี่อยากแนะนำ 1. ต้องแน่ใจได้ว่าเขายังไปพบจิตแพทย์ตามนัดเพื่อให้แพทย์ได้ติดตามดูอาการและสั่งยา การกินยาต่อเนื่องตามแพทย์สั่งเป็นเรื่องจำเป็น 2. ต้องย้ำเขาให้มากว่าการกินให้เพียงพอ การนอนให้เพียงพอ (ประมาณแปดชั่วโมง) การออกกำลังกายเป็นเรื่องจำเป็น 3. ชวนเขาทำกิจกรรมต่างๆ บางส่วนเพื่อความบันเทิง ความเพลิดเพลินรื่นรมย์ เช่น ดูหนังสนุก ไปออกกำลังกาย ไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ ไปในสถานที่ที่เขาอยากไปไปแล้วรู้สึกได้พักผ่อนจิตใจ ได้ผ่อนคลาย หรือทำกิจกรรมที่เขาชอบและสนใจ เพื่อเขาจะได้ไม่ว่างและรู้สึกผ่อนคลาย กิจกรรมบางอย่างอาจทำเพื่อให้เขารู้สึกมีคุณค่าในตนเองเพิ่มขึ้น เช่น การสอนหนังสือน้องตาบอดที่โรงเรียนสอนคนตาบอด การอ่านหนังสือลงเทปเพื่อไว้ให้คนตาบอดได้อ่าน หรืออื่นๆ ในทำนองนี้ เพื่อนของน้องจะรู้สึกว่าชีวิตของตนเองมีคุณค่ามีความหมายไม่เฉพาะแต่เพื่อตนเอง แต่ยังมีความหมายต่อโลกนอกตัวเขาเองอีกด้วย 4. หากเขามีปัญหาส่วนตัว เขาอาจต้องการเก็บไว้ในใจคนเดียว แต่เมื่อตอนนี้เขาอาจรู้สึกว่าเก็บไว้คนเดียวไม่ไหวอีกต่อไปแล้วมาพูดมาเล่าให้น้องฟัง จำเป็นมากที่น้องจะต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ลักษณะหนึ่งของการเป็นผู้ฟังที่ดีนั่นคือการเก็บเรื่องที่เพื่อนเล่าไว้กับตัว เพื่อให้เพื่อนรู้สึกเชื่อใจคุณและหากไม่สบายใจอีก ก็จะนึกถึงคุณ คุณต้องย้ำให้เพื่อนแน่ใจว่าหากมันเป็นความลับของเพื่อน คุณจะฟังและรักษามันไว้อย่างดี (ยกเว้น หากเป็นเรื่องร้ายแรง เช่น เขามีแผนทำร้ายตนเอง คุณควรหาทางบอกผู้ใหญ่ให้รับทราบเพื่อหาทางป้องกัน) สรุปสั้นๆ คือพยายามรับฟัง ให้กำลังใจ ให้มุมมอง ความคิดเห็นและแนะนำในทางที่เป็นบวกที่สดใสแก่เขา ให้เขารู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจได้ ตลอดจนชวนกันทำกิจกรรมที่ให้ความสุขความเพลิดเพลิน ให้เขารู้สึกมีคุณค่าและความเชื่อมั่นตนเองเพิ่มขึ้น ลองดูนะคะ เพื่อนโชคดีนะคะที่มีคุณเป็นเพื่อน ผลการคุยกันในวันพรุ่งนี้เป็นอย่างไร แวะเข้ามาบอกเล่าที่สวนลุมนี้ หรือหลังไม ค์ด้วยนะคะ คุณทำได้ และทำได้ดีแน่นอนค่ะ จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 15 มี.ค. 50 15:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาอ่านคำแนะนำรู้สึกชื่นใจเหลือเกิน รู้สึกดีใจมากที่ได้รับความกรุณาอย่างดี ขอบคุณมาก ครับ ขออนุญาติเล่ารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อนผมคนนี้คบกับมาตั้งแต่เรียนหนังสือ เป็นคนมีน้ำใจ หลังจากมีปัญหานี้ตอนแรกก็หันเข้าวัด เคยบวชจำพรรษาอยู่วัดป่าเป็นเวลานาน พยายามฝึกหัดนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ ได้ผลดีระดับหนึ่ง  เพิ่งจะตัดสินใจสึกออกมาเมื่อไม่กี่เดือนนี้  เหตุเพราะต้องมาช่วยแก้ปัญหาบริษัทน้องๆ ตอนแรกก็มีแนวโน้มจะไปได้ดี แต่งานไม่ได้ตามเป้า เงินทุนเกิดขาดมือ งานก็ชงัก เคราะห์ร้ายซ้ำเข้ามาอีกหลายเรื่อง เช่น เพื่อนคนหนึ่งมาขอให้ช่วยเรื่องเงิน ต้องการใช้เงินด่วน เพื่อนผมไม่มีเงินสด จึงเอาที่ดินมรดกไป"ขายฝาก" ไว้ (นายทุนขูดรีดเอาเปรียบน่าดู ครับ) เงินที่ได้รับมาก็เอาไปช่วยเพื่อน โดยไม่ได้คิดดอกเบี้ยเลยสักบาท เขาเล่าเสร็จแล้ว บ่นให้ผมฟังว่า เขารู้ดีว่า "ปัญหาพวกนี้ ไม่ใช่ว่าเหตุมันวิ่งมาหาเรา แต่เราดันวิ่งไปหาเหตุ เราไปก่อเรื่องขึ้นเองแท้ๆ" ผมได้ฟังก็อึ้งพูดอะไรไม่ถูก ไม่นึกว่าจะเป็นอย่างนี้ ครับ ที่ดินที่ขายฝากไว้จวนจะครบกำหนดแล้ว เวลาไล่จี้เข้ามาทุกวัน  เพื่อนคนที่ยืมเงินไป ก็ยังไม่มีวี่แววจะหาเงินมาใช้คืน ถ้าหาเงินมาไถ่ถอนไม่ได้ตามกำหนด ที่ดินจะถูกยึด ความจริงที่ดินไม่มากนัก แต่เขารู้สึกผิดที่รักษาไว้ไม่ได้ครับ เขามีปัญหาอีกมากที่ไม่สามารถเล่าทางโทรศัพท์ได้ จึงอยากมาพูดคุยกัน เนื่องจากเห็นว่าผมสนิทกับเขา ไปมาหาสู่กันประจำ คงจะรับฟังเขาได้ ผมก็ตอบตกลง ครับ ได้ผลอย่างไรผมจะส่งข่าว เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ขอบคุณ คุณ ipiup ที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 15 มี.ค. 50 19:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพื่อนไปหาหมอ(ทั่วไป) ไม่ใช่จิตแพทย์ครับ ได้ยาโรคซึมเศร้ามาแค่นั้น คงไม่เหมือนจิตแพทย์นะครับ ถ้าจะหาจิตแพทย์ ควรไปที่ไหน ตอนนี้ผมนึกไม่ออกว่า จะบอกให้เขาไปหาจิตแพทย์ได้ยังไงโดยไม่ให้เขาเกิดความรู้สึกไม่ดี ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 15 มี.ค. 50 20:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามาดูอีกครั้งค่ะ .. อืมม์ เราคงเข้าใจเรื่องวัยของคุณและเพื่อนผิดไป แต่ขอเลือกที่จะไม่แก้ไขในข้อความเดิมนะคะ แต่อย่างไรเราก็ยังแน่ใจนะว่าอายุเราคงเป็นพี่ของคุณได้ ^_^ ปัญหาเรื่องของเพื่อนคุณ  เกิดขึ้นเสมอกับคนดีมีน้ำใจ ที่ไม่ได้คิดไตร่ตรองไว้ก่อน หรือไตร่ตรองแล้วแต่ก็เชื่อว่าช่วยได้ ไม่เกิดปัญหา อันดับแรกเลยคุณและเพื่อนต้องเชื่ออย่างหนึ่งนะคะว่าทุกปัญหามีทางออก (แต่อย่าเพิ่งถามเราต่อไปตอนนี้นะคะ ว่าแล้วทางออกของเรื่องนี้คืออะไร) ในเรื่องนี้ เพื่อนคุณต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวของตนเอง ลองหาทางคุยกับครอบครัวว่าตนเองจะแก้ไขอย่างไร ขณะเดียวกันเพื่อนคุณก็คงต้องบอกเพื่อนคนที่ยืมเงินไปว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อจะได้ช่วยกันรับผิดชอบ อาจผ่อนคลายความยากลำบากของทุกๆ คนได้ เราเข้าใจนะว่าเมื่อเกิดความรู้สึกผิด เพื่อนของคุณย่อมไม่เป็นสุขและไม่สสบายใจอย่างหนัก ขณะต้องเผชิญปัญหาอย่างนี้ สุขภาพกายและจิตใจที่แข็งแรงเป็นสิ่งจำเป็น กินอิ่ม นอนหลับ ออกกำลังกาย และควรพบจิตแพทย์ การไปพบจิตแพทย์จะช่วยได้มาก อย่างน้อยหมออาจให้ยาคลายกังวล เมื่อความกังวลลดลงแล้วจะได้มีสติปัญญา กำลังกายใจแก้ไขและดำเนินชีวิตต่อไป จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 15 มี.ค. 50 20:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณ คุณ ipiup อีกครั้ง ครับ ผมชอบใจคำพูดนี้ ขอนำไปใช้กับเพื่อนจะช่วยเป็นกำลังใจได้มาก "ปัญหาเรื่องของเพื่อน(คุณ)  เกิดขึ้นเสมอกับคนดีมีน้ำใจ" "ทุกปัญหามีทางออก" เรื่องเพื่อนที่ยืมเงิน เขาตีเช็คล่วงหน้าไว้หลายฉบับ วันที่ ? มีนา ครบกำหนด   แต่เจ้าของเช็คโทรมาบอกอย่าเพิ่งเอาเข้าแบงค์ เขาจะได้เงินวันที่ 15 ขอให้เอาเช็คเข้าวันที่ 15 (เมื่อวานนี้ ) ผมฟังดู เพื่อนที่ยืมเงินก็ยังแสดงความรับผิด คือ ติดต่อเข้ามาเรื่อย หวังว่าคงจะได้รับเงินคืนครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 16 มี.ค. 50 04:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อวานนี้เพื่อนโทรมาประมาณ 9 น.ว่า กำลังมาหาผม แต่มีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง มาหาผมไม่ได้ เนื่องจากลูกเรียนจบ จะย้ายจากหอพักวันนี้ ต้องไปช่วยลูกย้ายออกจากหอมาอยู่บ้าน แล้วเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนได้คุยกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง เขาพูดอะไรให้หัวเราะ ทำให้รู้สึกดีขึ้น เขาพูดว่าอย่างนี้ "โรคซึมเศร้า เกิดจากความคิด" "ถ้าเราคิดอะไรไปทางลบ ร่างกายจะหลั่งสาร ??? ออกมาในกระแสเลือดทำให้เป็นโรคนี้" "ทำไมไม่คิดถึงคนที่แย่กว่าเราล่ะ เช่น คนใกล้ตายที่อยากมีชีวิตต่อสัก 1 ชั่วโมง หมอฉีดยากระตุ้นหัวใจให้อยู่ต่อไม่กี่นาที ได้แค่นั้นคนไข้ก็ดีใจมากแล้ว  " เพื่อนผมได้ฟัง (เล่าทางโทร) ก็คิดได้ หัวเราะออก ทันที  และรู้สึกสบายใจที่เพื่อนทำให้หัวเราะออกมาได้ วันนี้ฟังเสียงเพื่อน รู้สึกเพื่อนผมจะมีอาการดีขึ้นจริงๆ มีความคิดจะทำอะไรหลายอย่าง สังเกตน้ำเสียงมีพลังแรง น้ำเสียงหนักแน่น มั่นคง รวบรวมคำพูดสั้นๆ กระชับได้ใจความครับ ปล. เรื่องประกันสังคมกรณีไปพบจิตแพทย์ แฟนเพื่อนถามประกันสังคมได้ความว่า ถ้าหมอของรพ.ใช้สิทธิ ส่งตัวไปรักษา ประกันสังคมก็จะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเราไปตรวจเอง เราต้องเสียเงินเองครับ แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 05:02:56 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 17 มี.ค. 50 04:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มีคนส่งสำเนาเรื่องนี้มาให้ คัดจากหนังสือชีวจิต ผมขออนุญาติชีวจิต นำมาโพสที่นี่ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ครับ ---------- ลองตรวจสภาพตัวคุณเองว่ามีอาการต่อไปนี้หรือเปล่า -รู้สึกเศร้าใจ หม่นหมอง หงุดหงิด หรือรู้สึกกังวลใจ ไม่สบายใจ -ขาดความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างหรือสิ่งที่เคยให้ความสนุกสนานในอดีต -น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้น ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไป -นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินกว่าปกติ -รู้สึกผิด สิ้นหวัง หรือรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า -ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ความจำแย่ลง -อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรง -กระวนกระวาย ไม่อยากทำกิจกรรมใดๆ -คิดถึงแต่ความตายและอยากที่จะฆ่าตัวตาย ถ้าหากคุณมีอาการเช่นนี้หลายข้อเป็นเวลามากกว่าสองสัปดาห์ คุณอาจกำลังเป็นโรคซึมเศร้า ถ้าอย่างนั้นอย่าปล่อยให้ชีวิตต้องหดหู่อยู่ต่อไปเลย ลองหาทางออกง่ายๆ เช่น ออกกำลังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส และคลายเครียดได้ด้วย หรือเลือกทำกิจกรรมที่คุณชอบ เช่น ไปพักผ่อนตากอากาศ ทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นดีกว่าที่จะอยู่คนเดียว ข้อสำคัญ คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติในการดำเนินชีวิตบ้าง *อย่าตั้งเป้าหมายในการทำงานและการปฏิบัติตัวที่ยากเกินไป* เพราะคุณจะยิ่งรู้สึกแย่และผิดหวังหากทำไม่ได้ตามนั้น และในขณะที่คุณกำลังมีอาการซึมเศร้าอยู่นี้ *อย่าตัดสินใจเรื่องที่สำคัญต่อชีวิต* เช่นการหย่า ลาออกจากงาน เพราะภาวะกดดันอาจทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาด แล้วต้องมาเสียใจยิ่งใหญ่ในภายหลัง แยกแยะปัญหาของคุณออกเป็นส่วนย่อยๆ  จัดเรียงลำดับความสำคัญว่าเรื่องไหนควรทำก่อนหลังแล้วลงมือทำไปตามลำดับ โดยทิ้งเรื่องย่อยๆไว้ก่อน หาคำปรึกษาหรือพูดคุยกับผู้ใกล้ชิด ถ้านึกไม่ออกว่าจะบอกใคร ลองโทรมาที่ชีวจิตโฟนก็ได้ค่ะ บริการชีวจิตโฟน มีปัญหาสุขภาพ โทร 02-434-0286 ต่อ 4500 เรียกบริการชีวจิตโฟน แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 05:09:25 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 17 มี.ค. 50 05:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กลับมาดูเช้านี้อีกครั้งค่ะ เราคงพลาดเรื่องวัยของเพื่อนและคุณมากจริงๆ ขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยเลยนะคะ อย่างไรก็ยังแน่ใจนะคะ ว่าด้วยมิตรภาพของคุณ เพื่อนของคุณจะผ่านพ้นปัญหา ทุกข์ร้อนที่ประสบอยู่ไปได้ในที่สุดค่ะ จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 17 มี.ค. 50 07:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณ คุณ ipiup มากที่ติดตามให้กำลังใจมาตลอด เรื่องวัยอย่ากังวลเลยครับ น้ำใจและความตั้งใจดีที่จะให้คำแนะนำมีคุณค่ามากจริงๆ เมื่อวานนี้เพื่อนมาถึงบ้านผมแต่เช้า ก่อนที่จะมาถึงแม่บ้านของเขาโทรมาขอเบอร์แฟ๊กซ์ผม บอกว่า เพื่อนลืมเอกสาร จึงส่งแฟ๊กซ์ตามมาให้ ปรากฏว่า เป็นรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทของเขา เขาให้หุ้นจำนวนหนึ่งแก่ผมและเพื่อนสนิท 3 คน และมีสำเนารายงานมติประชุมของบริษัท รวมทั้งหมด 9 แผ่น ผมเห็นว่าต้องเขียนอะไรด้วย จึงขอใช้ office น้อง (อยู่ใกล้ๆ) เป็นที่รับแขก สังเกตเพื่อนอาการดี ดูหน้าตาสดชื่น เริ่มต้นเล่าว่า จะได้รับเงินทุนจำนวนหนึ่งที่เขาขอไว้ พร้อมกับเล่าแผนงาน แผนงานได้เตรียมไว้อย่างไรบ้าง อย่างละเอียด เมื่อซักถามก็ได้คำตอบทันที แสดงความพร้อม ซึ่งผมรู้สึกดีใจมาก ให้ผมดูเอกสารการติดต่อตั้งแต่ต้นปีกลาย จัดเรียงลำดับอย่างดี พร้อมอธิบายที่ละขั้นตอน เช่น ทำไมช่วงนั้นการติดต่อชงัก หลังจากนั้นทำอะไรบ้าง ได้รับคำตอบอะไรบ้าง สุดท้ายได้ข้อสรุป มีแนวโน้มจะไปได้ดี เพื่อนจึงบอกว่า นี่คือรายชื่อเพื่อนที่อยู่ข้างเขาเป็นกำลังใจให้เขามาตลอดในระหว่างที่เขาลำบาก เมื่อมีโอกาส จึงขอตอบแทนโดยให้ถือหุ้นในบริษัทเขา (รายชื่อตามเอกสารที่แฟ๊กซ์มา ) ใช้เวลาคุยกันนาน จนเริ่มมีคนเข้ามาพลุกพล่านใน office หลายคน จึงชวนกันขี่จักรยานออกไปข้างนอกเป็นการผ่อนคลาย ขี่ไปถึงทะเลสาป แวะพักศาลาริมน้ำ มีลมพันเย็น บรรยากาศดีมาก พอดีน้องโทรมาบอกว่า ซื้อเป็ดนครปฐมมาฝาก 2 ตัว กำลังจะมาถึง ผมเกิดไอเดีย บอกให้ขนจานชามมากินริมทะเลดีกว่า บรรยากาศดี มีโต๊ะขนาดใหญ่พอเหมาะที่จะวางอาหาร  แล้วสั่งให้เอาเบียร์ติดมือมาด้วย รอสักพัก คณะน้องๆ ก็มากัน 2 คัน ช่วยกันกุลีกุจอขนสัมภาระลงมาช่วยกันจัดเป็นปาร์ตี้เล็กๆ เพื่อนก็รู้สึกสนุก กุลีกุจอ หยิบจับจานชาม ส่วนผมตักน้ำแข็งใส่แก้วรินเครื่องดื่มแจกจ่าย ลมเย็นอากาศดี บรรยากาศดี จนได้เวลาสมควรเพื่อนขอตัวกลับไปก่อน น้องๆผมก็นั่งคุยกันต่อ โดยมีหลานชายเป็นกองพลาธิการ ทำหน้าที่ขับรถออกไปหาสะเบียงมาเติมไม่ให้ขาด อิ่มไปถึงมื้อเย็น  เพื่อนโทรกลับมาขอบคุณ บอกว่าถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ครับ ผมขอบคุณเพื่อนๆทุกคน โดยเฉพาะคุณ ipiup ที่ติดตามให้กำลังใจมาโดยตลอด ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 มี.