ความคิดเห็นที่ 1 ยกของผมมาทั้งดุ้นเลยแฮะ - -* ึคำตอบมันอยุ่ในลิงค์ที่ให้ไปน่ะครับ มันก็เป็นวิธีควบคุมน้ำหนักแบบหนึ่ง เหมือนๆ กับสูตรลดน้ำหนักต่างๆนาๆนั่นหล่ะ ครับ ต่างกันที่ข้อดีข้อเสีย แต่วิธีแบบ fast-5 มักจะมีแต่คนด่า ก่อนที่จะเข้าไปอ่านรายละเอียด ผมเลยเขียนดักไปครับ ถ้าคิดว่ามันไม่ดี หลังจากใช้วิจารณญาณเต็มที่แล้ว ก็ไม่มีใครบังคับน่ะครับ เพราะผมก็ไม่ได้เงิน เหะๆ เอาเป็นว่าข้อปฏิบัติง่ายๆ ของวิธีแบบ Fast-5 คือ วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง ให้คุณกินได้ในเวลา 5 ชั่วโมง โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องการกิน จะกินมาก น้อย บ่อย หรือประเภทใดๆ ก็แล้วแต่ ในเวลา 5ชั่วโมง หลังจากนั้นอีก 19 ชั่วโมง ห้ามกินอะไร ใดๆ ทั้งสิ้นที่มีพลังงานเข้าไปในร่างกาย แม้แต่ลูกอมสักเม็ดเดียว (แต่ไม่ใช่อยู่ๆ จะเริ่มอดตั้งแต่วันแรกนะครับ เข้าไปอ่านรายละเอียดให้เข้าใจก่อน มันมีขั้นตอน) มันไม่ใช่การลดน้ำหนักที่เน้นการอด เพื่อจะได้ลดจากการไม่กินอะไรเข้าไป ไม่การลดน้ำหนักแบบเร่งรัด แต่มีหลักการของมัน ลองเข้าไปอ่านดูตามลิงค์ครับ ข้อดีข้อเสียต่างๆ นาๆ ที่สงสัยอยุ่มากมาย มีคำตอบในนั้น ถ้าไม่เข้าใจ มาโพสต์ถามในกระทู้นี้ต่อก็ได้ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 13:44:11 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 13:38:07 จากคุณ : atheist - [ 10 เม.ย. 50 13:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 I have been with this method for 8 months. It works for me. !!!Warning!!! ดูเผินๆน่ากลัว แต่จริงๆไม่น่ากลัวเลย ^ ^ ^ You are wrong. This technique may cost you life -If you cut 2 meals immediately, you may suffer from some dangerous issues.   Please don’t do it until you fully understand it. Reading the book (http://www.fast-5.com/Fast-5-ebook100.pdf) is a must. As this technique is new for Thai people, please don’t critique it until you fully understand it as well. จากคุณ : Jackson5 - [ 10 เม.ย. 50 13:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ Jackson5 ครับ ผมใช้คำต่างๆ เพื่อลดอคติครับ และผมแนะนำให้เข้าไปอ่านรายละเอียดก่อนทุกครั้ง ตามที่ผมให้ลิงค์ไป "วิธีนี้ใช้เวลาครับ ไม่มีทางลัด แต่ว่ารับรองตบะไม่แตกกลางทางแน่ๆ ไม่ต้องเข้าโปรแกรมกะใครให้เสียเงินด้วยเน้อ แต่ไม่มีวิธีไหนหรอกที่นอนเฉยๆ จะลด ดังนั้น ก็ต้องศึกษากันนิดนึง เพื่อความเข้าใจ และความปลอดภัยของผู้จะใช้ชีวิตแบบFast-5" ตัวผมก็ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และศึกษาข้อดีข้อเสียมามากพอดู และจากประสบการณ์ตรงด้วย แต่คำบางคำยอมรับว่าอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ก็จะขอนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ขอบคุณมากครับ จากคุณ : atheist - [ 10 เม.ย. 50 13:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วจำเป็นต้องทำแบบนี้ไปตลอดชีวิตไหมอ่ะครับ? พอดีขี้เกียจอ่านรายละเอียดเพิ่ม (อย่าว่าผมนา...) จากคุณ : L-Nets - [ 10 เม.ย. 50 14:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปไว้ก่อน *Fast-5 คืออะไร: วิธีการควบคุมน้ำหนักแบบหนึ่ง และเป็นรูปแบบการกินแบบหนึ่งถ้าใช้ในระยะยาว *Fast-5 ใช่การลดน้ำหนักแบบเร่งรัดหรือไม่: ไม่ใช่ วิธีนี้ให้ผลระยะยาวและสามารถทำได้โดยง่ายเมือ่เทียบกับโปรแกรมอื่นๆ *Fast-5 เหมาะสำหรับทุกคนใช่หรือไม่:ไม่ใช่ วิธีนี้ก็เหมือนวิธีอื่นๆ มีข้อจำกัด สำหรับบางคน และบางกรณี *Fast-5 ทำลายสุขภาพของคนที่ใช้วิธีนี้หรือไม่ : ไม่ ถ้าคนคนนั้นไม่อยุ่ในข่ายเสี่ยง และกระทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด *Fast-5 มีข้อห้ามสำหรับใครบ้าง : ห้ามใช้วิธีนี้กับเด็ก หรือผู้ที่ยังไม่เป็นวัยผู้ใหญ่เต็มที่, ห้ามใช้วิธีนี้ถ้ากำลังหรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร *ผู้ที่ต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้าโปรแกรมนี้ :ผู้มีโรคประจำตัวหรือผู้ต้องใช้ยารักษาในระยะยาว,ผู้ป่วยโรคอ้วน(น้ำหนักเกินมากกว่า20%) แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 14:24:57 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 14:24:55 จากคุณ : atheist - [ 10 เม.