เคยได้ยินมาว่าเวลาที่เราแย่ๆ ให้ลองเขียนมันออกมา วันนี้ผมจะลองดู
สิบวันที่ผ่านมามันเป็นเวลาที่ยาวนานกว่าปกติ เริ่มต้นจากสิ่งดีๆที่ได้เจอคือการเสนอโปรเจ็คการทำงานส่วนตัวผ่าน ผมมีเวลาแค่ 7 วันในการทำโครงการทั้งหมดก่อนจะนำเสนอในวันที่ 28 สิงหาคม
ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดี เพราะคาดหวังกับงานตัวนี้ไว้มากและมันก็น่าจะหาเงินได้มากๆเช่นเดียวกัน
วันที่ 20 สิงหาคม กลับมาบ้านกินข้าวนั่งคุยกับแม่เรื่องงานที่จะทำ แล้วก็ประวัติของคนที่จะร่วมงานด้วยแม่บอกถือเป็นโอกาสทำงานให้ดีนะลูก คิดจะเอาไปคุยเรืองงานให้พ่อฟัง เพราะอยากจะอวดพ่อ วันนี้ผมก็ก้าวมาไกลแล้วเหมือนกันนะพ่อ แต่ยังไม่มีโอกาสเพราะไม่ได้เจอ
วันที่ 21 พ่อเพลียๆ แม่เลยพาพ่อไปโรงบาล ผมได้ยินแม่โทรมาบอกก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไรมากมายเพราะท่านแข็งแรงมาก เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ (เลิกสูบมาจะ30ปีแล้ว ตั้งแต่ผมเกิดแม่ก็บอกว่าพ่อเลิกสูบบุหรี่) ผมไปเยี่ยมพ่อตอนเที่ยง หมอบอกว่าพ่อเป็นไวรัสตับอักเสบ แล้วก็ตับแข็ง ได้ยินก็แปลกใจ แต่คิดว่าคงไม่เป็นไรมาก
วันที่ 22 ผลตรวจอย่างละเอียดออกมา หมอเรียกผมไปฟังผลคนเดียวผลก็คือ พ่อเป็นมะเร็งตับระยะหลังๆ ฟังแล้วเหมือนโลกทั้งโลกพังทลาย คำถามต่างๆเกิดขึ้นกับตัวผม ยังไม่กล้าบอกแม่กับน้อง เพราะขอให้หมอตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าเป็นจริงหรือเปล่า
วันที่ 23 ประชุมเรื่องงานที่จะต้องทำ เหมือนวันนั้นผมลืมพกสมองไปทำงานด้วย เพื่อนๆหุ้นส่วนแซว หยอกล้อกันตามประสา ว่าทำไมถึงวันนี้ดูไม่กระตือรือร้นเหมือนทุกวัน หลายๆอย่างที่เป็นหน้าที่ผมต้องเตรียมงาน ผมก็ไม่ได้ทำ เสร็จจากที่ตรงนี้ ก็ออกไปประชุมต่ออีกที่ผลคือแย่ หงุดหงิดอารมณ์เสีย คุยออกมาไม่ดีรู้เลยไม่ได้งานแต่ก็ช่างมัน กลับไปโรงบาลเฝ้าพ่อ ถึงตีหนึ่งแล้วออกจากโรงบาลให้น้องมาเปลี่ยนกลับมานอนบ้าน ก็เหมือนเดิมนอนไม่หลับ แฟนที่เคยดีๆกันโทรมาพูดต่อว่าผมเรื่องไม่คอยโทรหาเธออีก แต่ก็ไม่เป็นไรไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะด้วย
วันที่ 24 อาการพ่อดีขึ้นมาก ตอนเช้าคิดเข้าข้างตัวเอง หมอมั่วแน่พ่อผมแข็งแรงออกขนาดนี้ ใครมาเยี่ยมก็ลุกนั่งคุยยิ้มแย้มแจ่มใส เดินไปเข้าห้องน้ำ ออกไปเดินเล่นนอกห้องได้ตามปกติ รอผลจากหมอตอนประมาณบ่ายสี่โมง ผลสรุปจากหมอคือเป็นมะเร็งตับระยะหลังๆจริงๆ แม่กับน้องเข้าไปฟังด้วย ผมใจคอไม่ค่อยดี กลัวแม่จะเป็นลมไปอีกคน (ตอนหมอบอกผลผมไม่อยู่) แต่ท่านไม่เป็นไร ถามหมอถึงการรักษาหมอว่าให้กินยาให้ดีขึ้นก่อน