ความคิดเห็นที่ 1 เก็ทละครับ Editออก ย่นกระทู้ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 03:23:43 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 02:59:17 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 02:58:54 จากคุณ : DesertWave - [ 3 พ.ค. 50 02:58:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 7.ไอ้คู่มือที่ว่านั่น อยุ่ไหนเหรอ -อยู่นี่ http://www.fast-5.com/Fast-5-ebook100.pdf ถ้ารวยหน่อย ก็มีเวอร์ชั่นกระดาษ แต่เนื้อหาข้างในเหมือนกันเด๊ะๆ ดังนั้นเอาไปปรินท์เองก็ได้ 8.อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ทำไง -จ้างผมแปล... เอ๊ย ถามข้อที่งงๆ มาก็ได้ครับ 9.วิธีนี้โยโย่มั้ย -วิธีไหนก็โยโย่ครับ ถ้ากลับมากินๆนอนๆ พุงแทบปริ แต่วิธีนี้สามารถทำไปได้เรื่อยๆ หลังจากได้น้ำหนักที่พอใจแล้ว โดยไม่มีอันตราย หรือหากไม่อยากทำต่อ นิสัยการกินคุณจะเปลี่ยนไปแล้ว คงไม่กลับมาสวาปามจนอืดแน่ๆ แต่ห้ามหักดิบครับ(อยู่ดีๆ ก็งดอาหาร19 ชั่วโมงในวันแรก) เพราะนอกจากจะโยโย่แล้ว สารพัดปัญหาจะตามมา 10.กินไรได้บ้างละเนี่ย ไอ้ช่วง 5 ชั่วโมงแห่งการกิน ***-นี่คือคำแนะนำของคนที่เข้าสู่ระยะactive loss เท่านั้นนะครับ*** กินอะไรก็ได้... ไม่ห้ามอะไรสักอย่าง จะกินมากเท่าไรก็ได้ แต่จริงๆแล้วควรกินของที่มีประโยชน์ให้ครบเพียงพอต่อร่างกายครับ ของหวาน อาหารขยะ กินได้เป็นครั้งคราว โดยไม่ต้องมานั่ง คิดมากทีหลัง แต่ว่าไม่ใช่จะกินเป็นอาหารหลักนะครับ และที่สำคัญ ห้ามอดแป้ง ส่วนเรื่องปริมาณ ช่วงแรกๆจะมีอาการกินแหลกบ้าง พอผ่านไปสักระยะ คุณจะเริ่มรู้ว่ากินมากเท่าไร ที่เราจะอิ่ม และก็ไม่จุกแน่นท้อง 11.แล้วช่วงการงดอาหารล่ะ กินอะไรได้บ้าง -กินอะไรก็ได้ที่ไม่มีพลังงานเลย.... เช่นน้ำเปล่า ชา กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล เครื่องดื่มที่ใช้วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลกินได้ แต่ไม่ควรมากนัก หมากฝรั่งที่ใช้น้ำตาลแอลกอฮอล์ ก็เหมือนน้ำอัดลม เพราะมันมีแคลอรี่เหมือนกัน ถ้ากินเยอะเกินไป ที่เรางดอาหาร จริงๆแล้ว ก็เพื่อส่งสัญญาณต่อร่างกายเท่านั้นเอง ส่วนน้ำ กินเยอะๆนะเออ ช่วงแรกๆ ให้เน้นไฟเบอร์ด้วย แนะนำมะละกอ ลูกพรุน เพราะร่างกายจะต้องปรับนิสัยการขับถ่าย สำหรับคนที่ใจเย็น ผ่านระยะปรับตัวมาด้วยดี ปัญหาจะแทบไม่มีเลย 12.เราจะอดทีเดียวในวันแรกเลยได้มั้ย -ได้ แต่อย่ามาตีหัวผมนะ ห้ามด่าผมด้วย เพราะผมเตือนแล้ว 13.สภาพของคนที่อยุ่ในระยะปรับตัวเปนอย่างไร -จะหิวๆ หน่อย แต่ไม่มาก อาจมีอาการเวียนหัวบ้าง (ถ้าเหนื่อยจริงๆ หาไรกินซะ ใจเย็นๆ) ถ้าเราปรับตัวช้าเท่าไร อาการพวกนี้จะยิ่งน้อยลง 14.แล้วปรับตัวยังไงล่ะ -เข้าไปดูตารางตัวอย่างได้ที่เวบFast-5 มีหลักคร่าวๆ คือค่อยๆเริ่มมื้อเช้าให้สายขึ้นเรื่อยๆ ทีละครึ่งถึง1ชั่วโมง เว้นช่วงสัก1-3วัน หรือจนกว่าจะรู้สึกชิน ส่วนคนที่ไม่ได้กินมื้อเช้าอยุ่แล้ว ให้ลัดไปเริ่มตอนเที่ยงได้.. ถ้ารู้สึกไม่ดีให้พัก หาอะไรกิน to be continue... จากคุณ : atheist - [ 3 พ.