ย. 50 14:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอบ ค.ห.4 ไม่จำเป็นครับ ที่จะต้องทำวิธีนี้ไปตลอด แต่ถ้าเรามีปัญหาควบคุมน้ำหนักได้ยาก เช่นกินเยอะและออกกำลังกายน้อยเกินไป ไม่สมดุล น้ำหนักจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาตามปกติครับ ดังนั้นเราก็ควรดูความสะดวกครับ ถ้าทำโปรแกรมนี้ต่อไปได้ ก้ทำไปได้อีกเรื่อยๆครับ แต่ถ้ามั่นใจว่าเราสามารถดูแลน้ำหนักเราหลังจากที่ลดได้ ก็ไม่เปนไรครับ จากคุณ : atheist - [ 10 เม.ย. 50 14:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากอ่านหนังสือที่โหลดจากในเว็บไปหลายรอบและคุยกับคุณ atheist ตอนนี้กำลังทานอยู่ค่ะ แต่เพิ่งเริ่มไปสี่วัน ยังรายงานผลไม่ได้เน้อ --"-- จากคุณ : kisekimeru - [ 11 เม.ย. 50 03:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรียนเชิญผู้รู้ ช่วยแปลเป็นไทยและอธิบายให้ฟังหน่อยค่ะ อยากทราบว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่? จากคุณ : กังวันละนิด จิตแจ่มใส - [ 11 เม.ย. 50 03:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ที่เป็นภาษาไทยอยู่ในลิงค์ที่จขกทแปะไว้ให้แล้วนะคะ ของที่คุณเอเขียน ถ้าสงสัยอะไรกดเข้าไปอ่านเลยค่ะ คุณเอตอบไว้ละเอียดมาก จากคุณ : kisekimeru - [ 11 เม.ย. 50 04:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 วิธีนี้จะลำบากสุดที่ เราจะจัดการกะคนรอบข้างยังไงที่เราจะงดมื้ออาหารบางมื้อไป หลายๆคนอาจจะไม่เข้าใจ เกิดความกดดันได้ แต่เรามีเวลาปรับตัวนานเหมือนกัน ดังนั้นน่าจะแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ดังนั้นใครจะลอง หรือจะยังไงก็ตาม ให้อ่านขั้นตอนให้ละเอียดก่อนนะครับ เกินอดข้าวเปนลมขึ้น ญาติพี่น้องจะมาด่าผม เหะๆ แต่วิธีนี้จะง่ายและดีตรงที่ว่า เมื่อคุณปรับตัวได้ คุณจะไม่หิวระหว่างวันเลย ผมรับรอง และหยุดโปรแกรมไปโอกาสโยโย่จะน้อย เพราะนิสัยการกินคุณเปลี่ยนไปแล้ว แต่การปรับตัวขึ้นกับนิสัยการกินเก่านะครับ ถ้าเป็นคนกินจุบจิบคงต้องใช้เวลาและความพยายามนิดนึง ผมเป็นคนกินข้าวตามเวลา แทบไม่มีระหว่างมื้อเลย เลยใช้เวลาไม่นานนัก ใครที่เคยควบคุมน้ำหนักด้วยการกินข้าวเหมือนแมวดม ก็ขอให้กลับมากินข้าวให้อิ่ม และหลากหลายนะครับ ก่อนจะเริ่มโปรแกรมนี้ วิธีนี้คุณจะไม่ขาดสารอาหาร เพราะคุณมีอิสระที่จะเลือก และผมแนะนำว่าให้กินให้หลากหลาย และมีประโยชน์ แต่ไม่ต้องถึงกับมานั่งตวงอาหาร คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ก็ไม่ใช่สิ่งต้องห้าม ดังนั้นคุณจะกินไอติม หรือขนมหวานชิ้นใหญ่บ้างก็ได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะกินทุกวันแทนข้าวนะครับ เราไม่สนับสนุนการกินแบบนั้น และเมื่ออยู่ในช่วงเวลากิน คุณจะกินมากน้อยเท่าไรก็ได้ ไม่มีข้อห้ามในโปรแกรมนี้ แนะนำว่ากินจนรู้สึกอิ่มและสบายตัว ถ้ากินจนจุก ก็ไม่สบายตัว จริงมั้ยครับ ก็จะเกิดความลำบากขึ้นมาอีก และห้ามอดทั้งวันนะครับ มีเวลาให้กินก็กิน นี่ไม่ใช่การลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารอย่างเดียว การอดวันละ19 ชั่วโมงแค่เปนกลไกของวิธีนี้ ไม่ใช่จุดหลักของมัน เข้าไปอ่านรายละเอียดแล้วจะเข้าใจ ในวันแรกๆ ที่เริ่มทำตามวิธีนี้ อาจมีอาการกินแหลกบ้าง ก็้ไม่ต้องมานั่งเก็บกดคิดมากนะครับ ไม่กี่วันมันก็จะหายไปเอง แล้วถ้าเกิดป่วยไข้ขึ้นมา ก็ให้พักโปรแกรมได้ชั่วคราวนะครับ วันก่อนผมโดนอาหารเป็นพิษ ผมก็นั่งกินORS ทั้งวันเหมือนกัน ตาโหลเลย - -" ขอให้มีความสุขกับ Fast-5 นะครับ อย่าลืมทำความเข้าใจก่อนลงมือทำอะไร "Do no harm" จากคุณ : atheist - [ 11 เม.