Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ผมหายจากซึมเศร้าแล้วครับ

    ผมเคยได้มาตั้งกระทู้ขอคำปรึกษาเรื่องซึมเศร้าเมื่อราวๆสองถึงสามเดือนก่อนหน้านี้ ต้องขอบคุณหลายคนในนี้ทั้งคุณ แนน, หวาน, ipiup, กุนซือฯ และอีกหลายคนที่ผมจำชื่อไม่ได้ พวกคุณเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่ทำให้ผมตัดสินใจจะลุกขึ้นมาหาย จนตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้วครับ

    ผมใช้เวลาราวๆสองเดือนในการรักษา วันนี้ผมได้เห็นกระทู้คุณดอกไม้ในสายธาร ผมอยากจะตอบในกระทู้ของคุณแต่คิดว่ามาตั้งเอาไว้แบบนี้น่าจะดีกว่าเพราะโอกาสที่ผู้ป่วยคนอื่นๆจะได้เข้ามาอ่านมีมากกว่าครับ

    ก่อนอื่นมาว่าถึงอาการของผมก่อน ผมเป็นซึมเศร้ามานานมากตั้งแต่เด็กๆ เพื่อนน้อยก็เพราะว่าผมเป็นซึมเศร้านี่แหละเพื่อนเลยน้อย ผมกลัวการเข้าสังคม ประหม่าง่ายมาก ถูกสังคมรอบข้างเอาเปรียบเรื่อยมา ทำให้ผมกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย และกลายเป็นคนขี้กลัว คิดว่าคนอื่นคิดไม่ดีกับเรา นอกจากนี้ผมยังเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่กับปัจจุบัน ถ้าไม่ติดอยู่กับอดีต ก็มัวแต่กังวลอยู่แต่กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง หวาดกลัว กลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตไม่ดี จนถึงตอนนี้สิ่งแวดล้อมที่ผมอยู่ มันยิ่งทำให้ผมมีอาการซึมเศร้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากสังคมต่างประเทศที่ได้เจอมา

    ผมพอจะรู้ตัวว่าผมมีอาการแบบนี้ช่วงวัยรุ่นราวๆมัธยมต้น ช่วงนั้นความแตกต่างของคนแต่ละคนเริ่มมีให้เห็นอย่างเด่นชัด และผมก็เริ่มที่จะบำบัดอาการนี้ด้วยตัวเอง โดยที่ยังไม่รู้หรอกว่าไอ้อาการที่ตัวเองเป็นมันคืออะไร แต่ผมมีปัญหากับการนอนมากไม่นอนมากไปก็ไม่นอนเลย เป็นอุปสรรคในการทำงานอย่างมาก

    เนื่องจากที่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่กับปัจจุบัน และยังเป็นคนที่ขี้กลัว ซ้ำยังท้อแท้ง่ายยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ ทำอะไรทำไม่จริงจัง มีคนคอยทำให้มาตลอด การบำบัดด้วยตัวเองของผมจึงช่วยอะไรผมไม่ได้มากนัก เป็นมานานแสนนานเป็นสิบกว่าปี

    พอผมต้องมาอยู่ต่างประเทศ กับสังคมที่ต้องเอาตัวรอดของคนที่นี่ ทำให้อาการของผมหนักมากขึ้นจนอยากฆ่าตัวตายเพราะผมรู้สึกว่าผมหาทางออกไม่ได้ ผมมีความโกรธแค้นอยู่ในใจโดยผมไม่รู้ตัว และผมก็เริ่มโทษตัวเอง เริ่มไม่เคารพตัวเอง เริ่มไม่เห็นความดีในตัวเอง จนในที่สุดผมก็มีความคิดที่จะทำลายตัวเอง ซึ่งแย่มากๆ

    สำหรับผมแล้วผมถือว่าการที่ผมเป็นแบบนี้ ผมถือว่ามันเป็นจุดอ่อนในชีวิตผมครับ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมเป็น แม้แต่พ่อแม่ของตัวเองก็ตาม ผมอายมากถ้าจะต้องบอกใคร แต่ยังโชคดีมากที่แฟนของผมคนนี้นั้นยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นได้และคอยรับฟังปัญหาผมเรื่อยมา แต่ยังไงก็ตามมันก็เอาไม่อยู่ครับ ผมก็อยากฆ่าตัวตายอย่างที่บอก

