ความคิดเห็นที่ 1 ผ่านไปหนึ่งวัน.... ประเทศไทย จากคุณ : นางฟ้าเซเลส - [ 8 มี.ค. 51 02:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่อง 30 บาท เราไม่รู้ แต่เรารู้เรื่องโพรงจมูกคด มันคดเพราะ nasal septum (กระดูกที่แบ่งโพรงจมูกเป็น 2 ข้าง (เรียกกระดูกแบบชาวบ้านๆ แต่จริงๆแล้ว มันเป็น tissue แข็งๆ)) มันคดนั่นเอง อาจารย์สอนโยคะเราสอนไว้ว่า nasal septum ของคนบางคน มันคด ก็เพราะว่า "กระดูกสันหลังผิดแนวธรรมชาติ" กระดูกสันหลังเอียงไปทางไหน nasal septum ก็เอียงไปทางนั้น วิธีแก้ที่ต้นตอต้องฝึกโยคะที่ช่วยให้กระดูกสันเข้าแนวธรรมชาติของมัน แล้วอาการหายใจคล่องรูจมูกข้างเดียวก็จะหายไป จะกลายเป็นหายใจคล่องรูจมูก 2 ข้างเท่าๆกัน จริงๆแล้วมนุษย์เราจะหายใจคล่องรูจมูกข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้างหนึ่ง ในระยะเวลาหนึ่ง และมันก็จะสลับเป็นอีกข้างหนึ่งคล่องกว่า สลับไปสลับมา ในกรณีที่เป็นคนสุขภาพดีตามปกติ แต่ในกรณีที่มี misalignment of the spine (กระดูกสันหลังบิดเบี้ยวไปจากแนวธรรมชาติ) nasal septum ก็จะเอียงไป และการหายใจก็จะติดขัด...คือรูจมูกซ้ายกับขวาจะหายใจได้คล่องไม่เท่ากัน ซึ่งปราชญ์ฮินดูที่ฝึกโยคะในระดับสูงสอนไว้ว่า การที่รูจมูกซ้ายกับขวาหายใจคล่องไม่เท่ากันจะมีผลกระทบต่อ จิต ประสาท และอารมณ์  และคนที่เป็นเช่นนี้ เวลาเดินจะรู้สึกว่า "น้ำหนักทิ้งลงขาข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้างหนึ่ง" บางที chiropractic อาจช่วยแก้แนวกระดูกสันหลังที่ผิดเพี้ยนได้ แต่ค่าใช้จ่ายคงจะสูงมากๆ และมันจะได้ผลก็ต่อเมื่อคุณได้รับความช่วยเหลือจาก chiropractor ที่เก่งมากๆจริงๆ (ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าจะมี chiropractors เก่งๆมากสักกี่คนในประเทศไทย...???) ความเอียงของ nasal septum เป็นสัญญาณธรรมชาติที่บ่งบอกว่ามีปัญหา misalignment of the spine (กระดูกสันหลังบิดเบี้ยวไปจากแนวธรรมชาติ) ควรแก้ไขปัญหาที่ต้นตอมากกว่าไปผ่าตัดขยายโพรงจมูก เนื่องจากถึงคุณขยายโพรงจมูกได้ กระดูกสันหลังคุณก็ยังเอียงอยู่...ปัญหาอย่างอื่นจะตามมาภายหลัง....ปัญหาอะไร เราจะเล่าให้ฟังจากประสบการณ์จริง.... แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 05:59:33 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 05:53:56 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 04:48:55 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 8 มี.ค. 51 04:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว แม่เราป่วยเป็น OCD (โรคย้ำคิดย้ำทำ) แม่ไปหาจิตแพทย์เกิน 10 ราย ไม่มีใครรักษาแม่เราได้สักคนเดียว เนื่องจากจิตแพทย์ทุกคนรักษาตามอาการ คือ "ให้ยา หรือพูดให้สบายใจ หรือสอนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม" แต่อนิจจา....ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก misalignment of the spine และจาก nasal septum ที่เอียงของแม่เรานั่นเอง จึงทำให้ลมปราณเดินผ่านไตไม่สะดวก จึงเกิดอาการหวาดกลัว โดยไม่มีเหตุผล ...