ย. 50 11:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอเล่าถึงประสบการณ์ 8 เดือน ของผมกับ The Fast-5 Diet มั่งนะครับ 1. ก่อนตัดสินใช้ The Fast-5 Diet ผมเป็นคนที่ชอบกินอาหารที่มี Calorie สูงครับ และทำให้ผมเป็นคนที่ค่อนข้างอ้วนมาตั่งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น กิจกรรมที่ผมทำทุก ๆ 1-2 ปี ก็คือ การลดความอ้วน  ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาผมผ่านการลดความอ้วนมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง โดยปกติก็คือการนับ Calorie และออกกำลังกายครับ แต่เมื่อลดน้ำหนักได้ ผมก็กลับมากินใหม่ การออกกำลังกายก็ไม่ได้ทำอีกต่อไปครับ เพราะความขี้เกียจ และสุดท้ายก็กลับไปอ้วนเหมือนเดิม สัดส่วนเท่าที่ผมจำได้ก่อนที่ผมตัดสินใจใช้ The Fast-5 Diet คือ สูง 168 ซม. น้ำหนัก 78-80 กก(ประมาณนะครับ ตราชั่งเก่า ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่) 2. ค้นพบ The Fast-5 Diet โดยบังเอิญ อย่างที่บอกขั้นต้นแหละครับ การลดความอ้วนเป็นกิจกรรมปกติของผม ดังนั้นการค้นหาวิธีการใหม่ ๆ จึงมีขึ้นอยู่เสมอ และผมก็ พบ The Fast-5 Diet โดยบังเอิญจาก Google ครับ ผมเริ่มที่จะศึกษาแบบไม่ละเอียด คือ อ่านเร็ว ๆ 1-2 รอบ แบบไม่มีตัวช่วย (ไม่เปิด Dictionary เลย เดา ๆ เอาบ้างครับ) แล้วตัดสินใจทำเลย แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 50 20:51:16 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 50 20:48:48 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 50 20:41:24 จากคุณ : Jackson5 - [ 11 เม.ย. 50 20:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 3. ช่วงประมาณ สัปดาห์แรก ของผมที่ทำ   The Fast-5 Diet (เกือบเอาชิวิตไม่รอดครับ) เนื่องจากผมศึกษาไม่ละเอียด (อ่านแบบรวดเร็วมาก ๆ ) เจาะไปที่หลักการอย่างเดียว (อด 19 ชม/กิน 5 ชม)โดยมองข้ามวิธีปฎิบัติที่ถูกต้องไป  สิ่งที่ผมกระทำในช่วงสัปดาห์แรกก็ คือ ผมหักดิบมื้ออาหาร คือ มื้อเช้า และ กลางวัน โดยทันที ผลกระทบที่ตามมามีดังต่อไปนี้ 1.หน้ามืด : ผมเกือบจะเป็นลมที่ป้ายรถประจำทาง โชคดีที่เกาะเสาไว้ทัน หากเกาะไว้ไม่ทันอาจจะล้มลงไป และอาจถูกรถทับตายได้ 2.ปวดหัว : ไม่เหมือนการเป็นไข้นะครับ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน 3.ไม่มีสมาธิ : คงไม่ต้องอธิบายนะครับ 4.เอ๋อ : จำเลขที่บ้านตนเองไม่ได้, ลืม Password ต่าง ๆ, ท่องสูตรคูณ (แม่ 5) ยังไม่ได้เลยครับ 5.หมดแรง : เพลียมาก ๆ ครับ ยกแขน และ ขา แทบไม่ขึ้น 6.หูอื้อ : มีเสียง วิงๆ อยูในหูเป็นบางครั้ง หลาย ๆ ท่านที่ปฎิบัติ The Fast-5 Diet อยู่ อาจจะไม่เจอปัญหาแบบนี้ แต่คนอื่น ๆ ละครับอาจจะเจอปัญหาแบบผมก็ได้ แต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับ(โดยเฉพาะการเผาผลาญ Calorie) แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 50 22:16:00 จากคุณ : Jackson5 - [ 11 เม.ย. 50 20:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 4. ช่วงประมาณ สัปดาห์ที่สองผมที่ทำ   The Fast-5 Diet อีกครั้ง (ศึกษาและทำใหม่อีกครั้ง) คราวนี้ผมกลับไปอ่านตำราใหม่ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด (อ่านรอบนี้ต้องมีตัวช่วย คือ Dictionary ครับ) คราวนี้ผมตัดมื้อเช้าออกมื้อเดียวก่อน ยังกิน มื้อกลางวัน และ เย็นอยู่ ช่วงเช้ามีหิวบ้างเล็กน้อย  มีท้องร้องนิดหน่อย แต่ไม่มีอาการข้างเคียงอันเลวร้าย แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 50 20:55:15 จากคุณ : Jackson5 - [ 11 เม.ย. 50 20:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 5. ช่วงประมาณ สัปดาห์ที่สามผมที่ทำ   The Fast-5 Diet ช่วงนี้ผมคิดว่าผมปรับตัวได้พอสมควรแล้วกับการไม่ทานอาหารเช้า ดังนั้นผมจึงเริ่มตัดอาหารกลางวันโดยการเลื่อนระยะเวลาทานอาหารกลางวันออกไป เช่น จากที่เคยกินตอนเที่ยง ก็เลื่อนไป บ่ายโมง วันถัดไปก็เลื่อนไปบ่ายสอง บางวันก็อดมื้อเที่ยงไปเลย แต่ กินผลไม่ เล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนเวลา บ่าย 2-3 โมง ช่วงนี้ผมพยายามอดมื้อกลางวันให้ได้ แต่ถ้าไม่ไหว ก็ กิน ครับ อย่าเสี่ยงอดนะครับ ไม่ต้องเร่งนะครับท้ายที่สุดแล้วร่างกายก็จะปรับตัวได้ (เร็วหรือช้านั้นอีกเรื่อง) เท่าที่ผมจำได้  ช่วงนี้มีผมมีอาการ ตาลายนิดหน่อย แต่มีสติดีครับ ไม่เบรอ ไม่เอ๋อ ช่วงที่ผมเริ่มตาลาย ผมจะหาของหวาน ๆ ทานก่อนอันดับแรก หากไม่ดีขึ้นจึงตามด้วยพวก คาร์โบไฮเครต ทั้งหลาย จากคุณ : Jackson5 - [ 11 เม.