ความคิดเห็นที่ 1 ขอตัดตอนมาต่อจากกระทู้ตอนที่ 1 หลังจากกระป๋มเด็กซาปอยฝึกโยคะแบบขึ้น ๆ ลง ๆ มาอยู่พักหนึ่ง เพราะหลังขาบาดเจ็บจากการประกวดโยคะ มานนน.......เป็นช่วงเวลาที่ทรมารที่สุดในชีวิต กับการอยากฝึกโยคะ แต่ทำไม่ได้เต็มที่อย่างที่อยากทำ.......... แต่อย่างว่า....แล้วเวลาก็จะช่วยรักษาแผลใจ...(เฮ้ย...ม่ายช่าย....แผลกาย) ..........หลังจากนั้นหกเดือน     เด็กซาปอยคนเดิมก็กลับมาอีกครั้งอาจจะติดอาการเดี้ยงอยู่บ้าง [ เพราะเมื่อคนเราปาดเจ็บ การ balance ในร่างกายคนเราจะเปลี่ยนไปด้วย    ธรรมชาติของร่างกายก็น่าอัศจรรย์เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 10:58:16 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 10:09:37 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 10:08:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่เอาเป็นว่า ตั้งแต่ผมหายจากากรบาดเจ็บ ทุกวันนี้ร่างกายผมยังต้องปรับ balance ใหม่อยู่เลย เพราะเท้าไม่สามารถปรับน้ำหนักได้อย่างสมดุล ทุกวันนี้ผมจะกดน้ำหนักลงที่เท้าด้านซ้ายฝั่งในเท้า หรือที่หัวแม้เท้าซ้ายไม่ค่อยได้ แต่ก็พยายามอยู่ครับ อย่างที่บอก...เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง.....(ไม่รู้จริงป่าว)] เอาเป็นว่า หลังจากฟอร์มเดิมกลับมา น้องปอยก็ฝึกโยคะแบบเป็นบ้าเป็นหลังต่อไป แต่เท่านั้นยังไม่พอ   นอกจากข้าพเจ้าทำท่าได้ดีแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังอยากทำท่าอวดชาวบ้านด้วย ประมาณว่า ข้าพเจ้าเก่งมากมาย.....อิอิ (พูดแล้วอายตัวเอง...แต่เมื่อก่อนเป็นแบบนั้นจริง ๆ) แต่ก็อย่างที่บอกแหละครับ เราปลูกเมล็ดพรรณอย่างไรในการฝึกโยคะ เราก็จะได้ดอกผลอย่างนั้นเช่นกัน ในเมื่อใจมันคิดแต่จะแข่งกับชาวบ้าน...ว่าเราเจ๋งกว่า ทำท่าดีกว่า การฝึกมันก็ตันครับ ทำได้อยู่เท่านั้น แถวบ้านเรียกว่า “หลงทาง” เป็นอยู่พักใหญ่ครับ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 10:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โชว์จนขี้เกียจโชว์ สตูดิโอที่ไหนที่เค้าบอกว่าสอนท่าโยคะยาก ๆ ท่าแปลก ๆ ครูเก่ง ๆ  น้องปอยวิ่งเข้าหาหมดครับ ฝึกมันทุกอย่าง ยิ่งถ้าครูชมว่าผมเก่งนะ....ถึงไหนถึงกัน (นี่แหละครับจิตใจของคน....เล่นกับเค้าดิ   เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ) จนถึงที่สุดของที่สุด......การ Transformation ก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อเรารู้สึกอิ่มตัวว่าเราทำอย่างนั้น ทำไม และเพื่ออะไร ใจเราเป็นตัวพาเราวิ่งไปหา  ไปท้าทายตัวเอง  ไปท้าทายชาวบ้าน แต่สุดท้ายแล้ว  เรา “ได้อะไร” แนวคิดอันนี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการฝึกโยคะครั้งใหญ่ กับเด็กซาปอยอย่างผม!!!!!! จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 10:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ......กอปรกับช่วงเวลานั้น ผมต้องเดินทางไปทำวิจัยในประเทศอิตาลี   ทำให้ต้องห่างการฝึกไปสักพัก ไม่มีโยคะร้อนในโรมครับ น้องปอย...ตายแน่ ๆ   ตอนนั้นถ้าฝึกโยคะน้อยกว่า 4 วันในหนึ่งอาทิตย์ จะลงแดงตายครับ ไม่ได้เข้าห้องร้อนสองวันใจก็จะขาดอยู่แล้ว  แต่ก็พยายามหาสตูดิโอที่จะฝึกโยคะในโรม แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรก ที่ผมได้ฝึก “Astanga yoga” แบบจริงจัง ----------------------------------------------------------- จริง ๆ ผมเคยฝึก astanga มาก่อน แต่ไม่ใช่แบบ traditional astanga จริง ๆ (ขอแปะเรื่อง astanga ไว้อีกรอบ  เดี๋ยวจะมาเล่าตอนหลัง....แปะไว้เยอะมากกกกก) ------------------------------------------------------- ชะตาชีวิตคนเราเป็นเรื่องประหลาด  มีได้ก็ต้องมีเสีย ผมได้รางวัลจาการประกวดโยคะ ได้ลงชื่อในหนังสือพิมพ์ มีคนรู้จักมากขึ้น แต่ก็บาดเจ็บกว่าหกเดือน.... แต่นี้ก็เป็นสิ่งที่นำทางผมมาสู่การสอนโยคะครั้งแรกในชีวิต เมื่อพี่ ๆ (ที่ครั้งแรกผมพลาดสุดชีวิต ไปเรียกแกว่า ป้าๆ ....เกือบอดสอนโยคะแล้วไหมล่ะ) ที่อยู่ที่สถานกงสุลในโรม ได้ข่าวผมจากการประกวด และต้องการจะเรียนโยคะ ผมก็เลยอยากลองกึ่ง fight บังคับ เอาก็เอาว่ะ....ลุย!!!!! แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 21:47:58 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 10:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตามมาฟังประสบการณ์ ไปเป็นความรู้ ข้อเตือนใจ ครับ จากคุณ : sirivajj - [ 22 มี.ค. 50 11:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาโพสต์บ่อย ๆ นะคะ ติดตามอ่านตลอดค่ะ จากคุณ : Jura_Mata - [ 22 มี.ค. 50 11:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาลงชื่อว่ายังอ่านอยู่ครับ จากคุณ : Marty X - [ 22 มี.ค. 50 12:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาเล่าอีก  อย่าพึ่งเบื่อนะค่ะ ชอบมากอะไรที่เกี่ยวกับโยคะ จากคุณ : รักน้อยนิด - [ 22 มี.ค. 50 12:14:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ...........ตอนนั้นไม่เคยคิดเลยครับว่าจะสอนโยคะ รู้แน่ ๆ ว่าตัวเองสอนได้ (ผ๊ม....