ค. 50 03:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอบคำถามคุณ DesertWave 1) การกินอาหารแบบยัดมื้อเดียว(กินมากไป)เป็น 1500-2500 kcal ไม่ส่งผลต่อกระเพาะอาหารหรอครับ (กระเพาะคลาก เป็นโรคกระเพาะ) อะไรทำนองนั้น - 5 ชัวโมงนี่ ไม่จำเป็นต้องยัดทะนานครับ จะแบ่งกินยังไงก็ได้ อาการยัดเกลือลงไหนี่จะเป็นแค่ระยะแรกๆ (ผมก็เป็น ^-^) จะัเริ่มคำแรกที่ถึงเวลา หรือจะค่อยเริ่มด้วยของเบาๆ แล้วจะจบตอนไหนก็ได้ครับ 2) สมมุติ วันนึงกิน Fast5 ไป 1500 kcal เนีย มันไม่ถึงปริมาณสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน(2000kcalสำหรับผู้ชาย) มันจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการ Metabolism คล้ายๆกับ (คนที่"อด"อาหาร) หรืออย่างไรครับ - จริงๆ เท่าที่ผมลองกะดูนี่ ผมก็กินค่อนข้างจะเพียงพอสำหรับวันหนึ่งๆนะครับ แต่ในระยะไม่กี่วันเราสามารถเฉลี่ยๆ ค่าพลังงานกันได้ ถ้าไม่ได้กินน้อยทุกวัน คงไม่มีปัญหาครับ และเราสนับสนุนให้คุณๆกินจนอิ่ม ซึ่งถ้าอิ่มจริงๆ ผมว่าพลังงานเกินพอครับ 3) คำตอบของ Fast5 กับการกินแบบธรรมดา คือ ฮอร์โมนอินซูลิน ใช่หรือเปล่าครับ? -ใช่ครับ เป็นกลไกหลักอย่างหนึ่งในFast-5 จากคุณ : atheist - [ 3 พ.ค. 50 03:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ...ข้อ14 ต่อ แล้วถามว่ามื้อเที่ยงกับมื้อเย็นหายไปไหน ...ก็คือเราจะค่อยๆ บีบมันลงเรื่อยๆครับ มื้อเที่ยงนี่ก็กินตามปกติครับ รอให้มื้อเช้าขึ้นมาชน ส่วนมื้อค่ำถ้ามันดึกไป ก็ค่อยๆร่นมันให้ไวขึ้น ควรกินไม่ให้มากไป น้อยไป จะได้ปรับตัวง่ายๆ ช่วงปรับตัวนี้ให้เน้นอาหารพวกพลังงานง่ายๆครับ จะได้ลดอาการเหนื่อยๆ คนที่เคยแบ่งมื้อย่อยๆ ให้รวบมาเป็น3มื้อใหญ่ก่อนสักระยะ คนที่จำกัดแคลอรี่แบบกินเหมือนแมวดม ให้กลับมากินให้อิ่มก่อน ความรู้สึกเพลียๆ หิวๆ จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆครับ ถ้าทำถูกวิธี ในระยะแรกจะเป็นการปรับความเคยชินและปรับเปลี่ยนกระบวนการพลังงาน เมื่อเข้าสู่การงดอาหารต่อเนื่อง19ชั่วโมงได้สักระยะ จะเข้าสู่ช่วง active loss คือการลดน้ำหนักต่อเนื่องและร่างกายจะทำงานได้เต็มประสิทธภาพ ด้วยพลังงานที่เพียงพอครับ และอาการข้างเคียงจะหายไป สามารถทำงานได้ทุกประเภท ออกกำลังกายได้ ใช้สมองได้ หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้คิดมากครับ สำหรับการปรับตัว อ้อ ผมคิดตามเวลามาตรฐานนะครับคือ 17.00-22.00 ถ้าจะกินช่วงอื่น ให้ปรับตามความเหมาะสม จะเช้า จะเย็นก็ได้ จริงๆเวลามาตรฐานนี่ตั้งตามความจำเป็นทางสังคมมากกว่า to be continue... จากคุณ : atheist - [ 3 พ.