(OCD มีพื้นฐานมาจาก phobia คือกลัวโดยไร้เหตุผล มาจากความอ่อนแอของธาตุน้ำ คือไต และกระเพาะปัสสวะ นั่นเอง ....) เราใช้ตรรกะแบบนี้เพราะว่า การแพทย์แผนโบราณของจีนกล่าวไว้ว่า คนที่มีปัญหาธาตุน้ำอ่อนแอ คือไต และ/หรือ กระเพาะปัสสวะอ่อนแอ จะเกิดอาการ phobia หลายๆประเภท ...(คนจีนสังเกตการณ์เรื่องพวกนี้มาแล้วนับพันๆปี จนตั้งเป็นทฤษฎีธาตุทั้ง 5 ที่กล่าวว่า ธาตุต่างๆ มีความสัมพันธ์กับอวัยวะภายในสำคัญๆอย่างอื่นอีกหลายๆอวัยวะ) จริงๆแล้ว OCD เป็นอาการป่วยที่เรียกว่า psychosomatic  นั่นก็คือ จิตกับกาย มีความเกี่ยวข้องกัน...ซึ่งจิตแพทย์ 10 กว่าคนที่รักษาแม่เราไม่สำเร็จ ได้ละเลยในส่วนนี้ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 05:12:16 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 8 มี.ค. 51 05:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากนั้นอีกหลายปี แม่เราหายจากอาการ OCD ไปเอง เนื่องจากกินอาหารชีวจิต ถึงแม้จะยังแก้ misalignment of the spine ไม่ได้ แต่อาหารปลอดสารพิษไปช่วยเปิดเส้นทางเดินลมปราณบางจุด (ที่เคยอุดตัน) จนลมปราณไหลเวียนดียิ่งขึ้น  ทำให้ไตทำงานได้ดีขึ้น แม่เราจึงหายจาก OCD ได้เองโดยไม่มีใครรักษา แต่ความล้มเหลวของจิตแพทย์ 10 กว่าคน ในการวินิจฉัยโรค โดยไม่ดูสรีระ เพราะมัวแต่ไปรักษาอาการทางจิต ซึ่งถ้าวินิจฉันโรคอย่างถูกต้อง โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างจิตและกาย  แม่เราก็คงจะได้รับแก้ไขในส่วนของ misalignment of the spine ไปได้ตั้งหลายปีแล้ว แต่เมื่อไม่ได้รับการแก้ไข แพทย์ที่รักษาโรคทั่วไปจึงแนะนำให้แม่ทำกายภาพบำบัด และแนะนำให้แม่เอาแผ่นอะไรมารัดตัวเพื่อหวังจะแก้ไข misalignment of the spine แต่แก้ไม่ได้ ....จนในที่สุด แม่เราซึ่งเดินน้ำหนักตัวถ่วงไปทางขาซ้ายมาก ลงเอยขาซ้ายถึงขั้นใกล้พิการ ต้องแก้ไขที่ปลายเหตุ นั่นก็คือ "ทำศัลยกรรม ใส่ลูกสะบ้าเทียมที่ขาซ้าย" ซึ่งก็เป็นการรักษา ที่เรียกว่า symptomatic medicine คือการรักษาโดยการ "ทำลายอาการ" ไม่ใช่รักษาที่ต้นตอ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 05:51:56 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 8 มี.ค. 51 05:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับตัวเราเองนั้น เรามีกระดูกสันหลัง และ nasal septum ที่เอียงไปคนละทางกับของแม่เรา จึงทำให้เวลาเราเดิน น้ำหนักมันจะทิ้งลงไปที่ขาขวามากกว่าขาซ้าย เราป่วยเป็น OCD เหมือแม่เรา และเราป่วยเป็นภูมิแพ้เหมือน จขกท แต่เรารักษาหายด้วยตัวเองโดยการฝึกโยคะ และกินอาหารแม๊คโครไบออติก ซึ่งเคร่งกว่าอาหายชีวจิตหลายเท่า  เราหายจากอาการป่วย 2 อย่างคือ OCD กับภูมิแพ้ เพราะว่า 1. อาหารแม๊คโครไบออติกช่วยเราเปิดเส้นทางเดินลมปราณ 2. โยคะช่วยแก้กระดูกสันหลังที่บิดเบี้ยวได้บ้าง แต่ก็ยังแก้ได้ไม่หมด 100% ........และแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเรา...??? ในบางช่วงเรานั่งทำงานมากเกินไป ลืมออกกำลัง กินเบียร์มากเกิน แล้วหลับ กระดูกสันหลังเราเริ่มจะเอียงผิดแนวธรรมชาติมากยิ่งๆขึ้น ส่งผลให้ขาขวาเราเจ็บมากๆ ปวดระบม เดินแทบไม่ได้ เกือบจะพิการเหมือนขาซ้ายของแม่เรา.... เรามีอาการเช่นนี้ เป็นๆหายๆ เป็นๆหายๆ ...แต่เราไม่เคยไปหาหมอ เราทรนงตัวว่ารู้วิชาการแพทย์ทางเลือกพอที่จะรักษาตัวเองได้ ... เรารักษาตัวเองได้ไปหลายรอบแล้ว และก็กลับมาป่วยอีกเนื่องจากอดเบียร์อดเหล้าไม่ได้นั่นเอง ... และแล้ววันที่แม่เราผ่าตัดใส่ลูกสะบ้าเทียมที่ขาซ้าย เลือกในธนาคารเลือดไม่พอ เรามีเลือดกรุ๊บเดียวกับแม่เรา เราจึงไปให้เลือดแม่เรา... วันที่เรามองเห็นเลือดเราโดนสูบออกไปอยู่ในถุง  เราตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่า "เราจะไม่ลงเอยเหมือนแม่เราอย่างเด็ดขาด...!!" เรานึกถึง chiropractic และเราคิดจะไปหา chiropractor เก่งๆ แต่พอสอบถามราคาแล้ว "เราไม่มีเงินพอ" ดังนั้น เราจึงต้อง "ทำ chiropractic เอง...???!!!" วิธีการก็คือ ตอนเราเรียนมวยไทชี่ (ไทเก็ก) อาจารย์เราสอนเราท่ายืนย่อขาแล้วยกมือสองข้าง ซึ่งเป็นท่าฝึก Qi Gong (พลังลมปราณ) ของสำนักอวู่ต๋ง (บู๊ตึง) อาจารย์บอกเราว่า "คนที่ยืนท่านี้ด้วยสมาธิที่แก่กล้า ยืนๆไป ตัวจะสั่นกระตุก และกระดูกจะลั่นเสียงดังกร็อกๆๆๆๆ ความร้อนจะพุ่งออกจากร่างมากมาย" เรารื้อฟืนท่านี้ขึ้นมาฝึกอีก หลังจากที่ไม่ได้ฝึกมันมาแล้วตั้งหลายปี หลักการก็คือเวลายืน จุด ไป่ฮ่วย (จุดกลางกระหม่อม) จะต้องเป็นเหมือนจุดที่ร่างกายถูกแขวนให้ห้องต่องแต่งจากสวรรค์  ...นั่นก็หมายความว่า "ปล้องกระดูกสันหลังทั้ง 32 ปล้อง จะได้รับการจัดแนวของมันเอง โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก...!!!" อาจารย์บอกเราว่า ท่ายืนฝึก Qi Gong นี้ ใช้รักษาโรคได้ตั้งหลายชนิด ....!!!??? เอ่อ แล้ว chiropractic ก็รักษาโรคได้ตั้งหลายชนิด โดยอาศัยทฤษฎีที่ว่า "โรคภัยไข้เจ็บตั้งหลายอย่าง เกิดจาก misalignment of the spine ดังนั้นการแก้ไข misalignment of the spine ก็ย่อมรักษาโรคได้ตั้งหลายอย่าง" ไม่น่าประหลาดใจเลย ท่ายืนย่อขาฝึก Qi Gong นี้ นักพรตเต๋าเป็นคนคิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว....แท้จริงแล้วมันเป็น chiropractic โดยไม่ใช้เครื่องมือทันสมัย แต่อาศัย gravity (แรงโน้มถ่วง) นั่นเอง ....!!!!! แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 05:49:46 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 8 มี.ค. 51 05:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เราฝึกท่าที่ว่านี้ไปอีกหลายเดือนพร้อมกับลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงมากมาย พยายามกินเจ เพื่อให้จิตสงบ ....จะได้มีสมาธิฝึก Qi Gong ได้... จนในที่สุด กระดูกสันหลังของเราก็เข้าแนวธรรมชาติมากยิ่งๆขึ้น และขาขวาที่เจ็บระบมของเราก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ ...จนตอนนี้เรามีกำลังพอที่จะชกลม (ฝืกรำมวยจีน บางทีสลับกับมวยไทย) วันละตั้งหลายสิบยก....ระบบการหายใจของเราดีมากยิ่งๆขึ้นด้วย สรุปแล้วเรื่องที่เราเล่านี้นะ เราอยากจะบอกว่า แท้จริงแล้ว นักพรตเต๋าเป็นคนคิด chiropractic ขึ้นมาก่อนแพทย์ฝรั่งเสียอีก แต่เป็น chiropractic ชนิดที่แฝงมาในรูปแบบของ "เพลงมวย" และ "การฝีกพลังลมปราณ" นั่นเอง ตอนนี้นะ พอแก้ปัญหาสุขภาพของเราได้ในระดับหนึ่ง แนวกระดูกสันหลังที่ดีขึ้น ทำให้สบายตัว ตัวเบาหวิว เดินเหินคล่อง หลังไม่เจ็บ ขาไม่เจ็บ แต่มันก็สร้างความเดือดร้อนให้แก่เรามากพอสมควร...อ้าวไหงเป็นงั้นไปล่ะ...??? ใช่สิ มันไปกระตุ้นระบบฮอร์โมนของเราจนพลุ่งพล่านไปหมด เลยตอนนี้นะ เดินๆไป เราเกิดอาการเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม นั่นก็คือ "เดินๆไป เราขมิบๆ pc muscle ไป ฝึกลมปราณไป จนแถวๆเป้ากางเกงเราอะนะ มีอะไรแข็งปั๋งทั้งวัน อย่างกับเด็กวัยรุ่นเลย...โหเดือดร้อน..ว่ะแบบนี้.....!!!!...  555+++...." จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 8 มี.ค. 51 05:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ใช้สิทธิ 30 บาทได้ ตัวเราเองก็เคยเป็น และผ่าตัดไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ปัจจุบันอาการแพ้อากาศก็ยังเป็น แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อน (แต่ไม่มากเท่าไหร่)   ตอนที่เราผ่า ก็ใช้วิธีฉีดยาชา 4 เข็ม (เข้าที่โหนกแก้มอย่างละ 2 เข็ม) ได้ยินหมดทุกอย่างเลย ว่าหมอคุยกับพยาบาลอย่างไร และใช้เครื่องมืออย่างไรบ้าง  นอน ร.พ.อยู่ 2 คืนก็ออกมา ค่าใช้จ่าย ร.พ.รัฐ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ประมาณ 3,000 กว่าบาทได้  รอยแผลเป็นมองแทบไม่เห็น (ถ้าไม่ไปส่องกระจกก็ไม่เห็นหรอก) จากคุณ : คนเคยผ่า (aunso6785) - [ 8 มี.ค. 51 15:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วิธีแก้ไขความบิดเบี้ยวของ nasal septum ทำได้ด้วยการฝึกหายใจสลับโพรงจมูกแบบวิธีการของโยคะด้วยเช่นกัน ถ้า จขกท สนใจวิธีการแก้ไข nasal septum ที่บิดเบี้ยวด้วยวิธีการธรรมชาติ ก็ต้องลองหาตำราโยคะ หรือหาอาจารย์สอนโยคะเก่งๆ แล้วลองฝึกการหายใจสลับโพรงจมูกดู กรณีที่เกิดภูมิแพ้ส่วนใหญ่จะมี nasal polyps เกิดขึ้นในโพรงจมูก ไอ้เจ้า polyp นี้มันเป็นเนื้อสีแดงๆที่งอกขึ้นมาอุดโพรงจมูกทำให้หายใจไม่ออก ทางการแพทย์แผนปัจจุบันจะบอกว่ามันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร ใครอยากรู้ก็ลองตาม link นี้ไปอ่านดู http://en.wikipedia.org/wiki/Nasal_polyp แต่ในกรณีของเรา (จากการสังเกตการณ์ของตนเอง) เราพบว่า nasal polyps ที่มาอุดโพรงจมูกเรานั้น "เกิดจากการกินอาหารต้องห้ามบางประเภท" ถ้าอยากดูว่าอาหารต้องห้ามมีอะไรบ้าง ให้ตามไปอ่านบทความที่เราบอกวิธีรักษาภูมิแพ้และปวดหัวไมเกรนเอาไว้ ในบทความนั้นเราระบุอาหารต้องห้ามบ้างอย่าง ที่เราค้นพบด้วยตนเอง และเพื่อนๆที่ฝึก Zen