ความคิดเห็นที่ 1 .........สักทางเลือที่ผมต้องเดิน ระหว่างการเดินหน้าสอนโยคะ .จาก part-time กลายเป็น full time อย่างเต็มตัว ได้ศึกษาโยคะลึกขึ้น มากขึ้นในสิ่งที่ตัวเองรัก.....และมีความสุข มีลูกศิษย์ที่น่ารัก  มีชีวิตที่ดูจะไม่ต้องขวนขวาย มีความสุขเท่าที่พอมีและพอได้...... หรือตัดสินใจทำงานตามสายอาชีพที่ได้เล่าเรียนมา .. ไม่ใช่ไม่รักในวิชาชีพ .ที่ร่ำเรียนมาก็เพราะรัก และก็เพราะรักที่จะเรียน..... ดังนั้นจึงเห็นจริงมากยิ่งขึ้น ถึงความหมายของคำว่า Philosophy Dr. of Philosophy ที่กำลังจะได้มา ยิ่งผมยิ่งค้นคว้า...ยิ่งวิจัย บางครั้งก็รู้สึกว่าเรากำลังศึกษาปรัชญา ศึกษาธรรมชาติ  สิ่งที่มันมีและมันเป็น หากแต่...มันจำเป็นจะต้องรู้และอธิบายไปได้ทุกเรื่องเชียวหรือ!!!!! แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:51:18 แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 12:13:49 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 12:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ..........ขอตัดตอนออกนอกเรื่องนิด อย่างตอนที่ผมได้ยินอาจารย์ Ashtanga เคยบอกว่า Tranditional ashtanga จะไม่ฝึกโยคะในวันที่พลังแห่งพระจันทร์ถึงจุดสูงสุด นั่นคือวันคืนเดือนมืดและวันที่พระจันทร์เต็มดวง (New moon and full moon) ผมฟังแล้วก็ได้แต่สงสัย.... ...สงสัย.....ก็ต้องการคำอธิบาย หากเราจะเชื่อแต่เพียงอาจารย์บอกก็อาจจะได้... แต่มันคาใจ...ข้างในลึก ๆ ...(แป่ว!!!  แอบอินแบบพี่เจย์) หลังจากนั้นอาจารย์ก็อธิบายต่อ....อาจจะเห็นคิ้วผมที่ขมวดมุนอยู่ก็เป็นได้ เราก็รู้อยู่โดยหลักของน้ำขี้นน้ำลง....ว่าเกิดจากอิทธิพลของพระจันทร์ โลก และพระอาทิตย์ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:50:16 แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:45:09 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 12:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 (ในที่นี้ไม่ได้รวมถึงน้ำที่ขึ้นและลงในแต่ละวันนะครับ  หากแต่ดูระดับน้ำในมหาสมุทรทั้งเดือน) เมื่อพลังแห่งจัทราถึงสุดสูงสุด (ไม้ใช่เซลลามูนนะครับ) น้ำทั้งหมดจะโดนพลังดึงดูดแห่งพระจันทร์ให้หดหาย ลดลงไป..... หรือหากเรามองไปที่ทะเล จะเห็นชัดเจนว่าระดับน้ำจะลดลงถึงขีดสุด แล้วมันเกี่ยวกับร่างกายเราตรงไหน.... ร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 70% ครับ นั่นคือสิ่งที่เรารู้กันโดยทั่วไป ================================ (เหมือนโลกเลย....จริง ๆ เคยสงสัย  ว่าเราก็คือโลก และโลกก็คือเราหรือเปล่า คนเราก็เหมือนเป็นหนึ่ง element ในโลกใบนี้ หากแต่เราอาจไม่เคยนึกถึง.... ช่างเป็นเรื่องบังเอิญทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นธรรมชาติในทางปรัชญา....ว่าไปโน่น ขอกลับมาก่อนแล้วกันนะครับ ก่อนที่ครูปอยจะพาออกอ่าวไทยไปเสียก่อน) ================================= จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 12:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 .....แล้วขนาดมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ยังโดนแรงดึงดูดแห่งพระจันทร์ให้หดหายไปขนาดนั้น แล้วนับอะไร กับร่างกายเล็ก ๆ ของเราที่มีน้ำอยู่มากมาย ในโยคะ เราเชื่อว่า พลังอันนี้เองจะทำให้น้ำในข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย เราลดลงไปด้วย แล้วเมื่อเราฝึก ashtanga โยคะที่ต้องมีการกระโดด เคลื่อนไหวข้อต่อตลอดเวลา โอกาสพลาดก็เป็นไปได้ง่ายครับ หรือหากจะฝึกกันจริง ๆ การฝึกก็ควรจะลดระดับการเคลื่อนไหวลงบ้าง แต่ขอยืนยัน ว่า Traditional Ashtanga จะเคร่งตรงนี้มากๆๆๆๆ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ธรรมชาติ คือสิ่งที่มันเป็น มันมีอยู่อย่างนั้น.... แต่จำเป็นไหม...