มั่นใจ....) ^ ^!! แต่มันไม่เคยคิดจะสอน อิอิ...... ------------------------------------------------- (และอย่างที่บอก พื้นฐานผมคือโยคะร้อน แต่ผมไม่เคยคิดจะสอนโยคะร้อน หนึ่งเพราะห้องร้อนมันไม่ได้หาได้ทั่วไป สองคือ โยคะร้อนมี ลิขสิทธิ์ เป็นของตัวเอง ถึงแม้ผมจะชอบฝึกโยคะร้อนมากแค่ไหน  แต่ผมก็ไม่เคยติดจะละเมิดภูมิปัญญาของผู้ใด โดยเฉพาะคนที่เค้าไปฝึกเป็นอาจารย์โยคะร้อนอย่างจริงจัง ผมเห็นทุกคนทุ่มเท  เพราะฉะนั้นผมก็ให้ความเคารพในสิทธิ์ของเค้าตรงนี้ด้วย ----------------------------------------------------------- จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 12:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 .........ดังนั้นผมจึงเลือกสอน hatha โยคะแบบธรรมดา และเนื่องจากตอนนั้น ผมฝึกโยคะมาหลากหลายพอสมควร   ผมจึงนำข้อดี ข้อเสียของโยคะแต่ละแบบ มาผสานกัน เป็นโยคะในแบบของผม  โยคะแบบเด็กซาปอย:) แต่อย่างที่เด็กซาปอยอย่างผมพูดเสมอ  ทำอะไรต้องรู้จริง พอรู้ตัวล่วงหน้าว่าจะต้องสอน  จากที่เคยศึกษาทฤษฎีเกี่ยวกับโยคะมาบ้าง ตอนนี้ต้องเรียนหนักอีกหลายเท่า แถมเป็นการเรียนด้วยตัวเองอีกต่างหาก ส่วนภาคปฎิบัติคงไม่ต้องกล่าวถึง  ตอนนั้นผมฝึกโยคะมาเกือยสามปีแล้วครับ ฝึกเกือบทุกวัน ไม่เคยขาด มันบ้าๆๆๆๆๆๆ........!!!!! แต่อย่างน้อย  นั่นก็ทำให้ผมได้แนวในการสอนเป็นของตัวเอง และเพิ่งมารู้ในตอนหลัง ว่าจริง ๆ แนวคิดที่ผมใช้สอน มีผู้ที่คิดเหมือนกันมากมาย ทั้งยังมีคนเปิดโรงเรียนสอนโยคะแนวนี้อย่างเป็นทางการอีกด้วย ซึ่งคิด ๆ แล้วก็รู้สึกดีครับ ที่อย่างน้อยก็มีคนที่มองเห็นอะไรคล้ายๆ กันกับผม:) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 12:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอาหละครับ........ หลังจากเตรียมตัวกับการสอนมาเกือบอาทิตย์ ในที่สุดผมก็ได้ series ที่ประยุกต์ละดัดแปลงเป็นแนวของตัวเอง คลาสโยคะครั้งแรกของผม มีลูกศิษย์เยอะมากครับ.....5 คน อิอิ มากๆๆๆ จริง ๆ!!!!!!! แต่ลูกศิษย์ครูน๊อตน่าร้ากกกก ทุกคนครับ ความรู้สึกครั้งแรกในการสอน มันทำให้ผมได้เห็นและเข้าใจร่างกายคนมากขึ้น ภาษากาย บ่งบอกถึงอะไรมากมายในจิตใจ และนั่นเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ผมได้เห็น เห็นตัวเอง  เห็นผู้อื่น เห็นอย่างที่เข้าใจอย่างแท้จริง แล้วในวันนั้น  คลาสแรกในชีวิตก็ทำให้ผมได้รู้ว่า ผมไม่สามารถเรียนโยคะ ได้แค่จากตัวเอง การมองออกไปรอบข้างจะทำให้เราเห็นโลกกว้างขึ้น.... แต่ผม....ได้เรียนโยคะจากลูกศิษย์ของผมด้วย " ศิษย์ก็คือครูที่ดีของเราเช่นกัน....." จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 12:24:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 .......พี่ ๆ ใจดีมากมาย หลังคลาสมีขนม ผมไม้ อาหารมาให้เสมอ ใครไม่เคยอยู่โรมคงไม่รู้ว่าอาหารไทยหายากแค่ไหน น้ำตาแทบไหล....อิอิ ^ ^! (ปัจจุบันครูน๊อตยังแอบโดนเหน็บอยู่บ่อย ๆ  ว่าที่บอกว่าคิดถึงพี่ ๆ นี่ คิดถึงอาหารที่พี่ ๆ ทำ หรือคิดถึงพี่  ๆจริง ๆ   ....... หรือไม่ในทางกลับกัน ที่พี่ ๆ ก็คิดถึงป๋ม  คิดถึงป๋ม หรือคิดถึงเวลาที่ทำอาหารเยอะมากก!!!! แล้วไม่มีหน่วยคอมมานโดมาช่วยเหมา...