ย. 50 20:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 6.ช่วงประมาณ สัปดาห์ที่สี่ และ ห้า ผมที่ทำ   The Fast-5 Diet ช่วงนี้เริ่มปรับตัวได้ครับ ท่านแค่มื้อเดียว ไม่มีอาการข้างเคียงอันเลวร้าย มีท้องร้องบางนิดหน่อยระหว่างวัน แต่ทนได้ครับ อ้อช่วงนี้ผมลอง ใช้วิธี  The Fast-5 Diet ผสมกับ Atkin คือ ไม่กิน คาร์โบไฮเครต กับ น้ำตาล และกินเพียง 1 มื้อ เพราะอยากให้น้ำหนักลงเร็ว ๆ ทำได้ 2 วันครับ ผลปรากฎว่า เกือบตายครับ อาการเหมือนกับช่วงที่หักดิบ 2 มื้อเลยครับ สุดท้ายก็ต้องหันมากิน คาร์โบไฮเครต กับ น้ำตาล เหมือนเดิม จากคุณ : Jackson5 - [ 11 เม.ย. 50 20:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 7. ช่วงประมาณสัปดาห์ที่ หก จน ถึงปัจจุปัน ไม่มีอาการหิวระหว่างวันอีกเลย มีอาการอยากด้านจิตใจอยู่บ้างเป็นบางครั้ง วิธีการแก้อยากด้านจิตใจของผม คือ ดื่ม Diet Coke หรือ Pepsi Max ให้ปากและลิ้นรู้สึก หวาน ๆ หน่อย (1 กระป๋อง มี ประมาณ 1 Cal นะครับ) ผมเริ่มดื่มน้ำดำไร้น้ำตาลแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วนะครับ จากตอนแรกที่รู้สึกแปลก ๆ กับรสชาด แต่ปัจจุปันรู้สึกอร่อยแล้วแหละครับ น้ำดำรสดั่งเดิมเป็นแบบไหนผมจำไม่ได้แล้วครับ บางครั้งก็มีเจตนาแหกกฎบ้างครับ(ประมาณเดือนละครั้ง) คือ กิน 2 มื้อ ที่มีทั้ง แป้ง และ น้ำตาล ทุกมื้อ แต่วันถัดไปก็กลับมากิน 1 มื้อเหมือนเดิม และสิ่งที่ตามมาหลังจากกิน 2 มื้อก็คือ น้ำหนักขึ้นครับ และอาจจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ น้ำหนักถึงจะเริ่มลงอีกครั้ง (นี่แหละครับทำให้น้ำหนักผมลงช้า) สำหรับ คอสุรา ผมแนะนำว่า หลังช่วงเวลารับทานของคุณปิดตัวลง แต่วงเหล้าของคุณยังไม่เลิก ต่อจากนี้ต่อไปคุณต้อง ดื่มเฉพาะ สุรา ผสมโซดา หรือ/และน้ำ นะครับ ห้ามกินกับแกล้ม (นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้น้ำหนักผมลงช้านะครับ) แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 50 21:25:58 จากคุณ : Jackson5 - [ 11 เม.ย. 50 20:11:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 บทสรุป ทุกวันนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมจะไม่กลับไปอ้วนแบบเดิมอีกแล้ว สังเกตุว่าน้ำหนักผมลดลงเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา อย่าลืมนะครับที่ผ่านมาผมกินทุกอย่างที่ผมอยากกิน รวมถึง เบียร์ ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป (ผมดื่มเบียร์ทุกวันนะครับ) ปัจจุปันผมมีน้ำหนักประมาณ 68-70 กก. (ขึ้นอยู่กับอาหารที่กินเข้าไป) และคาดว่าจะลดลงไปอีกเรื่อย ๆ The Fast-5 Diet ยังทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนวิธีการกินไปอีกด้วย (ผมมองว่าเป็นผลทางอ้อมนะครับ อาจจะไม่เกินกับทุกคน) กล่าวคือ หลังจากที่ผมอดอาหารมาเป็นเวลานานกว่า 15 ชั่วโมง ความอยากกินก็เริ่มเกิดขึ้น ดังนั้น ทุก ๆ วันเวลาประมาณ 3 โมงเย็น ผมจะเริ่มคิดแล้วว่าผมจะกินอะไรดีในวันนี้ เริ่มมีการวางแผนการกินมากขึ้น กินแบบตามใจปากแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ เพราะผมมีระยะเวลากินอันจำกัด  กินมากก็ไม่ได้เพราะกระเพาะมีขีดจำกัด กินมากก็อึดอัดอีก ตอนนี้พฤติกรรมการกินของผมก็เริ่มจะเปลี่ยนไปบ้างแล้ว แม้จะยังทำได้ไม่ดีเต็มที่แต่ก็มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น ผมเริ่มหันมากินอาหารที่มีประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนผมแทบไม่เคยทานผลไม้เลย ปัจจุปันนี้เวลาประมาณ 5 โมง ผมต้องหาผลไม้เข้าปากเป็นอันดับแรก เพราะง่ายและรวดเร็ว ไม่อิ่มจนเกินไป มีกระเพาะหลือไว้กินอย่างอื่นได้อีก ไม่รบกวนเวลางาน สมัยก่อนผมนอนไม่หลับเพราะอดอาหารจนหิว ปัจจุปันผมนอนไม่หลับเพราะกินอาหารจนอิ่มมากเกินไป ผมออกกำลังกายบ้างเป็นครั้งคราว แบบไม่หักโหม ไม่มีการบาดเจ็บ มุ่งหวังเพื่อความ Fit มากกว่า Burn Fat อ้อ..