ความคิดเห็นที่ 1 เพิ่งรู้ว่าที่เรียนมาตั้งหลายปี  ดันไม่สามารถตอบกระทู้นี้ได้อย่างมั่นใจ100%  แต่สิ่งที่ผมคิดคิดว่า(โดยส่วนตัวคิดแบบนี้นะคับ) 1.เด็กๆต้องการอะไรที่มากกกว่าวิตามิน  นมมีสารพวกโปรตีนไขมันในขณะที่วิตามินเม็ดๆไม่มี 2.ถ้าจะพูดกันจริงๆ  นมเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตผลิตขึ้นมา  หากนำมาวิเคราะห์ดูสารประกรอบคุณค่าทางอาหารจริงๆ  นมจะมีความซับซ้อนอยู่มากกว่าวิตามิตมากๆ  เช่น  นมประกอบด้วย โปรตีน ไขมัน วิตามินต่างๆ น้ำ ถ้ากินนม1ลิตร  ก็ได้หมดพวกนั้น  แต่หากกินวิตามินเม็ด เป็นอะไรที่คนสังเคราะห์ขึ้นตามความต้องการของร่างกายที่ขาด  ถ้ากิน B complex ก็อาจจะได้แค่ B หรืออะไรที่ช่วยในการทำงานของB 3.ถ้าจำไม่ผิดการแพ้น้ำนมวัวมักจะเกิดจากการแพ้โปรตีนบางชนิดในนม  เดียวนี้มีผลิตภัณฑ์นมที่มีการสกัดเอาโปรตีนพวกนั้นออกไปแล้ว  ยังไงข้อนี้ลองปรึกษาคุณหมอดูนะครับ 4.จริงๆจะบอกว่าวิตามินเม็ดไม่มีประโยชน์เลยผมก็ว่าออกจะหัวโบราณเกินไป  แต่วิตามินเม็ดๆพวกนั้นผมว่าควรจะใช้ในกรณีที่ร่างกายต้องการมากกว่าปกติหรือว่าปกติขาดวิตามินพวกนั้น 5.รอผู้ที่ตั้งใจเรียนกว่าผมมาตอบดีกว่าครับ 555 ไปละคับอ่านหนังสือจะได้มีความรู้มากกมาย  สวัสดีครับ จากคุณ : Tsunade_Sama - [ 23 ก.พ. 51 12:28:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กินให้หลากหลายดีกว่าครับ ผมก็เคยได้อ่านบทความเกี่ยวกับผลเสียของนมวัว ผลเสียของนมถั่วเหลือง และอื่นๆ ให้กินนมอย่างเดียววันละ 3 แก้ว ผมก็ไม่เห็นด้วย น่าจะสลับกันครับ นมถั่วเหลืองบ้าง นมวัวบ้าง วิตามินบ้าง ส่วนแคลเซียมในนมที่ซื้อมา จริงๆมันมีอยู่แล้วในนม แต่ไม่มากพอที่จะให้ขายดีเลยต้องเติมลงไปอีกเพื่อเพิ่มยอดขาย แล้วบอกว่ามีเยอะกว่ายี่ห้ออื่นเท่านั้นเอง สำคัญคือความหลากหลายของอาหารที่กินมากกว่า กินอย่างใดอย่างนึงปริมาณมากมากย่อมไม่ดี จากคุณ : Semi - [ 23 ก.พ. 51 13:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นมวัวก็เอาไว้เลี้ยงลูกวัวซิคะ  ลูกวัวสมองจะหยุดเติมโตตอนอายุ 8 เดือน เพราะวัวไม่เอาสมองแต่จะเอาเขา  และกล้ามเนื้อ ดังนั้นนมแม่วัวจึงอุดมด้วยแคลเซียม (ไว้ทำเขา) และโปรตีน (จะได้ตัวใหญ่) แต่ลูกเราเป็นคน ไม่เอาเขา แต่เอามันสมองที่ชาญฉลาดขนาด 1600 มิลลิกรัม แต่ถึงกระนั้นก็ทานได้นะคะ เพียงแต่ว่าเมื่อฟันน้ำนมซี่สุดท้าย ลูกคุณหลุดเมื่อไหร่เป็นสัญญาณเตือนให้หยุดกินนมได้แล้ว (เพราะกรดแลคตัส ย่อยนมจะหมดไปพร้อมกัน) ไม่งั้นไขมันส่วนเกินของนมจะมาทำร้ายลูกคุณทีหลัง ทีเมกาเค้าเริ่มไม่กินนมแบบบ้าระห่ำกันแล้วน๊า และอาหารที่ดีให้กินอาหารหมุนเวียน หลากหลาย ปรุงสดกินเดี๋ยวนั้น ดีที่สุดค่ะ จากคุณ : ลูกรักใบปอ - [ 23 ก.พ. 51 16:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ขอแก้นิด ไอ้ที่ย่อยนมที่เราๆท่านๆพูดถึงมันคือเอนไซม์ครับ  แล้วไอ้เจ้าเอนไซม์ตัวนี้เป็นเอนไซม์ชนิดที่เหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างครับ  เช่นคนแก่ๆที่ไม่ได้ดื่มนมมานาน  ถ้าดื่มนมไปทันทีอาจจะเกิดอาการท้องเสีย  ดังนั้นถ้าจะเริ่มดื่มใหม่ให้ค่อยๆดื่มแล้วเพิ่มปริมาณไปเรื่อยๆ ส่วนกรดแลคตัสนั้น  หมายถึงแลคติกรึเปล่า  อันนั้นคือกรดอินทรีย์นะครับ จากคุณ : Tsunade_Sama - [ 23 ก.พ. 51 17:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ว๊ายยย .. ขอบคุณ หค. 4 ค่ะ อาจจำชื่อผิด เอาเป็นว่ากรดที่ใช้ย่อย นม จะหายไปพร้อมๆกับฟันน้ำนมซี่สุดท้ายก็แล้วกัน จากคุณ : ลูกรักใบปอ - [ 23 ก.พ. 51 17:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริงเหรอคะ กรดย่อยนม จะหายไปตอนฟันน้ำนมหลุดไปหมดเเล้ว อย่างนั้นทุกคนที่มีฟันแท้ขึ้นก็ไม่สามารถกินนมได้อีกต่อไป เพราะไม่มีกรดย่อยนมน่ะสิ ดื่มนมวันละแก้ว ร่างกายเเข็งเเรง จากคุณ : mrs.night owl - [ 23 ก.พ. 51 17:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่าค่ะ ..... ก็ไม่ควรกิน แต่ก็ไม่ทุกคน สังเกตุมั้ยบางทีเรากินนมเสร็จ มักจะท้องเสีย  ทั้งๆที่ตอนเด็กๆไม่เคยเป็น ก็เหตุผลนี้แหละค่ะ และนมยังสร้างไขมันส่วนเกินสะสมไว้ตาม หน้าอก และมดลูก ทำให้เป็น  Seed กันเยอะ  แต่ในต่างประเทศ อากาศหนาวการมีไขมันสะสมไว้ในร่างกาย ไม่เป็นอันตรายเท่าไหร่ แต่กับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา การมีไขมันสะสมไว้ในร่างกายไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะร่างกายไม่ต้องการใช้เท่าไหร่จึงพยามเผาออก แต่ถ้าเราทานเยอะจนเผาผลาญไม่หมด ตรงนี้ก็จะสะสมจนเกิดผลเสีย เพราะไขมันที่อุณหภูมิสูงอย่างบ้านเรา ก็เปลี่ยนรูปได้ง่าย และพัฒนากลายเป็น SEED อาการอย่างน้อยๆก็จะทำให้ปวดประจำเดือนทุกๆเดือน เพราะไขมันไปพอกผนังมดลูกอ่า.... ค่ะ อันนี้จารย์ที่ U เค้าบอกมา ตอนแรกก็งงๆ แต่พอเลิกกินนม เลิกกินครีม ตอนนี้ไม่เคยปวด ปจด. อีกเลยค่ะ จาน ... เค้าบอกอีกว่าชาวเอเซียแถบร้อนอย่างใบปอ ไม่ค่อยออกกำลังกาย หากอยากกิน นม ครีม เค้ก เมื่อกินแล้วต้องออกกำลังกายเผาผลาญให้หมด ไม่งั้นก็จะแย่อย่างที่บอกค่า... จากคุณ : ลูกรักใบปอ - [ 23 ก.พ. 51 18:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แน่ใจเหรอครับว่านมย่อยโดยกรดแลคติก แน่ใจเหรอครับว่าสิ่งที่ใช้ย่อยน้ำนมจะหมดไปเลยเมื่อพ้นวัยเด็ก เพราะเท่าที่ผมทราบกรดที่ใช้ย่อยอาหารในกระเพาะมัน HCl  และก็พวกเอนไซม์ต่างๆ  อย่าที่เขียนด้านบน  ยังไงช่วยแนะนำผมทีนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Tsunade_Sama - [ 23 ก.พ. 51 18:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มันมีเอนไซม์ ที่มีความจำเพาะเจาะจงในการย่อยโปรตีนในนม โปรตีนในนมนั้นคือ กรดแลกติกนั่นเอง   เอนไซม์นั้นจะผลิตได้น้อยลงหรือหยุดผลิต เมื่อเราโตขึ้น จากคุณ : numsainoi - [ 23 ก.