ความคิดเห็นที่ 1 ลม....นอกจากจะเป็นธาตุที่เบา...แสดงถึงความเคลื่อนไหว (Fluidity) ยังเป็นแหล่งแห่งพลังงาน คงไม่มีใครปฏิเสธว่ากระบวนการหายใจของเรา ก็เพื่อนำออกซิเจนเข้าไปแลกเปลี่ยนกับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกิจกรรมของ cell แต่นอกจาก “เหตุและผล”......ทางวิทยาศาสตร์....ลม....ลมหายใจ....คือตัวเชื่อมระหว่างกายและใจ..... เหตุใดเวลาเราเจ็บป่วยทางกาย.....เราจะหายใจได้สั้นและหอบอย่างหนัก....? เหตุใดเวลาเราโกรธ  โมโห  หงุดหงิด....ลมมันสั้นและขัด? เหตุใดจึงมีคนบอกว่าเวลาโกรธให้หายใจยาว ๆ แล้วนับ 1ถึง10? ทำไมเวลาเรามีความสุขสดชื่น เรามักจะบอกว่า โอ้ว.....หายใจได้เต็มปอดจัง....? ที่กล่าวมาเป็นเพียงเสี้ยวของเหตุและผล..ว่าทำไม  ผมถึงกล่าวว่า ลมหายใจ คือตัวเชื่อม..เป็นสื่อ...เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่าง “กาย” และ “ใจ” และในเมื่อการฝึกโยคะ  คือการฝึกกายและใจไปด้วยกัน.... หากขาดตัวเชื่อม...เราจะให้มันไปด้วยกันได้อย่างไร.... แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 50 12:21:48 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 14 พ.ค. 50 12:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เดี๋ยวมาต่อนะครับ หนีงานตอนเที่ยงมาเขียน....อิอิ  อย่าหลับกันไปก่อนนะครับ........... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 14 พ.ค. 50 12:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาลงชื่อรออ่านค่ะ จากคุณ : pinkyjung (pinkyjung) - [ 14 พ.ค. 50 13:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แวะมาลงชื่อเฝ้ากระทู้จ้า จากคุณ : สงครามกวี - [ 14 พ.ค. 50 13:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Will update tonight na krab.... So many work on monday!!!!! จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 14 พ.ค. 50 13:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ รอน้องน๊อต เขียนรวมเล่มดีกว่า..อิอิ ปล.คิดถึงนะจ๊ะ Happy Monday จ้า จากคุณ : The Invisible girl - [ 14 พ.ค. 50 16:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตามมาอ่านอีกค่ะ อ่านแล้ว อยากจะพิมพ์เก็บไว้เลย อิอิ ขออนุญาติคุณเด็กซาปอยเลยนะคะ แล้วก็รบกวนขอคำแนะนำเกี่ยวกับท่าโยคะนิดหน่อยด้วยค่ะ พอดีอยากหาท่าโยคะ ง่ายๆ แก้อาการปวดเข่า หรือช่วยให้หัวเข่าแข็งแร็ง อยากสอนคุณแม่ค่ะ ท่านอายุ 64 แล้วค่ะ อยากให้ท่านลองฝึกดูค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ เดี๋ยวขอตามกลับไปอ่านกระทู้ก่อนๆด้วยดีก่า :-) จากคุณ : Teddy Bear (I luv U) - [ 14 พ.ค. 50 17:01:34 A:58.8.197.141 X: TicketID:109021 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดีจังในที่สุด ครูปอยคนเก่งของพวกเราก็ยอมขึ้นกระทู้ใหม่ซะที อิอิอิ มาแอบดูระหว่างทำงานไปด้วยคะ Ps. ได้ wording เก๋ๆมาชอบมากเลยคะ "peace in oneself, peace in the world" จะให้เพื่อนลองออกแบบ Logo ให้ แล้วจะเอามาอวดใหม่นะคะ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 50 21:21:37 จากคุณ : Sweet Sin - [ 14 พ.ค. 50 21:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาสวัสดีอีกรอบครับ....ก่อนจะอัพกาทู้..... "pinkyjung" ขอบคุณที่ติดตามกระทู้ครับ "สงครามกวี " คุณยาย..เฮ้อไม่ใช่....คุณยามกิติมศักดิ์ของผมเฝ้ากระทู้จนหลับไปยังเนี่ย!!! อิอิ ว่าแต่สงสัยมาก  ครูที่ว่าชื่อ Aiash ป่าวครับ? "The Invisible girl " โอ้ว....วันนี้เจ๊มาเยี่ยมเองเลย  ถ้าออกรวมเล่มบังคับเหมาซื้อนะครับ....อิอิ.....ล้อเส่นนะครับ "Sweet Sin " ทำเสร็จแล้วอย่าลืมเอามาอวดนะครับ...ถ้าสวยจะเอาไป paint ลงเสื้อ....อิอิ "Teddy Bear (I luv U) " อยากบอกว่า I luv u too....อ่ะไม่ช่าย.... save เก็บไว้ได้เลยฮับ....ด้วยความยินดี.... เรื่องท่าฝึกขอติดไว้ก่อนนะครับ   ขอเอาไว้ตอบตอนท้ายกระทู้ฮับ:) แล้วก็สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วยครับ.....ถึงแม้จะไม่ reply ก็ตาม....WE KNOW WHO U ARE....เอ๊ะไงเนี่ย!!! :) แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 50 23:24:11 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 14 พ.ค. 50 22:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 .....อ้อ....ถึงตอนที่บอกว่า ลมหายใจเหมือนเป็นสะพานเชื่อม ”กายกับใจ....” ดังนั้น....หากใจเราสับสน....ลมหายใจก็จะขัดไปด้วย... แต่....มันก็มีข้อดีครับ...เรามักจะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสได้เสมอ ในเมื่อใจทำให้ร่างกายเราและ  ลมหายใจเราขัดได้ ดังนั้น  ในทางกลับกัน.....”หากเราคุมลมหายใจได้  ให้สม่ำเสมอ และสงบ.... เราก็จะสามารถคุมใจและกายให้นิ่งแล้วเย็นได้เช่นกัน” และนี่คือที่มา ว่าทำไมเราต้องฝึกลมหายใจ..... จริง ๆ มีกูรูท่านหนึ่ง ที่อธิบายเรื่องสับซ้อนเรื่องนี้อย่างละเอียด และง่ายต่อการปฏิบัติ กูรูที่ผมเคารพสูงสุดในชีวิตนี้ และในชีวิตต่อ ๆ ไปหากจะมี....ก็คือพระพุทธเจ้านั่นเองครับ.... ยิ่งผมศึกษาโยคะ  และฝึกหลักในการหายใจ...ผมยิ่งรู้สึกว่า มันเป็นเหมือนพี่กับน้อง.... สิ่งใดที่พุทธองค์ตรัสไว้....สิ่งนั้นก็คือ ธรรมชาติ  คือ ธรรมะ คือ ความจริง....ที่เป็นอยู่อย่างนั้น ดังนั้น ไม่ว่าในศาสตร์ใด หรือแม้กระทั่งการฝึกโยคะ   หากเข้าถึงความจริง  เข้าถึงธรรมชาติ(ของจิตใจ) ก็คงจะไม่ผิดที่เราพูดเรื่องเดียวกัน...เรื่องของธรรม...เรื่องของธรรมชาติ ดังนั้น หากใครปฏิบัติอยู่แล้ว...ไม่ว่าจะเป็นแบบ อานาปาณสติ  หรือ สติปัฎฎาณ 4 หรือหลักใด ๆ ก็ตามที่ยึดตามคำสอนของพุทธองค์   ผมเห็นว่าไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องอ่านสิ่งที่ผมกำลังจะเขียนต่อไปนี้ แต่หากผู้ใดไม่เคยปฏิบัติมาก่อน....เรามาฟังกันใคร...เตรียมหมอนได้...แฮ่ๆๆๆๆ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 14 พ.ค. 50 22:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 “Science of Breath . Begins with AWARENESS and ends with AWARENESS”......... ศาสตร์แห่งการหายใจ.....เริ่มต้นด้วยสติและจบด้วยสติ คือมีสติทุกขณะ  อยู่กับปัจจุบัน (ฟังดูคุ้น ๆ ไหมครับ แต่นี่ผมหยิบเอามาจากหนังสือโยคะครับ) จริงๆ  การฝึกลมหายใจ....ก็เหมือนกับการทำการทดลอง สังเกตุ  และสรุปผมการทดลอง... เพียงแต่เป็นการทดลองในตัวเราเอง  กับร่างกายและใจของเราเอง เพราะฉะนั้นใครทำ ใครรู้  ใครทำ ใครได้  แม้จะมีคนอธิบายการทดลองและสรุปผลให้ฟังอย่างละเอียด  แต่หากไม่ได้ศึกษาเอง   ความรู้จะไม่ใช่ความรู้แจ้ง หากแต่เป็นเพียงสิ่งที่ฟังใคร ๆเล่ามาก็เท่านั้น... ดังนั้น  ที่ผมจะเขียน  ก็เป็นแค่ guideline หากใครสงสัย ต้องปฏิบัติเองครับ ใช้ความสงสัยเป็นตัวกระตุ้นและทดสอบ.....ว่ามันเป็นเช่นไร  อย่างไร.... จริงๆ  พระพุทธองค์อธิบายขั้นตอนตรงนี้ไว้อย่างละเอียด.... (ผมหวังว่าผมคงอธิบายไม่ผิดนะ) เริ่ม SENSES หรือ ผัสสะ “รูป รส กลิ่น เสียง”  มากระทบโสตประสาท.....ผ่านร่างกายคือ ตา หู จมูก ลิ้น ผิมหนัง.....ทำให้ส่งความรู้สึกไปที่ใจ....ใจก็ยึดว่านี่ของเรา  ตัวเรา ร่างกายก็จะตอบสนองหรือมี Action ตอบกลับมา ผมขอยกตัวอย่าง ง่าย ๆ หนุ่ม ๆ ที่เห็นสาวสวยเดินผ่านมา ตา....เริ่มก่อนครับ เห็นก่อน....ขาว ๆ มาแต่ไกล...โอ้ว.....มันก็เข้ามากระทบใจพี่เต็มๆ โอ้ว  เธอช่างสวยจริง ๆ น่าค้นหา....ใจมั่นก็สั่งร่างกาย ใจมันเต้นสั่นรัว  ลมหายใจมันติดขัด  ลมมันสั้นไปหมดด้วยความตื่นเต้น.....เอาหละครับ เหงื่อตก....ทีนี้หากเรายึดเอาเมื่อไหร่  อยากได้เธอมาเป็นแฟน....คงนอนฝันดี   เพ้อแล้วครับ  เธอจะมีสามมีหรือยัง....ถ้าใจยังยับยั้งได้... เราก็แค่ใจสั่น...มันก็จบอยู่แค่นั้น   หากใจไม่เคยฝึก ไม่มีความรู้สึกยับยั้ง อยากได้เธอมาครอบครองเหลือเกิน  เพราะใจไปยึด ว่าเธอจะต้องเป็นของเรา  ปัญหาจะตามมาทันที....ทุกข์มันเกิดในใจ อยากได้เธอมาเป็นแควน....จะขอควงแขนก็น่าจะดี นี่แหละครับ....ความสัมพันธ์ของกาย ใจ และ ลมหายใจ..... ดังนั้นหากเราคุมได้....แค่ลองหายใจลึก ๆ   จับสติให้อยู่กับตัว ไม่ไปยึด....เธอก็จะผ่านไป แล้วใจเราก็จะสงบได้อีกครั้ง..... ก่อนที่ผมจะพาออกนอกอ่าวไปมากกว่านี้  สรุปก็คือ การฝึกดูลมหายใจ จะทำให้เรามีสติ หรือ Awareness ไปในตัว....เมื่อไหร่เรามีสติทั่วพร้อม  ใจก็สงบ กายก็สงบ  เพราะลมหายใจมันสงบ  มันไปด้วยกันครับ HATHA โยคะเลยใช้ประโยชน์ตรงนี้  ใช้ร่างกายและลมหายใจ ฝึกใจ:) แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 50 23:25:28 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 14 พ.ค. 50 22:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาดูการฝึกลมกายใจอย่างแรกและเป็นพื้นฐานเบื้องต้นกันครับ “Diaphragmatic Breathing” จะแปลตรงตัวว่าเป็นการหายใจโดยใช้ไดอะแฟรมก็กระไรอยู่ . เพราะโดยปกติ เราหายใจก็ใช้กระบังลมอยู่แล้ว  ครูปอยขอเรียกการหายใจแบบนี้ว่า “ยุบหนอพองหนอ”  แล้วกันนะครับ  ฟังน่ารักดี.... หากใครเคยไปฝึกนั่งสมาธิ หรือ วิปัสนา  แล้วอาจรย์ท่านบอกให้จับที่หน้าท้องช่วงบน   ก็เรื่องเดียวกันนี่แหละครับ..... การหายใจแบบนี้  จะเป็นการหายใจแบบลึกและยาวครับ  เป็นการหายใจที่ง่ายและมีประโยชน์มาก.....พอเราหายใจเข้าช้า ๆ จะรู้สึกเลยครับว่าซี่โครงจะขยายออก  ทำให้หน้าท้องส่วนบนใต้ซี่โครงส่วนบนสุดของหน้าอกขยายออก   หรือบางทีเราจะคุ้นว่า “หายใจเข้าท้องพอง.....” ท้องส่วนที่พูดถึงนี้  ไม่ใช่ส่วนที่เป็นพุงพะโล้นะครับ อย่างเข้าใจผิด  มันคือส่วนเหนือสะดือขึ้นมานิด  แต่ต่ำกว่าซี่โครง  หากหายใจเข้าไปจุดนี้ได้มาก  ลมหายใจจะลึกและยาวมากครับ....พอหายใจออก ก็ contract กล้ามเนื้อหน้าท้องเล้กน้อย  ไล่อากาศเสียออกไปให้หมด สิ่งที่น่าสังเกตุคือ .. การหายใจแบบใช้ Diaphrangm ที่ถูกต้อง  อกและพุงกระทิจะขยับน้อยมากครับ แทบไม่เคลื่อนไหว.....    หากเราหายใจโดยที่หน้าอกขยับมาก  หรือหน้าท้องเกร็งมาก....เราจะหายใจได้สั้นมาก....ลองสังเกตุคนเป็นโรดหอบหืดเวลาหายใจก็ได้ครับ.....หรือแม้กระทั่งเวลาเราโกรธ  เวลาหายใจเข้าหน้าอกก็จะกระเพื่อมเช่นเดียวกัน หากใครอยากฝึก  ก่อนนอนลองเอามือวางไว้ในจุดที่ผมบอกดูนะครับ แล้วสังเกคุการเคลื่อนที่ขึ้นลงของจุดเหนือสะดือ..เข้าท้องพอง...ออกท้องแฟบ....ครูปอยรับรอง....หลับสบายชัวร์  พันธงครับ นอกจากนั้น หากระหว่างฝึกโยคะ เราหายใจแบบนี้ได้  จะสามารถควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้สม่ำเสมอได้  การฝึกจะเบา สบาย และไม่เหนื่อยครับ...โดยเฉพาะการฝึกโยคะร้อน...แนะนำให้ใช้การหายใจแบบนี้ครับ จะทำให้เหนื่อยน้อยลงเยอะมาก..... วันนี้เหนื่อยแล้ว  พรุ่งนี้มาต่อการหายใจแบบที่สองกันครับ.... ขอเขียนการฝึกลมหายใจแบบ Basic ก่อนนะครับ  ชั้น advance  มาต่อทีหลัง .. จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 14 พ.ค. 50 23:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 555 ครูปอย จุ๊ๆ บอกม่ายด้าย ตอนนี้ จากโดนแซวหน้าคลาส ก็เริ่มลามไป โดนแซวทุกเวลาที่เจอคนในคลาสแล้ว งุงิ งุงิ แง้ว วี เข้าใจผิดมาตลอดเลยน่ะนี้ เพราะ พอครูบอกท้องพอง วีก็พยายามบังคับให้ท้องช่วงล่างป่องออกอ่ะ ไม่ใช่ ท้องเหนือสะดือ แล้วจะรอ ขั้น advanced จ้า ปล. เวลาหายใจเข้าลึกๆ ก็ยังคงหนาวอยู่น่ะ ไม่เห็น burn แล้วอุ่นเลยง่ะ จากคุณ : สงครามกวี - [ 15 พ.ค. 50 11:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 .............สำหรับ link  ตามด้านล่างครับ ..........((((โยคะนอกเสื่อ))))......... http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2007/03/L5228903/L5228903.html ..........((((โยคะนอกเสื่อ)))).........ตอนที่สอง http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2007/03/L5232311/L5232311.html ............(((((โยคะนอกเสื่อ)))))))).....ตอนที่ 3 แลกด้วยหัวใจ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2007/03/L5243692/L5243692.html (((((((โยคะนอกเสื่อ))))))) . ตอนที่เท่าไหร่ไม่รู้ เมื่อผมเริ่มสอนโยคะ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2007/03/L5248048/L5248048.html .....(((((โยคะนอกเสื่อ)))))........ ภาคที่ 5 ดร. หรือ โยคะ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2007/03/L5251656/L5251656.html ............((((โยคะนอกเสื่อ)))))).........ภาคขั้นเวลา...มาเล่นเกมส์กัน http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2007/03/L5253682/L5253682.html (((((((โยคะนอกเสื่อ)))))) ..ตอนที่ 7 YIN-YANG โยคะ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2007/03/L5259817/L5259817.html ......(((((โยคะนอกเสื่อ))))))........ตอนที่ 8 โยคะกับอิฐสองก้อน http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5266950/L5266950.html ..(((((โยคะนอกเสื่อ)))))) .ตอนที่ 9 โยคะกับวันที่รู้สึก Down (อย่างแรง) http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5284547/L5284547.html ..(((((โยคะนอกเสื่อ)))))) .ตอนที่ 10 Downward-facing dog after raining day:) http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5289406/L5289406.html#26 ((((โยคะนอกเสื่อ)))) .ตอนที่ 11 เด็กซาปอยกับ Power Yoga http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5307215/L5307215.html .......(((((โยคะนอกเสื่อตอนที่ 12))))))) Monkeyyyy pose http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5338695/L5338695.html#76 ...........((((((โยคะนอกเสื่อ)))))) .. ตอนที่ 13 “Anusara Yoga” http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5354010/L5354010.html สารพันปัญหาโยคะ ..(((((โยคะนอกเสื่อภาคพิเศษ))))))) . http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5372523/L5372523.html +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 11:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ทราบว่า ได้ทำ blog ไว้ด้วยหรือเปล่าครับ พอดีผมอ่านไม่เจอ หรือข้ามไปแล้ว เอ่ย รบกวนทำ link ให้ด้วยนะ จะขอ Save ไว้ ขอบคุณครับ จากคุณ : sirivajj - [ 15 พ.ค. 50 11:24:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ sirivajj รู้สึก ครูปอย เอาลง blog แล้วน่ะ ลองจิ้ม ได้เลยจ้า จากคุณ : สงครามกวี - [ 15 พ.ค. 50 11:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 "sirivajj" I updated my blog untill..........(((((โยคะนอกเสื่อตอนที่ 12))))))) Monkeyyyy pose Not yet for “Anusara Yoga”  and  สารพันปัญหาโยคะ ..(((((โยคะนอกเสื่อภาคพิเศษ))))))) . will try to update soon na krab:) +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "สงครามกวี" Thanks so much krab....will answer you this evening na krab:) ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 13:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาต่อกันครับ....จริง ๆ ใครอยากรู้สึกถึง “Diaphragmatic Breathing” ให้ลองหายใจในท่า Crocodile posture ก็ได้ครับ เป็นท่านอนคว่ำ  แยกขาออกห่างหันตามสบาย...แต่แทนที่หน้าอกจะราบติดพื้น ให้กำกำปันแล้วงอศอก ให้กำปั้นซ้อนทับกันตรงจุดกึ่งกลางพอดี  ทำให้ช่วงแขนกับลำตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม  แล้วพักหน้าผากตรงกำปั้นนั่นแหละครับ ในท่านี้  อกจะยกขึ้นจากพื้น  แต่ท้องเหนือสะดือจะกดติดพื้นพอดี.... ดังนั้น หากใช้วิธีวางมืออย่างที่กล่าวข้างต้นแล้วไม่รู้สึก ให้ใช้ท่านี้แทนได้ ข้อดีก็คือ การทำอย่างนี้ ท้องและหน้าอกจะผ่อนคลายตามธรรมชาติ แล้วจะเป็นการบังคับให้ต้องหายใจด้วย Diaphragm โดยอัตโนมัติ  เวลาหายใจเข้า จะรู้สึกถึงแรงกดของท้องที่ดันพื้น  หายใจออกก็จะรู้สึกผ่อนคลาย สบาย....ดังนั้น หากเหนื่อยมากหลังการฝึก....จะปรับสมดุลด้วยท่านี้ก็ได้ครับ....จะได้ผ่อนคลายไปด้วย.....อ้อ  ลืมบอกไป อย่าหายใจโดยใช้ปากนะครับ  พลังงานจะหายไปหมด....แนะนำให้ใช้การหายใจเข้าออกโดยผ่านจมูกครับ  นอกจากจะเป็นการหายใจเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ  ซึ่งนอกเหนือจากที่กล่าวไว้ในที่นี้..... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 15:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาต่อการหายใจแบบที่สองกัน .“Balancing Breathing” การหายใจแบบนี้ผมชอบ และฝึกอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะจากการที่เคยสังเกตุตัวเอง.....ร่างกายไม่เคยอยู่นิ่ง เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ใจก็เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกว่าการ Balance ร่างกายด้านขวา หรือซ้ายของผมก็มักจะเปลี่ยนไปตาม วัน เวลา   ช่วงเช้า ช่วงเย็น  การ Balance ของร่างกายผมไม่เคยเหมือนเดิม..... สิ่งที่ผมจะใช้เช็คสมดุลร่างกายได้ง่ายที่สุด  คือการหายใจโดยผ่านรูจมูกทีละด้าน....ด้านไหนขัด  นั่นแหละครับ  ความไม่สมดุลระหว่างกายกับใจมาเยือน.....ช่วงที่ผมตัวอ่อนมาก ๆ อาจบอกว่าอ่อนเกินไป  ตื่นนอนขึ้นมาจะงัวเงียมาก.... เหมือนไม่มีแรง...พอตรวจลมหายใจปุป...ก็เจอปั๊ป.... จมูกขวาผมตันครับ  จมูกซ้ายหายใจได้โล่งมาก แต่มันตันจมูกขวา.... หรือช่วงไหนตัวแข็ง ไม่อยากยืดเหยียด  จมูกขวาผมก็มักจะตัน.... ซึ่งเรื่องหล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก...อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่า....  ด้านขวา คือด้านแห่งพลังงาน  พระอาทิตย์ ด้านแห่งหยาง   ด้านแห่งความกระตือรือร้นและการตื่นตัว ด้านซ้าย คือหยิน คือด้านแห่งความเฉื่อย ความเย็น  พระจันทร์ และความอ่อนตัว ดังนั้น หากพลังทั้งสองซีกของร่างกายไม่สมดุล  ลมที่ผ่านจมูกแต่ละด้านก็จะขัดไปด้วยเสมอ.... ดังนั้นการฝึกลมหายใจ หรือ Pranayama แบบนี้ ก็จะทำให้ร่างกายสมดุล ใจเราสมดุล ไม่เฉื่อย หรือขี้เกียจ แต่ก็ไม่ตื่นตัวจนฟุ้งซ่าน หรือเพ้อเจ้อ....ทุกอย่างสมดุล  JUST ENOUGH....... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 15:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 การหายใจแบบนี้ง่ายมากครับ ให้นั่งขัดสมาธิ จะเป็นแบบ Half Lotus หรือ Full Lotus (ขัดสมาธิเพชร) หลักในการนั่งก็คือ พยายามให้สันหลังยืดตรง แต่ผ่อนคลาย   พระพุทธเจ้าใช้ขัดสมาธิเพชรเพราะจะบังคับให้แนวสันหลังตั้งตรงโดยปริยาย ทำให้หลังผ่อนคลายและนั่งได้นาน  โดยเฉพาะหากจะฝึกสมาธิแบบนาน ๆ   จากนั้นให้ใช้นิ้วมือด้านที่ถนัดอุดรูจมูกด้านที่ไม่ใช้หายใจ     แต่โดยมากมักจะใช้มือขวา......โดยจะใช้นิ้วหัวแม่มืออุดรูจมูกขวา  และใช้นิ้วกลางสำหรับรูจมูกซ้าย   หากใครนัดมือซ้าย จะทำกลับกันก็ได้ครับ   มืออีกข้างวางไว้ตามสบาย   ในหนึ่งรอบจะเริ่มโดยใช้นิ้วโป้งปิดรูจมูกด้านขวา....จากหายใจออกจากจมูกซ้ายให้หมด จากนั้นเริ่มนับขั้นแรก 1. หายใจเข้าผ่านจมูกซ้าย เแบบ “Deergha Swasam (Complete Breathing)” จะพูดในรายละเอียดทีหลังนะครับ.... 2. จากนั้นปิดกลั้นไว้ทั้งสองรูสมูก (อาจกลั้นไว้สักพักก่อนทำขั้นต่อไป เป็นการกักลมไว้ในร่างกาย ให้ cell ทุก cell ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ) 3. เปิดรูจมูกขวาและหายใจออกผ่านรูจมูกด้านขวา (อาจกลั้นไว้สักพักก่อนทำขั้นต่อไป) 4. หายใจเข้าผ่านจมูกขวา 5.ปิดกลั้นไว้ทั้งสองด้าน (อาจกลั้นไว้สักพักก่อนทำขั้นต่อไป เป็นการปิดกลั้นลมไม่ให้อยู่ในร่างกาย   ให้ cell ขับของเสียออกมาให้มากที่สุด ก่อนจะออกไปพร้อมลมหายใจเข้าอีกรอบ) 6. หายใจออกผ่านจมูกซ้าย (อาจกลั้นไว้สักพักก่อนทำขั้นต่อไป) ครบหกขั้นที่กล่าวมานับเป็น 1 รอบ แล้วเริ่มต้นใหม่...... จะทำกี่รอบก็ได้  จนลมหายใจที่ผ่านจมูกทั้งสองข้างสมดุลกัน..... ทีนี้ อัตราส่วนในการหายใจอาจจะหายใจเข้านับ 1 2 3 กลั้น 1 2 3 ออก 1 2 3 คืออัตราส่วนในการหายใจเข้า ออก และกลั้นลมจะเท่ากันเป็น 1 ต่อ 1 การกลั้นลมหายใจอาจจะไม่ต้องทำก็ได้ หากทำแล้วรู้สึกไม่สบาย  แนะนำว่าไม่ให้ทำครับ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 15:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พอฝึกได้ดีขึ้น  อาจเริ่มนับให้ยาวขึ้น  จาก 3 เป็น 4 5 6 ไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ความยาวของลมหายใจเรา หากฝึกขั้น Advance ขึ้นมาหน่อย...อาจหายใจเข้า 1 ส่วน  หายใจออก 2 ส่วน คือหายใจออกยาวกว่าหายใจเข้าเป็น 2 เท่าหรือมากกว่าก็ได้  ซึ่งผมจะชอบการฝึกแบบนี้ เพราะโดยส่วนตัวสามารถหายใจออกได้นานกว่าหายใจเข้า เอาเป็นว่า Free style ครับ  ถนัดแบบไหน ทำแบบนั้น ส่วนการหายใจแบบ “Deergha Swasam (Complete Breathing)” ที่บอกไว้  บางทีจะเรียกว่าการหายใจแบบโยคี คือการหายใจแบบเต็มรอบ  จะแบ่งการเติมเต็มลมหายใจเป็น 3 ส่วน   1. จะเริ่มตั้งแต่การหายใจ ให้ลมผ่านเข้ามาตั้งแต่ช่องท้อง  ไม่ใช้ท้องส่วนบนอย่าง Diaphragmatic Breathing แล้วนะครับ คราวนี้คือพุงกะทิจริงๆ  :) ให้นึกถึงจักระใต้สะดือหรือตรงท้องน้อยเข้าไว้   2. จากส่วนพุงกะทิ  ให้หายใจผ่านเข้ามาถึงส่วนที่สอง  คือ Diaphragmatic Breathing นี่เอง  ให้คิดถึงจักระเหนือสะดือขึ้นมาไว้ 3. จากนั้นให้หายใจเต็มเต็มส่วนสุดท้ายคือหน้าอก  ให้เรานึกถึงลมที่ผ่านเข้าไปให้หัวใจ  ให้นึกถึงการเปิดใจ และผ่อนคลาย ที่สำคัญ อย่างเกร็งหัวไหล่ครับ ให้นึกถึงกานที่อกค่อย ๆ ยกสูงขั้น ใจที่เปิดขยายขึ้น ไม่มีที่สิ้นสุด.............. จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 15:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนการหายใจออก ก็จะทำกลับขึ้นตอน เริ่มจากอก  เหนือสะดือ และท้องน้อยในที่สุด ลองจินตนาการเหมือนการเติมน้ำลงไปทีละส่วนก็ได้ครับ.... ดั้งนั้นในการหายใจผ่านรูจมูกแต่ละครั้ง ให้เต็มเต็มลมทีละส่วนอย่างช้า ๆ "ไม่ขัด ไม่กลั้น ไม่เกร็ง  " ให้เป็นธรรมชาติ  ฝึกแรงๆ  อาจจะมีเกร็งบ้างเพราะไม่คุ้น  แต่ทำจนชินแล้วจะรู้ ว่าปอดเราสามารถเก็บออกซิเจนได้มากกว่าที่คิด  อิอิ..... หากฝึกจนชำนาญ  สามารถกลั้นลมระหว่างช่วงทั้งสามช่วงได้ด้วย แต่ผมไม่แนะนำให้ทำกับการหายใจผ่านจมูกทีละด้านแบบนี้ครับ... เอาหละครับ นอกจากจะหายใจแบบสลับได้แล้ว.... ผมยังมี “เทคนิคเพิ่มเติม” แต่การทำแบบนี้ไม่ได้ใช้ในการ Balance ลมหายใจนะครับ จะใช้เป็นตัวช่วยเวลาเราต้องการพลังด้านไหนเป็นพิเศษ...... แบบว่า ขอตัวช่วย....ขี้โกงอีกแล้วเรา....55555 คือ ..ถ้าวันไหนใครตื่นนอนแล้วเพลีย รู้สึกไม่มีแรง หรือก่อนการฝึกโยคะที่วันนั้นต้องการพลังงานมาก ฝึกท่าที่ต้องใช้ความแข็งแรงมาก  แนะนำให้ปิดจมูกซ้ายอย่างถาวร แล้วฝึหลมหายใจให้เข้าออกจมูกขวาด้านเดียว.....เข้าขวา ออกขวา แต่หากวันไหนเครียด  ฟุ้งซ่าน  ต้องการผ่อนคลาย และสงบ  อย่างก่อนการฝึก YIN โยคะ ผมก็จะให้หายใจโดยใช้จมูกซ้ายอย่างเดียวเช่นกัน...อุดขวาอย่าถาวร เข้าซ้าย  ออกซ้าย หมายถึงเฉพาะตอนฝึกลมหายใจนะครับ....ไม่ใช่ระหว่างการฝึกโยคะ ลองดูนะครับ....ผมทำแล้วได้ผลจริง ๆ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 15:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โอ้ว  ท่าจะเป็นกระทู้ที่ยาวมากกกก อีกแล้วครับพ่อแม่พี่น้อง.... นี่เพิ่งเขียนไปได้แค่สองแบบ......จะรอดไหมเนี่ยเรา....หลัง ๆ ยิ่งเขียน อาจจะยิ่งสั้นลง...ตามความขี้เกียจของใจ...อิอิ  ขอไปฝึกลมหายใจก่อน  เดี๋ยวมาต่อกับการหายใจแบบที่ผมชอบมากก.... เป็นการหายใจที่ใช้ clear ความฟุ้งซ่าน ความคิดที่มันมากเกินไปออกจากหัว....กับ .....การหายใจแบบผึ้งน้อย ...”Brahmari Breathing”....... แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 50 21:08:00 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 15:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 BEEEEE.....................:) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 15:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แบบ Complete Breathing ฝึกยากอะ สติยังไม่แรงพอที่จะแยกความรู้สึกของลมหายใจว่ามันอยู่ช่วงไหนของร่าง มันยัง feel ไม่ได้อะครูปอย ปล. ฝึกสติปัฎฎาณ 4 มาได้ซักพักแล้ว แต่ยัง feel ลมหายใจในร่างกายไม่ได้ขนาดนั้น มีเทคนิคแนะนำเปล่าคะ จากคุณ : emuluky - [ 15 พ.ค. 50 15:59:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^___^ จากคุณ : รักน้อยนิด - [ 15 พ.ค. 50 16:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่ได้ฝึกปราณายมะในแบบของโยคะเลยครับ ตอนไปเรียนก็มีในแบบ #20 แล้วก็ การหายใจแบบอุชชายีในคลาสอัษฎางฯ เท่านั้น ผมเห็นครูโยคะแต่ละคน ฝึกปราณายมะ เวลาแขม่วท้องนี่ลงไปเกือบติดกับกระดูกสันหลัง  ส่วนของผมนี่มีแต่พองออก ๆ คิคิ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : คุโระจัง - [ 15 พ.ค. 50 17:04:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เคยลองฝึกแบบพื้นฐาน คล้ายกับที่ครูปอยบอกแต่ยังสังเกต ความรู้สึกได้ไม่ใช้ อาจเป็นเพราะฝึกไม่ต่อเนื่องมั้งคะ หรืออาจเพราะไม่ช่างสังเกตเหมือนครูปอย อิอิอิ ยกตัวอย่างเรื่องจีบสาวชะเห็นภาพเลยคะ รออ่านอย่างใจจดใจจ่อนะคะ จากคุณ : Sweet Sin - [ 15 พ.ค. 50 20:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 "สงครามกวี " ไม่บอกก็ไม่เป็นไร  แอบคิดว่าใช่  อิอิ...อ้าว คือถ้าใช่ จะฝากขอไปให้ด้วย...ผมรัก Aisha มากกกกกก...ครูที่ติงต๊องที่สุดในโลกกกกก....55555 ส่วนเรื่องหายใจลึกแล้วหนาวนี่ หายใจแบบไหนครับ เรื่องท้องป่องอีกเรื่อง เพราะหากเป็นการหายใจแบบโยคี  พุงกะทิก็ป่องจ้า  ขึ้นกับรูปแบบที่ใช้มากกว่า ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ "emuluky" หากไม่รู้สึก  ให้ใช้จินตนาการได้ครับ อย่างเช่นเวลาเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิ  อาจนึกถึงลูกแก้ว   หายใจเข้าให้ลูกแก้วค่อย ๆ ลอบขึ้นจากเท้า  ผ่านขา ตัว หน้าท้อง อก คอ ศรีษะ  หายใจออก ให้ลูกแก้วค่อย ๆ ต่ำลง ๆ ไปตามลำดับ  หากลมหายใจละเอียด จะจับได้ยากครับ หรือบางครั้ง อย่างหลวงพ่อจรัญ ท่านก็ให้จับที่ความเคลื่อนไหวของหน้าท้องแทน ก็ยุบหนอ พองหนอนั่นแหละครับ แต่จับให้ละเอียดนะครับ....ทุกจังหวะที่พองและยุบ....เพราะลมหายใจบางทีจับยากครับ แล้วจริงๆ  แล้ว หากลมมันละเอียดมาก  บางทีจะรู้สึกว่าไม่หายใจด้วยซ้ำ   แต่การฝึกสติปฏฏาณ 4 การจับที่ลม ทำเพื่อให้ใจสงบขึ้น  พอใจเริ่มสงบ  มีสมดุลระหว่างสติและสมาธิแล้ว ท่านให้ฝึกพิจารณาครับ พิจารณาความไม่เที่ยงของกาย  ของใจ ทุกอย่างเกิด  คงอยู่ แล้วก็ดับไป  แม้แต่อารมยณ์  หรือ ความเจ็บปวดของร่างกายหากนั่งสมาธินานๆ  เห็นธรรมชาติของกายและใจ ว่าคือความไม่แน่ ไม่เที่ยง ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนนั่นเอง ทุกข์ก็ไม่แน่ สุขก็ไม่แน่......แนะนำให้พิจารณามากกว่าครับ.... นี่เป็นอีกสิ่งที่โยคะไม่ได้สอนโดยตรง  แต่พระพุทธองค์ทรงตัสไว้อย่างละเอียด  โยคะอาจจะเน้นที่สติเช่นกัน ( Awareness ) แต่พุทธองค์ทรงมุ่งตรงสู่เป้าหมายเดียว  คือ การดับทุกข์  ครับ ผมว่ามาถูกทางแล้วครับ  ลองปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ ครับ.... ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ "รักน้อยนิด" สวัสดีจ้า...เป็นคนที่หารูปมาแป๊ะได้เข้ากับ concept กระทู้จริง  ๆ  น่าให้รางวัล:) ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ "คุโระจัง" ผมก็ไม่ได้ฝึกการหายใจแบบโยคะอย่างจริงจังเช่นกัน  เป็นการฝึกแบบแค่พอเพียง อย่างที่เคยบอก หากฝึกลมหายใจ ผมยึดหลักของพุทธองค์ครับ ส่วนการหายใจแบบท้องแทบหายไปหมดนั้น เป็นขั้น Advance ครับ..... ผม  พุงหย่ายยย ทำม่ายล่ายอ่ะ อิอิ ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ "Sweet Sin " อ่ะนะ  มีแซว  ก็ของมันก็ต้องมีกันบ้าง...อิอิ ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ ส่วนการฝึก  ความต่อเนื่องสำคัญมากครับ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ จะเห็นผลโดยเร็ววัน:) +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 50 21:56:15 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 50 21:54:54 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 50 21:54:10 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 50 21:52:31 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 50 21:51:46 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 พ.ค. 50 21:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตามมารออ่านต่อ อิอิ ขอบคุณมากๆ ค่ะ คุณครูปอย เรียกตามคนอื่นด้วยดีก่า อิอิ :-) จากคุณ : Teddy Bear (I luv U) - [ 16 พ.ค. 50 10:11:13 A:58.8.181.50 X: TicketID:109021 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอขั้นเวลา ตอบคำถามที่ค้างไว้ของ Teddy Bear ก่อนต่อเรื่องการหายใจ คำถามคือ...... ท่าโยคะ ง่ายๆ แก้อาการปวดเข่า หรือช่วยให้หัวเข่าแข็งแร็ง อยากสอนคุณแม่ค่ะ ท่านอายุ 64 แล้วค่ะ อยากให้ท่านลองฝึกดูค่ะ เนื่องจากคุณแม่อายุมากแล้ว  การบริหารควจจะต้องระวังหน่อยครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้หาสาเหตุของการที่เข่าปวดก่อน หากเป็นที่กระดูกเสื่อม  หรือเป็นโรคไขข้อ  การใช้โยคะรักษาอาจจะเห็นผลช้า หรือบางทีก็แทบช่วยไม่ได้  เพราะการรักษาด้วยโยคะต้องใช้เวลาครับ และหากเป็นที่กระดูกเสื่อม หรือ density ของกระดูกที่ลดลงตามอายุ นอกจากการออกกำลังกายเพื่อเพิ่ม Bone Density แล้ว การทานอาหารก็สำคัญ  เช่น พวกแคลเซี่ยมก็มีส่วน...... อย่างไรก็ตาม  สิ่งเหล่านี้ใช้เวลาครับ  ไม่ได้เห็นผลอย่างรวดเร็ว แต่หากเป็นการปวกเข่าเนื่องจากความตึงของร่างกาย มันขัดตึงโดยทั่วไปตามอายุ  แนะนำให้ทำท่าอย่างรูปด้านล่างครับ ........ ”Supported Chair Posture”........ ยืนตรงให้ขาห่างกันประมาณระยะสะโพก.......หันปลายเท้าเข้าหากันเล็กน้อย อย่างแบะปลายเท้าออกเหมือนเป็ดนะครับ ให้เท้าทั้งสองข้างขนานกัน จากนั้นวัดระยะห่างระหว่างคุณ Teddy กับคุณแม่ให้พอดี   ให้คุณ Teddy กับคุณแม่ใช้มือจับที่ประมาณศอกของกันและกันไว้  ล็อกมือให้จับให้แน่นอ่ะนะ . จากนั้นให้ออกแรงดังกันและกัน พร้อมย่อเข่านั่งลงช้า ๆ จริง ๆ นั่งลงมากได้ก็จะดี   เหมือนนั่งเก้าอี้ในจินตนาการ  แล้วพยายามยืดหลังครับ อย่าแอ่น  แต่เนื่องจากคุณแม่ท่านอายุมากแล้ว เอาแค่ตึงก็พอครับ ไม่ต้องย่อมาก ที่สำคัญคือต้องค้างท่าแล้วหายใจอย่างสม่ำเสมอ การที่มีคุณ TEDDY เป็น partner น่าจะช่วยให้คุณแม่ไม่ต้องออกแรงหนักเกินไปครับ....................... อีกท่าที่ทำได้  หากท่าข้างบนมันหนักเกินไป หาเก้าอี้ นั่งแล้วยืดหลังให้ตรง  จากนั้นให้แตะขาขึ้นมา พยายาทล็อคเข่าแล้วค้างขาไว้ครับ น่าจะช่วยได้ ถ้าท่านยกลำบาก  TEDDY ช่วยใช้มือประคองเท้าเบา ๆ ได้ครับ  เป็นท่าเหมือนกายภาพบำบัดโดยทั่วไปครับ...... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 10:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อืมห์ อธิบายไม่ถูกแหะ ไว้วันเสาร์ไปเข้าคลาสฝึกหายใจอีกทีก่อน แล้วจะมาบอกว่า แบบไหน ถึงหนาวมาก อ่ะน่ะ ง้าน คงเป็นไปได้ว่า ครู สอนให้วี ดึง ลมหายใจ ไปไว้ที่ท้องช่วงล่างแล้วล่ะ สำหรับ วี น่ะ คลาสการฝึกหายใจ ยากกว่า คลาสอื่นๆ มาก เพราะสมาธิยากที่จะรวบรวม แต่ง่ายที่จะเสียไป งอลลลลลลลลลลลลล มาว่าครู ติงต๊องได้ไง ครูเค้าแค่น่ารักเป็นกันเองในแบบของเค้าต่างหาก อิอิ จากคุณ : สงครามกวี - [ 16 พ.ค. 50 10:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แต่หากสาวๆ  อายุยังน้อย  อยากฝึกท่านี้  ครูปอยไม่อนุญาติให้ใช้ผู้ช่วย   ต้องช่วยตัวเองครับ นั่งลงในต่ำแหน่งที่นั่งเก้าอี้แล้วยืดหลังฮับ......จะเป็นอย่างแอ่นหลังสุดโต่งเหมือนทำ Back Bending ในท่า Chair Posture หรือจะเป็นแบบ TUCK TAIL BONE DOWN ไม่แอ่นหลังก็ได้ครับ  ยืดให้ตรง  ลองดูนะครับ  เมื่อยเข่ายิ่งกว่าไปวิ่งมาเป็นครึ่งชั่วโมง.......ออกกำลังเข่าวันละน้อย เหมือนหาหมอผ่อนส่ง ตอนอายุมากขึ้นจะได้สบายคร้าบบบบบบ ดูตัวอย่างในรูปที่ 2 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 10:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 .........การหายใจแบบผึ้งน้อย ...”Brahmari Breathing” ..............ฮึม........มมมมมมมมมม........ คือเสียงอื้ออึงของฝูง Bramari หรือเหล่าผึ้งน้อยที่สั่นสะเทือนโสตมาแต่ไกล แต่ใครจะรู้บ้างว่า  แค่การออกเสียง ฮึม เพียงแค่ง่าย ๆ จะส่งผลกระทบต่อโสตประสาท   โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุดหู  ให้ความสั่นสะเทือนดังก้องในโสต  ให้ใจจับอยู่กับแรงสั่นสะเทือนและ connection จากภายใน   ทำให้ลืมความคิดและความสับสนต่างๆ ภายใน นี้คือที่มาแห่งเสียงผึ้ง  เสียงแห่ง Bramari  ที่ช่วยคลายความสับสนของกาย และใจ..... หากอยากลองฝึกการหายใจแบบนี้ เริ่มอย่างเดิมเลยครับ นั่งขัดสมาธิแบบใดก็ได้ในท่าที่สบาย  ยืดหลังให้ตรงแต่ไม่เกร็ง  คลายช่วงไหล่และคอ  รวมถึงความตึงเครียดในศรีษะ..... จากนั้นให้กำมือโดยเหลือนิ้วชี้ไว้  ใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างอุดหูด้านขวาและซ้าย  หายใจเข้าให้เต็มปอด.......  พอหายใจออกให้เปล่งเสียง  ฮึมมมมมมมมม...............ออกมา ให้รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนภายใน ปกติผมจะโฟกัสที่ third eyes คือ จุดตรงกลางหน้าผากเหนือตาทั้งสองข้าง  แรงสั่นจะเทือนจะมีทั้งค่อย หนัก เบา แล้วแต่การเปล่งเสียง ฮึมมมม ของเราตามลมหายใจ  บางครั้งวิ่งจากหูขวาไป.... ซ้าย    จากซ้าย..... สั่นมาขวา  บางที่มาหยุดที่ third eye แล้วดึงลึกลงไปไม่รู้จบ  บางครั้งอาจจินตนาการให้ดวงตาที่สามเปรียบเสมือนโลก  เสียงกระหึมแห่งผึ้งสะท้อนก้องไปมาสู่มหาจักรวาล...สู่ความไม่สิ้นสุด   สู่ความไร้ขอบเขต  ผ่อนคลายความคิด ผ่อนคลายจิตใจ  ในที่สุด ใจก็จะจดจ่ออยู่กับสิ่ง ๆ เดียว.... ดังนั้นการฝึกลมหายใจแบบนี้ จึงเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย  ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มฝึก หรือฝึกฝนขั้น advanced ประมาณสโลแกนที่ว่า  การหายใจแบบผึ้งน้อย....ใคร ๆ ก็ทำได้.... แต่มีประโยชน์มากมายจริง ๆ ครับ.... จะทำกี่รอบก็ได้....ขอให้ลองฝึกกันดูครับ..... แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 12:50:47 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 10:44:23 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 10:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 "สงครามกวี" I still want to confirm...that she is soooo..... ติงต๊อง... But so lovely....If u meet her....pls tell her know that KNOT miss her much:) If u will drop in SG pls tell me..I wanna pass my gift for her too:) +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ This evening we will continue another breathing teachnique...."Ujjai Breathing"......krab... แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 12:51:31 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 10:47:50 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ครูปอย ท่าใน คห 33 ยังโอเคน่ะ แต่ท่าที่ว่า ยืนแยกเท้า ประมาณ 3 ฟุต หันเท้าซ้ายไปทางซ้าย หันเท้าขวาไปทางขวา ยกมือขึ้นสูง นั่งลง แล้วแอ่นอก Oh my goddddddddddddddddddd what a killing posture anyway my trip to SG have to postpone to next year around feb or mar is it still available for you take care จากคุณ : สงครามกวี - [ 16 พ.ค. 50 11:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ^ II II II 55555 that's favorite posture for her....she love to teach that..actually it is so special post for KRYOGA style of master KAMAL.... Tonning up leg muscles...u will have so lean legs finally:) eieiiiiiii ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ Well..here are some postures that got a prize from PURE YOGA studio photo compettition.... Here come the gold prize..... Good one.... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 11:54:51 ]

ความคิดเห็นที่ 38 The first runner up...is.... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 11:55:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 2nd runner up.....goes to.... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 11:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 40 โอ้ววว ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ คุณครูปอย เดี๋ยวลองไปฝึกกับอามาม๊าดูค่ะ :-) คุณแม่ทาน Calcium ทุกวันค่ะ (บังคับ) อิอิ ขอบคุณเรื่อง Link ด้วยค่ะ กระทู้เข้าไปอยู่ในคลังแล้ว หาไม่ค่อยเจอเลยค่ะ ตอนนี้ ได้อ่านตั้งแต่กระทู้แรกแล้ว ดีใจจัง :-) จากคุณ : Teddy Bear (I luv U) - [ 16 พ.ค. 50 11:57:08 A:58.8.181.50 X: TicketID:109021 ]

ความคิดเห็นที่ 41 Cool one.... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 11:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 42 .. [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 11:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Such a cool doctor.... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 12:00:17 ]

ความคิดเห็นที่ 44 So here is what happen when a warrior try to build a house!!!!.....55555 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 16:21:45 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 12:54:10 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 12:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 And here is what can happen when u practise YOGA out of the MAT..... Another "CUTE" obstracle of mind...eieiiii แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 12:05:48 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 12:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Finally...when u float on the river.... "BODY Weight" can't help that much...hihihihi FORCE OF NATURES....... FLOW to the rythym of nature.... FLOAT your body and mind...... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 12:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 47 "Teddy Bear " I also save my katoo in my BLOG krab..a bit late update than what posted in katoo I will try to update as soon as possible...a bit lazy now..eieiiii แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 12:47:00 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 12:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 48 555 It's quite funny for comment 44 .. She's not just a warrior for house building, perhaps she may prepare herself for a nice fruit vender as well .. ieieiei ... หาบเถอะจ๊ะ แม่หาบ เย้วๆๆ 555 Don't be lazy! We all are waiting for your guide:-) จากคุณ : Teddy Bear (I luv U) - [ 16 พ.ค. 50 12:34:56 A:58.8.181.50 X: TicketID:109021 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอถามครูซาปอยหน่อยค่ะ  ท่า อุทกาตาสนะ (นั่งยอง)และต่อด้วย พัสสนะ  ทำไงให้นั่งได้เติมฝ่าเท้าค่ะ  เพราะนั่งที่ไรก็ล้มไปข้างหลังทุกทีเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 13:38:39 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 13:34:36 จากคุณ : รักน้อยนิด - [ 16 พ.ค. 50 13:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 50 5555555555 U MAKE ME LAUGHING A LOT TODAY  SPECIALY #43 & 44 SO FUNNNNNNNNNNY!! HOPE I CAN CONTROL MYSELF TO DO NOT THINKING AND LAUGHING ABOUT THIS POSE IN THE CLASS!!!! จากคุณ : b (benjihol) - [ 16 พ.ค. 50 15:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 51 กระทู้นี้ครูปอยสอนล้ำลึกจัง ยังทำไม่ได้เลยครับ เรื่องฝึกลมหายใจนี่ยากจิงๆ กว่าจะรวมจิตได้ รวมแล้วก็แตกซ่านอีก เค้าถึงบอกว่าท่าศพนี่ฝึกยากสุด มาสนับสนุนครูปอยอีกคน ว่าถ้าจะศึกษาเรื่องการกำหนดลมหายใจ ให้ฝึกตามคำสอนของพระพุทธองค์ ในเรื่องอาณาปาณสติ ท่านคือบรมครูที่สุดของที่สุดแล้วจริงๆ รูปจาก Pure Yoga ถ้าผมเป็นกรรมการผมให้รูป #43 ชนะเลิศครับ ตีคอนเซปท์แตกกระจุย เห็นทีแรกอึ้งไปเลย ฮาด้วย 55 เลยขอโพสรูปตัวเองต่ออีกนิดละกัน ถึงท่าไม่สมบูรณ์แต่อยากโพส คันยิกๆ series เดียวกับรูปแรกครับ จากคุณ : คุโระจัง - [ 16 พ.ค. 50 16:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 52 โอ้ ว้าว คุโระจัง รัศมี กระจายมากๆ ไว้ เดือนหน้า วีไปทะลน่ะ จะทำท่า โยคะ แล้วถ่ายรูปมาลงบ้างดีกว่า เลียนแบบ คุโระจัง งุงิ งุงิ คุณเบญ จ๋า ขอบคุณเรื่องไอเดีย ของขวัญน่ะ จากคุณ : สงครามกวี - [ 16 พ.ค. 50 17:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อิอิ โชคดีจิงจิง ที่เข้ามาอ่านหลังจากไปเข้า class มาแล้วไม่งั้นสงสัยจะขำกลิ้งแหงมเลย  ชอบ#44 มากคะเก๋สุดๆ ได้อารมย์มากว่าต้องทำท่าให้แข็งแรง ขนาดไหน โอ้ว โอ้ว แล้วพรุ่งนี้ป้าจะฝึกไป ยิ้มไป เหมือนคนบ้าไหนเนี่ย จากคุณ : Sweet Sin - [ 16 พ.ค. 50 20:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 54 หวัดดีครับทุกคน....:) ขอ REPLY ก่อนแล้วกันนะครับ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "รักน้อยนิด " ผมว่าลองเล่นกับตำแหน่งเท้าดูก่อนครับ....ส่วนมากผมจะพบปัญหานี้กับคนเส้นเอ็นร้อยหวายตึง เพราะนั่งไม่ลง ทำให้เท้ากดพื้นไม่ได้เต็มที่...... ลองให้เท้าห่างกันมากขึ้น หรือไม่ก็ลองเปิด หรือบีบปลายเท้าดู..........ปรับตำแหน่งเท้าอย่างไรก็ได้ครับ..... แล้วคิดถึงการยืดหลัง....น่าจะช่วยได้  ได้ผลอย่างไรมารายงานผมก่อนนะครับ..... +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "Benji......" เหมือนกันจ๊ะ  ลองได้ผลอย่างไร  รายงานด้วย:) ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุโระจัง " ไม่ได้ล้ำลึกอะไรหรอกครับ....อย่างที่บอก ผมก็กำลังฝึกอยู่ ไม่ได้เชี่ยวชาญครับ  แต่พยายามเล่าจากประสบการณ์ แต่ในรูป....ออร่าเต็มหัวเลย....อิอิ  แอบเห็นด้วยกับคุณวี....อิอิ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "Sweet Sin" ถ้าบ้าก็มีผมบ้าเป็นเพื่อนไม่ต้องห่วง....อิอิ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 07:44:59 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 21:48:51 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ......มาต่อกันที่การหายใจอย่างที่ 4 ที่ผมกล่าวถึงบ่อยมาก.... ........“Ujjai breath” ..sound of the ocean....... ปราณะแห่งท้องทะเล  กระแสคลื่นและพลังที่เงียบสงบ หากแต่ทรงพลัง ดุจเสียงคลื่นที่พัดเข้าและออกจากฝั่ง......จากใจ สู่กาย และ กายสู่ใจ.... การฝึก Ujjai นอกจากจะเป็นการ connection ของกายกับใจ   การหายใจแบบนี้ยังเป็นแหล่งแห่งพลังงาน  แหล่งแห่ง Muscular Energy ที่บางครั้ง อาจมีกระแส Pulsation จากกายและใจเป็นช่วงๆ  แต่หากฝึกอย่างต่อเนื่อง  กายและใจก็จะนิ่งไปเอง........ นิ่งอย่างเต็มไปด้วยพลังแห่งปราณะที่ไหลเวียนอยู่ข้างใน.....พลังแห่งชีวิตที่กักเก็บไว้ในกาย..... เวลาฝึก Ujjai Breath ให้ลองนึกถึงการใช้การบีบหลอดลมช่วงกล่องเสียงหรือลำคอด้านหลัง ทำให้เกิดเสียงและแรงเสียดทานที่ด้านหลังคอลำคอ.... หากใครไม่รู้  ลองกลืนน้ำลายแล้วลองสังเกตุตำแหน่งที่บีบอยู่   หรือให้ ลองเปล่งเสียง  ฮา....ยาว ๆ ออกจากคอ แต่ห้ามออกเสียง   เราใช้จุดตรงนั้นแหละครับเป็นการบีบลมหายใจเวลาหายใจออก..... การหายใจแบบ Ujjai ทำได้ในทุก position ของร่างกาย  แม้ขณะเคลื่อนไหว....แต่หากจะเริ่มสังเกตุและจับลม ควรเริ่มในท่าที่สันหลังตั้งตรงก่อน   อาจยืนตรงหรือนั่งขัดสมาธิก็ได้ครับ.....เวลาหายใจเข้า  ให้นึกถึงแรงเสียดทานของลมที่ผ่านเข้ามาในช่วงคอเล็กน้อย   อาจารย์บางท่านอาจใช้คำว่าฮิสซิ่งชาวนด์  แต่ไม่ต้องเกร็งคอมากนะครับ  ให้โฟกัสที่การ Flow ของลมเข้าไปในช่องท้องมากกว่า  เวลาหายใจเข้า  ให้แขม่วท้องเล็กน้อย  แต่ไม่ถึงกับต้องขนาดเกร็งหน้าท้อง โฟกัสที่การขยายของท้องและช่วงอก   หายใจเข้าให้ลึกและยาว   หายใจออก บีบหลังลำคออย่างที่บอก  สร้างความเสียดทานที่ทำให้เกิดความร้อนและพลังงานในการหายใจ  ใช้หน้าท้องช่วยไล่อากาศออกไปให้หมด ที่สำคัญอย่าหายใจทางปากครับ ปากปิด แต่ไม่เกร็งริมฝีปากและใบหน้า...... หากลองหลับตาแล้ว Focus ข้างใน  ผมจะรู้สึกเสียงลมหายใจเหมือนเสียงคลื่น ที่พัดเข้า และ ออก...จากฝั่ง   ลมหายใจที่เงียบสงบ  แต่เต็มไปด้วยพลัง..... ก่อนฝึก POWER YOGA ผมมักจะใช้การหายใจแบบนี้เพื่อ Concentrate และ ทำให้เกิดการเชื่อมต่อของกายและใจกับลมหายใจ และ Warm Up ร่างกาย  หากเป็นการฝึกแบบ ASHTANGA มักจะใช้การหายใจแบบ Ujjai Breath ตลอดการฝึกฝน..... เวลา Flow ในท่า จะมีบ้างครับ โดยเฉพาะช่วงต้น  ที่ลมจะขัด จะหาย จะขาด  แต่เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง ตัวจะเบาขึ้น การติดขัดจะลดลง  ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 08:27:35 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 07:50:07 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 21:55:36 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 21:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 56 .............การหายใจแบบที่ 5 .“Spinal Breathing” . การฝึกแบบนี้  จะใช้สติที่ Flow ไปกับลมหายใจที่ลึกและยาว   หากเทียบกับการฝึกแบบพุทธ  ก็คงเทียบได้กับการฝึกสมาธิในท่ายืน  หากใครเคยฝึก “ยืนนนน  หนออออ...” ในคลาสกับหลวงพ่อจรัญคงจะนึกภาพได้ดี         เพียงแต่โยคะจะอธิบายในจุดต่าง ๆ (จักระ) ตามร่างกายให้จับตามไปด้วย.... จักระทั้ง 7 จุดเริ่มตั้งแต่ มูลธาร คือจักรล่างสุด  จนถึงจักรกลางกระหม่อม  จักรแห่งการหยั่งรู้ และ Connection สูงสุด  ผมไม่ขอไล่ตามทุกจักระ แต่ให้สังเกตุตามรูปด้านล่างเอานะครับ  การ flow ของลมเหมือนเส้นที่เชื่อมต่อตามรูป การที่ต้องใช้สติในการฝึกแบบนี้ เพราะเราจะใช้จินตนาการว่าลมผ่านจักระต่างๆ  ของร่างกาย ทำให้ใจสงบขึ้น ความคิดที่ผ่านเข้ามาน้อยลง....มาเริ่มกันดีกว่าครับ 1. หายใจเข้า ให้นึกถึงลมที่ flow ผ่านเข้ามาที่จักรแรกคือกลางกระหม่อม....ผ่านจักระที่สอง  กลางหน้าผาก   จักระที่สาม หลังคอ และไล่จักรตามสันหลังคือ จักระที่สี่ หน้าอก  จักระที่ห้า  เหนือสะดือ จักระที่หกเหนืออวัยวะสืบพันธุ์ และจักระสุดท้ายที่ทวาร.....ฐานแห่งพลัง..... 2. หายใจออกจากจักรล่างสุด กลับไปหาบนสุดดังรูป  อาจนึกถึงการลอยของดวงแก้วขึ้นลง หรือกระแสที่ flow ของลมก็ได้ครับ ส่วนตัว ชอบจินตนาการเป็นดวงแก้ว เพราะพอจินตนาการเป็นกระแส มันมีหลายกระแสมากเหลือเกิน เดียวแตก เดียวรวม   แล้วจิตมันวิ่งเร็วมากครับ บางทีจากจักระกลางกระหม่อม ไปโพล่อีกทีที่เหนือสะดือเลยก็มี..... จริง ๆ สามารถดึงไปได้ถึงเท้าหากทำตอนยืน  อย่างหลวงพ่อท่านสอนยืนหนอและครับ ให้รู้ตัวว่านั่งหรือยืน  แล้วความคิดมันแว๊ปเข้ามาตอนลมหายใจอยู่ช่วงไหน จักระใด เข้าหรืออก เหมือนเรามีผู้สังเกตุการณ์  ขอย้ำว่าแค่สังเกตุนะครับ ไม่ห้าม ไม่เกร็ง ไม่กลั้น ปล่อยไปตามสบาย ตามธรรมชาติ เราแค่รู้แล้ววาง.....มันจะเป็นกลไกของมันเองครับ "อย่ากดจิตครับ" อย่าที่พระพุทธองค์กล่าว มนุษย์คือสัตว์ที่สั่งสอนได้ และเรียนรู้ธรรมชาติของตัวเองได้จากการฝึกหัดครับ  รีบ ๆ ช้า ๆ นะครับ..... หรือหากไม่ถนัดท่ายืน ยืนแล้วตัวมันโยกไป เยกมา  ลองทำในท่าศพอาสนะก็ได้ครับ  แต่ที่ไม่อยากแนะนำเพราะ "มันยากกว่า" ....มันจะหลับก่อนที่ Awareness จะมากพอ..เพราะร่างกายมันโดย spoil ครับ...... จริงๆ ต้องบอกว่า การฝึกในท่าศพอาสนะยากที่สุด  เพราะผมหลับทุกที....มันสบายอ่ะ....นับเป็นการฝึกที่ Deep มากเช่นกัน....:) แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 07:51:40 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 07:42:37 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 21:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 57 .......การหายใจแบบที่ 6 ”Walking Breathing” หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือการเดินจงกรมดี ๆ นี่เองครับ  จะคล้ายกับแบบแรก แต่จะยากกว่านิดตรงที่ร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลา ดังนั้นแทนที่จะจับที่ทุกจักระ  ผมจะจับที่เท้าครับ  สังเกตุเท้าที่ค่อย ๆ ยก  ก้าว  และเท้าแต่ละส่วนที่ค่อย ๆ แตะพื้น  และค่อย ๆ ยกขึ้นใหม่  แล้วก็ให้รู้ตัวว่าเดินอยู่ครับ  อยู่กับปัจจุบัน..... หากฝึกจนชำนาญ  การฝึกแบบนี้จะทำให้ Hatha โยคะ ก้าวหน้าอย่างมาก เพราะกาย ใจ และลมหายใจจะ Flow ไปด้วยกันครับ  พร้อม ๆ กับการเคลื่อนไหวของร่างกายและพลังงาน....... จุดมุ่งหมายจริงๆ  ของการฝึกลมหายใจแบบต่าง ๆ คือ การนำ Awareness หรือสติ  ติดตัวไปตลอดเวลา ไม่ว่าจั่ง ยืน เดิน กิน นอน  มันจะมีขาดช่วงบ้าง แต่หากทำให้สม่ำเสมอ มันก็จะต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ ........ ดังพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ทรงย้ำก่อนปรินิพพาน  ให้ดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท.........   ไม่ประมาทในความหมายนั้น  กินความลึกกว่าที่ผมเคยทราบ แต่ก่อนผมมักจะเถียงว่า  อ้าวก็ฟังอยู่นี่ ไม่ได้ไปกินเหล้า เมายา แปลว่าไม่ประมาท เค้าเรียกว่ารู้น้อยแล้วอวดฉลาดจริงๆ  จนผมได้เข้ากรรมฐาน  จึงได้เข้าใจ ว่า[B]ไม่ประมาท คือ ดำรงสติรู้เท่าทันอยู่ตลอดเวลา  ทุกลมเข้าและออก ดำรงอยู่ด้วยอานาปาณสติทุกกริยา  [/B] นั่ง ยืน เดิน พูด หรือ นอน....นี่แหละครับ  ที่ไม่ประมาท  ไม่ใช่แค่ไม่ขับรถเร็ว ไม่กินเหล้าแปลว่าไม่ประมาท.... ดังนั้นหากถามผมว่าการฝึกลมหายใจขั้น advance แบบอุด ปิด กลั้นจักระบางจักระ   หรือคุมลมหายใจ บีบอวัยวะภายใจจนบางทีพุงติดสันหลัง หรือการฝึกกลั้นลมหายใจจำเป็นหรือไม่ ผมมั่นใจว่า...."ไม่จำเป็นครับ" การทำแล้วไปบังคับมันซะอีก  ที่ยิ่งจะบีบจิต และใจ ให้ไปผิดทาง การคุมกายควรทำแต่พอดี  ตามทางสายกลาง  แต่ใช่ว่าการฝึกเหล่าวนั้นไม่มีประโยชน์  ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน  มีจุดประสงค์ต่างกัน.....บางครั้งอาจช่วยเสริมกัน..... แต่ในความเห็นส่วนตัว การฝึกลมควรฝึกแบบที่ให้ร่างกายสบายแต่ไม่มากเกินไปและผ่อนคลายมากที่สุด หากเกร็งหรือกลั้นมากเกินไป  ใจจะสงบได้อย่างไร..... ว่าแล้วก็ ขอต่อลมหายใจแบบสุดท้ายนะครับ ไม่อยากเขียนขั้น Advance เพราะหากเขียน ก็คงไปลอกตำราเค้ามา เพราะผมไม่ได้ฝึกอย่างจริงจัง ขอปิดกระทู้นี้ด้วยลมหายใจแบบสุดท้ายแล้วกันนะครบ เพราะแบบนี้ผมใช้ฝึกเป็นประจำเช่นกัน กับ .. “Breath of Fire” แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 07:56:15 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 16 พ.ค. 50 21:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ปาดดด เรื่องปราณายามะของครูปอยนี่ได้ความรู้ดีจริงๆเลยครับ   ส่วนรูปที่โพส แสงที่หัวนั่นไม่ใช่แสงอะไรหรอก มันคือแสง retouched ครับ 55 แบบว่าเขินเลยเอามาปิดๆหน้าหน่อย ตอนแรกว่าจะครอบทั้งหัว แต่ดูแล้วเหมือนมนุษย์หัวนีออน เลยเอาแค่แพลมๆ คิคิ วันนี้ฝึกท่าหนุมาน ก็ก้าวหน้าไปตามลำดับ แต่พอเหยียดขาซ้ายไปข้างหน้าบ้าง  พอขาตึงแล้ว แต่ด้วยความไม่แน่ใจว่ามันสุดยัง ก็เลยพยายามยืดต่อไปอีก  ผลทีได้คือ แคว่ก! เอาอีกแล้วว เส้นใต้ขาด้านในเจ็บจี๊ด ดีที่หดขาทัน เลยเจ็บตัวน้อยหน่อย แล้วเอายาทาทันที มะรืนนี้หวังว่าคงเข้าที่ ไม่เหมือนที่เจ็บคราวที่เริ่มฝึก แทบร้องเจี๊ยกเป็นลิงจริงๆ จากคุณ : คุโระจัง - [ 16 พ.ค. 50 22:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สงครามกวี ไม่ต้องรอไปทะเลหรอก เอาตรงหน้าบ้านเลย อยากดูไวไว ^_^ จากคุณ : คุโระจัง - [ 16 พ.ค. 50 23:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ลองนั่งแล้วเอาเท้าห่างกัน 6นิ้ว  ถึงจะนั่งได้แต่ต้องเอามือยืนไปข้างหน้าประกบพนมมือ  และถ้าเอามือยืดขึ้นแบบรูปบนก็หงายหลังเหมือนเดิมค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 50 23:31:37 จากคุณ : รักน้อยนิด - [ 16 พ.ค. 50 23:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แอบมา Reply ตอนเช้าอีกหนึ่งรอบ  เย็น ๆ จะมาต่อเรื่องลมหายใจครับ โอ้ว....”รักน้อยนิด”โทษทีครับ เมื่อคืนอ่านผิด คิดว่าล้มไปด้านหน้า อ่านอีกที่ถึงรู้ว่าล้มไปด้านหลัง งั้นไม่น้าเป็นที่เอ็นร้อนหวายแล้วหละครับ เพราะหากเป็นเอ็นร้อยหวาย จะกดส้นเท้าไม่ลง นั่งแล้วส้นเท้าจะลอย.......เหมือนทรงตัวอยู่ด้วยปลายเท้า  แต่ถ้าล้มไปด้านหลังนี่ หลังเท้ายืดมากแล้วครับ น่าจะโอเค ทีนี้  หากมันล้มไปด้านหลัง  โดยส่วนใหญ่จะกลับกันครับ คือเท้าด้านหน้าจะเปิด  กดน้ำหนักลงที่ Ball of feet ไม่ได้  ดังนั้นก่อนจะนั่งจนสุดและระหว่างนั่งจนสุดแล้ว กด Ball of feet ไว้ครับ  อย่าเพิ่งนึดถึงกานยืดหลัง  ให้นึกถึงการยืดไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด  แขนชี้ไปข้างหน้าช่วยก็ได้ครับ ขอให้นั่งให้สุดแล้วกดน้ำหนักลงที่ Ball of feet โดยเฉพาะที่หัวนิ้วเท้าและเท้าด้านในให้ได้ก่อน....หากทรงตัวอยู่ ค่อย ๆ วาดมือชูขึ้นช้า ๆ หยุดในตำแหน่งที่เกือบล้ม....หากเท้าลอย กดลงไปใหม่ครับ.... จริงๆ Alignment ที่บอก เป็น Fine Alignment ครับ ค่อย ๆ ปรับแล้วจะดีขึ้นเอง  ลองทำแล้วมารายงานใหม่นะจ๊ะ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ “คุโระจัง” เห็นรูปอีกทีแล้วเพิ่งนึกได้ สิ่งที่ชอบในรูป Standing head to knee ที่แป๊ะไว้  คือข้อมือครับ เพราะท่านี้ต้องยืดแม้กระทั่งข้อมือ  ในรูปข้อมือตรงดีมากกกครับ  เป็นการจับเท้าที่ถูกต้องมากครับบบบบ........... ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 08:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุโระจัง เรียก วี เฉยๆ ก็ได้จ้า ได้ไม่ต้องพิมพ์ ยาว หน้าบ้านเลยเรอะ กะว่า จะแอบทำในห้องน้ำ แล้วถ่ายรูปมาลงน่ะนี้ งุงิ งุงิ พี่สาว คนหวาน sweet sin ไม่เห็น up date กระทู้ตัวเองอีกเลยอ่ะ วีอ่านครั้งสุดท้าย ก็เรื่อง หัดเรียนจาก ซีดี น้า จากคุณ : สงครามกวี - [ 17 พ.ค. 50 09:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอร่วมลงรูปตัวเอง ให้ครูโยคะในนี้ Comment เรื่องของการจัดระเบียบร่างกาย หน่อยครับ จากคุณ : armadius - [ 17 พ.ค. 50 10:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 64 “Armadius” เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมไม่ค่อยเชี่ยวชาญ Inversion posture ดังนั้น ถ้าถามว่า Alignment เป็นอย่างไร  แค่ทรงตัวได้ดีผมก็ว่าเยี่ยมแล้วครับ....ดู Position ของศีรษะและมือก็ดูจะโอเคครับ.....แต่ Alignment ที่มองไม่เห็น  คือ Alignment ทางใจครับ....อยากให้ Focus ที่ความรู้สึกเบา สบาย แม้ว่าจะเป็นท่า I nversion ก็ตาม.....ให้คิดถึงการ PUSH และ EXPAND จากหัวใจ  เหมือนเราขยายใจดวงน้อย ๆ ของเราให้โตขึ้น....แล้วตัวจะเบา หลังจะตรงขึ้นครับ  แม้ว่าจะเป็น Variation แบบแยกขาก็ตาม ในโยคะสุตราบทต้น ๆ กล่าวเน้นถึง”สุขอาสนะก่อนสิ่งอื่นใด “ คือ อาสนะใด ๆ หากเข้าถึง  จะรู้สึกเบา สบาย (Effortless) ครับ เหมือนไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย....ดังนั้นหากถาม Alignment ทางกายที่เห็น ผมไม่มีที่ติครับ.....ขอให้เสริม Alignment ของหัวใจเข้าไปด้วย  จะได้ฝึกสุขอาสนะอย่างแท้จริง หากจะให้ comment จริงๆ .........ในภาพ ไม่รู้นะครับ ถ้าใช้ความรู้สึกส่วนตัว  ผมรู้สึกว่ามันหนักที่หัวมากกว่ามือครับ เหมือนจะกดไหล่และหัวใจมากเกินไป  ลองคิดถึงการ Open Heart ให้มากขึ้นครับ..... นมัสเตครับ:) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:04:09 ]

ความคิดเห็นที่ 65 .......มาต่อเรื่อง Breath of Fire กันครับ.... จริง ๆ จะมีการหายใจแบบคล้าย ๆ กันอยู่ 3 อย่าง เพียงแต่มีรายละเอียดต่างกันนิดหน่อย 1. คือ Kapalabhati (Shining skull) ครับ การหายใจแบบนี้ จะเน้นที่ลมหายใจออก  โดยการหายจะเข้าจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ  ให้ลองนั่งขัดสมาธิ   หลังตรง ผ่อนคลายไหล่และใบหน้า  จากนั้นให้หายใจเข้าจนสุด  เวลาหายใจออกให้ Push ลมหายใจโดยใช้การ Contracdt กล้ามเนื้อหน้าท้อง   โดยเฉพาะหน้าท้องส่วนล่าง ย้ำอีกครั้งว่าเน้นที่การหายใจออกครับ ให้หายใจเข้าเองโดยอัตโนมัติ   ทำ 10-20 ครั้ง หรือมากกว่าก็ได้ ไม่ทำเร็วหรือช้าจนเกินไป  ทำก่อนการฝึกหรือก่อนนั่งสมาธิจะดีมากครับ เป็นการเปิดจักระไปในตัว..... 2. Brastrika (Bellows) หากจำการหายใจโดยใช้ไดอะแฟรมที่ผมเขียนข้างต้นได้  แบบนี้ก็คล้ายกันครับ เพียงแต่จะเน้นที่การหายใจออก โดย Contract ช่วงเหนือสะดือและต่ำกว่าอกลงมา  หายใจเข้าโดยธรรมชาติเช่นกัน  จะช่วย stabilize จิตใจและฐานของร่างกายครับ  ทำก่อนการ Balance จะดีมาก 3. Agniprasana (Breath of Fire) มาถึงพระเอกของเรา  สิ่งที่ต่างของการหายใจเพื่อปลุกอัคนีธาตุกับ Kapalabhati ก็คือ   การหายใจแบบนี้จะ LOCK จักระที่เป็นฐานทั้งสองจักระไว้ (Bandhas)  เหมือนเราแขม่วท้องแล้วดังกล้ามเนื้อขึ้นด้านบน  อาจนั่งเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย เน้นการหายใจออกโดยการ FORCE จาก Diaphragm และกล้ามเนื้อเหนือสะดือ  ฐานต้องแน่นครับ เพราระการหายใจแบบนี้จะทำอย่างเร็ว และ ใช้การ Force ลมหายใจค่อนข้างมาก  เรียกว่าค่อนข้างรุ่นแรงที่เดียวเพื่อจุดอัคนีธาตุครับ  ผมทำแล้วร่างกายจะรู้สึกอุ่น ๆ นิด ๆ โดยเฉพาะที่ฐาน หรือ Bandhas ที่ LOCK ไว้  อาจทำ 50, 100 หรือ 200 ครั้งโดยแบ่งเป็นสองรอบ หรือ สามรอบก็ได้ครับ.....รอบที่สองและสามอาจทำเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หรืออาจกำหนดการทำ 100 ครั้งใน 1-2 นาทีต่อ  รอบ  แล้วแต่ความชำนาญครับ..... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ........จริงๆ การจุดอัคนีอาจทำในท่ายืนก็ได้ครับ  เรียกว่า “Agnisara” เวลาทำให้ยืนเว้นระยะเท้าทั้งสองข้างห่างประมาณสะโพก  งอเข่าแล้ววางมือไว้ที่หัวเข่าทั้งสองข้าง  ไม่เกร็งหลังและไหล่ โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย เหมือนพักมือบนหัวเข่า  การหายใจออกต้องทำอย่างเร็วและลึก  เหมือน FORCE ลมหายใจให้ออกจากร่างกายให้หมดอย่างรวดเร็ว พอลมออกจากร่างกายหมดแล้ว ให้ Lock Bandhas อย่างที่บอก ให้นึกถึงการขมิบก้นแล้วกดล๊อคไว้  จากนั้นล็อคที่ฐานของท้องน้อยเหนืออวัยวะสืบพันธุ์แล้วดึงกล้ามเนื้อขึ้นมา   แล้วกดคางชิดอก  LOCK จักระที่คอ  ตอนทำควรหลับตา  หากใคร LOCK จักระและควบคุมหน้าท้องได้ดี  สะดือจะกดติดสันหลัง ผมเห็นอาจารย์บางท่านถึงกับนวดท้องตัวเอง โดยการโยกท้องไปขวา ซ้าย ขึ้น ลง ท่านบอกเป็นการล้างภายในไปในตัว ควรทำตอนตื่นนอน เพราะจะทำให้อวัยวะภายในทำงาน  และจุดอัคนีธาตุแต่เช้าตรู่   ส่วนผม ฝึกแบบนี้ทีไร เหงื่อแตกซิก ๆ ไม่ชอบอย่างแรง รู้สึกทรมารมากครับ Benji น่าจะจำได้  เหงื่อผมหยดเหมือนน้ำไหล  ในห้องที่เงียบสงบ จะได้ยินเสียงเหงื่อผมคนเดียวเนี่ยแหละ หยดตื๊ง ๆ   จนเปียกพื้นไปหมด ชาวบ้านไม่อยากเข้าใกล้  อิอิ..... อ้อ ลืมบอก พอหลังจากกลั้นลมหายใจไว้นอกร่างกาย นวดท้องพอควรแล้ว ให้หายใจเข้าตามปกติครับ อาจทำ 10-15 รอบ  ผมก็ว่าหนักเอาการแล้วครับ.... แต่เคยทำติดต่อกันตอนเช้า ถ่ายได้สะดวกและมีพลังสดชื่นแต่เช้ามากครับ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อย่างไรก็ตาม การฝึกแบบนี้ค่อนข้าง Advance หากฝึกแล้วไม่สบาย  ก็ไม่แนะนำให้ทำครับ.... จริงๆ  ผมเห็นว่าการฝึกแบบนี้ เป็นการฝึกเพื่อ Rise Up Inner Energy  มากกว่า  จริงอยู่ว่าอาจฝึกใจไปด้วย  แต่ผมนิยมฝึกใจด้วยการหายใจแบบโล่งและยาวมากกว่าครับ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เอาหละครับ พล่ามมาพอควร ผมขอปิดกระทู้เกี่ยวกับเรื่องปราณะแห่งชีวิต  (ที่กล่าวมาตั้งนาน ยังไม่ได้พูดถึงปราณเลยครับ หาอ่านต่อเองนะครับ....อิอิ) ลมหายใจ ไม่ว่าจะเข้าหรือออก  เปรียบดังคลื่นในมหาสมุทร  มีขี้น มีลง   หายใจเข้า (First Pranayama) เพื่อ connect พลังงานจากภายนอกเข้ามาในกาย และใจ (ปราณะ) Rise Up Energy หายใจออกเพิ่อ (Second Pranayama) connect จากภายใน สู่ภายนอก (อปราณะ) Lower Down Energy to realaxation และยังมีจุดเชื่อมระหว่างการหายใจเข้าและออก เสี้ยววินาทีที่เหมือนเราหยุดลมหายใจอีกด้วย (Third Pranayama, Transition point) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ในท่าโยคะเช่นกัน ระหว่างการฝึก เมื่อเรา connect เข้ากับลม....ก็เหมือนกับลมพาเราลอยขึ้นลงด้วยแรง Balance ของคลื่นจากลมหายใจตลอดเวลา มีปราณายาม และอปราณายาม มีความร้อนและเย็น มืดและสว่าง ความแข็งแรงและความยืดหยุ่น  อยู่รวมกันอย่างสมดุล...... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 70 แต่ยังมีอีกมิติแห่งลม  ที่ซ่อนตัวลึกกว่าลมหายใจอย่างหยาบทั้งสามที่กล่าวมา (Gross Breath) สิ่งนั้นคือ “สติ” ความนิ่ง และความสงบสุขแห่งใจ   เป็นสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นผิวแห่งความหยาบของลมหายใจ  ในโยคะ เราฝึกเพื่อเข้าถึง “FORTH PRANAYAMA” ที่ว่านี่ครับ ความสงบแห่งใจ  ความรู้เท่าทัน  สติ และปัญญา บางคนอาจพบในบางครั้ง บางคนอาจพบบ่อย ๆ แต่การฝึกจะทำให้เราพบมันบ่อยขี้น ๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ เรื่องธรรมดา เรื่องของธรรมชาติ  ธรรมแห่งกายและใจ ผมหวังว่าคนอ่านกระทู้ผม ก็จะร่วมเดินทางไปสายเดียวกันกับผมเช่นกัน ร่วมฝึกไปด้วยกัน  ไม่เฉพาะแต่เพียงในเสื่อ คือฝึกท่าเพียงอย่างเดียว  หากหมายรวมถึง  “โยคะนอกเสื่อ”  โยคะในชิวิตประจำวัน  โยคะแห่งการ Connection จากใจ สู่กาย ผู้คน และทุกสิ่งรอบตัว “Beauty in things exists in the mind which contemplates them.” -Devid Hume (1711-1766), Scottish Philosopher “Simplicity of character is the NATURE result of PROFOUND though.” -Unknown นมัสเตครับ:) 17/05/07 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 16:12:52 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 71 Good Posture from Bikram website.....:) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 72 Breath of fire ที่ครูปอยว่านี่ดูเหมือนกับ ชุดหายใจตอนปิดท้ายในคลาสโยคะร้อนเลยครับ ไม่รู้ว่าอันเดียวกันรึเปล่า เกร็งหน้าท้องแล้วเน้นหายใจออกรัวๆ จนดูเหมือนไล่ลม แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เหนื่อย ส่วน อุชชายี เบรท เวลาฝึก วินยาสะหรืออัษฎางคโยคะนี่ผมก็ยังไม่สามารถทำได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะมัวแต่ push อาสนะ จนลืม ครูที่สอนก็พยายามเตือนสติ หายใจให้ฟังจนดูเหมือนคราง 55 (ล้อเล่นนะคับครู) สงครามกวี ขอเรียกชื่อเต็มๆละกันนะ ชื่อเท่ดีอะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 16:32:03 จากคุณ : คุโระจัง - [ 17 พ.ค. 50 16:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คุโระจัง===> Bikram's final breating is Kapalabhati.....just contration but "NO BANDHAS LOCKING"....and a bit fast style.....like also combine pushing style in Breath of fire krab:) PS. Thanks for Picture krab....so nice....I like soft pic. แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 50 16:40:30 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 17 พ.ค. 50 16:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เอาใหม่ลองนั่งแล้วค่ะ แยกหัวเข่าเล็กน้อยพร้อมกดฝ่าเท้าบนและนิ้วเท้าก็พอนั่งได้บาง   แต่เกรงไปตั้งตัวเลย  พอจะบิดตัวไปซ้ายขวาก็เป็นตุ๊กตาล้มลุกเหมือนเดิม  อย่างนี้ต้องทำบ่อยๆแล้วจะดีขึ้นไหมค่ะ   ขอบคุณค่ะ จากคุณ : รักน้อยนิด - [ 17 พ.ค. 50 18:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 75 Wow...almost miss this one, since I went out of town for couple days. I really got a question regarding the breathing technique ka. Lately, I got a problem about breathing in, not only in the yoga class, but also on my routine basis. When I tried to breath-in, my breath kinda stop at one point where I know that I still not get enough air. I felt like something block my ventilating system. I then need to shug my shoulder in order to breath-in deeper. I know that I shouldn't shurg my shouldder but without shrugging my shoulder, I couldn't get enough air to fill my lung. One thing I notice that reduce my shugging shoulder action may be "Brahmari Breathing". I'm not sure whether it's really the same as you describe since my instructor use the sound "ohm" instead of "umm". Problem is, I really need to sound out this sound inorder to stop srugging, but how could that possible ka? People will call my as "crazy gal" if I doing that all the time na si..T_T Only two places I can apply this breathing technique are my room & yoga center. So do you have any suggestion for me in order to be able to fully breath-in ka? p.s. If "Agniprasana (Breath of Fire)" is what I thought, i don't really like this kind of breathing at all. Happy Friday ka!!! จากคุณ : Guiness Draft - [ 18 พ.ค. 50 08:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 76 .......หลวงพ่อเล่าให้ ฟังว่า.. ท่านเล่าว่าที่วัดป่าชิคาโก มีพระพุทธรูปอยู่องค์นึง.. ปางปฐมเทศนาหรือปางแสดง ธรรมจักร (เราคิดว่าเป็นปางนี้ เพราะแม่บอกว่าเป็นปางที่ท่านทำมือจีบๆ) หลวงพ่อท่านเล่า ว่า.. มีเด็กฝรั่งคนนึงมาที่วัดกับแม่ ตอนเดินผ่านพระพุทธรูปองค์นี้.. เค้าก็สะกิดๆแม่เค้าแล้วก็บอกว่า.. "Look mom, Buddha says everything is okay.." เราฟังแล้วขำกลิ้ง เลย.. เด็กอะไร เข้าใจคิดจริงๆ : หลวงพ่อบอกว่า เออ.... หลวงพ่อก็เห็นพระพุทธรูปองค์นีมาตั้งนาน แล้ว เดินผ่านอยู่ทุกวัน ไม่ เห็นเคยมองมุมนั้นมาก่อนเลย : ท่านบอกว่า หลังจากนั้น เดินผ่านพระพุทธรูปองค์นี้ทีไร ก็จะนึกขึ้นมาทุกทีว่า พระพุทธรูปท่านว่า....... Everything is okay ^^' จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 18 พ.ค. 50 08:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 77 “รักน้อยนิด” ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบ...... การปรับ Fine Alignment ใช้เวลาครับ ทำแค่ตึง อย่าให้เจ็บนะครับ..... และต้องอดทนหน่อย  เพราะจะเหมือนทำท่าไม่ได้..... อย่างที่บอก  ท่านั่งได้ เข่าจะกาง  ถ้าเข่ากางนี้ไม่ต้องพูดถึงการบิดข้างเลยครับ เพราะมันกาง  บิดอย่างไรก็ไม่ไป ทำที่ละ STEP ครับ  เอาให้นั่งทรงตัวให้ได้ก่อน ขั้นที่สองก็ลองดัดเข่าให้ใกล้กันมาเรื่อย ๆ สุดท้ายเข่าใกล้กันได้มาก ทรงตัวแล้วบิดครับ.... แต่จะทำ Side Crow จากท่านี้  ไม่ต้องกังวลเรื่องนั่งติดหรือเปล่า เพราะเราบิดเพื่อทำคนละท่าครับ สามารถบิดได้เลย..... อย่างผม กว่าจะดัดสะโพกในท่า Standing Blow Pulling Posture ได้  กว่าหกเดือนครับ จากขาที่เกือบ Splite ได้  แต่เป็นการ splite โดยที่ผิด Alignment เพราะยกสะโพก.... ต้องถอยกลับมาเริ่มใหม่ เหมือนคนเตะขาไม่ขึ้นกว่าหกเดือน แต่คุ้มครับ....อย่างที่เคยบอกบ่อย ๆ เราถอยกลับเพื่อนก้าวกระโดดครับ:) ZU ZU....... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 18 พ.ค. 50 08:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 78 "Guiness Draft " I would recommend you to go and check your respiratory system with DOCTOR krab..... In your case, the problem may not be a reflection of mind...but it could be the physical problem itself...indeed... I think YOGA breathing can help you to breath in more..but you better dig out the route of problem... To solve it throughly...and eliminate all that problems. For "Brahmari Breathing", people use "HMMMM" coz it sould like bee....but in my opinion...any sound that can "vibrate" your nasal system should be OK.... "OM" also give you a strong vibration..you can use it to practise krab.... Actually, "OM" is the combination of two sounds.... like   "OOOO"  and  "Hmmmmm" You start with the word OOO for long sound....the the last part you end with a long sound of Hmmmmmm....... I found out that for OOO sound ..the vibration start from base of chakra....then move up to my spine and go to my chest.... the when I continue to start the second word.."Hmmmm".....the vibration move up to upper part..neck, throat...and finally nasal..... I think "OM" can be use for "Brahmari Breathing." But if you really need my answer for lengthen your breath....I would recoomend you do "Deergha Swasam (Complete Breathing)” ...and .“Spinal Breathing” .in sitting or lie down postures. Anyway, the technique that can be practise instead of "Brahmari Breathing"-in case that u afraid people will look at u like weirdo-is “Diaphragmatic Breathing”  via Crocodile Posture (เป็นท่านอนคว่ำ  แยกขาออกห่างหันตามสบาย...แต่แทนที่หน้าอกจะราบติดพื้น ให้กำกำปันแล้วงอศอก ให้กำปั้นซ้อนทับกันตรงจุดกึ่งกลางพอดี  ทำให้ช่วงแขนกับลำตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม  แล้วพักหน้าผากตรงกำปั้นนั่นแหละครับ ในท่านี้  อกจะยกขึ้นจากพื้น  แต่ท้องเหนือสะดือจะกดติดพื้นพอดี....) I hope that I can answer your question.... But really reccomend checking with doctor again krab:) Miss u ALL and HAVE a FAB weekend.... :) แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 08:40:53 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 18 พ.ค. 50 08:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 79 Thanks a lot ka' I guess I need to fix so many parts of my body. Wish my body would be like machine, then I can replace the broken one with the new one....55 สุขภาพดีไม่มีในโลกของ Guiness Draft!!! จากคุณ : Guiness Draft - [ 18 พ.ค. 50 11:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 80 แง้ว Guiness Draft อย่าพูดอย่างงั้นสิจ๊ะ เดี๋ยว ต้องดีขึ้นแน่ เชื่อวีน้า เอาใจช่วยเสมอจ้า ชอบเด็กคนที่บอกว่า everything is ok จัง ทำให้เรามองโลกในแง่ดีเนอะ จากคุณ : สงครามกวี - [ 18 พ.ค. 50 15:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ไม่รู้ใครอ่าน Thailand Yoga journal เล่มล่าสุดแล้วบ้าง คอลัมม์ Mythicalเขียนโดย ดร. สุนทร พลามินทร์ ที่ท่านเล่าประสบการณ์ ไปเยือนเมืองแห่งโยคี ฤษีเกศ ที่อินเดีย และได้พบกับ ท่านโยคี Machli Baba หรือท่านโยคีปลา และได้เห็นท่านปฏิบัติอาสนะที่ดร.บอกว่า ขั้นพัฒนาถึงจุดสุดยอด อ่านไปนี่เห็นภาพเป็นฉากๆเลย ทึ่งมาก ทำให้ผมอยากไปอินเดียมากขึ้น จากที่คิดว่าจะไปกราบสังเวชนียสถาน แล้วคงต้องไปเยือนฤษีเกศให้ได้ ว่าแล้วต้องเริ่มเก็บตังซะที จากคุณ : คุโระจัง - [ 18 พ.ค. 50 16:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อยากอ่านง่ะ.....แต่หาไม่ได้ที่นี่ :( ปล. พรุ่งนี้มาขึ้นกระทู้ใหม่  กับส่วนที่เหลือที่อยากจะเขียนเกี่ยวกับ Hatha โยคะ....และหนังสือในดวงใจครูปอยที่อยากแนะนำให้อ่านครับ.... แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 21:08:48 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 18 พ.ค. 50 21:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 83 กระทู้ใหม่ครับผม ภาคต่อของปราณะยาม http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5425830/L5425830.html จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 19 พ.ค. 50 22:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ตามมาอ่านเช่นเคยค่ะ   รอรวมเล่มอยู่นะคะ จากคุณ : The Invisible girl - [ 4 มิ.ย. 50 11:14:46 ]