ความคิดเห็นที่ 7
(ท่านสามารถหาผลกระทบของการที่ร่างกายได้รับพลังงานที่ต้องการในแต่ละวันได้ในกระทู้แถวๆนี้ เพราะผมไม่ได้เซฟไว้ โฮ่ะ ๆๆ)
อันนี้หรือเปล่าครับ (คาดว่าน่าจะใช่นะครับ)
--------------------------------------------------------------------------
ทำไมการลดความอ้วน หลังจากโดน "โยโย่" เล่นงานมันถึงยากเย็นนัก?
อันดับแรก คือ เมื่อคุณลดน้ำหนักด้วยวิธีการผิด ๆ เช่น อดอาหาร กินยาลดความอ้วน สิ่งที่ตามมาจะเกิดขึ้น 2 อย่าง
1.ร่างกายปรับการเผาผลาญของคุณไปอยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน (Starvation Mode)
ในกรณีนี้ร่างกายรับทราบว่ามีพลังงานเข้ามาไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงปรับการเผาผลาญให้ลดต่ำกว่าความเป็นจริง ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับพลังงานอันน้อยนิดที่คุณรับเข้ามา ผลที่ตามมาก็คือ อวัยวะต่าง ๆ ทำงานด้อยประสิทธิภาพลง เช่น เมื่อหัวใจทำงานด้อยประสิทธิภาพลง การแลกเปลี่ยนออกซิเจนก็จะด้อยตามลงไป การเผาผลาญก็จะแย่ลง เพราะว่าร่างกายต้องใช้ออกซิเจนมาช่วยการเผาผลาญ
หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ก็เปรียบเสมือนการที่คุณเคยได้รับเงินเดือน 20,000 บาท/เดือน และจำนวนเงินดังกล่าวก็เพียงพอต่อการใช้จ่ายสำหรับคุณใน 1 เดือน แต่ต่อมาเมื่อคุณถูกลดเงินเดือนลงเหลือ 18,000 บาท สิ่งที่ตามมาก็คือคุณจะต้องประหยัดทุก ๆ ทางเพื่อให้อยู่รอดด้วยเงิน 18,000 บาท ถูกต้องไหมครับ? ร่างกายก็เช่นเดียวกันครับ มันเรียนรู้ที่จะปรับการเผาผลาญให้ลดต่ำลงให้เหมาะสมกับพลังงานที่ลดลงครับ
นอกจากนี้แล้วการที่ไขมันลดต่ำลงอย่างรวดเร็วในช่วง ที่ อดอาหาร ยังทำให้ ฮอร์โมน Leptin ลดลดต่ำลงใน อัตรา ที่มากกว่า อัตราที่ ไขมัน ลดต่ำลงอีกด้วย เมื่อ ฮอร์โมน Leptin ลดต่ำลง จึงไม่มีคำไปยังสมองส่วนกลางให้ร่างกาย เผาผลาญพลังงาน และสมองก็สั่งงานให้คุณมีความรู้สึกหิว
ดังนั้นเมื่อคุณเลิก อดอาหารในช่วงแรก ๆ และหันมากินตามปกติ ระบบ การเผาผลาญของคุณยังไม่สามารถปรับไปอยู่ในระดับปกติได้ทันที การเผาผลาญต่าง ๆ จึงน้อยกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้แล้วระดับ Leptin ก็ยังต่ำอยู่ ดังนั้นคุณจึงมีความรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าคุณจะทานอาหารไปมากเพียงใด (เพราะไม่มีคำสั่งจาก Leptin ไปยังสมอง) ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เองทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. ร่างกายละลายกล้ามเนื้อออกมาเป็นพลังงานเสริม
สำหรับกรณีนี้ ต้องเกริ่นก่อนว่า โดยทั่ว ๆ ไป ร่างกายจะใช้พลังงานจากสองแหล่ง คือ จาก กลูโคส และ ไขมัน (มีบางกรณี เช่นกันที่ร่างกายจะใช้พลังงานจาก กลูโคสเพียงอย่างเดียว แต่จะไม่ขอกล่าวถึง เพราะจะทำให้งงกันเปล่า ๆ) กล่าวคือ โดยส่วนใหญ่แล้วร่างกายจะไม่สามารถที่จะใช้พลังงานจากไขมันเพียงอย่างเดียวได้
ดังนั้น เมื่อคุณอดอาหาร ร่างกายของคุณก็จะไม่มีพลังงานในรูปแบบของกลูโคส และไกลโครเจน (พลังงานสำรองของกูลโคสรูปแบบหนึ่ง) ผลที่ตามมาก็คือร่างกายทำก็คือต้องหาพลังงานสำรองมาทดแทน โดยการเปลี่ยน โปรตีน ให้เป็นกลูโคส หากคุณมีโปรตีนส่วนเกินจากการรับประทานร่างกายก็จะดึงมาใช้เป็นพลังงานเสริม หากโปรตีนส่วนเกินไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะละลายโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาเป็นพลังงานเสริม
หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ อีกสักครั้ง โดยใช้ตัวอย่างเดิมข้างบนที่ได้กล่าวไปแล้ว ในการนี้อาจจะกล่าวได้ว่า หากคุณคุ้นเคยที่จะใช้จ่าย 18,000 บาท/เดือน ตามเงินเดือนที่คุณได้รับ กล่าวคือจำนวนเงินดังกล่าวก็เพียงพอต่อการใช้จ่ายสำหรับคุณใน 1 เดือน แต่ต่อมาเมื่อคุณถูกลดเงินเดือนลงไปอีกเหลือแค่ 15,000 บาท ถึงตอนนี้แม้ว่าคุณจะพยายามประหยัดทุก ๆ ทาง แต่คุณก็ไม่สามารถอยู่รอดด้วยเงินจำนวนดังกล่าว สิ่งที่ตามมาก็คือต้องขายสมบัติที่มีอยู่เพื่อให้ได้เงินมาใช้ ร่างกายก็คล้าย ๆ กันครับ มันรับรู้ว่าพลังงานที่รับประทานเข้ามามีไม่เพียงพอมันก็ต้องละลายกล้ามเนื้อที่คุณมีอยู่ (เปรียบเสมือนสมบัติที่คุณมีอยู่) เพื่อมาเป็นพลังงานเสริมครับ
ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า หากคุณ อดอาหาร ผลที่ตามมาก็คือ ร่างกายคุณต้องละลายกล้ามเนื้อมาเป็นพลังงานเสริมอย่างแน่นอน ไม่มาก ก็น้อย
เมื่อกล้ามเนื้อหายไป ก็ย่อมหมายความว่าระบบการเผาผลาญก็ลดต่ำลง เพราะส่วนใหญ่แล้ว ร่างกายจะใช้กล้ามเนื้อเป็นแหล่งในการเผาผลาญพลังงาน
เมื่อคุณเลิกอดอาหาร และหันไปทานตามปกติ ผลที่ตามมา ก็คือ น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะคุณไม่มีกล้ามเนื้อเพื่อช่วยการเผาผลาญ
สรุป พอจะมองภาพออกหรือยังครับว่า การลดน้ำหนักครั้งถัด ๆ ไป หลังจากที่ โดน โยโย่ เล่นงาน ทำไมมันถึงยากเย็นนัก ทั้งนี้ก็เพราะร่างกายต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะปรับระบบการเผาผลาญขึ้นมาอยู่จุดเดิม นอกจากนี้กล้ามเนื้อที่หายไปก็จะทำให้การเผาผลาญลดต่ำลง ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้การลดน้ำหนักยิ่งยากขึ้นไปอีก ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณ อด อาหารหลาย ๆ ครั้ง คุณก็ย่อมสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปทุกครั้ง การลดน้ำหนักก็ยิ่งยากขึ้นกว่าเดิมไปเรื่อย ๆ
หากพิจรณากันดี ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพูดไปขั้นต้นนั้น สามารถแก้ไขได้โดยอาศัย เวลา และ การออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ แต่การสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดซิครับ กล่าวคือ ในคนปกติทั่ว ๆ ไป สามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้ 0.5 กก./เดือน แค่นั้นเองครับ (ซึ่งจะต้องออกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอด้วยนะครับ) และส่วนใหญ่ก็กลับไปอ้วนกันอีกครั้ง ก่อนที่ร่างกายจะสามารถสร้างกล้ามเนื้อใหม่จะสร้างขึ้นมากได้
แย่ไปกว่านั้นครับ หากคุณลดน้ำหนักด้วยวิธีการผิด ๆ อาจจะส่งผลทำให้คุณไม่สามารถเห็นน้ำหนักตัวของคุณ ต่ำได้กว่าปัจจุปันได้เลยอีกตลอดชีวิต ที่ผมกล่าวเช่นนี้ก็ด้วยด้วยเหตุผล 2 ประการครับ
1.อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ Metabolism ต่ำลง
ตรงนี้เราไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นเมื่อรวมกับเหตุผลต่าง ๆ ขั้นต้น ก็ อาจจะ ทำให้ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารไม่สามารถลดน้ำหนักได้ลงกว่าปัจจุปัน เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
(จากประสบการณ์ในการลดน้ำหนักของผม ซึ่งมากกว่า 10 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ขอบอกว่า สมัยเป็นวัยรุ่น นั้นน้ำหนักลดง่ายกว่าปัจจุปันมากครับ)
2.กล้ามเนื้อหัวใจที่หายไป
ตรงนี้ผมอ่านเจอจากการทดลอง เรื่อง ภาวะการอดอยาก (Starvation Experiment) ในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยการทดลองดังกล่าวเขาจับคนกลุ่มหนึ่งมา อดอาหาร โดยให้อาหารเพียงแค่ 50 % ของความต้องการพื้นฐานของร่างกาย (BMR) เป็นเวลา 6 เดือน
ผลการทดลองพบว่า ร่างกายมีการละลายกล้ามเนื้อหัวใจออกมาเป็นพลังงานเสริมด้วย ในหนังสือ ใช้คำว่า Their hearts shrank because their bodies used heart-muscle protein as a source of energy. (Brown, 1990, p.122 )
ดังนั้นเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจหายไป การทำงานของหัวใจก็ด้อยลง การเผาผลาญก็จะแย่ลงตามที่อธิบายไปแล้วขั้นต้น
ตรงนี้เองมองว่าเป็นการทำลายระบบการเผาผลาญอย่างรุ่นแรงนะครับ กล้ามเนื้อส่วนอื่นของร่างกายอาจจะออกกำลังกายเพื่อสร้างเสริมขึ้นมาใหม่ได้ในภายหลัง แต่กล้ามเนื้อหัวใจนั้นผมไม่รู้จริง ๆ ครับว่าเราจะสร้างขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร ถึงแม้ว่าร่างกายจะสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่ก็คงใช้เวลานานมากๆๆๆๆๆๆ ครับ
อ้างอิง
Brown, J.D., 1990, The Science of Human Nutrition, HBJ Publisher, USA.
จากคุณ :
Jackson5
- [
30 ม.ค. 51 10:50:13
]
|
|
|