ค. 50 03:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ้อคั่นไว้นิดนึง ผมโพสต์มานี่ ผมแนะนำวิธีนี้ เจตนาทั้งหมดก็เพื่อความรู้ความหวังดี ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร หากใครสงสัยอะไร สามารถหาความรู้ได้ตามแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด Google,Wikipedia ถามคนที่มีความรู้จริงๆ ถ้าถามผมผมก็จะแนะนำไปตามสมควร ตามที่รู้มา ตามที่มีประสบการณ์ นี่ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ คุณต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผมแนะนำให้คุณใช้วิธีนี้ในการพิจารณาการลดความอ้วนวิธีอื่นด้วย แม้ว่าจะเป็นวิธีที่แพร่หลายแล้วก็ตาม ไม่ใช่พวกมากลากไป ผมจะมาเขียนFAQกระทู้นี้ให้สมบูรณ์ในวันพรุ่งนี้ ขอบคุณทุกคนที่อ่านครับ หากทำให้ใครไม่พอใจ ผมก็ขอโทษมาอีกครั้งหนึ่ง จากคุณ : atheist - [ 3 พ.ค. 50 03:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอเสริมนะครับ สำหรับเรื่องที่คนชอบกล่าวกันอีกเรื่อง คือ การลดแบบนี้ทำให้เราสูญเสียกล้ามเนื้อ คำตอบคือ ใช่และไม่ใช่ครับ ในคนปกติทั่ว ๆ ไป ที่กิน Carb และไม่ใช่นักกีฬาที่ต้องผึกซ้อมอย่างหนัก (นักกีฬามักกินหลาย ๆ มื้อครับ)  โอกาสสูญเสียกล้ามเนื้อนั้นน้อยมากครับ ทั้งนี้เพราะว่า พลังงานที่เรากินเข้าไปในแต่ละวันจะถุกเก็บไว้ในรูปแบบของ ไกลโครเจน ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือเปลี่ยนเป็นไขมัน หาก ไกลโครเจน ในร่างกายไม่หมด ร่างกายก็จะไม่ละลายเอา กล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานนะครับ โดยปกติแล้ว ไกลโครเจน นี้จะมีเพียงพอให้เราใช้ไปได้ประมาณ 3 วันนะครับ (คนที่ใช้พลังงานมาก ๆ อาจเหลือแค่ 2 วัน) แม้ว่าเราจะไม่กินอะไรเลย (ในการออกกำลังกายนั้นร่างกายที่เกินกว่า 1 ชม นั้นร่างกายจะนำ ไกลโครเจน มาใช้ได้ช้าลงนะครับ และอาจมีการละลายกล้ามเนื้อมาใช้ได้เช่นกัน  ปัญหาตรงนี้เกิดขึ้นกับทุกคนนะครับไม่ใช่เฉพาะ คนที่ทำ Fast-5) ในกรณีของ Fast-5 หากคุณเติม ไกลโครเจน ให้กับร่างกายทุกวัน ซึ่งได้จากการกิน Carb โอกาสสูญเสียกล้ามเนื้อนั้นน้อยมากครับ (ประเด็นเรื่อง กล้ามเนื้อสึกหรอจากการออกกำลังกายนั้นอีกประเด็นนะครับ ซึ่งเกิดได้ในทุกคนเช่นกัน) และถึงแม้ว่าคุณสูญเสียกล้าเนื้อด้วยการใช้ Fast-5 (ซึ่งน้อยมาก หากคุณกิน Carb) การกินโปรตีนก็ยังสามารถไปช่อมแซมส่วนที่สึกหรอดังกล่าวได้เช่นกัน ในทางตรงกันข้าม หากคุณไม่ทาน Carb หรือ ลด Carb  โอกาสที่ร่างกายจะนำกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานก็มีอยู่เช่นกัน ( อันนี้ก็เกิดขึ้นกับคนทุกคนนะครับ ไม่เฉพาะ Fast-5 เท่านั้น) คราวนี้มาดูวิธีอื่น ๆ กันบ้างนะครับ โดยเฉพาะการ "ลด Calorieโดยการลด Carb" (ไม่ใช่ Low Carb แบบของแท้นะครับ) วิธีนี้นิยมกันมากในหมู่คนไทยครับ คือ "ไม่กินข้าวแต่กินกับและออกกำลังกายเยอะ ๆ" วิธีนี้ฝังหัวคนไทยมานานครับ ในกรณีนี้ ปัญหาคือว่า หากคุณไม่ทาน Carb ก็คือไม่มี ไกลโครเจน นั่นเอง และการที่คุณไปออกกำลังกายนั้นหมายความว่าคุณกำลังละลายกล้ามเนื้อไปใช้เป็นพลังงานนะครับ (ปัญหานี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลยครับถ้าเราศึกษาอย่างละเอียดดี) คุณเชื่อไหมครับว่าคนที่ทำ Low Carb แบบของแท้ (Atkin) ได้อย่างถูกต้องนั้น แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะทาน Carb น้อยมาก ๆโอกาสสูญเสียกล้ามเนื้อนั้นยังน้อยกว่าพวกที่ "เลิกกินข้าวแต่กินกับ และ ออกกำลังกายเยอะ ๆ " เลยครับ เพราะอะไรนะหรือครับ ก็เพราะว่าพวกนี้ศึกษาอย่างละเอียดนะซิครับ หากคุณเข้าไปใน Forum ของสาวก Atkin คุณจะรู้สึกว่า เหมือนนักวิทยาศาตร์คุยกัน ดังนั้นสาวกของ Atkin เหล่านั้นรู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร อะไรควรกิน กินมากน้อยแค่ไหน และพวกนี้แม่นเรื่องทฤษฎีมาก ๆ ครับ อะไรที่เรามองเขาว่าไม่ดีเขาแย้งได้หมดแหละครับแบบมีเหตุผลด้วย Fast-5 ก็เช่นกันหากคุณศึกษามันดีพอ ปัญหาต่าง ๆ แทบจะน้อยมากครับ (วิธีอื่น ๆ ก็มีปัญหาเช่นกันนะครับ อย่าลืมนะครับ) จากคุณ : Jackson5 - [ 3 พ.ค. 50 07:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกเรื่องนะครับ กินช่วง 17.00-22.00 น. แล้วไม่อ้วนหรือ ? เพราะกินแล้วเข้านอนเลย คำตอบ จากการวิจัยใน สหรัฐ พบว่าช่วงเวลาในการรับประทานอาหารไม่มีผลต่อ"น้ำหนักตัว" นะครับ (แต่มีผลต่อพฤติกรรมการกิน) การทดลองทำในคนผู้หญิง 1800 คน โดยให้ทานอาหารมื้อเช้าเพียง 1 มื้อก่อน ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาปรับให้ทาน 1 มื้อ คืนในมื้อเย็น ผลการทดลองพบว่า คนเรามักจะกินเพิ่มมากขึ้นในมื้อเย็น ประมาณ 600 Kcal (เมื่อเปรียบเทียบกับการทานมื้อเช้าเพียง 1 มื้อ) น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นก็สำพันธ์กับการกินที่เพิ่มมากขึ้นนี่เอง การทดลองสรุปว่า คนเรามักจะกินมากขึ้นในมื้อเย็นเพราะเราเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันและต้องการให้รางวัลกับตนเองด้วยการกินที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับเรื่องเวลาในการกินไม่มีผลต่อน้ำหนักตัวครับ คือ กินตอนไหนก็อ้วนเหมือน ๆ ไม่ว่า เช้า กลางวัน เย็น กันหากคุณกินมากเกินพอดี ข้อมูลจาก Clark.N., 1990, Sport Nutrition Guidebook: Eating to Fuel Your Active lifestyle, Human Kinetics, U.S.A. แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 09:06:31 จากคุณ : Jackson5 - [ 3 พ.ค. 50 08:16:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณคุณ Jackson-5 ครับ ณ ตอนนี้ผมกำลังจะสร้างเวบคอมมูนิตี้เล็ก สำหรับช่วยเหลือผู้ที่สนใจFast-5 diet ในไทย เพราะผมเห็นว่าอะไรที่มีประโยชน์ ผมก็อยากทำ ตอนนี้ผมได้ขออนุญาิตและคำแนะนำจากคุณหมอ Bert Herring เรียบร้อยแล้ว ใครมีไอเดียอะไรก็บอกกันได้ครับ ... เรื่องFAQ หน้านี้ก็ยังไม่จบ จะมีต่อครับ จากคุณ : atheist - [ 3 พ.ค. 50 14:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สุดยอดเลยครับคุณ atheist เว็บเสร็จเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะครับ ถึงผมจะไม่ได้ใช้วิธีนี้ก็อยากศึกษาไว้เป็นความรู้เหมือนกัน ^_^ สู้ๆครับ จากคุณ : Free as the wind - [ 3 พ.