อิอิ) ..........วัดเกิดผมมีเค้าที่แสนอร่อย พี่ ๆ พาผมไปเที่ยว .........ไปทำบุญ เห็นชีวิตชาวอิตาเลี่ยนในรูปแบบที่ไม่ใช่วิถีนักท่องเที่ยว อยู่กับธรรมชาติ (ขอบพระคุณพี่ ๆ ทุกคนมากครับ ครูน๊อตยังคิดถึงทุกคนเสมอนะครับ) แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 12:40:53 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 12:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มันเริ่มขึ้นแล้วครับ การ transformation ความสัมพันธ์ของครูกับศิษย์ บางครั้งก็บังคับให้เราเติบโตขึ้นโดยปริยาย แต่มันเติบโตด้วยความรักในการสอน ความรู้สึกดี ๆ ที่อยากแบ่งปัน........ ลูกศิษย์ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ ครูก็ยิ่งยากจะเก่งกว่าเดิม อยากรู้มากกว่าเดิม  อยากให้ ๆ ได้มากขี้น ๆ ไปอีกเรื่อย ๆ แล้วนั้นก็เป็นแรงผลักดัน ผมยังวิ่งเข้าหาสตูดิโอโยคะเหมือนเดิม ที่ไหนดี มีอบรมอะไร โยคะแบบไหน ครูน๊อตเข้าร่วมหมด แต่มันต่างตรงที่ว่า  คราวนี้ ไม่ได้ทำแค่เพื่อตัวเอง เราหยุดตรงนี้ไม่ได้  เพราะเรายังมีลูกศิษย์ที่เราอยากสอนเค้าให้ดีและเก่งขึ้นมากกว่านี้....... ความเหนื่อยมันก็มีบ้าง  แต่ทุกครั้งที่ลุกศิษย์บอกว่ารู้สึกดี ไม่ปวดหลังแล้ว ร่างกายสดชื่นขี้น  ผมมีความสุขเหลือเกิน!!!!!! แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 12:29:41 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 12:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ......ที่สำคัญ  รอยยิ้มครับ.... รอยยิ้มของทุกคนเปลี่ยนไปจริง ๆ  ตาผมไม่ได้ฝาด ผมเคยเห็นบางคนยิ้ม เศร้า ๆ บางคนยิ้มไม่เต็มที่ แต่ทุกวันนี้  รอยยิ้มที่ผมเห็น  มันมาจากหัวใจ แล้วมันก็ยิ่งเปิดใจของผมให้กว้างออกไปเช่นกัน...... ------------------------------------------------------- Thanks so much....Marty X and รักน้อยนิด:-D จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 12:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สรุปคุณเด็กซาปอยสอนที่โรมเหรอคะโถ นึกว่าสอนที่เมืองไทย จะตามไปเป็นศิษย์อีกคนคะ สู้ๆนะคะ ขอให้ตามฝันให้สำเร็จคะ จากคุณ : Lilly (supremeking) - [ 22 มี.ค. 50 15:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบคุณ Lilly #16  ผมเคยสอนอยู่ที่โรมครับ ตอนนั้นไปทำวิจัยที่นั่น ก็เลยได้สอนโยคะโดยบังเอิญ... (แต่ตั้งใจสอนนะครับ) ตอนนี้ผมเพิ่งเรียนจบ แล้วก็มาทำงานที่สิงคโปร์ครับ... ยังคงสอนโยคะเป็น part-time ที่นี่ เพราะไม่อยากทิ้ง ที่เมืองไทยก็มีสตูดิโอสอนโยคะดี ๆ อีกมากครับ ขึ้นอยู่กับว่าอยากฝึกแนวไหน  