พ. 51 23:39:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 cyst กับ seed ไม่เหมือนกันนะคะ คนบางคนเท่านั้น ที่กินนมแล้วท้องเสีย เนื่องจากไม่มีกรดไว้ย่อยโปรตีนในนม แต่ไม่ทุกคน การมีไขมันเยอะในร่างก่าย ไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่การมีไขมันเยอะในร่างกาย ไม่ได้มาจากการกินนม นมหนึ่งแก้วปกติ กี่แคลลอรี่กัน  ไขมันพอกผนังมดลูก ไม่เคยได้ยิน เคยได้ยินแต่เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เนื่องมาจากฮอร์โมน ที่คุณยก ครีม เค้ก กินแล้วอ้วนจริงค่ะ  เพราะใน ครีม มีไขมัน มากกว่า นมปกติ เค้ก มีทั้งเนย และน้ำตาล ไม่ดีต่อสุขภาพถ้ากินเยอะ อะไรก็ตามถ้าเราเผาไม่หมด มันก็อ้วน เเต่ไม่เกี่ยวกับการกินนม แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 51 09:14:23 จากคุณ : mrs.night owl - [ 24 ก.พ. 51 09:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น จากคุณ : atheist - [ 24 ก.พ. 51 11:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตำราฉบับไหนหว่า ไม่ให้กินนมตอนโต จากคุณ : Jacare - [ 24 ก.พ. 51 14:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ สงสัยเหมือนกัน  ตั้งแต่เรียนมาไม่เคยได้ยินครับ เรื่องไม่ต้องการแคลเซี่ยมอีก -*- จากคุณ : Tsunade_Sama - [ 24 ก.พ. 51 16:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องไม่กินนมวัวเนี่ยเราเคยเขียน แล้วโดนคนที่ไม่เชื่อว่านมวัยมีอันตรายต่อสุขภาพยกพวกถล่มมาแล้ว ต้องไปหากระทู้เก่าๆดู เราหัดกินนมวัวตอนอายุสิบกว่าขวบ กินทุกวันเพราะอยากสูง แต่นมมันแพงสมัยนั้น พอจบมัธยมต้นเราไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โหดีใจนมมันถูกว่ะ เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ เราเลยสวาปามผลิตภัณฑ์นม เนย ทุกประเภทเข้าไป ทุกวัน cheese น่ะเป็นอาหารโปรดเรามากๆเลยอ้ะ แล้วอยู่ดีๆเราก็หายใจไม่ออก พอส่องกระจกดู ก็เห็นเป็นก้อนเนื้อสีแดงๆ ปิดรูจมูกอยู่ เราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นโรคประจำตัว เพราะเคยเห็นแม่เราเป็น แล้วแม่เราไปให้หมอเอาเครื่องใช้ความร้อนอบหรือจี้ให้เนื้อแดงๆมันหลุดออกมา แล้วเราก็บ่นๆกับเพื่อนฝรั่งว่า "หายใจไม่ออกว่ะ" ฝรั่งมันก็พูดตลกๆว่า "พระผู้เป็นเจ้าไม่ชอบแก" แล้วอยู่ดีๆมีผู้หญิงฝรั่งอเมริกันคนหนึ่งชวนเราไปฟัง lecture เรื่องวิชา Macrobiotics เราฟังๆแล้วคิดว่าแปลกดี ที่เขาสอนเรื่องอันตรายของนมวัว เราลองหยุดกินนมวัวดู แล้วสิ่งมหัสจรรย์ที่เกิดขึ้นก็คือว่า ไอ้เนื้อแดงๆในจมูกเรามันจะยุบไปเอง แล้วเราก็จะหายใจสะดวกมากยิ่งๆขึ้น เราจึงค้นพบความจริงว่า "อ๋อที่เราหายใจติดขัดนี่นะ เป็นเพราะร่างกายเราไม่ถูกกับนมวัวนั่นเอง" ตั่งแต่นั้นมาเราจึงเลิกกินนมวัวไปเลย...