ที่เราต้องรู้มันไปซะทุกเรื่อง Everthing can happen, will happen:) ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แป่ว!!! ระหว่างรอผมการทดลอง ขอไปหม่ำข้างก่อนนะครับ เดี๋ยวมาต่อ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:46:27 แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:44:12 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 12:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Link to previous katoo; +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5228903/L5228903.html http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5232311/L5232311.html http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5243692/L5243692.html http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5248048/L5248048.html +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 12:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาแสดงความเห็นในกระทู้นี้บ้าง เอาส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยเคร่งเรื่อง Moon day มากอ่ะครับ แต่ครูที่ traditional หลาย ๆ ท่านก็เคร่งเรื่องนี้มาก ๆ เหมือนกัน เพราะคนที่มีงานประจำทำบางทีเราไม่ว่างที่จะไปฝึกบางวัน แต่พอถึง Moon Day เราว่าง เราก็อยากจะไปฝึกวันนั้นอ่ะครับ ครู Ashtanga สุดที่รักคนแรกของผม (authorized ด้วย) แนะนำเรื่องนี้ว่ามาฝึกก็ได้ แต่ให้ลองสังเกตุตัวเองว่า energy เป็นยังไงวันนั้น รู้สึกมีอะไรผิดปกติมั๊ย ถ้ารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ก็อย่าฝืนมากในวันนั้น อย่า push เกินไป และอาจจะงด intense adjustment ในวันนั้นไปอ่ะครับ กระทู้คุณเด็กซาปอย ยังน่าสนใจน่าติดตามเหมือนเคยคร้าบ จะติดตามไปเรื่อย ๆ นะคร้าบ จากคุณ : Marty X - [ 23 มี.ค. 50 13:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนนั้นก็นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมอีกครั้งจริง ๆ ครับ ถ้าผมตัดสินใจอีกทาง อาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่ ตอนนั้นนอกจากความรักและชอบที่จะสอน มีหลายอย่างในชีวิต ที่ผมนำมาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจด้วย 1. อย่างรายได้ที่ได้จากการสอน คงปฎิเสธไม่ได้ครับ ว่าเงินก็เป็นอีกปัจจัย อย่างน้อยรายได้ ก็ควรจะเลี้ยงพ่อแม่ผมได้ หลังจากที่ท่านเลี้ยงดูผมมาจนโตไม่รู้จะโตอย่างไรแล้ว ท่านก็คงเหนื่อยมากเช่นกัน ผมว่า การสอนโยคะ ไม่ได้ทำให้เรารวยครับ  แต่อาจจะพออยู่ได้แบบพอเพียง ไม่มาก ไม่น้อย JUST ENOUGH ผมชอบคำนี้จัง (ได้มาจากการฝึก anusara yoga) แต่หากผมทำงานสายอาชีพ แม้ตอนแรกอาจจะถูกกดเงินเดือนบ้าง เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ แต่หากอดทนทำผ่านโปรเบชันไปได้ ผมว่าก็คงพอเลี้ยงพ่อแม่และน้อง ๆ ผมได้เช่นกัน ดังนั้น สำหรับผม....รายได้ไม่ใช่ปัจจัยที่จะเอามาเปรียบเทียบครับ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 13:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 2. ผมจะสอนโยคะไปได้อีกนานแค่ไหน   ตอนนี้การฝึกโยคะดูเหมือนจะเป็นไปตาม trend ทุกคนดู cool! เวลาที่ได้ฝึกโยคะตามสตูดิโอ....