ค. 50 15:48:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาอ่านด้วยคนค่ะ ทานอยู่ รู้หลักการกินอย่างปลอดภัยแต่พอเข้าเรื่องระบบร่างกายทีไร มึนทุกที ^ ^" ขอบคุณสำหรับเนื้อหานะคะ :) มีประโยชน์มากมาย ถ้าเว็บเสร็จจะเข้าไปเยี่ยมแน่ๆค่ะ จากคุณ : kisekimeru - [ 3 พ.ค. 50 16:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ใช่คุณเอ รึเปล่าคะ หนูค่ะ หนูตามมาจาก Siam Fitness จะจัดเป็น Community จริงๆเหรอคะ เย้ๆๆ ดีใจจัง จากคุณ : Fatty Noo - [ 3 พ.ค. 50 17:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ใช่คุณเอครับ ^-^ เหอๆ แต่ถ้าติดต่อคุณเอได้ ก็น่าจะดี ไม่ได้เข้าsiamfitness นานละ จากคุณ : atheist - [ 3 พ.ค. 50 17:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามมาอ่านด้วยคนค่ะ ถ้าทำจริงๆบอกกันด้วยนะคะ จากคุณ : killchan - [ 3 พ.ค. 50 17:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีข้อสงสัยนิดนึงอยากจะรบกวนหน่อยค่ะ - สมมติว่าทานช่วง 12.00-17.00 น. ค่ะ จะทานเกิน 17.00 น. ไปสักนิดได้มั้ยคะ - ถ้าอดไม่ถึง 19 ชม. ขาดไปนิดหน่อย มีผลอะไรมั้ยคะ - เริ่มทานมา 4 วันเองค่ะ อด 19 ชม.ตั้งแต่วันแรก แบบไม่ได้ฝืนเลยค่ะ มันไม่หิวเอง ไม่ได้ปรับตัวอย่างนี้เป็นไรมั้ยคะ - ออกกำลัง วิ่งElipticalวันละ 30 นาที 3 วัน โยคะ วันละ 30 นาที 3 วัน น้อยไปมั้ยคะ - ช่วงทาน 5 ชม. ทานน้อยเกินไปแค่บางวัน เป็นไรมั้ยคะ แล้วก็อยากจะขอบคุณคุณ  atheist มากๆเลยนะคะ ที่รวบรวมข้อสงสัยมาให้อ่านกัน แถมจะทำเว็บให้อีก *0* มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ สู้ๆนะคะ ^^ จากคุณ : กีวีแอ๊ปเปิ้ล - [ 3 พ.ค. 50 17:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Thank you so much kha.. I'm on my day-1 now. my eating window is 9.00-14.00 =) Now, I'm very hungry !! might drink something because I don't want to torture myself ! Thanks again ^-^ จากคุณ : alpenglow - [ 3 พ.ค. 50 18:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วันที่1 นี่ผ่านระยะปรับตัวมารึยังครับ ถ้ายังไม่ผ่านระยะปรับตัว อย่าอดเอาดื้อๆนะครับ ไส้กิ่ว ตาลายไม่รู้ด้วยนะ จากคุณ : atheist - [ 3 พ.ค. 50 19:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอแจมด้วยคนค่ะ ถ้าเว๊ปเสร็จเมื่อไหร่ บอกด้วยนะคะ   ย่างเข้าอาทิตย์ที่ 5  ลด 5 LBS (ลดน้อย แต่ไม่ซีเรียส เพราะครั้งนี้ตั้งใจว่าจะไม่ใจร้อน ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ) ช่วงเวลา 14-19 แต่ทานจริง ๆไม่เกิน 5 โมงเย็น เพราะมีคลาสโยคะ ตอน 6 โมงครึ่ง ทานเกินกว่านั้น มีอ๊อก ค่ะ หลังคลาสเลยช่วงทานแล้ว ก็ไม่รู้สึกหิวเลย ดื่มแต่น้ำจนเข้านอน อาหารที่ทาน ข้าว ค่ะ เยอะมาก จานพูน ๆ เป็นเฉพาะอาทิตย์แรก ๆ อาทิตย์นี้ อาการหิวข้าวลดลงมาก ขนมหวาน อาทิตย์ละครั้ง  นอกนั้น เป็นผัก กับ ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ นม เริ่มออกกำลังกาย ตอนเช้า เดิน - วิ่ง 10000 เสต็ป (ประมาณ 5 ไมล์ เพิ่งเริ่มนับเสต็ปวันที่ 1 แต่ก่อน เดินไปเรื่อย ๆ เหนื่อย หรือขี้เกียจก็หยุด) ตอนเย็น  Yoga-Pilate  (5 ครั้ง ต่อ อาทิตย์) Work at home ด้วยล่ะค่ะ เลยไม่มีปัญหาเรื่องเวลา คิดว่าวิธีนี้เหมาะกับตัวเองค่ะ ความกดดันเรื่องการกินแทบไม่มีเลย (มีบ้างเวลาลืมตัวทานข้าวเยอะๆ)   อ้อ ชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้ง  อย่าลืมบันทึก น้ำหนักทุก ๆ ครั้ง เป็นกำลังใจได้อย่างดีเลยค่ะ จากคุณ : พริส - [ 3 พ.ค. 50 21:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โอ้โห กระทู้นี้รวมรวม นักกีฬา Fast-5 ไว้เยอะมาก สำหรับผม วันนี้ ทำ Fast-5 เป็นวันที่ 9 แล้วครับ ผ่านฉลุย ^^ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5352124/L5352124.html จากคุณ : Christian Chang - [ 3 พ.ค. 50 23:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 FAQ ต่อ 15. ช่วงไหนเหรอ ที่แหกกฏ 19 ชั่วโมงได้บ้าง จริงๆมันก็ไม่ตรงเป็นเส้นไม้บรรทัดนะครับ แต่ผมจะสรุปคร่าวๆ ให้ จากที่อ่านหนังสือมา และจากประสบการณ์ตัวเอง -เวลาจำเป็นทางสังคม, จริงๆมีหลายวิธีีที่จะเลี่ยงเรื่องพวกนี้ได้ แต่ถ้ามันสำคัญกับคุณมาก ก็กินเถอะครับ แต่พยายามกินให้ได้พลังงานต่ำๆหน่อย และไม่ต้องไปชดเชยอะไร อย่าไปอดเพิ่มนะครับ ให้ทำตามโปรแกรมปกติ แต่ถ้าคุณต้องแหกกฏบ่อยๆ Fast-5 อาจไม่ค่อยเหมาะนัก -รู้ว่าในวันนั้นๆ ไม่สามารถกินได้ในช่วง 5 ชั่วโมง, ถ้าจำเป็น ให้กินนอกเวลาครับ ห้ามอดข้ามวันนะครับ -ไม่สบายครับ...โดยเฉพาะท้องเสีย กินไปเถอะORS หิวขึ้นมาจะกินข้าว กินอะไรก็กินไปครับ คุณไม่ได้ป่วยทุกวัน สำหรับผู้มีโรคประจำตัว ก็คงเข้าใจเรื่องนี้จากข้อแรกๆไปแล้ว -รู้สึกว่าคุณหิวจริงๆ ...ในจุดนี้ควรหาอะไรกินไว้ก่อนครับ แล้วมาทบทวนว่าเราพลาดอะไรไป เพราะปกติจะไม่หิวในช่วงactive loss จากคุณ : atheist - [ 4 พ.ค. 50 00:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 16. กินแบบ Fast-5 ทำให้มีขาดสารอาหารรึเปล่า - ไม่ ไม่ และก็ไม่ เราไม่ห้ามให้คุณกินข้าว แค่เพียงกำหนดเวลาที่แน่นอนเท่านั้น และใน 5 ชั่วโมง คุณสามารถกินจนได้พลังงานเพียงพอต่อการใช้ในแต่ละวันและการสะสมแน่นอน สารอาหารต่างๆ ไม่ได้รับประกันว่าครบถ้วน เพราะมันไม่เกี่ยวกับเวลากิน มันเกี่ยวกับที่คุณจะเลือกกินอะไร แนะนำให้คุณกินอาหารที่สมดุล โดยไม่ต้องนับ ชั่ง ตวง แค่ใช้ความพอดีก็พอ ผัก ผลไม้ เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ ควรจะกินอยู่สม่ำเสมอ โปรตีน คาร์โบไฮเดรคจำเป็นต่อร่างกาย แน่นอน แม้แต่ไขมัน คุณก็สามารถกินได้ถ้ามันเป็นส่วนหนึ่งในเมนูอาหาร เรื่องพวกนี้จริงๆมันเกี่ยวกับวิชาการทางด้านสารอาหารมากกว่า แต่เราก็จะย้ำอีกทีว่า เราไม่ได้จำกัดอะไรที่มีประโยชน์สำหรับตัวคุณ 17. แล้วเราจะกินขนม อาหารขยะ หรือของกินเล่นจุกจิกได้มั้ย.. แล้วเหล้าล่ะ? - ขนมจุกจิกต่างๆกินได้ ถ้าแค่เพราะคุณกลัวจะอ้วน แต่ของพวกนี้ก็ควรจะกินในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้าคุณกินแต่ของพวกนี้ทั้งหมดในแต่ละวัน... คงจะลดไม่ทันละครับ แต่ปริมาณที่กินกันเพื่อการผ่อนคลาย ตามวาระพิเศษต่างๆ ไม่มีการจำกัดอะไร ส่วนเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถดื่มได้ ในฐานะที่เป็นพลังงาน แต่ของพวกนี้ส่งผลยังไงต่อสุขภาพ ก็รุ้ๆกันอยู่ใช่มั้ย จากคุณ : atheist - [ 4 พ.