หากมีงานสังคมที่ผมปฎิเสธไม่ได้ และจำเป็นต้องกินในระหว่างวัน (เป็นบางครั้ง)  ผมก็จะพยายามหลีกเลี่ยงที่จะกินคาร์โบไฮเครต กับ น้ำตาล นะครับ คือกินน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้   ส่วนตัวผม ผมมองว่าวิธีนี้นอกจากเป็นวิธีลดความอ้วนที่มุ่ง หวังผลในระยะยาวแล้ว มันยังเป็นการควบคุมน้ำนนักที่ดีอีกด้วย พอกันที่สำหรับการต้องมาลดความอ้วนทุก ๆ 1-2 ปี สุดท้าย (แปลมาจากตำรานะครับ อาจจะไม่ตรงตัว แต่มีความหมายประมาณข่างล่างนี่แหละครับ) “วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นนะครับ และในฐานะที่คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วย่อมตัดสินใจได้เองว่าคุณควรจะปฎิบัติตามหรือไม่ และขณะเดียวกันนั่นหมายความว่าคุณยอมรับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยตัวคุณเองเช่นกัน” หมายเหตุ : ผมอาจจะไม่มีเวลาเข้ามาตอบนะครับ เพราะค่อนข้างยุ่งประการหนึ่ง อีกประการณ์ก็คือคอมฯ ที่ผมใช้เป็นปกตินั้นจะพิมพ์ภาษาไทยไม่ได้ ครั้นจะให้ผมตอบเป็นภาษาอังกฤษก็มีความยากลำบากสำหรับผมเหมือนกัน ยังไงรบกวนท่านผู้รู้ท่านอื่น ๆ ตอบด้วยนะครับ โดยเฉพาะคุณ Atheist (หลาย ๆ เรื่องผมก็พึ่งทราบจากคุณ Atheist ครับ นับถือครับ) แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 50 22:02:36 จากคุณ : Jackson5 - [ 11 เม.ย. 50 20:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แล้วเราเลือกเวลาไหนก้ได้หรอคะ 5 ชม.เนี่ย อยากทำบ้างอะ กะจะเลือก 10 -14.00  แล้วหลังจากนั้นก้ออกกำลังกาย จะได้มีแรงออกกำลังกาย ปกติเราก้ไม่หิวแล้วอ่ะ ตื่นมาก้รีบกินน  โอ้ยๆ อยากทำแล้ว แต่อายุ17เองอะ จะมีผลเสียอะไรไหมอะคะ จากคุณ : ` • F e я n • * (muSsy) - [ 11 เม.ย. 50 23:47:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วถ้า ทุกวัน  เวลา5ชม ที่เราจะกิน ไม่ตรงกัน จะเปนไรป่ะคะ   อย่างเช่น วันนี้ เรากินตอน 8-12 แล้วอีกวันกินตอน 13-18 อะ   จะเปนไรป่าวอะคะ เราจะได้เลือกเวลาที่กินเยอะที่สุด-*- จากคุณ : muSsy - [ 11 เม.ย. 50 23:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ของผมค่อนข้างระแวงน่ะครับ เพราะเปนคนมีโรคประจำตัว เลยศึกษามาละเอียดนึดนึง ก่อนจะเริ่มลองทำ แต่ผมใช้เวลาไม่นานนักครับ สำหรับเข้าสู่การอดจริงๆจังๆ เพราะผมเลื่อนมื้อเช้าเป็นเที่ยงเลย เพราะเคยทำเป็นครั้งเป็นคราวอยู่แล้ว (ในหนังสือจะมีรายละเอียดครับ เรียกว่าแผนB) จากนั้นก็เลื่อนขึ้นวันละครึ่งชั่วโมง จะมีแค่ท้องร้องกลางวันนิดนึงครับ ไม่มีวิงเวียนศรีษะอะไร แต่พอถึงเวลากิน ช่วงวันแรกๆ ผมจะเน้นน้ำตาลครับ จะเป็นพวกน้ำอ้อย น้ำผลไม้อะไรพวกนี้ คือเสริมจากข้าวนะครับ ซึ่งกินเป็นหลักอยุ่แล้ว และผลไม้ผมก็กินพวกมะละกอหรืออะไรที่ไฟเบอร์เยอะๆ จากนั้นจะค่อยๆลดปริมาณน้ำตาลลงจนมื้อที่เรากินเหมือนๆกับมื้อปกติ แต่รวมๆที่ผมกินทุกวันจะเท่ากับเรากินสามมื้อแต่ก่อนหาร2 น่ะครับ ผมใช้เวลา11วันครับ นับต้องแต่เริ่มทดมื้อแรกมาตอนเที่ยง จนถึงวันที่เริ่มที่ 5 โมงเย็น แต่ผมจะหยุดมื้อค่ำไว้ที่ 4 ทุ่มมาตั้งแต่เริ่มอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่ต้องคิดมากอะไร เพราะปกติเราก็ไม่ได้กินตอนดึกอยู่แล้ว รวมๆแล้วประมาณเกือบๆ20วัน สำหรับผมจะเข้าสู่ภาวะชิน คือไม่มีอาการovereating นี่เป็นตัวอย่างแผนการเริ่มโปรแกรมส่วนบุคคลนะครับ เอาไปดูเผื่อจะได้ไอเดียว่าจะเริ่มยังไง แต่ของผมนี่จะเร็วสักนิด เพราะเป็นคนไม่ค่อยจะกินมากครับ แต่เป็นคนน้ำหนักขึ้นง่ายเฉยๆ อย่าเอาไปทำตามทื่อๆนะครับ เดี๋ยวจะลมจับ ส่วนที่บอกว่าถ้าใช้วิธีนี้หากเราจะต้องออกจากโปรแกรมแล้วความเสี่ยงที่จะโยโย่จะน้อย เพราะว่านานๆไป เราจะภูมิต้านทานต่อการเห็นของอร่อยๆครับ เป้นเรื่องจิตใจ เพราะส่วนหนึ่งคือเราอดไม่ได้ที่จะกินๆ แต่พอเราใช้Fast-5 เราจะต้องควบคุมพฤติกรรมส่วนหนึ่งของเรา