แต่ ทุกอย่างย่อมมีเสื่อมถอยครับ เป็นธรรมดา หากคิดถึงทางแย่ที่สุดที่เกิดขึ้นได้ เป็นไปได้ไหมว่าในที่สุด คนก็จะเลิกเห่อ  แล้วตอนนั้นจะไปทำอะไร ผมมั่นใจว่า ความนิยมในการฝึกโยคะ ยังคงจะเป็นกระแสไปอีกนาน และคนที่รักการฝึกอย่างจริงจังก็ยังมีอีกมากมาย แต่อีกหลายคำถาม???? ความไมแน่นอนเกิดขึ้นในชีวิตได้อยู่เสมอ!!!!! สิ่งที่คิดว่าดีในตอนนี้ อาจพลิกกลับได้เสมอ หรือสิ่งที่รู้สึกว่ามันแย่ที่สุด....อาจจะเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตของเราก็ได้ ประสบการณ์สอนผมในหลาย ๆ ด้าน 3. ความสุขในวิชาชีพ ผมสามารถหาความสุขได้ในวิชาชีพและโยคะ   แต่หากถามว่าชอบอันไหนมากกว่า ขอบอกได้เลยครับในตอนนี้ ว่าชอบสอนโยคะมากกว่า แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:53:30 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 13:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 10 4. ครอบครัว ซึ่งในที่นี้ก็คือพ่อและแม่ของผมเอง ไม่ได้หมายรวมถึงแค่ว่า การเลี้ยงพ่อแม่ด้วยเงินอย่างเดียวครับ หากแต่การเลี้ยงท่าน ต้องเลี้ยงด้วยใจด้วย พ่อแม่ผม....ทุกคนน่าจะเดาออก ว่าท่านจะรู้สึกอย่างไร ว่าลูกชายคนเดียวที่ท่านส่งเสียให้ได้เรียนมาถึงปริญญาเอก จะเปลี่ยนทางชีวิต มาทำงานด้านที่ท่านไม่เห็นว่าจะมีความแน่นอนอะไร (ในความคิดของท่าน นะครับ) และนี่เอง คือเหตุผลหลักที่สำคัญที่สุด ที่ผมตัดสินใจจะสอนโยคะเป็นเพียงแบบ part-time อย่างเดิม บางครั้ง  ผมก็เคยคิดว่า ทำไมโยคะดูจะเป็นปัญหาในการดำเนินชีวิตผมอย่างไรไม่รู้ (พ่อแม่ดูจะโกรธมาก แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ) มันทำให้ผมต้องย้อนกลับไปศึกษาหลักการแห่งโยคะอีกครั้ง ว่าโยคะคืออะไร สำหรับผม โยคะไม่ได้เป็นแค่เสื่อผืนเล็ก ๆ ที่เราใช้ฝึก แต่มันเป็นแนวคิด เป็นวิถีในการดำเนินชีวิต เป็นความสุขในเบื้องลึกที่จะใช้ในการดำเนินชีวิต ผมสามารถฝึก สอน และเรียนโยคะได้ แม้ผมจะไม่ได้สอนโยคะตามสตูดิโอ โยคะสามารถฝึกได้ทุกที่ แม้ในชีวิตประจำวัน และนั่นคือที่มาของคำตอบ....... +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:55:13 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 13:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โยคะไม่ได้ขัดกับการตัดสินใจของผมแต่ประการใด อีกอย่าง โยคะสอนให้ผมเห็นถึงปฎิสัมพันธ์ ของผู้คน ของจิตใจ การตัดสินใจของเรา อาจไม่ได้มีผลต่อตัวเราเพียงคนเดียว แต่นั้นหมายถึงครอบครัวและคนอื่น ๆ ด้วย ผมเคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฝรั่งฟัง มันฟังแล้วก็ได้แต่พูดว่าผม Silly .. ชีวิตยูมันก็ต้องเป็นของยู ทำไมต้องให้พ่อแม่มาเลือกให้ ผมว่าฝรั่งไม่เข้าใจความคิดตรงนี้ ผมกลับมองหลับด้านกับเค้า แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:56:31 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 13:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าวันนี้ผมทำให้พ่อแม่เสียใจ คนที่เสียใจที่สุด คงไม่ใช่ใคร ถ้าไม่ใช่ผม.... เราจะมีความสุขในชีวิตได้อย่างไร ถ้าหากคนรอบข้าง...โดยเฉพาะคนที่เรารักที่สุดร้องให้ นั่นเป็นหลักการจริง ๆ ของโยคะที่ผมเอามาประยุกต์ใช้เลยครับ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ มาสเตอร์ท่านหนึ่งเคยเล่าให้ผมฟัง เกี่ยวกับครอบครัวของเศรษฐีผู้หนึ่ง ที่เอาเปรียบชาวบ้าน โกงกินจนผู้คนทั่วไปเดือดร้อนไปทั่ว ขโมยเต็มเมืองเพราะเงินไม่มี (คิด ๆ ไปก็เหมือนเหตุการณ์บ้านเมืองตอนนี้อย่างไรไม่รู้) แล้วเศรษฐีก็ได้แต่นิ่งเฉย ไม่สนใจ เพราะใครไม่มีข้าวกิน เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แล้วในที่สุด บ้านเศรษฐีก็โดนปล้น โดนเผาทิ้ง ไม่เหลือแม้เพียงที่ที่จะอยู่ นี่แหละครับ  โยคะถึงสอนว่า บางทีเราต้องมองให้กว้าง ไม่ใช่เห็นแค่ตัวเอง แต่เราทุกคนมี connection มีความสัมพันธ์กัน วันนี้ผมเห็นแม่ผมร้องให้ ใจผมจะสงบได้อย่างนั้นเชียวหรือ!!!!! แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:57:58 แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:49:25 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 13:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เขียนไปเขียนมาออกแนวเครียด...