    อ่านมาก็เหนื่อยแล้วใช่ไหมครับ ใช่ครับผมเหนื่อยมาก จนในที่สุดผมตัดสินใจที่จะเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์และจะทานยา จึงทำให้ผมตัดสินใจที่จะบอกพ่อแม่ ซึ่งแน่นอนครับพวกท่านเสียใจมาก รวมทั้งผมก็ได้มาตั้งกระทู้ที่นี่ซึ่งก็มีคนมาตอบหลายคน และหลายๆความเห็นซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่าใครเขียนบ้าง มันทำให้ผมมีกำลังใจที่จะหาย มันทำให้ผมเชื่อลึกๆว่ามันหายได้

    แต่ผมก็ยังไปหาหมอไม่ได้ ผมต้องรอจนกว่าผมสามารถกลับประเทศได้ซึ่งก็ใช้เวลานาน ระหว่างนั้นผมเองก็ได้ค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆด้วยตัวเอง ทั้งพ่อแม่พี่ช่วยกันหาข้อมูลว่าผมจะหายขาดได้ไหม ระหว่างนั้นแหละครับ อาการผมยิ่งแย่หนักกว่าเดิมครับ แย่กว่าก่อนที่จะบอกทุกคนอีก เพราะอะไรเหรอครับ แฟนผมพูดให้ผมได้คิดมาก

    “เธออ่ะยึดติดว่าเธอเป็นโรคนี้มากจนเกินไป”

    ใช่ครับเพราะผมยึดติดว่าผมเป็นโรคนี้มากจนเกินไป อาการผมเลยมีแต่แย่กว่าเดิม แย่กว่าก่อนที่จะบอกทุกคน คำพูดนี้ทำให้ผมได้สติครับ มันแย่กว่าเดิมเพราะผมไม่คิดจะพึ่งตัวเองแล้ว ผมมีแต่คิดว่าทุกคนในบ้านต้องเข้าใจผม แฟนผมต้องเข้าใจผม ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดครับ ผิดมหันต์!

    ในช่วงนั้นเองแหละครับที่แม่ผมเริ่มที่มาพูดคุยให้แง่คิดผมให้ฟังทุกวัน ก่อนหน้านี้แม่ผมก็ทำครับเพียงแต่ว่า ผมเองรักแม่มากแต่ไม่แสดงออกเท่าไร จนทำให้แม่คิดว่าผมคงไม่ค่อยอยากจะฟังเสียงเค้า รวมถึงตัวผมก็ฟังแบบไม่ตั้งใจและไม่เอามาใช้อย่างจริงจังครับ

    และผมยังมีเพื่อนผมอยู่คนนึงครับ ซึ่งเคยจะฆ่าตัวตายจริงๆมาทีนึงเพราะซึมเศร้า เธอเป็นคนฉลาดมากครับ ช่างศึกษาค้นคว้า หลังจากวิจัยสืบหาสาเหตุ หาข้อมูลทางการแพทย์มาวิเคราะห์ทั้งหมด จึงได้ความมาว่า

    ตอนนั้นเธออยากฆ่าตัวตายเพราะยาแก้โรคซึมเศร้าครับ!!!

    คือว่าไอ้ตอนกินยาเรื่อยๆน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ตอนหลังเธอตัดสินใจหยุดกิน มันเลยเหมือนเขื่อนแตกครับ ความเศร้าที่มีมาที่ถูกยาห้ามไว้ทั้งหมดระเบิดออกมาจนตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย

    มันเหมือนกับถอนหญ้าแต่ไม่ถอนโคน เพราะว่าเพื่อนผมคิดจะพึ่งแต่ยา ไม่คิดจะพึ่งตัวเอง ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ ถ้าเอาแต่พึ่งยาคุณจะหยุดยาไม่ได้ครับ นี่เป็นความจริง คุณต้องไม่พึ่งยาครับ พึ่งจิตใจของตัวเองเท่านั้น

    คุณคงจะงงว่าก็ชั้นเป็นแบบนี้ ใจชั้นเป็นแบบนี้ อ่อนแออย่างนี้ มันจะพึ่งตัวเองได้ยังไง ชั้นพึ่งไม่ได้หรอกสารเคมีในสมองชั้นมันผิดปกติ