แต่การควบคุมนั้น มันไม่กดดันในระยะยาวครับ ต่างจากการกินวันละน้อยๆ หรืออดต่อเนื่องหลายวัน หรือโหมออกกำลังกายโดยไม่มีแบบแผน เพราะยังไงในวันนี้เราก็ได้กินครับ และร่างกายจะปรับตัวได้จริงๆครับ เพราะมันเป็นการปรับกลไกการใช้พลังงานของร่างกาย ต่างกับการใช้วิธีอื่น ซึ่งความฝืน ความกดดัน ความอยาก มันอาจจะทำให้เราตบะแตกได้ในวันใดวันหนึ่ง และการควบคุมน้ำหนักบางวิธีมีผลเสียที่ดูไม่คุ้มจะทำด้วย และที่สำคัญที่ผมชอบมากที่สุด ก็คือเราจะได้สารอาหารเฉลี่ยๆต่อวัน ตรงกับที่ร่างกายควรจะได้มากที่สุดครับ เราไม่ต้องงดแป้ง ไม่ต้องงดนั่นงดนี่ แค่เลือกสิ่งที่มีประโยชน์ ละเว้นของที่เปนโทษ ก็โอเคแล้ว เรื่องกลไกว่าทำไมมันถึงลด และระยะ active loss มันเป็นยังไง จะกลับมาเล่าหลังสงกรานต์ครับ ช่วงนี้ถ้าลำบากจะอ่านต้นฉบับ ก็ตามไปอ่านของคุณเอได้ตามลิงค์ข้างบนครับ ขอให้สนุกกับการเล่นสงกรานต์ครับ น้ำหนักหลายๆคนน่าจะลดจากการเล่นน้ำ ถ้าไม่ฉลองจนบวมซะก่อน จากคุณ : atheist - [ 12 เม.ย. 50 00:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สำหรับเรื่อง17ปีนี่ ก้ำกึ่งครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ แต่ผมจะไปถามคุณหมอBertให้แล้วกันครับ ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ (ถ้าถนัดภาษาอังกฤษจะถามเองก็ได้เลยนะครับ ที่อยู่ของforumอยู่ในเวบFast-5) วัยนี้ควรจะใช้วิธีออกกำลังกายกับควบคุมอาหารแบบเบาๆครับ แบบโลว์คาร์บนี่ก็ไม่ได้นะครับ ประเภททั้งวันกินไม่เต็มปากนี่ก็ไม่ดีครับ ถ้ามันอดจะลดไม่ได้จริงๆ Fast-5 ดูจะปลอดภัยที่สุดครับ แต่ขอดูข้อมูลก่อนละกันนะครับ ช่วงๆนี้หัดๆ งดมื้อจุกจิกพลางๆเน้อ ประเภทวางลูกอมไว้ใกล้มือนี่ก็ผลักๆออกไปบ้าง ส่วนเด็กๆ12-13 นี่ห้ามขาด กินๆไปเถอะ ถ้าเป็นโรคอ้วนจริงๆ ให้พบแพทย์ในโรงพยาบาล ไม่ใช่ตามคลีนิกความสวยความงามนะ ส่วนถามว่าเวลา จะไม่ตรงกันได้มั้ย... ตอบง่ายๆว่า ไม่ได้ครับ เพราะจุดประสงค์จริงๆคือยืดระยะเวลาที่ร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากปกติที่ประมาณ11-12ชั่วโมง(รวมตอนนอน)ให้มาเป็น19ชั่วโมงครับ ดังนั้นถ้าเวลาไม่ตรงกัน มันก็ไม่ครบสิครับ แล้วก็คร่อมไปคร่อมมาด้วย เรื่องกินจริงๆ ไม่ต้องกลัว ได้กินสบายใจแน่ๆ แต่ใจเย็นๆครับ เจอกันหลังสงกรานต์ครับ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 50 02:27:15 จากคุณ : atheist - [ 12 เม.ย. 50 00:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ข้อความซ้ำครับ ขออภัย แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 50 08:18:08 จากคุณ : Jackson5 - [ 12 เม.ย. 50 06:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ muSsy เนื่องจากคุณยัง อายุ 17 ปี ผมเห็นด้วย กับที่ คุณ Atheist แนะนำนะครับ คือ ช่วงนี้ให้ควบคุมอาหาร และ ออกกำลังกายไปก่อนนะครับ ในขณะเดียวกันก็ศึกษาวิธีการ ลดแบบ อื่น ๆ ไปด้วย ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดี และ ข้อเสีย แตกต่างกันออกไป ในการศึกษาแต่ละวิธีนั้นควรทำให้ละเอียดนะครับ (ผมพลาดมาแล้วกับตรงนี้) เหตุผลประการหนึ่งก็ คือ องค์ความรู้ของเทคนิค หนึ่ง สามารถนำไปประยุกต์ ใช้กับอีก เทคนิด หนึ่งได้นะครับ ตัวอย่างเช่น ทุกวันนี้ ผมใช้ Fast-5 เป็นหลัก แต่หากผมมีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะแหกกฎ ผมก็นำ เทคนิด ของ Atkin มาใช้ (ซึ่งหมายความว่าผมเองก็เข้าใจปรัชญาของ Atkin เช่นกัน) และยังสามารถกลับไปใช้ Fast-5 ได้เหมือนเดิม หรือแม้กระทั่งเรื่องการนับ Calorie ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการลดความอ้วนแบบอื่น ๆ ได้เช่นกัน (แม้ว่าคุณจะไม่สามารถจำ Calorie ของอาหารทุกอย่างได้ แต่คุณก็พอที่จะเปรียบเทียบได้ว่าอาหารประเภทไหนมี Calorie มากน้อยกว่ากัน) ความรู้ที่เกี่ยวกับ เรื่องเทคนิคลดความอ้วนต่าง ๆ ยังต่อยอดไปยังความรู้แขนงอื่น ๆ ได้อีกเช่นกัน เช่น หากคุณ รู้เรื่อง Fast-5 คุณก็น่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับ Atkin ด้วย