อิอิ แล้วในที่สุด ทุกคนก็คงเห็นผลอยู่ในขณะนี้ เด็กซาปอยเลือกทั้งสองอย่างครับ....ขี้โกงสุด ๆ โยคะสอนให้ผม compromise ”Just enough” ปัจจุบันผมมีความสุขกับงานที่ทำ แม้จะเครียดไปบ้าง ยังฝึกโยคะ และสอนโยคะแทบทุกอาทิตย์ (เอามันซะทุกอย่างเลย.....ซาปอยจริง ๆ เลยกรู!!! ^ ^!!) รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าผมอีกครั้ง หลังจากไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นจะนำอะไรมาสู่ชีวิตผม หวังว่าประสบการณ์ผม คงพอจะเป็นแนวทาง และเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ว่าแล้ว ตอนต่อไป  คงแทรกเคล็ดลับในการฝึกท่า Upward facing dog และ Downward facing dog ซึ่งเป็นท่าที่ดูเหมือนจะง่าย แต่มักจะพบว่าลูกศิษย์ทำท่าผิดบ่อยมาก คงไม่เบื่อกันไปก่อนนะครับ :) +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:59:00 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 13:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แป๋ว!!! สรุปผมขาดแนวร่วมไปอีกหนึ่ง ผมกำลังสงสัย ว่าผมกำลังทำแบบที่คุณ Marty X พูดอยู่หรือเปล่า “อธิบายความอร่อย ของแอบเปิ้ล......^ ^!!” II II II V มาตอบนิดนึงนะคร้าบ ไม่ค่อยอยากจะเขียนหรอกอ่ะครับ เรื่อง Ashtanga ถ้ามีคนสนใจ อยากให้ไปเริ่มฝึกเลยดีกว่าอ่ะครับ ขอยืมคำพูดของครู Ashtanga มาพูดแล้วกันครับว่า เหมือนเราจะอธิบายความอร่อย มีประโยชน์ มีคุณค่า ของแอปเปิ้ลให้คนที่ไม่เคยกินแอปเปิ้ลฟัง เขาก็ไม่ get อยู่ดีว่าแอปเปิ้ล มันอร่อยยังไง มีประโยชน์ยังไง จนกว่าจะได้ลองชิมด้วยตนเอง ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้ามีคนสนใจ ashtanga ก็ไปลองฝึกกันดีกว่าอ่ะครับ แต่ขอกัดหน่อยนึงว่า บางสตูดิโอ (สตูดิโอที่มีหัวครีเอทีฟ ในการตั้งชื่อโยคะมาก ๆ อ่ะ ชนิดที่อ่านแล้วงงว่ามันคือ โยคะอะไรวะ) บอกว่าสอน ashtanga แต่จริง ๆ เป็นอะไร ก็ไม่รู้ที่คิดขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นลองศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน แล้วกันครับ ว่าที่ไหนที่สอน ashtanga แบบ traditionalจริง ๆ อาจจะเริ่มจากการเข้าไปอ่านที่นี่ก็ได้ครับ http://www.ashtanga.com ไม่ค่อยอยากโฆษณาให้ที่ที่ผมฝึกอยู่เท่าไหร่ (ครูที่สอนผม ตอนนี้ไม่ใช่ครูที่ authorized แต่เขาก็ทำหน้าที่ได้ดีตามแบบแผน ของ ashtanga ที่มีอยู่) แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 13:11:56 จากคุณ : Marty X  - [ 23 มี.ค. 50 12:52:26 ] ================================= จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 13:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 :) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 14:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาอ่านและมาให้กำลังใจค่ะ เราเองก็สนใจและฝึกโยคะอยู่เช่นกัน เดี๋ยวจะตามเข้าไปอ่านลิงค์เก่าๆ และลิงค์ ashtanga ที่คุณซาปอยแปะไว้ให้นะคะ นอกจากฝึกแล้วเราก็ชอบอ่านด้วยน่ะค่ะ ถ้ามีหนังสือโยคะดีๆ ไม่ว่าภาษาไทยหรืออังกฤษ ก็มาแนะนำกันด้วยนะคะ จากคุณ : bungo - [ 23 มี.