    นั่นแหละครับข้อแก้ตัวของคนที่จะไม่ยอมพึ่งจิตใจตัวเองครับ คุณต้องทำความเข้าใจตรงนี้ให้ได้ก่อนครับ จำไว้ว่าถ้าคุณยังยึดติดกับโรคที่คุณเป็น ยังยึดติดกับยา ยังยึดติดกับอดีตที่ผ่านไปแล้วและอนาคตที่ยังมาไม่ถึง คุณจะหายไม่ขาดครับ

    สิ่งที่คุณต้องทำคือปรับทัศนคติของคุณใหม่แค่นั้นครับ และเครื่องมือที่จะช่วยคุณได้ก็มีแต่การมีสติอยู่กับตัว อยู่กับปัจจุบัน ที่นี่ตรงนี้ ตลอดเวลาเท่านั้น จะใช้การดูลมหายใจก็ได้ จะดูท้องก็ได้ แล้วแต่คุณจะเลือกเอาให้คุณมีสติให้นานที่สุดก่อนก็พอครับ

    หลังจากนั้นคุณต้องเริ่มทำความเข้าใจก่อนว่าอดีตมันผ่านไปแล้ว ใช่แล้วครับมันผ่านไปแล้ว มันไม่ใช่ตัวคุณในตอนนี้แล้วครับ ทำไมล่ะครับเพราะคุณมีทางเลือกไงครับ ทางแรกเข้าใจว่าตัวเองเป็นแบบนี้อย่างที่เคยเป็นมาและเราก็คงต้องเป็นแบบนี้ต่อไป ทางที่สองเห็นว่าอดีตมันผ่านไปแล้วครับมันหายไปแล้วครับมันมีขึ้นมาก็แค่เราไปนึกถึงมันเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นเราในตอนนี้ก็จะเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเป็นครับ จากจุดเดียวกันแต่ถ้าคุณเลือกทางที่สองคุณจะเป็นคนที่ฉลาดต่อตัวคุณเองครับ

    จากนั้นคุณต้องเคารพตัวเองครับ เห็นความดีของตัวเอง คุณต้องเชื่อว่าตัวคุณมีดีครับ ไม่มีใครที่มันจะไม่มีอะไรดีหรอกครับ ถ้าคุณพอใจในความดีของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งในทุกๆเรื่องก็ได้เป็นที่สามเป็นที่สี่ก็ยังดีแล้วนี่ครับ เทียบกับคนที่ด้อยกว่าเรา เพราะอย่างนี้แหละ ถ้าคุณไม่เคารพตัวตัวเอง ไม่เชื่อว่าตัวเองดีก่อน แล้วใครมันจะมาเห็นว่าคุณดีครับ ในเมื่อคุณไม่ทำตัวคุณให้เป็นแบบนั้น ถ้าทำได้ทีนี้คุณก็จะเริ่มมั่นใจในตัวเองได้แล้วครับ

    ทีนี้ก็ทำความเข้าใจว่าอะไรๆรอบๆตัวเราอ่ะ มันก็เปลี่ยนแปลงของมันไปเรื่อยๆ มันเป็นสิ่งที่เราบังคับไม่ได้เลย มีแค่เราเท่านั้นแหละครับที่บังคับตัวเราได้ เราจะไปบังคับให้คนมาชอบเรา มันเป็นไปไม่ได้เลยครับ เราทำได้แค่ทำตัวเราให้ดีเท่านั้นครับ แค่เล่นไปตามเกมส์ครับ ผลที่ออกมามันจะเป็นยังไง ก็เรื่องของมันเราถือว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้วแต่สำคัญว่าต้องทำ แล้วมันก็ไม่มีทางที่เรื่องต่างๆมันจะเป็นอย่างนั้นไปตลอดอย่ายึดติดกับมันเกินไปครับ อย่าไปคิดว่าไอ้วันนี้ที่มันแย่ โอย มันคงต้องแย่แบบนี้ไปตลอดแน่ห่อเหี่ยว ผิดมหันต์ครับ! อย่าไปกังวลกับอนาคตมากมาย ที่ถูกคือเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนไปแปลงไปเองแหละ อย่าไปประมาทกับมัน วันไหนมีเรื่องดีๆมาก็อย่าไปคิดว่ามันจะดีไปตลอดครับ เดี๋ยวมันจะเปลี่ยนให้เราเห็น อย่าไปยึดติดกับเรื่องรอบตัวให้มากนักครับ