ค. 50 05:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 21 18. ใช้วิธีนี้จะมีแรงทำงานเหรอ จะใช้สมองคิดได้เหรอ ทำให้สมองทึบมั้ย วันๆ สงสัยต้องนั่งหมดแรงหิวข้าวแน่เลย - ลบภาพการอดอาหารลดน้ำหนักออกจากความคิดให้หมดก่อนเลยนะครับ ค่อยว่ากัน ... มีแรงทำงานครับ ไม่ปวดหัว ไม่มึนหัว สมองปลอดโปร่ง ถ้าคุณเข้าสู่ระยะ active loss หรือผ่านการปรับตัวมาแล้วระยะหนึ่ง เพราะว่าอย่างที่ผมเคยบอกว่า ร่างกายยังมีพลังงานใช้เหลือเฟือ แค่เปลี่ยนแหล่งพลังงาน และกลไก ส่วนสมองนั้นมีแหล่งพลังงานที่มีประสิทธิภาพ และเพียงพอ ไม่มีภาวะขาดพลังงานจากการอดอาหารเลย ส่วนเรื่องหิว นั่นก็ไม่หิวครับ เพราะกลไกความหิวของคุณเริ่มปรับตัวไปแล้ว บวกกับการที่ร่างกายนั้นมีพลังงานใช้ไม่ขาด เรื่องความหิวแบบต่างๆ ผมจะอธิบายอีกที จากคุณ : atheist - [ 4 พ.ค. 50 05:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 22 19.อะไรคืออุปสรรคที่สำคัญสำหรับการใช้ Fast-5 Diet - อุปสรรคสำคัญที่สุดคือ อคติ และการไม่ใส่ใจครับ บางคนมองว่านี่เป็นการอดอาหารบ้าเลือด บางคนไม่เคยสนใจเบื้องหลังของมัน แต่ก็ตัดสินมันด้วยความรู้เก่าๆ ที่เคยรู้มา -ต่อมาก็คือความใจร้อน และวิตกจริต อย่างที่บอก วิธีนี้ปลอดภัยและทำได้ต่อเนื่อง แต่มันก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน และมันเป็นวิธีที่เราต้องใช้เวลาศึกษาและปรับตัว ความใจร้อนไม่รอบคอบ อาจก่ออันตรายให้ตัวคุณได้ เช่นการใช้ Fast-5 ในผุ้ป่วยบางโรค, การใช้วิธีนี้ในคนที่ยังเด็กเกินไป,แม่ที่กำลังต้องครรภ์และให้นมบุตร การเริ่มงดอาหาร 19 ชั่วโมงโดยไม่เข้าระยะปรับตัว, การไม่สังเกตปฏิกิริยาในร่างกายตนเอง ส่วนความวิตกจริต ก็เช่น บอกว่ากินแป้งได้ แต่กลัวจะไม่ลด ก็งดแป้ง, เห็นน้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ แล้วเครียด,การที่กลัวระยะปรับตัวจนเกินไป, หรือกลัวไม่ลดแล้วไม่สังเกตอาการตัวเองเลย - ปัญหาด้านเวลาและสังคม วิธีนี้ทำได้ดีในคนที่รุ้ว่าตนเองจะว่างตอนไหน จริงๆแล้ว คนทำงานเปลี่ยนกะก็สามารถทำได้ ถ้าเวลาอำนวยและรู้จักประยุกต์ แต่สำหรับบางคนก็ไม่เหมาะจริงๆ ด้านสังคม เราอาจโดนคนมองแปลกๆ ว่าทำไมไม่กินข้าวพร้อมคนอื่นๆ แม้แต่ในบางครอบครัวก็กลัวว่าลูกจะบ้าลดน้ำหนักจนทำร้ายสุขภาพ เราควรแก้ไข ด้วยการอธิบายสิ่งที่เราทำ อย่างมีความรู้ และสามารถตอบคำถามคนอื่นๆได้ และมีความมั่นใจ จากคุณ : atheist - [ 4 พ.