แล้วที่ประหลาดก็คือว่า เราเคยเป็นโรคภูมิแพ้ (hay fever) ทุกฤดูใบไม้ผลิตอน pollen มันปลิวว่อนไปในอากาศ เราจะเป็นภูมิแพ้จนใช้จมูกหายใจไม่ได้เลย (ต้องหายใจด้วยปาก) และเรามีโรคปวดหัวไมเกรนเป็นโรคประจำตัวตั้งแต่เรียนประถมแล้ว ... แต่พอหยุดกินนมวัว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆทั้งหมด มันหายไปเอง โดยไม่ต้องไปหาหมอรักษาแต่อย่างใดเลย เราเขียนบทความเรื่องอาหารต้องห้าม ที่หยุดกิน แล้วจะหายจากอาการภูมิแพ้และปวดหัวไมเกรนไว้ที่ blog เรา ลองเข้าไปอ่านดู จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์นมเนยเป็นตัวก่อเหตุอย่างแน่นอน http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=iwrite4u&month=05-2006&date=07&group=4&gblog=2 แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 51 05:36:50 แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 51 05:19:58 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 25 ก.พ. 51 04:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วเรื่องที่แปลกก็คือว่า พ่อแม่เราสูงแค่ประมาณ 160 ซม กว่าๆ นิดๆ เอง แต่เนื่องจากการที่เรากินผลิตภัณฑ์นมเนยมากมาย เรากลายเป็นสูง 170 ซม ได้แบบผ่าเหล่าผ่ากอ แสดงว่านมวัวมันคงทำให้สูงได้จริงๆนั่นแหละ เราเคยตอบกระทู้เด็กอยากสูงที่เขาถามเรื่องกินนมวัวแล้วจะสูงจริงหรือไม่ โดยการตอบว่าเราขอเตี้ย 160 ซม กว่าๆ นิดๆ แบบพ่อแม่เรา แต่ไม่ทรมาณหายใจไม่ออก ปวดหัวไมเกรน และเป็นภูมิแพ้มาตลอดระยะเวลาการกินผลิตภัณฑ์นมเนยมาตั้ง เกือบ 20 ปี (เริ่มกินนมอายุสิบกว่าขวบ หยุดกินนมอายุ 29) จะดีกว่าว่ะ แต่เด็กคนนั้นเขาย้อนเรากลับมาว่า "ผมจะกินนมวัวให้สูงไว้ก่อนครับ จะป่วยอย่างไรผมก็ไม่กลัวครับ" เราก็ว่า แบบนี้ ต้องตัวใครตัวมัน แล้วหละ... แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 51 05:38:41 แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 51 05:21:44 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 25 ก.พ. 51 04:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 "เราเลยสวาปามผลิตภัณฑ์นม เนย ทุกประเภทเข้าไป ทุกวัน cheese น่ะเป็นอาหารโปรดเรามากๆเลยอ้ะ" กินแบบนี้ผมว่าไม่ป่วยน่าจะถือเป็นเรื่องแปลกกว่านะ จากคุณ : Jacare - [ 25 ก.พ. 51 11:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นมกับไวตามิล มันเหมือนกันที่ไหนคับ คนละประเภทกันเลย นมก็จัดอยู่พวกโปรตีน เป็นส่วนใหญ่ ถ้าอยากให้ลูกได้โปรตีนโดยไม่ได้ต้องรับประทานนม ก็ให้ไปทานพวกเนื้อสัตว์แทนสิคับ ถั่วก็ได้ มากมายคับ ส่วนไวตามิลสังเคราะห์ไม่แนะนำให้ยุ่ง เลยโดยเฉพาะเด็ก ไม่ควรอย่างยิ่ง ให้กินน้ำมันปลาพอ มี DHA สูง ทำให้มีสมาธิมากขึ้น ส่วนไวตามิลให้ได้จากผลไม้ดีที่สุด จากคุณ : น้องลูกตาล (tour170) - [ 26 ก.