ความคิดเห็นที่ 315
อ้างอิงคุณ oyuyu #312 =========================================== "และอยากจะบอกว่า ความผิดลักษณะนี้ คือเกิดจากความประมาท ไม่ถือเป็นอาชญากร นะคะ ประเด็นของคดีนี้ น่าจะอยู่ที่คำตัดสินตรงนี้คะ" =========================================== "ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 อาจใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ ฉีดยาชาเข้าทางไขสันหลังของนางสมควร โดยมิได้ควบคุมปริมาณของยาให้มีปริมาณที่เหมาะสม" =========================================== ^ ^ ปัญหาที่หมอเกิดอาการเสียศูนย์ มันอยู่ที่ตรงนี้นี่แหละครับ
ผมได้ข่าว(ลือ) ว่าขนาดยาชาที่ใช้นั้นก็เป็นขนาดที่ให้กันตามปกติทั่วไป ไม่ได้มากจน'ผิด'ปกติ และลักษณะการทำงานขณะให้ยาชาทางไขสันหลังโดยทั่วไปนั้น จะดูดยาจากหลอดแก้วบรรจุยาและฉีดเข้าคนไข้ทันที โดยหลอดแก้วบรรจุยานั้นในแต่ละหลอดจะมีปริมาณยาจำนวนหนึ่งที่แน่นอน ซึ่งเป็นจำนวนที่ 'ไม่ได้เกิน'ขนาดปกติในผู้ใหญ่ที่น.น.ตัวปกติ (ไม่นับเด็กตัวเล็กๆซึ่งขนาดยาอาจ'มากเกิน'ได้)
จึงเป็นการยากและแทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ที่จะฉีดขนาดยา'มากเกิน'ปกติ ยกเว้นว่าจะใช้หลอดแก้วบรรจุยาถึง 2 หลอด ซึ่งไม่น่ามีหมอคนไหนเขาทำกันแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้มีข้อมูลขนาดยาที่ผู้ตาย'ได้รับ'จริงๆว่าเป็นขนาดเท่าไหร่กันแน่ แต่จากการสันนิษฐานจากข้อมูลข้างต้นแล้ว ====> โอกาสที่ผู้ตายจะได้รับยา 'มากเกินขนาดจริงๆ' นั้นเป็นไปได้น้อยมาก (ผมเข้าใจว่าคนที่เป็นหมอส่วนใหญ่คิดแบบนี้) (คงต้องรอดูข้อมูลจริงๆอีกทีครับ)
และประกอบกับการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังเอง โดยใช้ยาชาขนาด'ปกติ'ก็สามารถเกิด'อาการ'เหมือนกับได้รับยาเกินขนาดและคนไข้อาจเสียชีวิตได้ (คิดง่ายๆว่าปวดหัวเหมือนกัน บางคนกินยาพาราเม็ดเดียวหาย บางคนต้องกิน2เม็ดจึงจะหาย เพราะยาออกฤทธิ์ในแต่ละคนไม่เท่ากัน) และ ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจำนวนปริมาณยาที่เหมาะสมแน่นอนในคนไข้แต่ละคนนั้นเป็นเท่าไหร่ โดยที่ยังไม่ได้ฉีดยา
ผมเข้าใจว่าคนที่เป็นหมอส่วนใหญ่ ที่รู้สึกเดือดร้อนก็เพราะว่า ================================================================ การที่ตนเองรักษาคนไข้ตามปกติในชีวิตประจำวัน ให้ยาขนาดตามปกติ แต่ทันทีที่คนไข้มีปัญหา (อาจด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม เป็นผลแทรกซ้อน ทั้งจากยา, ทั้งจากตัวโรค) กลับกลายเป็นว่าตนเองประมาท -----> ติดคุกไม่รอลงอาญา ================================================================
