ความคิดเห็นที่ 1 คนใกล้ตัวตัดหลายปีแล้ว ก็ไม่มีอาการไร อย่างที่ จขกท บอก นะค่ะ  เพียงแต่เค้าจะ  เป็นแผลร้อนใน ง่ายมากๆ เท่านั้นเอง ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน จากคุณ : madam orange - [ 7 มี.ค. 51 14:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทอนซิลเป็นด่านแรกที่ต่อสู้กับเชื้อโรค มันอักเสบก็เพราะเชื้อโรค  มันสู้กับเชื้อโรคไม่ได้ก็เพราะว่ามีสารพิษสะสมในร่างกาย (ส่วนใหญ่จะเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี คือกินอาหารที่มีสารเคมีเข้าไป หรือระบบขับถ่ายไม่ดีพอ) สารพิษเป็นจำนวนมากไปทำลายภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทอนซิลจึงสู้กับเชื้อโรคไม่ได้และอักเสบในที่สุด การตัดทอนซิลทิ้ง เข้าข่ายเป็น symptomatic medicine คือการรักษาแบบ "ทำลายอาการ" แต่การรักษาแบบมีมนุษย์ธรรม แท้จริงแล้ว ต้องเป็นการแก้ไขที่ต้นตอ มิใช่มุ่งแต่จะทำลายอาการโดยการไล่ตัดอวัยวะคนทิ้งไปทีละชิ้นสองชิ้น เพียงแค่เพราะว่ามันป่วย ในกรณีทอนซิลอักเสบ ต้นตอของปัญหาคือการกินสารพิษ ต้องแก้ด้วยการหยุดกินสารพิษ เมื่อหยุดกินสารพิษ ร่างกายก็จะมีกลไกธรรมชาติของมันในการขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ ให้ออกไปจากร่างกาย และทอนซิลก็จะหายอักเสบ และถ้าไม่กลับไปมีพฤติกรรมการกินที่เลวร้ายอีก ทอนซิลก็จะไม่อักเสบอีกต่อไปตลอดชีวิต... หมายเหตุ วิธีแก้ปัญหาทอนซิลที่ต้นตอนี้ ใช้แก้ไขปัญหาคนสิวขึ้นเต็มหน้าได้เช่นกัน การไปคลีนิคเพื่อรักษาสิวฝ้า เอาสบู่อะไรแพงๆไปถู เอาครีมอะไรแพงๆไปทา หรือให้คลีนิคใช้วิธีการทางด้านวิทยาศาสตร์กับใบหน้า มันอาจดีขึ้นมานิดหน่อย "แต่มันไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอ" ต้นตอของปัญหาอยู่ที่ "ลำไส้ใหญ่สกปรกเพราะกินสารพิษ" จนสารพิษแพร่กระจายเต็มร่าง ถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน รักษาสิวฝ้า รักษาไปก็ไม่ได้ผลมากนัก มีแต่จะเสียเงินเนื่องจาก "ไม่ได้รักษาที่ต้นตอ" ไปอ่านแนวคิดของเราที่เป็นมุมมองของ Zen Macrobiotics เกี่ยวกับทอนซิลอักเสบ  ได้ที่เราตอบไว้ในกระทู้นี้ว่าอาหารประเภทใดที่ทำให้ทอนซิลอักเสบ (แนวคิดเช่นนี้ ใช้รักษาสิว ฝ้า และกระ ได้เช่นกัน) ตาม link นี้ไป http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L6362654/L6362654.html จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 7 มี.ค. 51 14:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ให้ตัดทิ้งไปเลย เพราะโดยปกติร่างกายจะมีอวัยวะส่วนอื่นคอยทำหน้าที่กักเชื้อโรคแทนได้ แต่กรณีนี้นอกจากค่อมทอนซิลไม่ช่วยกักแล้ว ยังขังเชื้อโรคเอาไว้รอเวลาที่ร่างกายอ่อนแอก็กำเริบขึ้นมา ดังนั้นน่าจะตัดออกไป อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดก็จำเป็นต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน ซึ่งได้แก่ ต่อมทอนซิลที่มีการอักเสบเรื้อรังและบ่อยครั้ง ต่อมที่มีการโตขึ้นมากจนมีผลกระทบต่อการหายใจและการกลืนอาหาร หรือกรณีที่เกิดโรคแทรกซ้อนมีการลุกลามไปยังหูชั้นกลาง ซึ่งถือเป็นเหตุผลอันควรที่จะทำได้ สำหรับการผ่าตัดต่อมทอนซิลในปัจจุบัน สามารถกระทำได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ข้างบน ลอกมาจากกระทู้ของคุณทั้งนั้น ลองอ่านหลายๆเที่ยว  น่าจะตัดสินใจได้เอง จากคุณ : bleed - [ 7 มี.ค. 51 21:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตัดทิ้งก็ต้องคอยกินฮอรืโมนตลอดชีวิตนะคะ คิดดีๆ หมอเก่งอาจรักษาได้โดยไม่ต้องตัดทิ้งค่ะ ตัดบางส่วนได้ไหมไม่ทราบค่ะ ลองปรึกษาหมอหลายๆท่านค่ะ จากคุณ : ดอกเหมยทนหิมะ - [ 8 มี.ค. 51 00:51:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แม่ผมก็ตัดมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ส่วนตัวผม กำลังคิดว่าจะไปตัดเหมือนกัน ตอนนี้คอยังบวมๆ อยู่เลย ปล.ถึง คห.2 ที่ว่าไม่ได้เป็นการแก้ไขที่ต้นตอ ผมว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอยู่นะครับ คือว่า คนเราที่เป็นทอลซินอักเสบ ไม่ได้หมายความว่าเค้ากินไม่ดี อยู่ไม่ดี หรือดูแลร่างกายไม่ดีนะครับ คนสองคนรับเชื้อโรคเท่ากัน แต่อีกคนเป็น อีกคนไม่เป็น เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดว่า การรับเชื้อโรคที่น้อยนิดแล้ว เด๋วเป็นๆ ก็แสดงว่าความผิดปกติ มันคือต่อมทอลซินแหละครับ จึงต้องตัดทิ้ง จากคุณ : ปลาวาฬสีฟ้า..หางกุด - [ 8 มี.ค. 51 08:32:36 ]