หากคุณรู้ทั้งสองเทคนิค คุณก็ควรมีความเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับ Insulin ว่ามันทำให้คุณอ้วนได้อย่างไร เรื่อง Insulin ยังสามารถต่อยอดความรู้ของคุณไปยังเรื่องโรค เบาหวาน ได้อีกด้วย วัยของคุณเป็นวัยที่จะต้องศึกษานะครับ ดังนั้นหากจะลดความอ้วนก็ควรต้องศึกษาด้วย (ขอย้ำนะครับว่าศึกษาทุก ๆ เทคนิด ที่คุณเห็นว่าน่าสนใจ ให้มั่นใจว่าคุณมีความรู้พอสมควรเกี่ยวกับเทคนิคนั้น ๆ แม้ว่าคุณจะไม่ใช้มันก็ตาม ผมรับรองว่ามันจะเป็นประโยชน์ กับตัวคุณเอง และ คนรอบข้าง ในอนาคต) และ หากคุณศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ คุณได้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้นจากทักษะภาษาอังกฤษ แน่นอน (ปกติคนเราจะความกระตือรือร้นที่จะศึกษาภาษาต่างชาติในเรื่องที่เราสนใจเป็นพิเศษนะครับ ลองใช้โอกาสนี้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษดูซิครับ) แล้วท้ายที่สุดเมื่อคุณมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น (ซึ่งอีกไม่นานเท่าไหร่)  ค่อยตัดสินใจว่าวิธีไหนเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด และผมรับประกันได้ว่า เทคนิคต่าง ๆ ที่คุณศึกษามาทั้งหมดก็จะเป็นประโยชน์กลับคุณเมื่อคุณเริ่มปฎิบัติจริงจัง หากท้ายที่สุด คุณตัดสินใจที่จะใช้ Fast-5 ผมแนะนำให้คุณเริ่มตอนปิดเทอม เพราะว่าช่วงแรกของการอดคุณอาจจะเสียสมาธิ หรือ เอ๋อ ไปเลยแบบผมก็ได้ (อาจะไม่เกิดก็ได้นะครับ) และเวลาที่รับประทานได้ควรเป็นช่วงเวลา 5 ชั่วโมงที่คุณกำหนดไว้ตั้งแต่ต้น การปรับเปลี่ยนเวลาไป ๆ มา ๆ มีผลต่อการหลั่ง Insulin ในร่างกาย แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 50 08:38:19 จากคุณ : Jackson5 - [ 12 เม.ย. 50 08:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กระทู้นี้สาระแน่นเอี้ยด ขอบคุณมากครับที่เอาความรู้มาแบ่งกัน :)  ไว้ผมแม่นในทฤษฐี Balance diet แล้วจะเอามาแชร์มั่งนะครับ จากคุณ : Free as the wind - [ 12 เม.ย. 50 09:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ Jackson 5 คะ หนูอ่าน คห ที่ 18 แล้วมีคำถามอ่ะค่ะ ที่บอกว่าแหกกฎทานวันละ 2 มื้อบ้าง นี่คือมื้อในช่วง 5 ชม ของ Eating window รึเปล่าคะ? เพราะ Eating window ของหนูคือ 9.00-14.00 (เช้า) ดังนั้นหนูทาน2 มื้อค่ะ คือมื้อเช้าตอน 9 โมง และเที่ยง ตอน 13.30 น ก็เลยสงสัยว่าทาน 2 มื้อแบบเดียวกับคุณ Jackson 5 รึเปล่า? แล้วอย่างงี้จะอ้วนอ่ะเปล่า? ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Fatty Noo (Fatty Noo) - [ 12 เม.ย. 50 12:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คห 27 ปกติแล้วผมทาน ช่วง 17.00-22.00 น. ครับ - ช่วงเวลาระหว่าง 17.00-18.00 น. ผมทานของขบเคียวต่าง ๆ ทุกวันนี้ผมเปลี่ยนมาเป็นผลไม้ (ไม่ได้กินตลอดทั้งชั่วโมงนะครับ เอาแค่หายอยากเท่านั้น) - ช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. ปกติไม่ทานอะไรนะครับ แต่บางครั้งก็หลุดเหมือนกันนะครับ (อยู่บนรถด้วยแหละครับ เลยไม่ได้ทานอะไร) -ช่วง 20.00-21.00 น. ผมทานข้าวมื้อใหญ่ ๆ 1 มื้อ กินทุกอย่างที่อยากกิน (ปัจจุปันเริ่มหันมากินอาหารที่เป็นประโยชน์มากขึ้น) ตามด้วยเบียร์ 1 กระป๋องเป็นอย่างน้อย - ช่วง 21.00-22.00 น. ปกติไม่กินครับ เดี๋ยวนอนไม่หลับเพราะแน่นท้อง (แต่บางครั้งก็หลุดเหมือนกันครับ) ช่วงแหกกฎของผมก็ คือ ช่วงเวลานอกเหนือจาก 17.00-22.00 น. (นอก Eating Window) ปกติจะเพิ่มมื้อกลางวันเดือนละประมาณ 1 ครั้งครับ โดยกินทุกอย่างครับ แต่ปริมาณไม่มากเท่าไหร่ ( คือ ต้องพาครอบครัวไปทานข้าวนอกบ้านนะครับ  หากเราไม่ทานอะไรเลย ก็ดูเหมือนว่าคนอื่น ๆ จะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหรนัก และ บรรยากาศก็จะกร่อย ๆ อีกประการก็ คือ คุณแม่ผมไม่ทานข้าวเย็นนะครับเลยต้องพาไปทานมื้อกลางวันแทนไงครับ เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ต้องทานทุกอย่างก็คือ ไม่อยากให้หลาน ๆ เลียนแบบครับ หลานๆ ชอบถามครับว่าทำไมคุณ อา ไม่ทานข้าว