ค. 50 06:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมได้ข้อสรุปว่า การที่เพื่อนอยากเล่ารายละเอียดการติดต่องานอย่างละเอียดทีละขั้นตอน เพื่อจะได้รับการยอมรับจากผู้ฟัง ครับ การได้รับการยอมรับ เป็นสิ่งจำเป็น ทำให้ผู้เล่าเกิดความมั่นใจ สังเกตจากรอยยิ้ม สัมผัสได้ว่าเขามีความสุขได้ทันที ที่ผมดีใจคือ สิ่งที่เขากำลังทำ แผนงานที่ทำ มีแนวโน้มจะไปได้ดี จริงๆ ครับ   เขาบอกว่า "ไม่ใช่บริษัทของเขา... เขาทำหน้าที่ในฐานะพนักงานคนหนึ่ง เขาเป็นลูกจ้างบริษัท " เขาตั้งใจจะทำบริษัทสำหรับครอบครัว ทำให้น้องๆ ของเขาครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 มี.ค. 50 06:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เพื่อนฝากถาม ยาที่หมอสั่งให้ในบัญชียาหลักฯ เป็น "ยาในประเทศ" ส่วนยาที่จดมานี้ เป็นยาต่างประเทศ (ราคาแพง) ถามว่า ยาในประเทศ กับ ยาต่างประเทศ มีผลแตกต่างกันจริงหรือ เพื่อนยืนยันว่า ยาในประเทศกินเข้าไป ไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนกินแป้ง ซึ่งเขาสงสัยว่า ทำไมยาตัวเดียวกัน ผลิตในประเทศ และต่างประเทศจึงได้แตกต่างกัน จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 มี.ค. 50 06:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หมอที่รักษายืนยันว่ามีผลเหมือนกันค่ะ เคยกินยา zoloft อยู่พักหนึ่ง คิดว่าราคาแพงเกินไป กลับจะยิ่งทำให้เครียด จึงบอกคุณหมอขอกลับไปกินยาที่ทำในเมืองไทยแทน ซึ่งคือยาที่ชื่อ fulox (fluoxetine) ค่ะ ส่วนอีกสองตัวข้างล่าง ไม่รู้จักค่ะ แต่วันพุธที่จะถึงนี้จะไปพบหมออีก จะลองถามคุณหมอดูนะคะ หากมีข้อสงสัยใดอีกที่คิดว่าอาจไปถามคุณหมอได้ ฝากมาก็ได้นะคะ จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 18 มี.ค. 50 08:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เพิ่งเห็นว่ามีข้อความที่ 14 และ 15 ด้วยค่ะ ได้อ่านแล้ว รู้สึกดีใจจังเลยค่ะ ^_^ ที่เพื่อนของคุณมีกำลังใจดีขึ้น เท่าที่ติดตามมา คิดว่าเพื่อนของคุณนั้นแม้จะประสบปัญหา ทำให้เกิดความทุกข์ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีอีกหลายอย่างในชีวิตของเขาที่อาจเรียกได้ว่าเป็น blessings นะคะ เช่น ลูกเรียนหนังสือจบ กำลังจะได้รับเงินทุนก้อนหนึ่งเพื่อมาทำงาน และที่ไม่น้อยกว่าสิ่งใดเลยและมีค่ายิ่งนั่นคือมิตรภาพที่คุณมอบให้เขา .. ชีวิตมันคงดำเนินไปทำนองนี้นะคะ ทุกข์สุข สมหวัง ไม่สมหวัง ยินดี ไม่น่ายินดีคลุกเคล้ากันไป .. มีเรื่องดีดีอยู่ด้วยในชีวิตถือเป็นคนโชคดีแล้วนะคะ เพราะจะได้มีกำลังชีวิต จะได้ดำเนินชีวิตเพื่อตนเอง คนรอบข้างและสังคมได้อย่างมีความสุขตามสมควรต่อไป .. ที่ว่ากันว่าทำดีได้ดี ทำดีพระคุ้มครองนั้น มีโอกาสพบด้วยตนเองหลายครั้งเหลือเกินว่าเป็นความจริงค่ะ (ในรูปที่เราอาจคิดไม่ถึง หรือเวลาที่อาจเนิ่นช้ากว่าที่ใจเราอยาก) ขอพระคุ้มครองให้คุณและเพื่อนของคุณตลอดจนสมาชิกในครอบครัวและคนรอบแวดล้อมทั้งหมดมีความสุข มีกำลังกายใจสดชื่นเข้มแข็ง จิตวิญญาณสุกสว่าง ใสสะอาด สงบศานติ สามารถผ่านพ้นทุกข์ภัย ความเดือดเนื้อร้อนใจและโรคภัยค่ะ จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 18 มี.