เมื่อเป็นเช่นนี้หมายความว่า ทุกครั้งที่สั่งการรักษาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล๊กๆน้อยๆแค่ไหนก็ตาม ก็เหมือนก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปในคุกแล้ว
เช่น คนไข้เป็นหวัด ไอ เจ็บคอ ไม่มีประวัติแพ้ยา ----> หมอให้ยาฆ่าเชื้อ ----> คนไข้แพ้ยาเสียชีวิต ----> หมอประมาท ----> ติดคุกไม่รอลงอาญา
แล้วลองคิดดูว่า ในแต่ละวันมี คนไข้มาตรวจมากขนาดไหนในรพช. จำนวนครั้งที่เสี่ยงมีมากเท่าไหร่
ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ คนที่เป็นหมอแล้วต้องทำงานลักษณะแบบนี้จะต้องรู้สึกถึง 'ความไม่มั่นคง' และ 'ความไม่ปลอดภัย' ในชีวิตการทำงานประจำวัน ที่ตัวเองต้องเสี่ยงไปกับสิ่งที่'ไม่สมควร'ต้องเสี่ยง (หมอที่ผ่าตัดก็เสี่ยงติดเชื้อเอดส์จากคนไข้ได้นะครับ ส่วนใหญ่หมอผ่าตัดก็ยอมรับความเสี่ยงที่'สมควรเสี่ยง'ตรงนี้ได้)
อาชีพวิศวะที่เซ็นออกแบบตึก เดือนหนึ่งๆรับผิดชอบกี่ตึกครับ(ขออนุญาตพาดพิงด้วยความเคารพ) 'จำนวน'ความเสี่ยงมันน้อยกว่า เวลาตึกถล่มก็ต้องพิสูจน์ก่อนว่าคำนวนแบบผิดถึงจะติดคุก ไม่ใช่โดนคนอื่นกินหินกินทรายกินเหล็กแล้วก็ต้องผิดไปด้วย(เข้าใจว่าอย่างนั้น) แล้วใครเป็นคนคำนวนตรวจสอบครับ ก็ต้องเป็นคนที่มีความรู้ชำนาญด้านนั้นๆ คงไม่ให้ภาคประชาชนเข้ามาตรวจสอบแล้วบอกว่า 'ดูเหล็กมันเส้นเล็กๆนะ ไม่น่ารับน้ำหนักไหว ออกแบบผิดเห็นๆ น่าจะใช้เหล็กเส้นใหญ่กว่านี้' แล้วตัดสินให้ต้องเข้าคุก แบบนี้คงไม่ได้ ถือว่าไม่เป็นธรรมกับนายช่างคนนี้
เมื่อเสี่ยงก็เครียด เมื่อเครียดก็ต้องระบาย เครียดมากเข้าก็ต้องบริหารความเสี่ยง เช่น ซื้อประกัน(ให้ประกันจ่าย+ติดคุกแทน) ลาออกจากระบบราชการที่มีความเสี่ยงสูงกว่าระบบเอกชน โดยได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น (มีแต่ได้) เพราะเดี๋ยวก็มีแพทย์จบใหม่มาทำงานแทน (หมุนเวียนเป็นวัฏจักร, แพทย์ในชนบทเลยไม่เคยพอ มีแต่หมอในกทม.)
การบริหารความเสี่ยงที่กำลังออกมาใหม่คือ 'การออกกฎหมายที่แพทย์ไม่ต้องรับผิดทางอาญา' เป็นที่ถกเถียงกันว่า แพทย์เป็นอภิสิทธิ์ชนหรือ เป็นเทวดาหรือ
ส่วนตัวผมเองเห็นว่า 'แพทย์ต้องรับผิดทางอาญาได้'
แต่ก็ต้องให้'ความเป็นธรรม'กับแพทย์ การตัดสินว่า'ผิด' ต้องใช้ผู้มีความรู้ทางการแพทย์ (ก็คงหนีไม่พ้นแพทย์ด้วยกันแน่นอน) เนื่องจากอาชีพนี้ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญเฉพาะด้าน จะอาศัยเพียงแค่ความรู้สึก คิดว่า น่าจะ นั้นไม่ได้ และมีปัจจัยหลายด้านที่ทำให้เกิด'ความเสียหาย'แก่คนไข้ได้ (ขอนิยามคำว่า'ความเสียหาย'ในที่นี้=สิ่งที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดต่อคนไข้ ไม่ว่าจากตัวโรคเดิมที่แย่ลงก็ดี, เกิดจากโรคใหม่ก็ดี, เกิดผลข้างเคียงจากการรักษาที่เคยคาดหมายว่าจะเกิดก็ดี, เกิดผลข้างเคียงจากการรักษาที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดก็ดี, เกิดจากความผิดพลาดโดยตัวของคนไข้หรือญาติเองก็ดี, เกิดจากความผิดพลาดโดยตัวของหมอผู้รักษาเองก็ดี, เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้โดยที่พิสูจน์อะไรก็ไม่ได้ก็ดี) การตัดสินว่าแพทย์ 'ผิด' นั้นจึงควรต้องใช้คนที่มีความรู้ความเข้าใจวิชาการแพทย์เป็นอย่างดีมาตัดสิน ไม่ใช่ใช้คนนอกวงการมาตัดสินถูกผิดนะครับ ส่วนใหญ่จะมีคนอ้างว่า 'จะมีการปกป้องคนวิชาชีพเดียวกัน' , ผมว่าคำอ้างนี้ไม่ถูกตรรกะ ไม่เช่นนั้น เราคงไม่เห็นตำรวจจับตำรวจด้วยกันเอง (ตำรวจที่ค้ายาซะเอง, ฆ่าคนตาย, ฯลฯ) ทหารก็ยังมีศาลทหารเลย ผมว่าคนที่ทำตัวไม่ดี ไปอยู่วงการไหน คนวงการนั้นก็ไม่อยากต้อนรับหรอก หมอเองก็เหมือนกัน ถ้ามีหมอเลวๆอยู่ หมอด้วยกันเองใครมันจะอยากไปคบไปต้อนรับ (ขอนอกเรื่องเล็กน้อย) ทุกวันนี้คนนอกวงการอาจมองว่าแพทยสภาปกป้องแพทย์ด้วยกันเอง แต่จริงๆแล้วมีคดีความที่ตัดสินว่าแพทย์ผิด ก็ไม่น้อย มียึดใบประกอบวิชาชีพไม่ไห้เป็นหมออีกก็มี แต่ไม่เป็นข่าว ที่เป็นข่าวคือ คดีไม่มีมูล (ก็เพราะมันไม่มีมูล, แพทย์ไม่ได้มีความผิด, แต่มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงที่ไม่ได้เกิดจากแพทย์ผู้ทำการรักษา [อ่านนิยาม'ความเสียหาย'{ที่ผมคิดเอง}ข้างบน]) ผู้เสียหายไม่พอใจ เพราะไม่มีคน'ผิด' ก็จะอ้างว่า หมอปกป้องหมอด้วยกัน ??? ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เครือข่ายผู้ได้รับความเสียหายทางการแพทย์ (ขออภัยถ้าชื่อสะกดไม่ถูก) จริงๆผมอยากเรียกว่า เครือข่ายผู้ได้รับความเสียหายจากแพทย์ เพราะเครือข่ายฯนี้(ในความเข้าใจของผม) จ้องแต่จะหาแพทย์รับผิดอย่างเดียว (หยอกพอเป็นพิธีนะครับ)
======================================================================= จากนิยามข้างต้น เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีคนผิดเสมอไปนะครับ =======================================================================
สรุปความคิดเห็นของผม 1) แพทย์ต้องรับผิดทางอาญาได้ 2) ผู้ตัดสินว่าแพทย์ ผิด ควรเป็นแพทยสภา, ไม่ควรมีคนนอกวงการ 3) โทษที่ได้รับนั้น การติดคุก ควรใช้กับความผิดที่ 'ไม่สมควรให้อภัย' 'ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง' ความผิดสถานเบาอื่นๆก็มีโทษลดหย่อนลงมา 4) ไม่เห็นด้วยกับการใช้ศาลยุติธรรมปัจจุบันและกฏหมายปัจจุบันตัดสินคดี ควรเป็นศาลเฉพาะและมีกฎหมายเฉพาะมากกว่า
ขอขอบคุณทุกคนที่อุตสาห์อ่านนะครับ (ถึงแม้จะแค่บรรทัดนี้ก็ยังดี)
จากคุณ :
อ่านของผมหน่อยนะ (ขอร้อง)
- [
22 ธ.ค. 50 02:26:25
]
|
|
|