ผมได้เก็บและเขียนบทความ เกี่ยวกับสุขภาพไว้พอสมควร เพื่อทำเป็นเอกสารแจกให้กับผู้ป่วย และเผยแพร่ทางเนต ผ่านเวบ ผ่านกระทู้ ซึ่งหลาย ๆ ท่านอาจเคยเห็นเคยอ่านมาบ้างแล้ว ...
ผมเห็นว่า น่าจะนำมาลงไว้ในห้องนี้เผื่อใครผ่านไปมาก็จะได้เห็นได้อ่านกัน ก็จะทยอยลงมาเรื่อย ๆ นะครับ ... ถ้าใครอยากอ่านย้อนหลังหรืออ่านเรื่องอื่น ๆ ก็ตามไปอ่านใน bloggang ของผมก็ได้ครับ ...
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807
ทั้งสองเรื่องนี้ ผมไม่ได้เขียนเอง ( น่าจะปรับปรุงนิดหน่อย) แต่จำไม่ได้ว่า นำต้นฉบับมาจากที่ไหน ... ถ้าใครพบว่า น่าจะเป็นต้นฉบับจากที่ไหน ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ
ยาคุมกำเนิด แบบเม็ด
ประจำเดือนของผู้หญิงถูกควบคุมด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน และ โปรเจสเตอโรน ซึ่งทำให้เกิดการเจริญของเยื่อบุมดลูก เพื่อเตรียมมดลูกให้เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสม เมื่อมีเพศสัมพันธ์และเกิดการปฏิสนธิระหว่างตัวอสุจิของเพศชายและไข่ของเพศหญิง ไข่ที่ถูกผสมแล้วจะเดินทางมาฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกเตรียมไว้อย่างเหมาะสม หากไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกดังกล่าวจะหลุดลอกออกมาเป็นระดูหรือประจำเดือน
ฮอร์โมนสังเคราะห์ในยาเม็ดคุมกำเนิดจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยป้องกันการเจริญและการสุกของไข่ทำให้ ไม่มีไข่ตก ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียวเชื้ออสุจิจึงไม่สามารถผ่านเข้าสู่โพรงมดลูกได้ และทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อตัวไม่เหมาะต่อการเจริญของตัวอ่อน
ประเภทของยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
ยาแต่ละเม็ดมีฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน เป็นส่วนประกอบ มีทั้งชนิด 21 , 22 และ28 เม็ด ยาชนิด 28 เม็ดนั้น ตัวยา 7 เม็ดที่เพิ่มขึ้นจะไม่มีตัวยาฮอร์โมนแต่จะเป็นวิตามินหรือธาตุเหล็ก ยาเม็ดคุมกำเนิดในกลุ่มนี้ยังแบ่งย่อยเป็นอีก 2 ชนิด คือ
1. ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนระดับเดียว ยาทุกเม็ดมีปริมาณตัวยาฮอร์โมนรวมเท่ากัน ปัจจุบันนิยมใช้ชนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนต่ำ ๆ คือ 20-30 ไมโครกรัม ส่วนโปรเจสเตอโรน ที่ใช้มีหลายชนิด
2. ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนหลายระดับ ยาเม็ดคุมกำเนิดนี้จะมีปริมาณยาแตกต่างกันเป็นหลายระดับเพื่อเลียนแบบการหลั่งฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดตามธรรมชาติซึ่งจะมีผลให้อาการข้างเคียงต่าง ๆ ของยาลดลง
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเฉพาะโปรเจสเตอโรน
เป็นยาที่มีฮอร์โมนในขนาดน้อยจัดทำเป็นแผง 28 เม็ดมีตัวยาเหมือนกัน ยานี้มีประโยชน์ ในผู้ที่ไม่สามารถทนอาการข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ แต่ว่าประสิทธิภาพการคุมกำเนิดจะต่ำกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม
ยาเม็ดคุมกำเนิดหลังร่วมเพศ ( ยาคุมฉุกเฉิน )