ค. 50 08:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ลืมไปค่ะว่าจะยืนยันกับคุณด้วยว่าการมีคนรับฟังนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยหรือคนที่เป็นทุกข์ต้องการมากค่ะ .. การต้องคิดอยู่ในหัวคนเดียว ทำให้เรื่องสับสนและวนเวียนไปมา หากมีคนที่เชื่อใจรับฟัง แม้คนฟังจะไม่ได้บอกหรือแนะนำใดๆ ผู้ป่วยก็อาจ realise ตระหนักรู้สิ่งต่างขึ้นมาได้ ขณะที่พูด ที่ระบาย ทั้งยังสามารถสอบถามผู้ฟังได้ด้วยว่าที่คิดนี้ผู้ฟังคิดอย่างไร (ช่วยตรวจสอบความคิด) .. ได้การแลกเปลี่ยนทำให้มองเห็นทางออกมากขึ้นค่ะ .. จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 18 มี.ค. 50 09:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณ คุณ ipiup มากๆ ที่เข้ามาติดตามอย่างใกล้ชิด ขอให้คุณได้รับสิ่งดีๆตอบแทน ขอให้มีสุขภาพดี เช่นกัน ขอบคุณครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 มี.ค. 50 09:08:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 (ยาตัวนี้ไม่เกี่ยวโดยตรงกับโรคซึมเศร้า) หลายเดือนก่อน ได้คุยกันเรื่อง CoQ10  ความว่าเมื่อคนมีอายุ 26 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิต CoQ10 ลดน้อยลงเรื่อยๆ หรือ คนที่กินยาลดไขมัน กลุ่ม Statin ซึ่งเป็น inhibitor ยาเข้าไป*ยับยั้ง*ตับไม่ให้ผลิตไขมัน ในขณะเดียวกันมันก็ยับยั้ง ไม่ให้ผลิต CoQ10 ด้วย ===> ทำให้คนไข้ขาด CoQ10 ไปโดยไม่รู้ตัว ที่น่าสังเกตคือ รายงานผลการตรวจเลือดทั่วๆไป แสดงผล ไขมัน น้ำตาล ฯลฯ แต่ในรายงานไม่ได้แสดงผล CoQ10 คนไข้จึงไม่รู้ว่าตัวเองขาด Co-enzym ที่จำเป็น ในต่างประเทศ CoQ10 วางขายในซูเปอร์มาร์เกต พวกฝรั่งเขาจะซื้อมากินเสริม ครับ พอได้ฟังอย่างนี้ เพื่อนก็ซื้อ CoQ10 มากิน แค่วันละเม็ด เพื่อนบอกว่า มันทำให้กระชุ่มกระชวย มีพลังที่จะทำงาน พูดง่ายๆ เหมือน "ยาขยัน" ผมแปลกใจผลที่ได้รับจาก CoQ10 แบบนี้ ผมไม่เคยรู้มาก่อน เท่าที่เคยอ่าน CoQ10 มีผลทำให้ "ผิวสวย" รายงานผลพลอยได้ตัวนี้ เป็นที่ยอมรับของบริษัทเครื่องสำอาง บริษัทผลิตเครื่องสำอางค์เริ่มนำมาผสมกับเครื่องสำอางค์ เช่น Euserine Q10 หรือ Nevia Q10 เพื่อนฝากถามว่า เป็นไปได้ไหม ที่ CoQ10 จะเข้าไปช่วยอาการโรคซึมเศร้าด้วย เพราะที่ทดลองใช้กับตัวเองได้ผลดี ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 มี.ค. 50 10:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ คำถามข้างบน เกิดความเข้าใจว่า CoQ10 มันเข้าไปช่วยสร้างผนังเซลใหม่ สร้างอะไรๆใหม่ๆ .... ทำให้นึกเชื่อมโยงไปถึง อาการโรคซึมเศร้าที่ว่า ร่างกายจะหลั่งสารโฮโมนออกมาตัวหนึ่ง ชื่อ แอนดรีลนารีน (ผมเขียนตามเสียง soundex ) สารนี้ในสัตว์ก็มี ถ้าสัตว์เกิดความเครียด ก่อนถูกฆ่า ก็จะหลั่งออกมา แล้วจับกับเลือดทำให้เลือดเสีย กลายเป็นผลเสียกับคนบริโภคอาจก่อมะเร็ง ฯลฯ เมื่อมีข้อมูลว่า คนเป็นโรคซึมเศร้า สารนี้ไปจับกับเลือด เลือดก็เสีย (เดาว่า ...