แนะนำได้ครับ:) ขอขอบคุณสำหรับคำอวยพรล่วงหน้า รับไว้ก่อนครับ ผมฝันอยากมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง แต่คงยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ครับ +++++++++++++++++++++++++++++++++ คุณ: sirivajj  ไปไหนอ่ะ  รอฟังเรื่องราวอยู่นะครับ โปรดตามมาช่วยเขียนด่วน อิอิ.... +++++++++++++++++++++++++++++++++ ตอนนี้ผมพยายามจุดธูปเชิญคุณ Marty X มาถ่ายทอด เรื่องราวกับกับ Astanga โยคะอีกคน  ไม่รู้เจ้าตัวจะยอมมาหรือเปล่า ผมต้องยอมรับครับ แม้ว่าจะฝึกโยคะมาหลายแบบ แต่ผมก็ไม่ได้อินกับโยคะไปทุกแบบ อย่าง Astanga นี่ ผมฝึกต่อเนื่องอยู่ประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นก็เริ่มตัดสินใจได้ว่า ไม่ใช่แนวที่ผมถนัด แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะครับ อย่างที่บอก ว่าแต่ละคนก็มีแนวทางต่างกันไป แต่ Traditional astanga yoga เป็นอะไรที่ต้องใช้ระเบียบ วินัยในการฝึกเป็นอย่างมาก บอกขวาต้องขวา บอกซ้าย ต้องซ้าย  แล้วคิดหรอครับว่าเด็กซาปอยอย่างผมจะเหลือ ผมเป็นพวกชอบวิจัยครับ อย่างท่า Triangle เวลาเงยหน้ามองเพดานนาน ๆ แล้วผมเมื่อคออ่ะ แต่พอผมมองลงพื้นบ้าง บิดคอบนบ้าง ล่างบ้าง ปรับโน่นบ้าง นี่บ้าง....มันทำไม่ได้ครับ ครูจับบิดกลับทันที..... กฎเยอะมาก!!!!!! อีกอย่าง astanga จะฝึกเป็นขั้น ๆ ไป ต้อง master ขั้นหนึ่งก่อน ถึงจะกระเถิบขึ้นไปอีกขั้นได้ แล้วเด็กซาปอยอย่างผมมีหรอครับจะรอ  วิ่งหนีไปแล้ว....แป่ว ^ ^!! ............. แต่ต้องยอมรับครับ ว่า astanga เป็นโยคะที่เต็มไปด้วยพลังจริง ๆ การเคลื่อนไหวของร่างกายที่ Flow ไปกับลมหายใจ มันสุดยอดมาก ๆ ครับ  ผมเคยเห็นคนสูงอายุบางคน ทำ astanga ได้งดงามมาก ๆ ............. ปัจจุบันยังฝึก Astanga บ้างเป็นบางโอกาส  แต่ไม่อินมากครับ ได้แต่นำหลักของลมหายใจกับการ Flow ของท่า และ muscular innergy ที่ได้จากการฝึกมาประยุกต์ใช้กับการฝึกแบบอื่น ๆ เท่านั้น ^ ^ ปล. ตอนนี้กำลัง In กับ Anusara Yoga ฮับ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ปล. ผู้ใดพบเห็นคุณ Marty X และคุณ sirivajj โปรดตามตัวด่วน!!! เด็กซาปอยและเพื่อน ๆ รอฟังเรื่องเล่าอยู่ครับ Light with Love~ เด็กซาปอย:-D +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 22:46:57 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 22:24:23 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 22 มี.ค. 50 22:19:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขออนุญาตินำเรื่องที่ครูโยคะเคยเล่ามาบอกต่อ เรื่อง ครูโยคะเล่ามา ที่คลาสโยคะแห่งหนึ่ง ครูโยคะ     ".... โยคะนี่มีประโยชน์นอกจากทำให้สุขภาพดีแล้ว ....