นั่งนึกอยู่ทั้งคืน ว่าจะเขียนเรื่องนี้แบบไหนดี ที่คนอ่านจะไม่ปิดทิ้งไปก่อนอ่านจบ เอาล่ะว้า จะพยายามทำดีที่สุดแล้วกันเน้อ เกิดมาก็ไม่เคยเขียนอะไรยาวๆ กับเค้าซะที แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าต้องทำ ชั้นต้องเขียนมันขึ้นมาให้ดีที่สุดให้ได้
คุณๆ เคยบริจาคเลือดกับสถากาชาดไทยกันถึง 2 ครั้งมั๊ยคะ?? คุณเคยรู้สึกตัวมั๊ยว่าคุณเกิดมาโชคดีเหลือเกินที่ไม่มีโรคร้ายใดๆ มาคุกคาม แล้วคุณรู้มั๊ยว่าคุณสามารถทำสิ่งง่ายๆ ที่มีความหมายยิ่งขึ้น เพิ่มเติมไปจากการบริจาคเลือด
คุณอาจจะทราบ หรือไม่ทราบว่าสภากาชาดเป็นศูนย์กลางรับบริจาคสเต็มเซลล์ (stem cell) หรือเซลล์ต้นกำเนิด อ่านถึงตรงนี้บางคนอาจคิดว่า บ้าป่าว บริจาคก็เจ็บแย่ดิ หรือไม่ก็ บริจาคก็ต้องโดนเจาะไขสันหลังอ่ะดิ ใครจะไปยอมว้า
. เราขอบอกว่านี่เป็นความเข้าใจที่ผิด!!! คุณจะไม่ต้องเจ็บตัวไปมากกว่าโดนเจาะเลือดตอนบริจาคเลือดครั้งต่อไปเลย คุณอาจจะคิดต่อว่ามั่วป่าว ง่ายขนาดนั้นเชียว มั่วป่าวเจ๊ ฮ่าๆ เจ๊ก็ขอบอกตรงนี้เลยว่าไม่มั่ว เพราะหนึ่งในคนที่เจ๊รักที่สุดในชีวิต ก็รอดตายมาได้ก็เพราะไอ้สเต็มเซลล์ที่ว่านี้แหละ ฮ่ะๆ ปลงชีวิต ทีซื้อหวยล่ะไม่เคยถูก แต่ดั๊นมาเป็นมะเร็งตอนอายุแค่ 27
เราเชื่อว่าคุณเคยดูโฆษณาของไทยประกันชีวิต เรื่องของแสงดาว เรื่องสมมติของหญิงคนหนึ่งในยุคก่อนที่ต้องตายจากโรงมะเร็งในเม็ดเลือด หรือลูคีเมีย แล้วตอนท้ายๆ ก็จะมีข้อความยาวเป็นพรึ่ดบอกว่าปัจจุบันโรคนี้รักษาให้หายขาดได้ด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดหรือสเต็มเซลล์ แต่คุณๆ รู้กันไหมว่า ไอ้สเต็มเซลล์ที่ว่าเนี๊ยะ มันหายากกกกก มั่กๆ เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรอ่ะ แล้วแต่บุญแต่กรรม มีเงินล้นฟ้าก็หาซื้อไม่ได้
เราจะไม่พูดถึงขั้นตอนของการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ เพราะมันยุ่งยากซับซ้อน เดี๋ยวผู้ชม เอ๊ย ผู้อ่านจะหลับซะก่อน เอาเป็นแค่สั้นๆ ว่าการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์สามารถรักษาโรคมะเร็ง และโรคเลือดอื่นๆ ได้หายขาดได้หลายโรค ปัญหาคือว่าเราจะหาไอ้สเต็มเซลล์ที่ว่านี้มาจากไหน ดีที่สุดก็คือจากพี่น้องท้องเดียวกัน แต่โอกาสก็ใช่ว่าจะเยอะ เจอบ่อยๆ เลยก็คือบางทีมีพี่น้องเป็นโขลง แต่ตรวจ HLA แล้ว เข้ากันไม่ได้กับผู้ป่วยซักคน (ชื่อเต็มของ เอ็ช แอล เอ คือ Human Leukocyte Antigen ก็คือ หมู่เลือดระบบหนึ่งของเม็ดเลือดขาว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเข้าได้หรือไม่ได้ของอวัยวะ) พอ HLA เข้ากันไม่ได้ สเต็มเซลล์ก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน
คราวนี้ก็เหลือตัวเลือกสุดท้าย คือไปค้นหาเอาจากประชากรโลกคนอื่นที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันโดยสายเลือดเลย โอกาสที่จะเจอคนที่ใช่ (ฟังดูยังกับหนังรักโรแมนติก) มีแค่ 1 ใน 50,000 แต่เมื่อชีวิตชีวิตยังไม่สิ้น เราก็ต้องไม่สิ้นหวังใช่ม้า
เอาล่ะ เล่ามาซะยาว คุณอาจมีคำถามว่าแล้วชั้นจะช่วยได้ยังงัย เอ้าตามนี้เลย
1. คุณได้บริจาคเลือดให้สภากาชาดไทยไปแล้ว 2 ครั้ง
2. ครั้งหน้าเมื่อคุณครบกำหนดบริจาคเลือด คุณก็แค่ไปบอกเจ้าหน้าที่เวลาลงทะเบียนว่าคราวนี้คุณอยากยื่นเรื่องขอบริจาคสเต็มเซลล์ด้วย
3. ส่วนนึงของเลือดที่คุณบริจาคจะถูกเก็บไปเพื่อตรวจหา HLA เพื่อเก็บเข้าไปในฐานข้อมูลของสภากาชาด ถ้าวันดีคืนดี เกิดมีผู้ป่วยที่ HLA ตรงกับคุณ ทางกาชาดก็จะติดต่อคุณ เพื่อขอบริจาคสเต็มเซลล์ ซึ่งคุณก็ยังสามารถตัดสินใจได้อีกทีเมื่อเวลานั้นว่าคุณอยากจะให้ หรือไม่ให้ก็ได้ หรือบางทีชั่วชีวิตนี้ อาจไม่เคยมีผู้ป่วยที่ HLA ตรงกับคุณเลยก็ได้
ณ เวลานี้ที่การแพทย์ก้าวไกลไปมาก การบริจาคสเต็มเซลล์ไม่ได้เจ็บปวดหรือน่ากลัวเหมือนในอดีต ในยุคนี้ แพทย์สามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้จากเลือด คุณไม่ต้องโดนเข็มเล่มใหญ่ๆ จิ้มเข้าไปในสะโพกเพื่อเก็บไขกระดูกอีกต่อไป เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยค่ะ ถ้ามีอะไรสงสัย คุณสามารถสอบถามกับสภากาชาดไทยใด้เลยค่ะ อย่าไปกลัวเพราะไปฟังเรื่องไม่จริงต่อๆ กันมา
ที่เรามานั่งชวนคุณอยู่ตอนนี้ เราเองก็ทำเรื่องเป็นผู้บริจาคสเต็มเซลล์แล้วเหมือนกัน เพื่อตอบแทนโชคดีของชีวิตที่เราเคยได้รับ มีคนอีกมากมายในโลกนี้ ที่ไม่ได้โชคดี สามารถเป็นผู้ให้ได้อย่างเราๆ นะคะ คุณอาจเป็นแสงสว่างสุดท้ายที่ปลายอุโมงค์ของใครคนหนึ่ง
การให้ เป็นสุขยิ่งกว่าการรับ
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคะ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ให้ ผู้รับ หรือแม้แต่สละเวลามาช่วยฟังเรา
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 50 09:39:08
จากคุณ :
sunlight and me
- [
14 ก.ย. 50 09:37:03
]