แต่ต้องทำใจ คืนวันนั้นผมพยายามลำดับความคิดทั้งหมดว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิตดี ผมกับพ่อแยกทางกันเดินเรืองงานมาตลอด งานที่บ้านน้องชายช่วยดูแลบ้าง แต่ผมแทบไม่เคยดูเลย ออกไปทำงานของตัวเอง ตั้งใจว่าถ้าท่านเป็นขนาดนี้ผมคงต้องช่วยดูงานที่บ้านแทนท่าน พยายามคิดวางตัวว่าจะให้ใครมาช่วยบ้าง ก็จะเหลืออาน้องชายพ่ออีกคน ที่น่าจะมาช่วยงานได้ แต่ตอนนี้อาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นอยู่ต่างจังหวัดกำลังจะหมดวาระพอดี ก็น่าจะลงตัว เพราะหลายอย่างผมคงคนเดียวให้ดีเท่าพ่อไม่ได้
วันที่ 25 พ่อออกจากโรงบาล กลับมาอยู่บ้าน สติผมเริ่มกลับคืนมา ตั้งตัวเริ่มจะติด งานที่ค้างทำวันนี้จนจบ ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น
วันที่ 26 ตอนเช้าออกไปทำงานแทนพ่อสองสามงาน แม่โทรมาบอกว่า พ่อเอาแต่นอนใจคอไม่ดี ให้รีบกลับบ้านพาพ่อไปโรงบาลอีกรอบ ถึงบ้านพาท่านไปโรงบาลอีกรอบ แล้วโทรปรึกษารุ่นน้องเรื่องรักษา คุณแม่หุ้นส่วนเป็นหมอใหญ่อยู่จุฬาขอผลพ่อผมเผื่อจะช่วยได้ ตอนประมาณสามทุ่มญาติที่ต่างจังหวัดโทรมาบอกว่า อาของผม (น้องชายพ่อคนที่คิดว่าจะให้ขึ้นมาช่วยงาน) ป่วยเข้าโรงบาล ตั้งใจว่าพรุ่งนี้คงไปเยี่ยม
วันที่ 27 พ่อออกจากโรงบาลได้ตอนเช้า แต่ผมเหมือนโดนฟ้าผ่าจังๆรอบ ญาติที่อยุทยาโทรมาบอก อาเสียแล้ว สติหลายอย่างที่เคยตั้งตัวติดมันหายไปอีกครั้ง คำถามเกิดว่าผมจะบอกพ่อผมยังไง ลูกชายอา น้องๆผมจะทำยังไง เพราะแบบนี้มันไม่ใช่แค่ครอบครัวผมแล้ว น้องทางโน้นก็เสียเสาหลัก ไหนจะเรื่องงานอีก แย่ครับหลังจากรู้เรื่องโรคของพ่อ มาเจอเรื่องนี้เหมือนระเบิดลูกใหญ่ๆอีกลูก วันนี้มีคุยงานสำคัญขอเลื่อนไม่มีกำหนด พรุ่งนี้วันที่ 28 คือว่าประชุมสำคัญมากๆครั้งนึงในชีวิตของผม ถ้าเป็นอย่างงี้ผมก็แย่ อยากเก่งเหมือนหลายๆคนที่บอกว่า แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกได้จัง แต่วันนี้บอกตามตรงผมทำไม่ได้
หลายอย่างที่เก็บเอาไว้คนเดียว มันเหมือนรอวันระเบิด เลยโทรบอกหุ้นส่วนทั้งหลายว่าตอนนี้ผมเป็นไงบ้าง แล้วก็บอกเรื่องงานศพให้ไปกันวันไหน
คืนนี้ทั้งคืนผมนอนไม่หลับ มันแย่จริงๆนะครับ แต่พยายามคิดหลายๆอย่าง อ่านเรื่องราวของคนหลายๆคนผ่านทางเว็บ เข้าใจขึ้นมาได้อย่างคือเรืองนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมเจอคนเดียว มันเป็นปกติธรรมชาติของคนทุกคนบนโลกนี้ต้องเจอ แต่ก็นึกโกรธหลายอย่างทำไมผมต้องเจอแบบจังๆหลายครั้งติดแบบนี้ด้วยนะ
วันที่ 28 เมื่อคืนผมนอนประมาณสี่ชั่วโมง คุณแม่หุ้นส่วนเป็นหมอใหญ่อยู่จุฬา โทรมาคุยกับคุณแม่ผมเรื่องรักษาพ่อ คือ ต้องเปลี่ยนตับ ให้พาคุณพ่อเข้ามาหาวันศุกร์ที่ 31 ให้ตกลงกับที่บ้านดูว่าจะเอายังไง เพราะพ่อโชคดีที่มะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่เปลี่ยนได้ แต่ไม่รับรอง 100% ว่าจะหายหรือเปล่า (นึกตำหนิหมอที่เก่าบอกแต่ให้ทำใจ) แม่ถามผม รู้ว่าแม่เครียด ผมกับน้องชาย คิดเหมือนกันคือ ลองทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดก่อน หลังจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นคงจะเสียใจน้อยกว่าไม่ได้ทำ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือจะบอกพ่อผมยังไง เพราะนี่ยังไม่ได้บอกแกเลยว่าเป็นมะเร็ง
หน้าที่ผมที่จะพูดคุยบอกพ่อเป็นเนื้องอกในตับถ้าไม่เปลี่ยน จะเป็นมะเร็ง (ยังไม่กล้าบอกว่าตอนนี้แกเป้นอยุ่) แกได้ยินก็ยอม แต่แย่จริงๆนะครับ เรื่องอาผมเสีย ผมยังไม่กล้าบอกท่านอยู่ดี น้องชายคนเดียวของคุณพ่อผมด้วย ตอนเสายๆน้องชายผมกับแม่ไปงานศพอา ผมอยู่เฝ้าพ่อที่บ้าน นั่งเฝ้าพ่อไปทำเอกสารพรีเซ้นวันนี้ไป ผมประชุมบ่ายสาม ยังไงงานนี้ก็เสียไม่ได้เพราะไม่ใช่แค่ผมคนเดียว
ถึงที่คุยงานทุกอย่างไปได้สวยกว่าที่คิดเอาไว้ เรียกว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว เงินที่คิดไว้แค่ตัวเลขก้อนนึง ก็อาจจะได้เยอะกว่าที่คิดเอาไว้หลายเท่าตัว พี่ๆเอ่ยปากชมว่าไม่เคยผิดหวังเรื่องงาน ทุกอย่างสรุปลงตัวหมดเริ่มงานได้เลย แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงบ้าง หน้าตาผมยิ้มแย้มตามหลักการธุระกิจแต่ข้างในมันย่อยยับ คุยงานตั้งแต่สามโมงเย็น จบกันตอนสองทุ่ม ขับรถกลับบ้านผมเหนื่อยจริงๆนะครับ ชีวิตนี้ตั้งแต่เกิดมาผ่านเรื่องแย่ๆมาหลายครั้ง แต่มันไม่ได้เสี้ยวนึงของเรื่องนี้เลย ยังดีที่ยกภูเขาออกจากอกเรื่องงานออกไปได้ เรื่องพ่อก็มีความหวังขึ้นมา เหลือแต่เรื่องอาที่ผมยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะบอกพ่อยังไง บอกเหมือนไหร่ดี แกก็จะไปเช็คสุขภาพครั้งใหญ่ก่อนเปลี่ยนตับวันศุกร์นี้แล้วด้วย
ขอบคุณหลายๆท่านที่เป็นห่วงผม ขอบคุณจริงๆนะครับ ผมไม่เคยคิดว่าจะได้รับน้ำใจและความห่วงใยจากเพื่อนๆที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน ขอบคุณจริงๆนะครับ แค่คำถามว่าผมเป็นอะไรมันก็ช่วยผมได้มากแล้วว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว
แต่สุดท้ายแล้วชีวิตมันก็แค่นี้จริงๆนะครับ ใช้ชีวิตอย่าประมาท รู้จักปล่อยวาง
ครับ ตอนนี้ผมพยายามจะปล่อยวางอยู่
แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 13:05:44
จากคุณ :
I.Brother
- [
29 ส.ค. 50 12:16:10
]