ยากลุ่มนี้มีทั้งแบบตัวยาฮอร์โมนชนิดเดียวขนาดสูง และชนิดฮอร์โมนรวม แต่เนื่องจากมีฮอร์โมนขนาดสูงมาก จึงมีอาการข้างเคียงสูงกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดกลุ่มอื่น ๆ ผู้ใช้จะมี อาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างมาก มีเลือดออกผิดปกติ และ มีอันตรายต่อร่างกายสูง เช่น ยาบางตัวในกลุ่มนี้มีข้อจำกัด ไม่ควรใช้เกินเดือนละ 4 เม็ด ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับ
นอกจากนี้จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 75 % เท่านั้น ( ต่ำกว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม ซึ่งจะป้องกันได้ถึง 90-95% ) จึงเหมาะที่จะใช้ในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย เช่น สัปดาห์ละครั้ง หรือ ในกรณีถูกข่มขืน
ภาวะที่เป็นข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้ยา
มะเร็งของอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน และ/หรือ เต้านม
โรคตับ โรคของถุงน้ำดี
มีเลือดออกจากโพรงมดลูกที่ไม่ทราบสาเหตุ มีระดูน้อย หรือขาดระดู
โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง
ตั้งครรภ์ หรือ สงสัยว่าตั้งครรภ์
ปวดศีรษะบ่อย ปวดศีรษะแบบไมเกรน โรคลมชัก โรคเบาหวาน
อายุมากกว่า 40 ปี หรืออายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปที่อ้วนมาก มีไขมันในเลือดสูง หรือสูบบุหรี่จัด
ผลข้างเคียงของยาเม็ดคุมกำเนิด
- อาการคลื่นไส้อาเจียน มักพบในช่วงแรกของการใช้ยา และแก้ไขโดยให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดหลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน แต่ถ้ามีอาการมากหรือเป็นอยู่นาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนชนิดยาเม็ดคุมกำเนิด แต่ถ้าใช้ยามานานแล้วและในระยะแรกไม่มีอาการ ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป
- เลือดออกกะปริบกะปรอย มักพบผู้ที่กินยาไม่สม่ำเสมอ (ไม่เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน) หรือลืมกินยาบ่อย ๆ และอาจเกิดได้ในระยะแรกของการใช้ยาเช่นกัน ถ้ามีเลือดออกเล็กน้อยให้รับประทานยาต่อไป อาการจะหายได้เอง แต่ถ้ามีเลือดออกมากก็ควรปรึกษาแพทย์
- การขาดระดูระหว่างการใช้ยา ควรตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่ได้เกิดการตั้งครรภ์
- ผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่ เจ็บคัดเต้านม น้ำหนักตัวเพิ่ม สิว ฝ้า ปวดศีรษะ เป็นต้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในระยะแรกของการใช้ยา และส่วนใหญ่หายได้เองเมื่อใช้ยาไป 2-3 เดือน แต่ถ้าหากมีอาการมากหรือเป็นอยู่นานจนเป็นปัญหา หรือเกิดความกังวลใจควรปรึกษาแพทย์ซึ่งอาจแก้ไขโดยการเปลี่ยนชนิดยา หรือใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ แทน
- ถ้ามีอาการข้างเคียงที่รุนแรงและเป็นอันตรายต่อไปนี้ ควรหยุดยาและรีบปรึกษาแพทย์ทันที
มีอาการปวดบริเวณท้องอย่างรุนแรง ตัวเหลือง ตาเหลือง
มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ความดันโลหิตสูง
มีอาการปวด และ บวม ที่เท้า ขา และน่อง
ปวดตา ตาพร่า เห็นแสงวูบวาบ
มีอาการปวดหน้าอกอย่างรุนแรง หายใจหอบ เหนื่อยง่าย
การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมกับยาอื่น
การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมกับยาอื่น ๆ บางชนิด อาจมีผลต่อการออกฤทธิ์ของยานั้น เช่น การใช้ร่วมกับยาระงับอาการซึมเศร้า ยาปฏิชีวนะ ยารักษาวัณโรค ยากันชัก ยาแก้แพ้อากาศ เป็นต้น จึงควรปรึกษาแพทย์ ให้แน่ใจว่าควรจะใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วยหรือไม่
วิธีรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด
แบบ 21,22 เม็ด
เริ่มใช้ยาตั้งแต่วันที่ 1 ของรอบประจำเดือน (นับวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 ) อาจเริ่มกินยาช้ากว่านี้ได้แต่ต้องไม่เกินวันที่ 5 ของรอบประจำเดือน เริ่มรับประทานยาเม็ดแรก ให้ตรงกับวันของสัปดาห์ที่ระบุบนแผงยา เช่น ประจำเดือนมาวันแรกคือ วันศุกร์ ก็ให้เริ่มรับประทานยาเม็ดแรกที่ระบุไว้ว่า ศ รับประทานยา วันละ 1 เม็ดเป็นประจำทุกวัน ตามลูกศรชี้จนหมดแผงในเวลาใดก็ได้แต่ควรทานเวลาเดียวกันทุกวัน
เมื่อรับประทานยาหมดแล้วให้หยุดยา 7 วัน สำหรับผู้ใช้ยาชนิด 2 1 เม็ด และหยุดยา 6 วัน สำหรับผู้ใช้ยาชนิด 22 เม็ด ในระหว่างนี้ควรมีเลือดประจำเดือนมา และเมื่อหยุดยาครบแล้วให้เริ่มรับประทานยาแผงใหม่ได้ ถึงแม้ว่าประจำเดือนจะหมดแล้วหรือยังไม่หมดก็ตาม ด้วยวิธีนี้เมื่อเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ วันที่เริ่มรับประทาน ยาแผงใหม่จะตรงกับวันแรกที่เริ่มรับประทานยาแผงแรกเสมอ
แบบ 28 เม็ด
ในแผงหนึ่งจะประกอบด้วยฮอร์โมน 21 เม็ด ส่วนที่ไม่ใช่ฮอร์โมนเพศอีก 7 เม็ด ซึ่งจะมีขนาดต่างจาก 21 เม็ดแรก เริ่มรับประทานยาเม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือนมา ในส่วนที่ระบุบนแผงว่าเป็นจุดเริ่มต้นใช้ยา และ รับประทานยาวันละ 1 เม็ด เป็นประจำทุกวัน ตามลูกศรชี้จนหมดแผง
เมื่อหมดแผงแล้วให้รับประทานยาแผงใหม่ต่อได้ทันทีเลย แม้ประจำเดือนจะหมดแล้วหรือยังไม่หมดก็ตาม
ทำอย่างไรถ้าลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นยาที่ต้องใช้ประจำ การลืมกินยาเป็นเรื่องที่พบบ่อย ๆ แม้ว่าไม่เป็นอันตรายแต่ก็มีผลเสีย เช่น ทำให้ผู้ใช้มีเลือดออกกะปริบกะปรอย และถ้าลืมบ่อย ๆ อาจเกิดตั้งครรภ์ได้ จึงควรกินยาในเวลาเดียวกันทุกวัน เก็บยาในที่เห็นง่าย ๆ เพื่อช่วยเตือนไม่ให้ลืมกินยาได้บ้าง และในกรณีที่ลืมกินยาแล้วให้แก้ไขดังนี้
ลืม 1 เม็ด ให้กินทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปตามปกติ
ลืม 2 เม็ดติดต่อกันในช่วง 2 สัปดาห์แรก ให้กินยา 2 เม็ดติดต่อกัน 2 วัน แล้วกินต่อไปตามปกติจนหมดแผง ให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย หรืองดร่วมเพศ 7 วัน
ลืม 2 เม็ดติดต่อกันในช่วงสัปดาห์ที่ 3 หรือลืมมากกว่า 2 เม็ดในช่วงใดก็ตามให้หยุดยาแผงนั้นจนกว่าจะมีเลือดประจำเดือน จึงเริ่มยาแผงใหม่ ตั้งแต่เริ่มหยุดยาจนกินยาแผงใหม่ไป 2 สัปดาห์ ให้ใช้ถุงยางอนามัย หรือ งดร่วมเพศ
เมื่อพร้อมที่จะมีบุตร
สำหรับผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่ระยะหนึ่งและต้องการมีบุตรให้หยุดยาเม็ดคุมกำเนิดได้ทันที และใน 1-2 เดือนแรกหลังหยุดยาควรป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์โดยวิธีอื่น ๆ เช่นการใช้ถุงยางอนามัย หรือการนับระยะปลอดภัย เพื่อให้มีประจำเดือนมาหลังจากหยุดยาก่อน และเมื่อตั้งครรภ์จะได้ทราบอายุครรภ์ที่แน่นอน ทำให้แพทย์สามารถดูแลมารดา และติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้อย่างถูกต้อง
จากคุณ :
หมอหมู
- [
25 ก.พ. 51 19:26:46
]