    ต่อมาถ้ามีความคิดที่ไม่ดีกับใครๆหรือแม้แต่ตัวเอง ก็ลองมองสิ่งรอบๆเป็นวัตถุอะไรซักอย่างนึง มาทำอะไรให้คุณไม่ชอบ ลองนึกดูว่าที่เขามาทำอะไรให้เราไม่ชอบ ใครกันแน่ที่ผิด ลองคิดดูว่าถ้าทัศนคติเป็นเหมือนเครื่องกรองสักอย่างเข้ามาที่ใจของคุณ ไอ้ของที่คุณไม่ชอบมันก็เป็นของมันอย่างนั้นคุณไปบังคับมันไม่ได้อย่างที่ผมบอก ถ้าคุณเปลี่ยนเครื่องกรองดีๆซักอันนึงเข้ามาคุณก็จะได้รับรู้แต่เรื่องดีๆ เหมือนคุณเปลี่ยนทัศนคติคุณกับเรื่องต่างๆให้มันเป็นในเชิงบวกอย่างย่อหน้าข้างบน คุณก็จะอยู่ได้กับคนที่คุณไม่ชอบหรือแม้แต่กับตัวคุณเองครับ คุณก็จะไม่ไปอยากทำลายมัน เพราะอะไรๆก็เปลี่ยนแปลงเป็นปกติ มีแค่ใจคุณเท่านั้นครับที่คุณบังคับได้

    ทีนี้คุณก็แค่ช่างมันหรือหยวนๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นเจอไรที่จะทำให้อาการคุณย่ำแย่ลงก็วางมันซะ อย่าไปยึดติดกับมันมาก ยิ่งไปยึดติดกับมันมากก็มีแต่ทำร้ายใจตัวเอง ทั้งๆที่มันควรเป็นสิ่งที่คุณจะดีกับมันที่สุดครับ อย่าลืมวางมันไปเลยครับ

    คุณอาจจะคิดว่ามันยาก แต่ถ้าคุณมีสติอยู่กับตัวตลอด แล้วปรับทัศนคติเพื่อเลิกยึดติดกับเรื่องที่มาทำให้คุณแย่ๆ โอกาสหาย มันแค่พลิกฝ่ามือครับ

    กระทู้ของผมอาจจะไปแย้งความคิดของหลายๆคนที่ยังพึ่งยากันอยู่ แต่ถ้าคุณอยากหายขาดจริงๆคุณมีแต่ต้องหันหน้าสู้กับมันด้วยตัวคุณเองเท่านั้นครับ

    ผมกล้าพูดได้ว่าผมหายแล้วครับ เพราะผมไม่ไปสนใจแล้วครับว่าตอนนี้ผมเป็นหรือผมไม่เป็น ใจผมมีกำลังไม่ห่อเหี่ยวตลอดเวลาแบบแต่ก่อน ผมหายด้วยตัวของผมเอง และเพราะความห่วงใยจากคนรอบข้างโดยเฉพาะแม่ผม ที่ทำให้ผมได้ข้อคิดดีๆอย่างคาดไม่ถึง และทำให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้ด้วยตัวผมเองโดยไม่พึ่งยา ถึงมันจะกลับมาอีก เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนแปลงหายไปเองครับ อย่าไปยึดติดกับโรคว่าคุณเป็น ผมใช้เวลาสองเดือนกว่าครับ อย่าโทษอาการของโรคครับว่าคุณบังคับตัวเองให้ทำแบบผมไม่ได้ แค่เสี้ยววินาทีที่คุณบังคับได้ นั่นเป็นข้อยืนยันแล้วครับว่าคุณทำได้ ถ้าคุณใส่ความพยายามเข้าไปต่อเสี้ยววินาทีเหล่านั้นให้เป็นนาที เป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน มันจะดีขึ้นเองตามลำดับครับ หวังว่าจะโชคดีหายไวๆกันทุกคนนะครับ

    ขอยืมประโยคของใครไม่ทราบที่มาตอบในกระทู้ผมก่อนหน้านั้น “ถ้าคุณคิดที่จะหายจากโรคนี้ เดี๋ยวคุณก็หายแล้วค่ะ” ขอบคุณมากครับ

    จากคุณ : เศร้าซึม - [ 26 มี.ค. 50 11:47:09 A:71.81.218.6 X: TicketID:132193 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom