ความคิดเห็นที่ 1 มิสามารถจริงๆค่ะ .. ขอโทษค่ะ ^^" จากคุณ : Art of Illusion - [ 13 ก.ค. 50 21:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เง้ออออ...กระทู้เนี้ยยย ทำเราปวดหัวววว มึนตึ๊บ!! อะ...เอาไปแบ่งกันอ่าน (แบ่งกันมึน) http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/002998.htm จากคุณ : อุนากัณ - [ 13 ก.ค. 50 21:45:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากช่วยจริงๆนะคะ แต่ไม่รู้จักเลยค่ะ จากคุณ : poockey - [ 13 ก.ค. 50 21:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไปลองหาดู ได้คำจำกัดความมาว่า   เจโตปริยญาณ คือ" ญาณที่รู้จิตใจผู้อื่น "  ค่ะ ...." เราจะรู้ทันทีว่าคนนี้เป็นคนดี หรือเป็นคนเลว มี กิเลสหนา กิเลสบาง หรือว่าหมดกิเลสแล้ว.....   แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 50 22:04:04 จากคุณ : เจ้าหญิงนิทรา (บุ้งบิ้ง) - [ 13 ก.ค. 50 22:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยังรอคนที่เข้าใจคำนี้มาให้ความรู้เป็นวิทยาทานอยู่ ลิ้งค์ไม่ต้องส่งมาหรอกนะคะ ขี้เกียจอ่านค่ะ เพราะอ่านไปก็ไม่เข้าใจน่ะ อยากได้คนที่สรุปมาสั้นๆ สองสามบรรทัดก็พอนะคะ จากคุณ : Admiration - [ 13 ก.ค. 50 22:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอ ผมว่าลองถามคนที่ห้อง ศาสนา ด้วยดีไหมครับ จากคุณ : penn's - [ 13 ก.ค. 50 23:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 งงสิเรา ดูแต่คนไข้ ไม่เคยเข้าวัด ขอผ่านครับ จากคุณ : atom240 - [ 13 ก.ค. 50 23:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่จริงตามลิงค์คุณอุณากัณไป ก็อ่านเข้าใจแล้วนะคะ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร พยายามทำความเข้าใจหน่อยแค่นั้นเอง  อะไรที่ต้องใช้ความพยายามหน่อย เนี่ย มันจะทำให้เราจำติดตัวไปเลยนะคะ   เดี๋ยวพี่ lovelyguy คงมาตอบให้ล่ะค่ะ  ขานั้น ดูท่าทางจะลึกซึ้งกับหลักคำสอน จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน (Kaasalong-nl) - [ 14 ก.ค. 50 02:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คนเค้ามาตอบให้ ส่งลิงค์ให้อ่านแล้วยังเอาอะไรอีก อยากได้สรุปสั้นๆ ก็ตามที่บุ้งบิ้งตอบไง ถ้าไม่เข้าใจอีก ก็คงต้องไปอ่านเอง หรือไม่ก็ไปตั้งห้องศาสนาโน่นสิครับแล้วล่ะครับ ถ้าไม่ห้องศาสนาไม่ถูก ตามลิงค์ข้างล่างนี้ไปเลยครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/ จากคุณ : CrisTooNo - [ 14 ก.ค. 50 02:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ^ อย่าดุหนูจิก๊ะ ลุงมะตูมอ่ะ เดี๋ยวหนูงอนตัวเองนะเอ้า จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน (Kaasalong-nl) - [ 14 ก.ค. 50 04:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าอยากเข้าใจก็ต้องุ่งมั่นในการศึกษาจริงๆ จะมาหวังเอาทางลัดแบบนี้ ไม่เหมาะสมนะคะ จากคุณ : Fai - [ 14 ก.ค. 50 08:36:47 A:124.121.174.59 X: TicketID:149264 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อเห็นคำนี้ จะนึกถึงคำนี้ต่อ "หยั่งรู้" สั้นไปไหมคะ จากคุณ : ปองดาว - [ 14 ก.ค. 50 10:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 #10 แป่ว! ผมไม่ได้ดุคุณพี่ซะหน่อย ^^" จากคุณ : CrisTooNo - [ 14 ก.ค. 50 10:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คำถามนี้ ยากที่สุดครับ เดี๋ยวว่างแล้วจะมาตอบให้ครับ  รออีกสัก สามชั่วโมงนะครับ คำถามลึกซึ้งแบบนี้ ต้องมีสมาธิหน่อย ค่อยตอบละกัน จากคุณ : lovelyguy - [ 14 ก.ค. 50 18:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบในห้องนี้ ไปดู what women want ครับ จากคุณ : k9advance - [ 14 ก.ค. 50 20:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นญานอย่างหนึ่ง ผู้ที่ได้ญานนี้จะสามารถรู้ใจคนอื่นว่าคิดอะไรอยู่ ทั้งที่เค้าไม่ได้พูดออกมา หลักๆ ก็ประมาณนี้ค่ะ แต่รู้ได้อย่างไร ทำไมถึงรู้ รู้ในลักษณะไหน อันนี้ยาวค่ะ สามารถศึกษาได้จากเว็บธรรมะทั่วไปค่ะ จากคุณ : Hobbit - [ 14 ก.ค. 50 21:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เจโตปริยญาณ เป็น ความสามารถที่กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ อ่านความคิดของเขาได้ (penetration of the minds of others; telepathy) เช่น รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ใจเขาเศร้าหมองหรือผ่องใส เป็นต้น เจโตปริยญาณ เป็น ความรู้แจ้ง ข้อที่ ๕ ใน วิชชา ๘ ประการ: วิชชา ๘  คือ ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ (supernormal knowledge)           ๑. วิปัสสนาญาณ - ญาณที่เกิดแก่ผู้บำเพ็ญวิปัสสนา           ๒. มโนมยิทธิ - ฤทธิ์ทางใจ           ๓. อิทธิวิธิ - แสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ           ๔. ทิพพโสต - หูทิพย์           ๕. เจโตปริยญาณ - รู้จักกำหนดใจผู้อื่นได้           ๖. ปุพเพนิวาสานุสติ - ระลึกชาติได้           ๗. ทิพพจักขุ - ตาทิพย์ (=จุตูปปาตญาณ)           ๘. อาสวักขยญาณ - ความรู้ที่ทำอาสวะให้สิ้น เจโตปริยญาณ เป็น ความรู้ยิ่ง ข้อที่ ๓ ใน อภิญญา ๖ ประการ: อภิญญา คือ ความรู้ยิ่ง, ความรู้ชัด, ความรู้เจาะตรงยวดยิ่ง (discernment; direct knowledge; superknowledge; ultra-conscious insight)       ความรู้ชั้นสูง มี ๖ อย่างคือ           ๑. อิทธิวิธิ - แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้           ๒. ทิพพโสต - หูทิพย์           ๓. เจโตปริยญาณ - ญาณที่ให้รู้ใจคนอื่นได้           ๔. ปุพเพนิวาสานุสติ - ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้           ๕. ทิพพจักขุ - ตาทิพย์           ๖. อาสวักขยญาณ - ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป จากคุณ : lovelyguy - [ 15 ก.ค. 50 00:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ อื้ม...สั้นดีนะครับ คงถูกใจจขกท. จากคุณ : CrisTooNo - [ 15 ก.ค. 50 03:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมตอบสั้นๆครับ แค่ว่า .... เจโตปริยญาณ เป็น ความสามารถที่กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ อ่านความคิดของเขาได้ (penetration of the minds of others; telepathy) เช่น รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ใจเขาเศร้าหมองหรือผ่องใส เป็นต้น ส่วนที่เหลือ บอกที่มาที่ไป  ยังไม่ได้ขยายความเลยครับ จากคุณ : lovelyguy - [ 15 ก.ค. 50 04:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^   งั้นความหมายแบบนี้ เป็นแบบเดียวกับที่เค้าบุ้งไปหามาแปะไว้ให้ใช่ป่ะ แต่ว่าของบุ้งมันคงสั้นเกินไป แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 50 10:48:50 จากคุณ : เจ้าหญิงนิทรา (CrisTooNo) - [ 15 ก.ค. 50 10:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ๊าวว ว่าจะมาตอบแบบนี้สักหน่อย  .... โดน #20 แย่งตอบอ่ะ  : P ... P.S. ขอบเตียง สำหรับลิงค์กระทู้ที่ส่งกลับมาให้อ่านเด้อ จากคุณ : ลุงมะตูม (บุ้งบิ้ง) - [ 15 ก.ค. 50 10:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขยายความ เรื่อง เจโตปริยญาณ (penetration of the minds of others; telepathy) ความสามารถในการรู้ใจคนอื่น และอ่านความคิดของคนอื่นได้ จิตของคนที่ฝึกมาดี จิตที่ปราศจากอคติ  ปราศจากโทสะ ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ไม่หลงงมงาย ไม่อยากได้อยากมี ไม่อิจฉาริษยา ไม่โกรธแค้นอาฆาตพยาบาท มีใจสงบนิ่ง เป็นจิตที่ละเอียดอ่อน และมีพลัง  จะสามารถหยั่งรู้ใจคน และอ่านความคิดคนอื่นได้ กระแสจิตของคนเรา เป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่มีความถี่สูง และละเอียด แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล กำลังความคิดของแต่ละคนที่ส่งออกไปนอกตัว สามารถไปกระทบจิตของคนที่มีความสามารถในการรับคลื่นกระแสจิตได้     โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแสจิตที่ส่งมาจากคนที่เรารู้สึกผูกพันใกล้ชิดสนิทสนมด้วย จะสามารถติดต่อกันทางโทรจิตได้ บุคคลที่มีความสัมพันธ์กันทางอารมณ์อยู่แล้ว จะมีประสาทสัมผัสรับรู้พิเศษถึงกันได้ "คลื่นกระแสจิต" เป็นพลังงาน ที่มีความละเอียดสูงมาก จนยังไม่มีเครื่องมือใดๆ ในปัจจุบันจะวัดได้  คนเราทุกคน เป็นได้ทั้งผู้รับคลื่นกระแสจิต และเป็นผู้ส่งคลื่นฯ “โทรจิต”  (Telepathy) เป็นความสามารถถ่ายทอดความรู้สึก หรือสิ่งที่ตนรู้สึกในใจ ไปให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นได้ โดยการส่งกระแสจิตออกไปถึงผู้รับ ดังนั้น “ความคิด” ที่คนหนึ่งๆเปล่งออกมา จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถรับคลื่นความคิดนี้ได้ ถ้าคนๆนั้นเปิดเครื่องรับในร่างกายตนรับคลื่นนั้นๆเข้ามา เซลล์แต่ละอันในร่างกายมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่สามารถปล่อยคลื่นความคิดออกมาได้เช่นกัน และในทางกลับกันคลื่นความคิดก็ย่อมสั่นสะเทือนเซลล์แต่ละอันในร่างกายตนเองได้ด้วย ดังจะเห็นได้ว่าความเครียดที่สั่งสมนานๆ เป็นตัวการสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิด โรคภัยไข้เจ็บแก่มนุษย์ เพราะคลื่นความคิดเหล่านี้เข้าไปมีผลกระทบต่อร่างกายนั่นเอง การมีความคิดที่ดี แจ่มใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับมนุษย์ บางครั้งเราจึงควรหลีกให้ห่างผู้คนที่ปล่อยคลื่นความคิดร้ายๆ ถ้าหากทำได้ จะได้ไม่ไปรับผลสะเทือนที่ไม่ดีของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง: สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความไร้สาระในเรื่องเล็กน้อย ความเกลียดชัง ความเกียจคร้าน ความอิจฉาริษยา อคติ เหล่านี้ ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา: คลื่นความคิดจำพวก ความรัก ความเมตตา ความหวังดี ความห่วงใย ความเอื้ออาทร การมองโลกในแง่บวก การให้อภัย ความกระตือรือล้น ความร่าเริงแจ่มใส เหล่านี้ ให้ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา ความสัมพันธ์ระหว่างกาย กับจิต เราควรฝึก “ควบคุมใจ” ทำให้เซลล์ในร่างกายทั้งหมด สามารถตอบสนองคำสั่งที่ใจสั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ร่างกายของเราจึงจะแข็งแรง และมีอายุยืนยาว เราทุกคนสามารถทำได้เช่นเดียวกัน หากแต่บุคคลผู้นั้นต้องมีจิตใจที่กระจ่าง เที่ยงธรรม มีชิวิตอยู่อย่างมีปณิธาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า และมีความคิดในเชิงบวก เซลล์ในร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตใจบุคคลนั้นในทางบวกเช่นกัน ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึง จิตสำนึกนี้ กลับมีชิวิตโดยใช้แค่ “ใจ” หรือ “สิ่งรับรู้ในอารมณ์ทั้งหลาย “เท่านั้น ซึ่งผันผวนง่ายและแปรปรวนอย่างรุนแรง มาเป็นหลักของชิวิต เราจึงควรพยายามประสานใจของตนให้สอดคล้องกับจิตสำนึกนี้ “คลื่นความคิด” ซึ่งมีลักษณะคล้ายแสง ถ้ากระแสความคิดถูกส่งเป็นคลื่นออกไปแล้ว มันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีขอบเขต แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรงทิศทางเดียว เหมือนลูกกระสุนจากปากกระบอกปืน หากแต่มีลักษณะเหมือนรังสีที่เปล่งออกมา เป็นเส้นตรงในทุกๆทิศทาง และแผ่ขยายตัวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่จุดหนึ่ง . จนกว่าจะถูกดูดซับหรือถูกขวางกั้นโดยสิ่งอื่น  หรือวัตถุอื่น นักพลังจิต เชื่อว่าความกดดันทางอารมณ์สูงสุดที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของคนเรา เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ทางอำนาจจิตได้ อารมณ์ของคนเรานั้น เป็นสวตซ์ปิดเปิดการส่งโทรจิตธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติ อย่างเช่น เมื่อเราต้องประสบกับเหตุการณ์รุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุกับญาติพี่น้องหรือคนสนิท อารมณ์ที่เครียดสูงสุดนี้ก็จะเป็นตัวเปิดสวิตซ์การส่งหรือรับโทรจิตโดยฉับพลันทันที อย่างในกรณีที่เกิดกับทหารเรือดำน้ำรัสเซียคนหนึ่งซึ่งป่วยและต้องนอนพักอยู่ที่ฐานทัพ จึงไม่ได้เดินทางออกไปกับเรือเที่ยวนั้น  พอตกบ่ายเขาก็ฝันไปว่า เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลง  เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในเรือได้ ตัวเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำพร้อมกับเรือ  เขาสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก และรู้สึกว่ากำลังจะจมน้ำตาย จนบัดนี้เขายังจำฝันร้ายนั้นได้ติดตา เพราะหลังจากที่เราเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพ เขาก็ทราบว่าเพื่อนของเขาจมน้ำตายเนื่องจากติดอยู่บนดาดฟ้าเรือ ในขณะที่เรือกำลังดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ โทรจิตเป็นประสาทสัมผัสที่ 6 ของคนเรา ที่นอกเหนือไปจาก ตา หู  จมูก ลิ้น และกาย ซึ่งทุกคนมีความสามารถพิเศษทางโทรจิตนี้แฝงอยู่ หากแต่ถูกบดบังด้วยจิตใจที่หม่นหมอง ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่ง และรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น  แต่ความสามารถพิเศษนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน บางคนอาจมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าคนอื่นๆ ผู้ส่งและผู้รับกระแสจิตนั้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะถ้าผู้ส่งกระแสจิต ส่งมโนภาพที่เลือนลางมาให้เราก็จะได้แต่ภาพที่เลือนลางนั้นด้วย ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับและผู้ส่งข่าวสารทางจิต จักต้องฝึกปรือกันมาอย่างดี และต้องสามารถสร้างมิตรสัมพันธ์ทางจิต หรือรับคลื่นกระแสจิตให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีด้วย จงทำตัวให้สบายผ่อนคลายอารมณ์ ลดภาวะความตรึงเครียดทางกายและทางใจลง และควรจะกำจัดความกังวล หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัวออกให้หมดสิ้น จงทำให้มีความเชื่อมั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสาร และข้อมูลที่จะส่ง พร้อมกับนึกถึงหน้าของผู้รับกระแสข่าวสารทางจิตจากเรา ให้กระจ่างอยู่ในดวงจิต  เมื่อท่านฝึกเช่นนี้บ่อยๆ จนมีความคุ้นเคย และสามารถปรับคลื่นกระแสจิตเข้ากันได้แล้ว ในไม่ช้าไม่นานท่านก็จะเปรียบเสมือนมี เครื่องรับส่งโทรจิตติดตัว ใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่และทุกสภาวะดินฟ้าอากาศ ทั้งนี้ทั้งนั้น อำนาจจิตธรรมชาตินั้น น่าจะเกิดมาจากความสอดคล้องกัน ระหว่างคลื่นสมองของผู้ส่งและผู้รับ ที่มีอำนาจสัมพันธ์กัน ซึ่งเรื่องนี้คนทั่วไปสามารถฝึกปรับระดับจิตของพวกเขาให้เข้ากันได้ภายใน 3 เดือน แล้วยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกโทรจิต ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด นอกจากจะปฏิบัติตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว เราควรจะมีการนัดหมายเวลาเพื่อให้ปฏิบัติพร้อมเพรียงและสอดคล้องกัน (ในที่นี้หมายถึงต้องสอดคล้องกันทั้งทางกาย จิตใจ และเวลาด้วย) ผมก็ขอให้ทุกๆคน  มีความรู้สึกนึกคิดที่ดี กระแสจิตที่ส่งออกมานอกตัว จะได้เป็นกระแสที่ร่มเย็น  เป็นความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน ส่วนคนที่มีกระแสความคิดเป็นในทางลบ  เช่น อิจฉา หมั่นไส้  โกรธ เกลียด อคติ ก็ควรพยายามควบคุมกำลังความคิดของตนเอง ให้เป็นไปในทางบวก เป็นไปในทางสร้างสรรค์  มีสันติสุข มีความสงบในใจ เพราะผู้รับคลื่่นกระแสจิตจากคุณ  เขาจะได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ และพลอยมีใจสงบร่มเย็นไปด้วย จากคุณ : lovelyguy - [ 15 ก.ค. 50 13:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ จากข้อความที่พี่ส่งหลัง ไม ค์ มาให้ ว่า ... From : lovelyguy [15 กรกฎาคม 2550 13:31]         ความคิดเห็นที่ ๒๒ ครับ บางทีอาจเป็นประโยชน์กับคุณบ้าง http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5607184/L5607184.html   ********** เข้ามาแก้ไข ข้อความตรงที่ว่าจะคั่นให้รู้ว่า พีส่งข้อความถึงไหนน่ะค่ะ .... เอ่อ ขอโทษทีนะคะ  บุ้งไม่เห็นว่า สิ่งที่พี่ส่งมาให้จะเป็นประโยชน์กับบุ้งตรงไหน ในเมื่อสิ่งทีบุ้งคิด สิ่งที่บุ้งทำ ไม่เคยรู้สึกตัวเองเลยว่า ตัวเอง ต้องโดนขัดเกลาจิตใจ ตรงไหน พี่คะ บอกตรงๆนะคะ วันนั้นบุ้งก็คุยกับ คนที่พี่รู้ว่าใคร ไปแล้ว คนนั้น ว่าโอเค