พ. 51 01:32:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบคุณ tansy ครับ การที่นาย A อยากให้นาย B ใส่เสื้อสีแดง นาย A จึงลองใส่เสื้อสีแดงดู ปรากฏว่าวันนั้น นาย B ใส่เสื้อสีแดงจริง ๆ จึงสรุปได้ว่า การที่นาย A ใส่เสื้อ สีแดง จะทำให้นาย B ใส่เสื้อสีแดงด้วย ไม่จริงเสมอไปครับ ในชีวิตจริง หลาย ๆ อย่างเป็น multifactorial (สหปัจจัย) หรือ coincidence (บังเอิญพ้องต้องกัน) และหลาย ๆ ครั้ง คนเรามักจะคาดหวังผลที่เชื่อว่าควรจะเป็นเสมอ (bias) เช่น ถ้านาย A ใส่เสื้อสีแดงมา แล้วนาย B ไม่ไส่เสื้อสีแดงด้วย พรุ่งนี้นาย A จะลองอีกที    แต่ถ้านาย B ใส่สีแดงมาด้วยปุ๊บ  นาย A ก็จะสรุปผลทันที ว่าเกี่ยวข้องกัน ไม่สามารถใช้ประสบการณ์ส่วนตัวมาใช้ชักนำคนทั้งหมดได้ครับ จนกว่าจะมีใครสักคนมาบอกว่า "พบว่าผู้ที่ทานนม 1000 คน ตรวจ พบก้อนเนื้อสีแดง ทำให้คัดจมูก มากกว่าผู้ที่ทานนมปลอม 1000 คน อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ" ครับ แต่สำหรับคุณเอง ผมเชื่อครับ ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง เพราะมีคนเป็น แบบคุณได้จริง ๆ แต่ไม่ได้ true for all (เพิ่ม paragraph สุดท้ายครับ) แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 02:21:35 จากคุณ : Arjbordin - [ 29 ก.พ. 51 02:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบคุณ Arjbordin ตรรกะของเราก็คือ เล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเรา แต่เราไม่ได้พูดว่า true for all คนอ่านที่แยกแยะเป็น ไม่ถูกชักจูงได้ง่ายๆ สามารถใช้ข้อมูลของเราได้อย่างชาญฉลาด นั่นก็คือ ใครก็ตามที่เป็นภูมิแพ้ แล้วคัดจมูก พอส่องกระจกดู แล้วเห็นก้อนเนื้อสีแดงๆที่อุดรูจมูกอยู่ (ซึ่งเรียกว่า nasal polyps) ก่อนที่จะไปเสียเงินแพงๆซื้อยาหรือผ่าตัด ก็ให้ลองทำอะไรง่ายๆดูก่อน โดยการหยุดกินผลิตภัณฑ์นมเนย หรือหยุดกินอาหารต้องห้ามบางอย่าง แล้วดูความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ว่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ นี่เป็นวิธีการเลือกใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด โดยการนำเอาไปทดลองจริง บางทีมันอาจประหยัดเงิน และแก้ไขปัญหาสุขภาพบางประการได้อย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องไปขี่ช้างจับตั๊กแตน อนึ่ง เรื่องอันตรายของนมวัวนั้น มีผู้ร่วมชตากรรมกับเราทั่วโลกอีกเป็นจำนวนหลายล้านคน ซึ่งผู้คนในหลายๆประเทศในโลกเป็นจำนวนหลายล้านคน ที่ฝึก Macrobiotics ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าสุขภาพของพวกเขาดียิ่งๆขึ้นเมื่อเลิกกินผลิตภัณฑ์นมเนยไปแล้ว แต่ถ้าใครรับประทานผลิตภัณฑ์นมเนย แล้วเห็นว่าสุขภาพตัวเองดีขึ้น ก็เชิญรับประทานต่อไป จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 13 มี.ค. 51 05:19:35 ]