ค. 50 14:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลองเล่นโยคะได้ เดือนหนึ่ง ตอนแรกยอมรับว่า เรียนเพราะอัธยาศัยของครูที่สอน ตอนนี้ กลายเป็นติดโยคะไปแล้ว ปรกติ ใจเราจะนิ่ง เป็นสมาธิ เฉพาะเวลาตกปลา เพิ่งมาพบว่า โยคะ ก็ทำให้ใจนิ่งได้ การ balance ร่างกาย ก็ทำได้ดีขึ้นด้วย เราคิดว่า น่ะ คนที่เรียนแล้วชอบ ก็มีเยอะแยะไป ไม่ใช่เป็นแฟชั่น สำหรับทุกคนหรอก จากคุณ : สงครามกวี - [ 23 มี.ค. 50 15:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบคุณ Bungo Link เรื่อง ashtanga มาจากคุณ Marty X ครับ....เจ้าตัวยืนยันว่าอินกับ Ashtanga อย่างจริงจัง :p (แอบแซว) .. ส่วนเรื่องหนังสือ ชอบอ่านแนวไหนครับ แนะนำการเล่นท่าโยคะหรือแนวปรัชญา แต่ถ้าถามโดยส่วนตัว ผมขอแนะนำเล่มนี้ครับ ได้ทั้งสองแนว คือสอนท่าด้วย ปรัชญาด้วย “ JIVAMUKTI YOGA; Practises for liberating body and soul, by Sharon Gannon and Devid Life” หากเป็น DVD แนะนำของ Sheva Rea ครับ....(Shakti yoga, Solar flow or lunar flow) เป็นครูโยคะที่เคยเป็น Dancer มาก่อน แล้วนำโยคะมาประยุกต์ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นแรงบรรดาลใจให้ผมอยู่ตอนนี้เลยครับ กำลังคิดว่าจะไปเทรน workshop กับ Sheva Rea ที่ Hong kong เร็ว ๆ นี้ แต่ขอดูทุนทรัพย์ในกระเป๋าก่อนครับ อิอิ..... คุณ สงครามกวี ผมอาจจะเขียนสั้นไปนิด ผมไม่ได้เหมารวมครับว่าคนที่ฝึกโยคะต้องฝึกเพราะกระแสเพียงเท่านั้น อย่างที่บอก คนที่ฝึกอย่างจริงจังก็มี ผมก็เริ่มฝึกโยคะเพราะตามกระแสแต่เริ่มเช่นกัน หากแต่อนาคตเป็นเรื่องที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เศรษฐกิจบ้านเมืองตอนนี้ น่าเป็นห่วง มนุษย์กินเงินเดือนอ่านไม่ค่อยรู้สึกนัก กับการแบ่งเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อฝึกกับสตูดิโอ แต่ผมไม่แน่ใจในอนาคตครับ...... อึม!!!ว่าแต่มีสมาธิเวลาตกปลา....^ ^!! อิอิ  เห็นด้วยครับว่าคนที่มีสมาธิจะฝึก Balance ได้ดีมาก เพราะเมื่อใจสมดุลย์ กายก็จะสมดุลครับ:) เป็นกำลังใจให้ฝึกโยคะต่อไปนะฮับ ====================================================== จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 16:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาช่วยตอบคุณ Bungo หนังสือโยคะดี ๆ ที่ น่าอ่าน 1. Light on Yoga ของ Iyengar เล่มละ 6-700 บาท 2. Anatomy of Hatha Yoga เล่มละ 1,7 - 1,800 บาท ทั้ง 2 เล่ม หาซื้อได้ที่ Kino แน่นอน ถ้ามีโอกาส ลองไปขอเขาดูก่อนนะครับ เพราะอาจจะไม่ชอบก็ได้ อย่างเล่มแรก นี่จะเน้นท่าทาง และคำอธิบายจากท่าง่ายๆ ไปจน สุดพิสดาร ของบรมครู Iyengar เล่มสองนี่ เนื้อหาจะพันเอาเรื่องกายวิภาค เข้าไปเยอะแยะ อ่านแล้วง่วงชมัด แต่ก็เป็นการรวมโยคะ กับวิทยาศาสตร์ อย่างจริงจัง จากคุณ : sirivajj - [ 23 มี.ค. 50 17:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แหะ แหะ ต้องมาขยายความเพิ่มเติมเรื่องแอปเปิ้ลของผมหน่อยนึงครับ เดี๋ยวคุณเด็กซาปอยไม่ยอมเขียนต่อเพราะคิดว่าตัวเองกำลังอธิบายความอร่อยของแอปเปิ้ล แล้วเดี๋ยวสมาชิก pantip จะมาว่าผมได้ว่าเป็นสาเหตุให้คุณเด็กซาปอยหยุดเขียน อิอิ นอกจาก analogy เรื่องแอปเปิ้ลที่ว่าไปแล้ว อีกเรื่องหนึ่งคุณเด็กซาปอยก็ได้พูดถึงไปแล้วในกระทู้ที่แล้ว เกี่ยวกับ ashtanga เรื่องกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งบังคับให้คนฝึกต้องเดินตามขั้นตอน 1, 2, 3, 4,.... ไปเรื่อย ๆ ห้ามเดินออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด ห้ามกระโดดข้ามขั้น ต้องเชื่อฟังคุณครู บอกให้หยุดตรงไหนก็หยุด ฯลฯ หลาย ๆ คนมองความไม่ยืดหยุ่นต่าง ๆ เหล่านี้ของ ashtanga เป็นข้อเสีย (ซึ่งผมไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้เป็นข้อเสียเลย) ผมคิดว่ากฎต่าง ๆ ของ ashtanga นั้นมีเหตุมีผลในตัวของมันเอง และออกจะชอบกับการทำตามกฎเหล่านี้ เห็นมามากมายแล้วอ่ะครับ หลาย ๆ คนที่ทำใจยอมรับกฎระเบียบต่าง ๆ ของ traditional ashtanga ไม่ได้ จนเกลียดมันไปเลย ผมเลยอยากให้คนที่สนใจ ashtanga ลองค่อย ๆ ทำความรู้จักกับมันด้วยตนเอง ค่อย ๆ ฝึกไปเรื่อย ๆ อย่ารีบร้อน แล้วตัดสินใจดูว่ามันเหมาะกับตัวเองรึเปล่าครับ ผมไม่เคยคิดว่า ashtanga ดีที่สุด หรือจะเหมาะกับทุกคน ถ้ามาลองเรียน ashtanga แล้วไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไรครับ ผมว่าโยคะทุกประเภทนั้นล้วนมีประโยชน์ต่อผู้ฝึก หากได้ฝึกต่อเนื่องอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอครับ อ้อ ฝากเพิ่มอีก 1 บทความครับ เพิ่งมีบทความเกี่ยวกับการไปเรียน ashtanga ที่ต้นตำหรับ ณเมือง Mysore, India ลงใน Business Week ซึ่งอธิบายอะไรหลาย ๆ อย่างได้ดี เกี่ยวกับ traditional ashtanga เลยเอามาฝากให้อ่านกันครับ http://www.businessweek.com/magazine/content/07_05/b4019088.htm กลับอีกอันนึงไปไงมาไง Madonna ถึงได้รู้จักและฝึก ashtanga yoga http://www.dannyparadise.com/pdf/madonna1.pdf ขอกัดสตูดิโอนั้นอีกหน่อยเถอะ ตอนนั้นไปลองเรียน ashtanga ที่นั่นเพราะไปเป็นสายสืบให้ครูของผม ว่าเขาสอนกันยังไง sale ที่มาคุยกับผมตอนที่ผมไปขอเรียนฟรีก็โม้ให้ฟังว่า Madonna ก็ฝึก ashtanga แต่พอเข้าไปลองเรียนแล้ว ให้ตายเถอะ ไม่มีอะไรที่เหมือนกับ ashtanga จริง ๆ เลย อิอิ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 19:02:47 จากคุณ : Marty X - [ 23 มี.ค. 50 18:41:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาสนับสนุน #19 เรื่องหนังสือ   แต่ผมว่า Anotomy of hatha yoga ง่วงมากๆๆๆๆ ครับ ผมจะเปิดแต่ตอนมีข้อสงสัยเท่านั้น Light on yoga นี่ชอบครับ!!! (ถ้าอยากดูรูปสวย ๆ ไม่มีคำอธิบาย และท่าพิศดารอีกมากมาย  แนะนำหนังสือชื่อ Yoga ครับ เป็น YOGA journal เลยก็ว่าได้ มีแต่รูป แต่มีอาจารย์หลายท่านมาร่วมถ่ายรูปเพื่อเสดง expression ของ poses นั้น ๆ ท่างามมากขอรับ) #20 เห็นด้วยครับ ว่ามันมีเหตุผลเบื้องลึกอยู่ในการฝึกเป็นขั้น ๆ  อย่างที่บอกว่าท่าต่าง ๆ ใน series จะบอกเองว่าเราพร้อมถึงขั้นไหน และพร้อมจะก้าวต่อไปในท่า advance ขึ้นหรือเปล่า......แต่ผมยังคงซาปอยอยู่ครับ เป็นเด็กไม่มีระเยียบวินัย อิอิ กำลังจะเขียนต่อเรื่อง upward-facing dog กับ Downward-facing dog  เสร็จแล้วขอพักหายใจสักครู่ แล้วจะมาต่อใหม่ฮับ!!!!  อึบ อึบ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 50 11:03:40 แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 21:35:19 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 21:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 22 Link ใหม่ฮับ!!!!! ขั้นเวลา............. http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5253682/L5253682.html#6 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 23 มี.