ค. 50 06:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 23 20. เจ้าของFAQ นี่เป็นใครเหรอ ทำไมบ้าFast-5 นัก เชียร์อยู่ได้ แล้วใช้เองบ้างรึเปล่า -เจ้าของFAQ เป็นมนุษย์ธรรมดานี่ล่ะครับ อยุ่ในเวบนี้ส่วนมากจะถนัดด้านสุขภาพจิต และโรคด้านจิตประสาทต่างๆ แต่ผมไม่ใช่หมอ และไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ด้วย อาศัยค้นคว้า ด้วยความที่ผมมีโรคประจำตัวทางระบบจิตประสาท ผมจึงเป็นคนระแวงและขี้กังวลเป็นนิสัย จริงๆผมไม่ได้อ้วนมาก สูงสุดก็แค่80กิโล แค่อยากให้หุ่นมันสมส่วนมากขึ้นเฉยๆ จริงไม่ได้จริงจังกับการลดน้ำหนักมาก่อน เพราะหลายๆวิธีนั้นอันตราย หลายๆวิธีนั้นยุ่งยากเกินกว่าตัวผมจะมานั่งทำ และที่สำคัญผมระแวงอาการของโรคมากว่าจะแย่ลง จนกระทั่งผมมาเจอวิธีแบบFast-5 โดยบังเอิญ หะแรกผมก็คิดว่า บ้าแน่ๆ ข้าวเช้า ข้าวเที่ยงไม่กิน ตายกันพอดี ประสาทรับประทานแน่ๆ แต่พอเข้าไปอ่านหนังสือในเวบที่เป็นคู่มือละเอียด นั่งเสิร์ชกูเกิ้ล ถามหมอบ้าง เภสัชบ้าง ผมถึงเข้าใจว่าผมคิดผิดถนัด ถ้าไม่นับการระวังอาหารและออกกำลังกายแล้ว ผมว่านี่คือวิธีที่ทำได้ง่ายในแทบทุกคน และปลอดภัยถ้าคนทำมีความเข้าใจ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ) ด้วยเหตุนี้ผมถึงเริ่มพยายามให้คนหันมาสนใจและเลิกอคติกับวิธีนี้ ทุกคนไม่จำเป็นจะต้องหันมาใช้วิธีนี้ บางคนก็ไม่เหมาะ แต่การกระจายความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นเรื่องจำเป็นครับ ผมเห็นหลายๆคนลดน้ำหนักแบบทรมานตนเองด้วยการควบคุมอาหารแบบไม่มีความเข้าใจ แล้วผมกลัวเขาขาดสารอาหารหรือเป็นลมตาย นี่ก็เรื่องนึง ดังนั้นถ้าใครมีความรู้อะไร เอามาบอกกันก็ไม่เสียหายครับ ส่วนตัวผมเองถ้ารวมช่วงปรับตัวก็งด19 ชั่วโมงมาได้เดือนกว่าๆแล้ว สูง163 หนักเดิม80 น้ำหนักลดไปราวๆ 4 กิโลกรัมเป็นอย่างต่ำ แต่มากกว่านั้นยังไม่นิ่ง สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี ระดับอารมณ์และสติปัญญาไม่ลดลงไปแต่อย่างใด สิ่งที่ดูดีขึ้นก็คืออาการปวดท้องแบบโรคกระเพาะ ที่เกิดครึ่งเป็นครั้งคราวมานานแล้วได้หายไป รวมทั้งไม่หิวเวลาเดินผ่านอาหารอร่อยๆ เพราะแต่ก่อน มักจะอดใจไม่ไหวแล้วซื้อกิน เลิกนิสัยกินมื้อดึกได้ การขับถ่ายไม่ได้แย่ลงกว่าเดิม ... อย่าด่าผมนะครับ ที่อยุ่ๆ โม้เรื่องตัวเองให้ฟัง ก็เผื่อบางคนสงสัย แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 13:16:43 จากคุณ : atheist - [ 4 พ.ค. 50 06:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ ^ ^ ^ ^ งง นิดหน่อยค่ะที่คุณatheist บอกว่าทำFast-5 มา 2เดือนแล้ว(ยังไม่รวมช่วงปรับตัวด้วย) ในเมื่อคุณเอ ตั้งกระทู้ใน บอร์ด siamfitness เมื่อประมาณวันที่22-25 มี.ค. ส่วนวันนี้วันที่ 4 พ.ค.  หรือคุณatheist รู้จักFast-5 มาก่อนแล้วเหรอคะ ปล. ถ้าเราเข้าใจอะไรผิดก็ขอโทษล่วงหน้านะคะ จากคุณ : Gembu - [ 4 พ.ค. 50 11:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แก้แล้วครับ เบลอๆ ผมไม่ได้จดวันไว้ ผมรู้จักครั้งแรกในพันทิป เพราะมีคนสงสัยบทความของคุณเอ มาถามในหว้ากอ หรือสวนลุมนี่หล่ะ ก็เลยโหลดหนังสือมาอ่านดู ขอบคุณคร้าบบ ที่ท้วงมา จากคุณ : atheist - [ 4 พ.ค. 50 13:18:59 ]