ยารักษาโรคนี้  คงจะเป็นโฮโมนสักอย่าง ที่เข้าไปปรับแก้โฮโมนไม่ดีตัวนี้ครับ ) แต่ร่างกายจะผลิตเม็ดเลือดแดงออกมาทดแทนทุกๆ 120 วัน เลือดเสียก็จะถูกเลือดดีทำให้เจือจางลง ==> เลือดเสีย ก็ลดลง ก็มีคำถามอื่น นอกจากการกิน CoQ10 ไปช่วยสร้างเลือดใหม่ (เดากันเอง ไม่มีตำรายืนยันนะครับ) จึงทำให้อาการดีขึ้น ก็มีอีกคำถามตามมาอีกคำถาม กรณีที่เราไปบริจาคเลือดละครับ จะเป็นอย่างไร ? เราบังคับถ่ายเลือดเสียออกไปจากร่างกายปริมาณ 4-500 cc ร่างกายก็ถูกบังคับให้ผลิตเลือดใหม่ออกมาทดแทน กรณีนี้จะทำให้เลือดเสียถูกเจือจางลงได้ไหม ? จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 มี.ค. 50 12:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ช่วงที่เริ่มพบคุณหมอครั้งแรกๆ คุณแม่ก็ให้ไปถามเหมือนกันค่ะว่าจะต้องกินอาหารเสริมต่างๆ ไหม (ช่วงนั้น มีการโฆษณากันอย่างแพร่หลายว่า gingo สามารถช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้) คุณหมอยืนยันว่าไม่ต้องค่ะ ทานอาหารให้ครบทั้งห้าหมู่ จำนวนพอเหมาะ ครบสามมื้อ นอนหลับพักผ่อนไม่น้อยกว่าแปดชั่วโมง ออกกำลังกายบ้างและกินยาไม่ให้ขาด เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ ได้ยินเรื่อง CoQ10 บ้างเหมือนกัน แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดมากนักค่ะ นอกจาก CoQ10 แล้ว อ่านพบว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเราเจ็บด้วยโรคซึมเศร้ามากขึ้นนั้น เนื่องจากลักษณะของอาหาร ประเภทของอาหารที่กินเปลี่ยนแปลงไป เช่น การกินอาหารสำเร็จรูป หรือกึ่งสำเร็จรูปมากมาก ทำให้ร่างกายขาดสาร Omega 3 เท่าที่ทราบ Omega 3 มีมากในปลาค่ะ ทุกวันนี้ ที่บ้านมีปลาทูทอดขึ้นโต๊ะทุกวันไม่ขาดเลย จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 19 มี.ค. 50 02:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โอเมก้า 3 มีประโยชน์มาก มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่ง เรียก E.P.A. Eicosapentaenoic มีฤทธิช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจตีบได้ โอเมก้า 3 เป็นน้ำมันปลาที่ได้จากปลาในทะเลลึกเขตหนาว deep cold sea วงการสุขภาพ อมก. พูดถึง E.P.A  ทำให้มีงานวิจัยหลายชิ้น เมื่อ 20กว่าปีมาแล้ว นักวิจัยชาวเดนมาร์กทำการศึกษาชีวิตชาวเอสกิโมที่กรีนแลนด์ พบว่า อาหารของชาวเอสกิโม กว่า 40% เป็นไขมันสัตว์ เมื่อเทียบกับชาวอมก.และชาวเดนมาร์กแล้ว นับว่าชาวแอสกิโมบริโภคไขมันในปริมาณที่สูงมาก แต่ถึงกระนั้น ชาวแอสกิโมก็เป็นโรคหัวใจ ต่ำมาก เมื่อเทียบกับชาวอมก.ที่กินไขมันสัตว์ ตอนแรกก็คิดว่าที่เป็นอย่างนี้ เพราะกรรมพันธ์ แต่ชาวแอสกิโกที่ย้ายถิ่นเข้าไปอยู่ในเดนมาร์ก เมื่อเปลี่ยนพฤติกรรมมารับประทานอาหารเหมือนชาวเดนมาร์ก มีแนวโน้มที่เป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น ดังนั้น เรื่องกรรมพันธ์จึงไม่เกี่ยว เมื่อทำการวิจัยต่อ ก็พบความลับของชาวแอสกิโม ที่มีความต้านทานต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด คือ เพลทเล็ทหรือเกล็ดเลือด (เศษชิ้นเซลที่ลอยอยู่ในกระแสเลือดช่วยให้เลือดแข็งตัวเวลามีบาดแผล) เกล็ดเลือดของชาวแอสกิโมไม่เหนียวหรือติดกันมากเหมือนชาวอมก. หรือยุโรปทั่วไป การค้นพบนี้แสดงว่า เกล็ดเลือดของชาวแอสกิโมต้องได้รับอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่เหนียวหรือเกาะติดกัน สิ่งนั้นคือ E.P.A (เครดิต== คัดมาจากข้อเขียนของ นพ.สโรจ รัตนากร ) จากข้อมูลทางการแพทย์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า "การทานอาหารให้ครบทั้ง5หมู่" นั้น "ยังไม่เพียงพอ" เพราะ อาหารทั้ง 5 หมู่ที่เรารับประทานกันทุกวัน ไม่มี โอเมก้า 3 หรือ E.P.A ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 19 มี.