ตอบไม่ถูกเหมือนกัน ครับ เลยกิน ๆ มันซะทุกอย่าง เด็กเห็นเรากินเด็กก็อยากกิน ครับ)   นี่ยังไม่รวมกับ งานสังคม ฉุกเฉินที่มีความจำเป็นจะต้องมื้อกลางวันนะครับ งานแบบนี้คาดการณ์ไม่ค่อยได้ครับ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ผมจะใช้วิธีของ Atkin นะครับ คือเลี่ยงแป้ง และ น้ำตาล (เกิดขึ้นไม่บ่อยอีกเช่นกัน) คราวนี้ผมพูดได้ครับว่า ควบคุมน้ำหนัก ผู้ไหญ่ด้วยกันหมด ไม่มีเด็ก ง่ายหน่อยที่จะปฎิเสธ และหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจะพยายามเลื่อนนัดกับครอบครัวออกไปเช่นกัน คือไม่ให้มันอยู่ใกล้กัน กรณีของคุณ ผมตอบไม่ได้ครับ แต่อยากให้เปรียบเทียบข้างล่างดูแล้ว คิดเอาเอง นะ ครับ ผม -1 มื้อใหญ่ ๆ แต่ ผมกิน แล้วก็ นอนเลยนะครับ คุณ- 2 มื้อ กิน แล้ว ยังไม่ได้นอนทันทียังทำกิจกรรมอื่น ๆ อีก ในระยะยาวผมว่านะจะลงนะครับ จากคุณ : Jackson5 - [ 12 เม.ย. 50 12:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค่า ตอนนี้ทำ Fast5มาได้ 1 อาทิตย์แล้ว นำหนักขึ้นมา 1 กก.ก็เลยสงสัยอ่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะชอบทานพวก Sandwich ,Mashed potato, ขนมปัง อะไรเนี้ย แต่ไม่ท้อค่ะ จะสู้ต่อไปค่ะ แต่มันลดได้แน่ๆใช่ไม๊คะ จากคุณ : Fatty Noo (Fatty Noo) - [ 12 เม.ย. 50 14:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คืออยากถามอ่ะครับ ว่า ถ้า eating window เราเปลี่ยนไปมาได้ไหมครับ คือมีบางช่วงที่เรียนตอนเช้า แล้วหิวมาก จะเปลี่ยน eating window มาช่วงเช้าๆ ส่วนช่วงที่ปิดเทอม ตื่นสายหน่อย ก็เปลี่ยน eating window ตอนเย็นๆแทน อย่างนี้ร่างกายจะปรับตัวได้หรือไม่ครับ แล้วควรทำไหมครับ จากคุณ : Nerdybear - [ 12 เม.ย. 50 19:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คห 29 หาก calorie รวมต่อวันที่คุณกินอยู่ตอนนี้ น้อยกว่า เมื่อก่อนคุณเริ่ม Fast-5 ละก็ ผมว่ายังไงก็ลดนะครับ หากไม่ใช่ก็ค่อย ๆ ปรับลด Calorie ลงมาดีกว่า แต่ไม่ถึงกับขั้นต้องมานั่งนับ บวก ลบ Calorie หรอกนะครับ หากรู้ว่าอาหารอะไร Calorie สูงก็หลีกเลี่ยงซะ หรือเว้นช่วงกินห่างหน่อยก็ดีเหมือนกัน หากอยากกินจริง ๆ ก็กินเถอะ ครับ ค่อย ๆ ปรับตัวไป  ไม่ต้องเคร่งอะไรมาก เราหวังผลระยะยาวนะครับ ขอยกตัวอย่างกรณีของผมนะครับ คือ เมื่อก่อนผมไม่ชอบทานผลไม้ ก็ค่อย ๆ หัดเอาครับ กินวันละนิด วันละหน่อย ทนแทนของขบเคี้ยวต่าง ๆ ที่ผมชอบกินมาก ผมก็ใช้เวลาเป็นเดือนเหมือนกันนะครับกว่าจะตัดของขบเคี้ยวต่าง ๆ ออกได้หมด แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ตั้งเป้าไว้นะครับ ว่าจะตัดของขบเคี้ยวออกให้หมด เพียงแค่พยายามลดมากกว่า ค่อย ๆ ปรับไปเรื่อย ๆ ไม่กดดันอะไรมาก ทุกวันนี้ก็ยังกินอยู่นะครับ แต่นาน ๆ ครั้ง ( เดือนละ 1 ห่อมั้ง) และไม่มีความรู้สึกว่ากำลังกดดันตัวเองด้วย แบบว่าจู่ ๆ มันก็ไม่รู้สึกอยากกินขึ้นมาเฉย ๆ ตอนนี้กำลังพยายามลดของทอด ทั้งหลายอยู่ครับ หลักการเหมือนเดิมครับ คือ ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องเลิกให้ได้ ภายในกี่วัน หรือ ลดเหลือเท่าไหร่ ทำไปเรื่อย ๆ ครับ ไม่กดดัน อยากกินก็กิน ผมเองลดต่ำกว่าเป้าที่ ตำราแนะนำว่าควรจะเป็นนะครับ เพราะตามใจปากมากไปหน่อยครับ ทุกวันนี้ก็เริ่มปรับนิสัยการกินของตนเองแล้วละครับ ค่อย ๆ ปรับไป ครับ  หวังผลระยะยาวครับ จากคุณ : Jackson5 - [ 12 เม.ย. 50 20:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 eating window เปลี่ยนได้เลยครับ ตอนนี้ ผมก็ทำงานเช้า ก็ทานอยู่ที่ 8 โมงเช้า ถึง 13.00 น  ไม่มีปัญหาครับ ตอนนี้ ทำไป  2 เดือนกว่า น้ำหนักหายไป  12 kg แล้วครับ คือออกกำลังกายไปด้วยครับและพยายามที่จะทาน พวกไขมันสัตว์ นำอัดลมให้น้อยลง ขนมเค้กของชอบก็ทานได้ครับ   แต่ที่ได้ประโยชน์มากๆ ก็คือนิสัยกินของกินเล่น เช่น มันฝรั่ง พิซซ่า  ขนมปังช่วงทำงาน บ่าย 3 ไปก็ดีขึ้นมากครับ คือไม่อยากทานด้วย และตอนนี้ทานได้น้อย เพราะอิ่มเร็วมากๆ จากคุณ : next stop is halsted (next stop is halsted) - [ 23 เม.ย. 50 23:40:08 ]