เคารพการกระทำ การตัดสินใจ ของพี่ๆ ในเมื่อต่างคนก็ต่างโตกันแล้ว ใครจะทำอะไรกันยังไง พูดตรงๆ มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตบุ้งจะแย่ หรือ ดีขึ้นตรงไหน แต่ คราวนี้รู้สึกจะเหลืออดน่ะค่ะ เอ่อ ไม่ทราบว่า  ที่ส่งกระทู้มาให้อีกครั้งแบบนี้ ต้องการอะไรหรอคะ ไม่ต้องหลังไมค์ให้เสียเวลาค่ะ คุยหน้ากระทู้ไปเลยค่ะ เปิดเผยไปเลย อีกอย่างที่พี่คุยกับมะตูมไปทางหลังไ มค์ แบบนั้น บอกตรงๆๆนะคะ คนดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆจิตใจดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่จำเป็นต้อง สาธยายความดีงามให้ใครเห็นหรอกค่ะ มะตูมก็เช่นกัน ถึงเค้าจะไม่ใช่ คนมีหลักการ พูดจาดี พูดให้ใครชื่นชม แต่เค้ามีความจริงใจล้วนๆ ถือว่าเป็นมนุษย์คนนึงที่มีจิตใจดี อาจจะปากเสีย ไปบ้าง ถามใช่มั๊ยคะ ว่า พวกเราไม่พอใจอะไรพี่ ก็....ขอโทษพี่ด้วยละกันนะคะ ที่เรา 2 คน อาจจะมีนิสัยคล้ายๆกันตรง ที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมากไป   ต่อมรักความถูกต้อง ต่อมรักเดียวใจเดียว ต่อมดื้อรั้น ต่อมพวกทำเป็นมีศีลธรรม มันก็เลยผุดขึ้นมานะค่ะ                                           พวกเราน่ะ ชื่นชมคนดี คนมีความคิดดี แต่พวกเราน่ะ ไม่ชื่นชมคนดีที่ดีฉาบฉวย หรือ แสร้งทำดีหรอกค่ะ อ้อ ขอโทษทีนะคะ ถ้าอ่านแล้วจะเข้าใจว่าบุ้งไปว่าอะไรพี่ หรือทำให้ พี่เข้าใจผิดอีก เหมือนคราวก่อน เช่น พี่บอกว่า ทีบุ้งพิมพ์ไป ทำให้ พี่อ่านแล้วเข้าใจว่า บุ้งพูดราวกับว่า พวกพี่ไม่มีสติปัญญาบ้าง หรือว่า หาว่าบุ้งไปเยาะเย้ย ถากถาง หรือว่าบุ้ง  ไม่จริงใจบ้าง ไม่ได้อยากหาเรื่องนะคะ แต่เห็นว่า ท้ายที่สุดแล้ว พี่ก็ยังคงไม่รู้ตัวอีก ว่าเพราะอะไร อยู่ดีๆถึงมีคนมาคิดและทำกับพี่แบบนี้ ไม่ได้หมั่นไส้ หรือ อคติ อะไรพี่หรอกนะคะ แต่ว่า ทุกอย่างก็ล้วนจากสิ่งทีพี่สื่อมาให้เห็นทั้งนั้น..... สรุปว่า หลังจากวินาทีนี้ไป...ชื่อของพี่ก็จะเป็นเพียง login นึงเท่านั้น ที่บุ้งจะไม่คิดจะไปยุ่งหรือเก็บเอามาคิดอะไรอีก แต่ว่าถ้าวันนึงคนทีพี่ไปยุ่งหรือทำให้เสียใจ เป็นคนที่บุ้งรักหรือสนิท วันนั้น บุ้งก็คงไม่อยู่นิ่งๆหรอกค่ะ.. เพราะฉนั้น ต่างคนต่างอยู่เถอะค่ะ  ถึงคนในสวนลุมหลายคนจะชื่นชม กับความเป็นคนดีของพี่ แต่ว่า  ไม่ใช่บุ้งแน่ๆค่ะ .... ชื่นชมคนดี ไม่ผิด ชื่นชมได้แต่อย่าหลงผิด... คนดี สำหรับบุ้ง ต้องดีจริงๆ ไม่ใช่ดีแตกค่ะ .... ขอโทษนะคะ ที่ทำตัวเป็นคนเลวในความคิดของหลายคนเพราะว่า มาเขียนอะไรๆๆในหน้ากระทู้แบบนี้ ขอโทษทุกคนด้วยค่ะ ...... แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 50 22:26:52 จากคุณ : เจ้าหญิงนิทรา (บุ้งบิ้ง) - [ 15 ก.ค. 50 22:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบ ความคิดเห็นที่ ๒๓ จากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5607184/L5607184.html สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย ผมส่งข้อความนี้ให้กับทุกคนที่เข้ามาตอบความคิดเห็นในกระทู้นี้ และไม่มีคนไหนเลย ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น อย่างน้องบุ้งบิ้ง ทุกคนตอบมาว่า ขอบคุณ  ไม่มีใครแปลเจตนารมย์ของผมเป็นอย่างอื่น ถ้าน้องบุ้งบิ้ง ไม่ได้มาแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ ผมคงไม่ได้ส่งข้อความไปให้ด้วยเจตนาดีหรอกครับ ตั้งใจจะให้เป็นวิทยาทาน คุณ  CrisTooNo กับ น้องบุ้งบิ้ง เหมาะสมกันดี ขอให้รักกันตลอดไปนะครับ คนอย่างผม ถือคติเยอรมันว่า   Verzeihen ist die beste Rache. ผมให้อภัย คุณสองคน ที่มาทำตัวเป็นผู้ปกครองของใครบางคน ซึ่งเขาบรรลุนิติภาวะไปเกือบ 20  ปีแล้ว เร่ืองส่วนตัวของใครก็ของคนนั้นครับ คนธรรมดา ย่อมรู้ดีว่า ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของใคร เว้นไว้แต่ว่า เขาจะมาขอความคิดเห็นและตั้งกระทู้ครับ แต่นี่ คุณกลับเอาเรื่องของเขา มาตั้งกระทู้เสียเอง ผมยังไว้หน้าเขานะครับ จึงไม่มาตอบกระทู้ ผมคงห้ามความคิดของคุณไม่ได้ ใครทำอะไร ก็ได้กับตัวเองครับ จากคุณ : lovelyguy - [ 16 ก.ค. 50 01:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอโทษนะครับ เท่าที่ผมอ่านมาไม่ผิด คุณlovelyguy กับคุณจขกท ก็อยู่ใกล้ๆ กัน ถ้าอธิบายกันได้แล้วจะมาตั้งกระทู้ถามทำไมครับ ปล.ไม่ได้หาเรื่องกันนะครับ แค่ "สงสัย" จากคุณ : MuHN - [ 16 ก.ค. 50 03:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 25 คุณ MuHN คนที่มาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ 5 เครื่องที่นี่ เป็นคนละคนกันครับ ต่างคนต่างใช้ ไม่ได้คุยกันว่าใครจะทำอะไร ต้องรายงานผมก่อน บางทีก็ไม่ได้ LOGOUT  เพราะ Admiration ใช้กันหลายคน ตามที่ตกลงไว้กับเว็บมาสเตอร์แล้วว่าไม่มีการขอบัตรผ่าน แล้วผมเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายในเรื่องธรรมะ แต่ผมมาเห็นข้อความนี้เข้า "เดี๋ยวพี่ lovelyguy คงมาตอบให้ล่ะค่ะ   ขานั้น ดูท่าทางจะลึกซึ้งกับหลักคำสอน" จากความคิดเห็นที่ 8 ก็ไม่อยากให้เขาผิดหวัง ผมก็เลยไปค้นคว้ามาตอบให้น่ะครับ หายสงสัยหรือยังครับ ถ้ายังสงสัยอยู่เชิญส่งข้อความหลังไมค์ได้นะครับ จากคุณ : lovelyguy - [ 16 ก.ค. 50 07:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สำหรับกระทู้นี้ผมว่าคุณlovelyguy ก็ตอบโอเคนี่ครับ ก็ไม่เข้าใจทำไมความเห็น 18 ต้องเข้ามากระแนะกระแหนด้วยนะ งงเหมือนกัน หรือว่าต้องให้เชื่อคุณบุ้งบิ้ง ที่มาตอบก่อนหน้าหรือยังไง? จากคุณ : Mr.DogGie - [ 16 ก.ค. 50 10:11:29 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อุ้ย พอดีอ่านกระทู้ก่อน แล้วค่อยไปอ่านอีกกระทู้นึง ตอนนี้พอเข้าใจครับ สงสัยเขม่นกันส่วนตัวมากกว่า แบบนี้ไม่ยุ่งด้วยแล้วครับ ไม่ชอบคนทะเลาะกันแล้ว จากคุณ : Mr.DogGie - [ 16 ก.ค. 50 10:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตามลิงค์ หลังไมค์จากคุณ lovelyguy มาค่ะ .. ขอบคุณค่ะ ^^ อ่านแล้วอยากมีมั่งจังค่ะ .. ' เจโตปริยญาณ เป็น ความสามารถที่กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ อ่านความคิดของเขาได้ ' จากคุณ : Art of Illusion - [ 16 ก.ค. 50 12:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีคนบอกว่าน่าจะเป็นประโยชน์... ทุกวันนี้พระยังไม่เข้าใจ แล้วจะเอาอะไรไปสอนคนอื่น... เกี่ยวกันมั้ยนี่... อย่าว่าอย่างโนนี้เลยครับ ผมไม่ชอบสอนใครให้ทำดีหรือว่าให้คิดเป็น เพราะคนเราถ้าตัวเราดีแล้ว ไม่ต้องเที่ยวบอกคนอื่นให้เค้าเห็นตาม ไม่นานเค้าจะรู้เอง.. จากคุณ : atom240 - [ 18 ก.ค. 50 16:12:43 ]