บรา ....  บรา....  บรา .....  ยังได้ผลในเรื่องการลดน้ำหนัก ด้วย ..... " นักเรียน    " ....... " (ฟังอย่างตั้งใจ) ครูโยคะ    " ตัวอย่างมีลูกศิษย์ของอาจารย์คนนึง มาเล่นโยคะ เล่นเสร็จไปชั่ง นน. ปรากฏว่า ลดไปทันที  2 โล " นักเรียน    " โอ้ โห ... " ครูโยคะ    " ....... ก็คือ คนนั้นเขาเพิ่งมาเล่นโยคะ เป็นครั้งแรก และก่อนเล่น ก็กินข้าวกลางวันมา .....  พอมาเล่นก็เลยเวียนหัว วิงเวียน ............ เล่นเสร็จ ก็เลยไปเข้าห้องน้ำแล้วอ้วก ..... พอมาชั่ง นน. มันก็เลยลดไป ...... " นักเรียน    "  ??!!!! " (แป่ว) ................... ครุโยคะ   " มีนักเรียนอีกคนนึงมาเล่นโยคะครั้งแรก เหมือนกัน เล่นๆ ก็ เวียนหัว " นักเรียน   " ..........  "  (สงสัยเล่นโยคะแล้วกลั้นหายใจ) ครูโยคะ  " ..... หลังจากเล่นเสร็จ ก็เลยไปอาเจียนในห้องน้ำ  ทีนี้อ้วกที่ออกมามันมีสีแดงๆ ออกมาด้วย " " เขาก็เลยตกใจใหญ่คิดว่า เป็นเลือด และตัวเองแย่แล้ว " ............. "ร้องไห้ ใจเสียอยู่ตั้งนาน ค่อยนึกได้ว่า ก่อนมาเล่นโยคะกินเย็นตาโฟ เข้าไป " นักเรียน   " (+_+)  (#_#) " ........... จบแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 22:53:24 จากคุณ : sirivajj - [ 22 มี.ค. 50 22:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เล่นโยคะรักษาแผลใจได้ด้วยเหรอคะ ...จิงป่ะ อิอิ จากคุณ : sweet E.T. - [ 22 มี.ค. 50 23:56:03 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาแอบขำ #18  อิอิ...... เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับคนที่เริ่มฝึก....อย่ากินเย็นตาโฟ (^0 ^)!!.....ฮาๆๆๆ แต่จากบทสนทนา  ผมชอบอาจารย์คนนี้นะ สร้างรอยยิ้มในห้องโยคะ:) ทำให้ผมนึกถึงอาจารย์ท่านหนึ่งเหมือนกัน  เข้าคลาสทีไร ต้องมีเรื่องขำขันมาเล่าก่อน นักเรียนอุตสาห์ตั้งใจทำสมาธิ  สมาธิกระเจิงก่อนฝึกคลาส...อิอิ ================================= #19 ข้าพเจ้า  ข๊อยืนยันว่าจริง!!!!! ลองมาเข้าคลาส Solar flow หรือไม่ก็ Lunar flow กับครูซาปอยดิครับ รับรอง.....ลืมทุกอย่าง แม้กระทั้งแผลใจ....อิอิ เพราะมานนนนจะทรทานมาก.....จนลืมไปเลยว่าอกหัก.......แป่ว!!!  ล้อเล่นนะครับ ============================= ขอกลับมาซีเรียสนิดนึง..... ประสบการณ์โดยตรงกับการอกหักของครูปอย เวลารอกหัก  ครูปอยก็วิ่งเข้าห้องโยคะครับ ท่า Back bending เป็นท่าที่ส่งผลถึงอารมยณ์อย่างมาก โดยเฉพาะการเปิดบริเวณหน้าอก (ขอย้ำว่าเปิดหัวใจนะครับ ม่ายช่ายเปิดอกอย่างนั้น!!!  อิอิ) ความเศร้าและความกดดันบางส่วนจะปลดปล่อยออกมาได้บ้างครับ แต่แผลใจ ในเมื่อเกิดที่ใจ ก็ต้องใช้ใจรักษา แผลในใจบางอย่าง อาจทำให้หายได้ แต่ก็มักเหลือสะเก็ดในใจไว้เสมอ เพียงแต่บางที่เราไม่รู้ หรือไม่ก็อาจมองข้ามไปก็เท่านั้น แทนที่จะคิดรักษาแผลใจ  ผมว่า การมองโลกอย่างเข้าใจจะทำให้รู้ว่า “อกหักเป็นเรื่องธรรมชาติ”.....