ค. 50 23:25:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณสำหรับ list หนังสือและลิงค์นะคะ จะไปลองหาดูที่ Kino หนังสือของ Iyengar เราเคยอ่านแต่ Light on life เดี๋ยวจะไปดูเล่มที่แนะนำมาด้วยค่ะ อ่านที่คุณ Marty X เล่าเรื่อง Ashtanga และสตูดิโอชื่อดังแล้ว ทำให้รู้สึกอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ashtanga yoga จังเลย ถ้าสตูดิโอที่กล่าวถึงหมายถึงสตูดังที่มีผู้ก่อตั้งและมีแต่ครูชาวอินเดียละก็ เราก็เป็นสมาชิกอยู่  และเนื่องจากเราไม่เคยเรียนหรือศึกษา Ashtaga yaga จากที่อื่นหรือแหล่งความรู้อื่นๆ เลย  ทำให้เราอยากจะรู้ว่า Ashtanga จริงๆ แล้วเป็นยังไงกันแน่ ถ้าคลาสที่นี่สอน Ashtanga ได้ไม่เหมือนกับ Ashtangaจริงๆ ตามที่คุณ Marty X บอก จากคุณ : bungo - [ 23 มี.ค. 50 23:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณเด็กซาปอย ต้องขออภัย สงสัย วีจะเขียนสั้นไปหน่อย จริงๆ คือจะให้กำลังใจ คุณ ว่า ทำไปเถอะ ในสิ่งที่ใจรัก เพราะคนที่ตั้งใจจะเรียนโยคะกันไปตลอดก็มี ไม่ได้เห่อ เป็นแฟชั่น คุณ bungo วี สงสัย ว่าเราจะเรียน โยคะที่เดียวกันน่ะนี้ จากคุณ : สงครามกวี - [ 24 มี.ค. 50 01:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาลงชื่อว่าอ่านด้วยคน อยากให้กำลังใจคุณ เด็กซาปอย ให้เขียนเรื่อยๆค่ะ เพราะเขียนสนุกและได้ประโยชน์มากมาย จริงๆตอนนี้เราก็ฝึกโยคะที่บ้าน ฝึกตามวีซีดีที่สอนท่าเบสิคน่ะค่ะ เพราะเราทำงานที่บ้าน และเป็นคนขี้เกียจมากถึงมากที่สุด ถ้าต้องออกไปข้างนอก เราคิดว่าเราคงมีแต่ข้ออ้าง กว่าจะออกจากบ้าน แล้วก็คงไม่ได้ฝึกทั้งที่เสียตังค์ไปแล้วในที่สุด แต่บอกตามตรงว่าฝึกเอาเองเนี่ย ไม่ต่างกับการออกกำลังกายธรรมดาเลยค่ะ เราเลือกแต่ท่าที่ทำแล้วเหงื่อออกเยอะๆ (อยากลดนน.) แล้วก็สงสัยว่า ที่เค้าว่าฝึกแล้วติดใจ สมาธิดี ฝึกยังไงกันนะ เพราะเราไม่เห็นได้อย่างงั้นค่ะ ดีแต่เร่งๆทำให้ได้หลายๆท่า ดูเวลาให้ครบ 1 ชม. (น้อยกว่านั้นกลัวไม่ลด) แต่มาอ่านกระทู้ของคุณแล้ว อยากรู้เรื่องโยคะมากกว่านี้ ชอบเรื่องการเปิดใจที่คุณอธิบายมาในกระทู้ก่อนๆ อืมม...เราไม่เคยทำให้มันสัมพันธ์กันเลยแฮะ ยิ่งรู้ว่ามีประโยชน์มาก ก็อยากเข้าถึงให้ได้มากกว่านี้ สงสัยต้องบังคับตัวเองให้ออกไปเรียนซะแล้ว จากคุณ : +++sLeEPYnOmORE+++ - [ 24 มี.ค. 50 06:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Ashtanga primary series นี่ท่ายากมากไม๊คับ จากคุณ : คุโระจัง - [ 24 มี.ค. 50 22:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ความเห็นที่ 26 กับ 27 ที่ผมตอบไว้...มานนนไปไหนเนี่ย ตอบอีกครั้งแล้วกันครับ ตอบคุณวี  เป็นกำลังใจให้เช่นกันครับ:) ตอบคุณ +++sLeEPYnOmORE+++ เป็นกำลังใจให้ฝึกโยคะต่อเช่นกันครับ ในความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าเริ่มฝึกแบบมีครูจะดีกว่า เพราะเรามองไม่เห็นตัวเองครับ บางทีคิดว่าทำได้ถูกแล้ว แต่จริง ๆ อาจจะไม่ใช่ ลองดูภาพตัวอย่างในกระทู้ล่าสุด ผมว่าปัจจุบันมีสตูดิโอที่จ่ายตังส์เป็นครั้ง ๆ ไป ไม่ผูกมัดอยู่มาก ว่างเมื่อไหร่ก็ไป  ก็ดีนะครับ เรียนให้คล่องท่า แล้วจะมาฝึกเองอยู่บ้านต่อก็ไม่ว่ากัน ผมเอง...ถ้าว่างก็ชอบออกไปฝึกที่สวนแถวบ้านครับ ริมทะเลสาบ...มีลมเย็น  ๆ รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้เต็มที่ ไม่มีเสื่อด้วยครับ สัมผัสหญ้า  ความเย็นจากน้ำค้างบนหญ้า ความแข็งของพื้นดิน อาจเปื้อนหน่อยแต่รู้สึกดีครับ ตอบ คุโระจัง ในความเห็นส่วนตัวนะครับ  พอดูครับ โดยเฉพาะหากไม่เคยฝึกโยคะมาก่อนเลย ขนาดผมมีพื้นฐานอย่างอื่นมาก่อนหน้านี่แล้ว primary series ของ ashtanga ก็เล่นผมหนักเอาการทีเดียว โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยใช้การหายใจแบบ Ujjayi Breath (กำลังเรียกรองบางคนให้เขียนเกี่ยวกับการหายใจแบบนี้ครับ ไม่รู้จะยอมเขียนหรือเปล่า) เวลาฝึกเราจะรู้เองครับ หากจักระไหนเกิดการติดขัดในร่างกาย การหายใจแบบ Ujjayi จะทำได้ไม่ต่อเนื่อง แต่เราต้องฝึกเพื่อเปิดจักระนั้น ๆ ครับ โดยส่วนตัวคิดว่า การหายใจแบบนี้มรประโยชน์มาก นอกจากจะใช้ในการ warm-up ร่างกายและกล้ามเนื้อ การหายใจแบบนี้นำมาซึ่งพลังข้างในครับ ดังนั้นไม่ว่าจะฝึกโยคะแบบใด การหายใจแบบนี้นำไปช่วยได้ ยกเว้นอย่างเดียว โยคะร้อน  อันนี้คุณแม่ขอร้องครับ ลำพังห้องก็อุณหภูมิร้อนพอตัวแล้ว การหายใจต้องใช้แบบ cool down แทน ปัจจุบัน ไม่ว่าผมจะเข้า ashtanga แบบไหน Led หรือ Mysore แบบ primary หรือไม่ ก็เหนื่อยทั้งนั้นอะครับโดยเฉพาะหากหายใจให้ flow ไปกับท่าให้ถูก ashtanga เป็น energetic yoga (YANG side) ส่วนผม พลัง YIN มันมากเหลือเกิน การฝึกแบบนี้ นับว่าหนักพอตัวสำหรับผมครับ:) อยากให้ลองฝึกดูครับ.... แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 50 20:40:21 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 50 20:39:45 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 50 20:31:55 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 25 มี.ค. 50 09:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมขอเข้ามาชี้แจงอีกนิดนึงนะคร้าบบบบ.... เดี๋ยวแฟน ๆ สตูดิโอโยคะแห่งนั้นที่ถูกผมกัดจะงอนผมได้ จากคลาสเดียวที่ผมไปเรียนคราวนั้น ผมก็เห็นว่าเป็นคลาสโยคะที่ดีมาก ๆ คลาสหนึ่งนะ ครูผู้สอนก็เลือกท่าที่นำมาสอนได้ดี มีการแนะนำผู้เรียนได้ดี โดยเฉพาะนักเรียนหน้าใหม่ เพียงแต่ติเรื่องถ้าไม่ได้สอนตาม ashtanga ก็ไม่ควรตั้งชื่อคลาสว่า ashtanga เท่านั้นเองหล่ะคร้าบ (คือถ้ายังเหมือนบ้างแบบพอมีเค้าโครงซัก 50-6o% แล้วนำมาดัดแปลงยังพอให้อภัย แต่นี่ไม่มีอะไรเหมือนเลยสิครับ อิอิ อย่างมากก็ซัก 5%) จากคุณ : Marty X - [ 25 มี.ค. 50 14:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ sLeEPYnOmORE อันนี้ วี เห็นด้วยกับ คุณ เด็กซาปอย น่ะ ลองเริ่มหัดจากมีครูดีกว่า เค้าจะได้แนะนำเราถูก สำหรับการหายใจ และเรื่องท่าต่างๆ ส่วนเรื่องสมาธิ เวลาทำท่าที่ต้องมีการ balance ร่างกาย วี จะพยายาม ปล่อยใจว่างๆ ไม่คิดอะไร จดจ่อ อยู่กับการ สมดุล ร่างกาย สุดท้าย ใจก็เป็นสมาธิไปเอง แล้วมาเล่น โยคะ ด้วยกันน่ะ จากคุณ : สงครามกวี - [ 26 มี.ค. 50 14:22:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คือที่ถามเพราะว่า ปกติผมฝึกโยคะแบบ ธรรมดา มาตลอด แล้วไม่นานมานี้ได้ไปสมัครเรียนโยคะร้อน ปรากฎว่า .... สิวระเบิดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไปถามคุณหมอผิวหนังที่หาประจำ ก็บอกว่าน่าจะเป็นเพราะโยคะร้อน ตอนแรกก็ไม่เชื่อ คิดว่าเป็นที่ผ้าขนหนู แต่ตอนหลัง เอาผ้าไปเอง ล้างหน้าให้สะอาด ก่อน-หลังก็แล้ว เข้าไปเล่นวันนั้น วันรุ่งขึ้น ปรากฎว่าขึ้นใหม่อีกสามเม็ด เซ็งไปเลย คุณหมอบอกเจอคนไข้หลายคนมาก ที่สิวขึ้นเพราะไปฝึกโยะคร้อน คือบางคนหน้าไวต่ออุณหภูมิสูงๆ โดยเฉพาะผมที่สิวขึ้นง่ายอยู่แล้ว ผมเลยต้องหาคลาสที่เป็นโยคะแบบอุณหภูมิปกติแทน ซึ่งดูแล้วมันมีแต่ Vinyasa กับ Ashtanga  น่ะครับ ยังไงคงต้องไปลองดูให้รู้ แล้วสตูดิโอที่คุณ Marty X พูดถึงนี่ที่ไหนเหรอครับ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 50 14:55:54 จากคุณ : คุโระจัง - [ 26 มี.ค. 50 14:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 33 #32 Try....Vinyasa or Ashtanga   The feeling will be different if compare with hot yoga. But good as well:) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 27 มี.ค. 50 11:10:58 ]