ค. 50 05:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 CoQ10 แม้จะถูกค้นพบโดยนักวิจัยอมก.ว่ามีคุณประโยชน์อเนกอนันต์ อันมีผลทำให้มีผู้ขยายผลต่อจนได้รับรางวัลโนเบล เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติอย่างแท้จริง แต่บริษัทยาในอมก. ไม่ให้ความสนใจที่จะผลิตออกมาในเชิงพานิชย์ เนื่องจาก *ไม่อาจจดลิขสิทธิ์* ในสารประกอบทางเคมีที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติได้ CoQ10 จึงไม่ได้รับการส่งเสริมเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเข้าสู่สถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในอมก. แตกต่างจากยาที่บริษัทสามารถจดทะเบียนลิขสิทธิจำหน่ายได้แต่เพียงผู้เดียว เช่นยากลุ่ม Statin (ที่พูดถึงข้างต้น) ย่อมกล้าลงทุนที่จะสอดใส่ความรู้ด้านสรรพคุณในตัวยาเข้าสู่ทุกสถาบันที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพให้อนุมัติหรือให้สั่งสอนอบรม หรือให้สั่งใช้แล้วแต่กรณี ดังนั้น เราไม่อาจคาดหวังความรู้หรือคำแนะนำใดๆ เกี่ยวกับ CoQ10 (ซึ่งไม่ใช่ยา) จากหมอที่ดูแลสุขภาพของเรา เนื่องจากหมอเหล่านั้น อาจจะไม่เคยรู้จักและไม่เคยทราบจริงๆ ปล. ผมอ่านข้อเขียนนี้ ผมเข้าใจคนที่เป็นหมอทุกคน ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทุกเรื่อง(ที่เกี่ยวกับสุขภาพ) เพราะความรู้พวกนี้ *ไม่ใช่วิชาบังคับ*  ที่หมอจะต้องเรียน แต่สิ่งหนึ่งที่หมอทุกคนควรจะรู้ คือ ตำราเรียน ที่จะเอามาใช้วินิจฉัยรักษาโรค ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 19 มี.ค. 50 05:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องลิขสิทธิ เท่าที่ผมทราบ ในปี 1974 บริษัท Eisai ผู้ผลิตยาของญี่ปุ่น เป็นบริษัทแรกที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้ผลิต CoQ10 เพื่อการรักษาอาการผู้ป่วยโรคหัวใจวายจากหลอดเลือดตีบตัน (congestive heart failure) ผมก็ติดตาม จนได้ที่อยู่ของโรงงานในประเทศ CoQ10 ของบริษัท Eisai ... repacked by Interthai Pharmaceutical  Manufacturing อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม ลาดกระบัง หรือ บางชัน ??? ปัจจุบัน CoQ10 เริ่มเข้าสู่ห้องยาของรพ. รัฐ หลายแห่งแล้ว ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 19 มี.ค. 50 05:33:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อย่างนี้ปลาทูก็ไม่มี Omega3 น่ะสิคะ -_- จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 19 มี.ค. 50 08:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่มีครับ :-) จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 19 มี.ค. 50 18:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มีคนลือว่า ปลาทับทิม (ปลาน้ำจืด) มีโอเมก้า 3 ผมโพสถามห้องหมอได้รับคำตอบว่า ไม่จริงครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 19 มี.ค. 50 18:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 *_* ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : Between the cradle - the grave (ipiup) - [ 19 มี.ค. 50 19:32:18 ]