อิอิ เมื่อเราเข้าใจ สะเก็ดแผลในใจก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแผลเป็นอีกต่อไป หากแต่เปลี่ยนเป็นประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้เราเข้มแข็งขึ้น และเติบโตขึ้น (จริง ๆ # 19 เค้าแค่แซวเล่น....ไหงครูร่ายซะยาวอย่างงี้ก็ไม่รู้....แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะฮับ) ชอบเรื่องความสุขของกระทิจังเลย....อยากช่วยโปรโมต  ลองหามาอ่านกันนะครับ:) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 07:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาตอบนิดนึงนะคร้าบ ไม่ค่อยอยากจะเขียนหรอกอ่ะครับ เรื่อง Ashtanga ถ้ามีคนสนใจ อยากให้ไปเริ่มฝึกเลยดีกว่าอ่ะครับ ขอยืมคำพูดของครู Ashtanga มาพูดแล้วกันครับว่า เหมือนเราจะอธิบายความอร่อย มีประโยชน์ มีคุณค่า ของแอปเปิ้ลให้คนที่ไม่เคยกินแอปเปิ้ลฟัง เขาก็ไม่ get อยู่ดีว่าแอปเปิ้ล มันอร่อยยังไง มีประโยชน์ยังไง จนกว่าจะได้ลองชิมด้วยตนเอง ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้ามีคนสนใจ ashtanga ก็ไปลองฝึกกันดีกว่าอ่ะครับ แต่ขอกัดหน่อยนึงว่า บางสตูดิโอ (สตูดิโอที่มีหัวครีเอทีฟ ในการตั้งชื่อโยคะมาก ๆ อ่ะ ชนิดที่อ่านแล้วงงว่ามันคือ โยคะอะไรวะ) บอกว่าสอน ashtanga แต่จริง ๆ เป็นอะไร ก็ไม่รู้ที่คิดขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นลองศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน แล้วกันครับ ว่าที่ไหนที่สอน ashtanga แบบ traditionalจริง ๆ อาจจะเริ่มจากการเข้าไปอ่านที่นี่ก็ได้ครับ http://www.ashtanga.com ไม่ค่อยอยากโฆษณาให้ที่ที่ผมฝึกอยู่เท่าไหร่ (ครูที่สอนผม ตอนนี้ไม่ใช่ครูที่ authorized แต่เขาก็ทำหน้าที่ได้ดีตามแบบแผน ของ ashtanga ที่มีอยู่) แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:11:56 จากคุณ : Marty X - [ 23 มี.ค. 50 12:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อืม... จากคุณ : theICE - [ 24 มี.ค. 50 21:17:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 #22  How come u are here!!!! It is alcohol-free katoo krub...just kidding hihi :p จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 27 มี.ค. 50 11:13:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาหนับหนุน Marty X อีกเสียงค่ะ เพราะว่าฝึกที่เดียวกัน แล้วคนที่เป็นคนสอน ตั้งใจสอนมากๆค่ะ ย้ำว่าตั้งใจมากๆแล้วก็เอาใจใส่ดูแลแก้ท่าให้เป็นอย่างดี เปล่าเป็นม้าน้า จากคุณ : Amiyumi - [ 28 มี.ค. 50 23:35:30 ]