Macrobiotics ค้นพบจากการทดลองกินอาหารหลายๆประเภทดู  แล้วเฝ้าดูปฏิกิริยาที่อาหารบางอย่างมีต่อร่างกายเรา   อาหารต้องห้ามเหล่านั้น ทำให้เกิด nasal polyps มาอุดโพรงจมูก และทำให้เกิดภูมิแพ้ ถ้าเลิกกินมัน nasal polyps ก็จะยุบไปได้เองอย่างน่าประหลาด และอาการภูมิแพ้ก็จะหายไปได้เอง ถึงแม้ว่าคนไข้จะยังแก้ไขปัญหา misalignment of the spine และแก้ไขปัญหา nasal septum ที่บิดเบี้ยวยังไม่ได้ก็ตาม ... ซึ่งในกรณีนี้ คนที่ป่วยเป็น OCD (ย้ำคืดย้ำทำ) เนื่องจาก misalignment of the spine และ nasal septum ที่บิดเบี้ยวก็จะหายจาก OCD ได้ ทั้งๆที่บางทียังแก้ไขปัญหา misalignment of the spine และ nasal septum ที่บิดเบี้ยว ได้ไม่ครบถ้วน   ที่รักษา OCD ได้เนื่องจากการหยุดกินอาหารต้องห้าม และหันไปกินแต่อาหารแม็คโครไบออติกที่ปลอดสารพิษ  100 % นั้น เป็นการขยายสายลมปราณ หลายๆสาย ให้เดินสะดวกยิ่งๆขึ้น จนแก้ไขความอ่อนแอของธาตุน้ำ (ไตกับกระเพาะปัสสวะ) ได้สำเร็จ ในระดับหนึ่ง ลองตาม link นี้ไปอ่านบทความเรื่องวิธีรักษาภูมิแพ้โดยใช้ธรรมชาติบำบัด http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=iwrite4u&month=05-2006&date=07&group=4&gblog=2 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 23:40:32 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 23:31:32 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 8 มี.ค. 51 23:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากการฝึกหายใจสลับรูจมูกซ้ายกับขวาแล้ว คนที่ฝึกโยคะยังมีวิธีเคลียร์โพรงจมูกโดย "ใช้น้ำ" วิธีการก็คือ เอาน้ำใส่ขัน แล้วเอามือบีบปิดรูจมูกข้างหนึ่ง แล้วเอารูจมูกอีกข้างหนึ่ง (ทำหน้าที่เป็นหลอดกาแฟ) ดูดน้ำจากขันเข้ามา แล้วเงยหน้าบ้วนน้ำออกจากปาก แล้วสั่งขี้มูกออกจากรูจมูกข้างที่เพิ่งใช้ดูดน้ำ(ต้องเอามือบืบปิดรูจมูกอีกข้างหนึ่ง) จากนั้นก็ให้ทำเหมือนเดิม แต่สลับจมูกกัน (สลับซ้ายขวา) นั่นเป็นวิธีการของคนที่รูจมูกซ้ายกับขวาหายใจคล่องพอๆกัน (เป็นการทำความสะอาดประจำวัน) แต่ในกรณีของคนที่หายใจคล่องเพียงแค่ข้างเดียวเนื่องจาก nasal septum บิดเบี้ยว ก็ควรเอารูจมูกฝั่งที่หายใจยากมากๆดูดน้ำเข้าไปให้มากกว่า (สูดน้ำเข้าไปล้างบ่อยครั้งกว่า) รูจมูกฝั่งที่หายใจคล่อง ... แต่ในกรณีที่หายใจข้างใดข้างหนึ่งติดขัดมากๆทุกวันมาแล้วเป็นแรมปี  ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาที่ซีเรียสมากๆ (ถ้าปล่อยไว้ไม่แก้ไข จิตประสาทจะแปรปรวน) ก็ให้ใช้รูจมูกข้างที่หายใจติดขัดมากๆ สูบน้ำเข้าไปเพียงข้างเดียว ทำแบบนี้ (ล้างรูจมูกข้างเดียว) อย่างต่อเนื่องไปหลายๆเดือนจนกว่ารูจมูกข้างที่อุดตันจะค่อยๆหายใจคล่องขึ้นมา จากนั้นจึงใช้รูจมูกซ้ายขวาสลับกันสูบน้ำเพื่อเข้าไปล้างภายใน (โดยยังอาศัยอัตราส่วนที่ว่า ข้างไหนหายใจติดขัดมากก็ต้องสวนน้ำเข้าไปมากหน่อย) ในกรณีที่มี nasal polyps มาอุดตัน ถ้าเอาน้ำผสมกับเกลือสมุทรเล็กน้อย (ต้องทำให้เกลือละลายน้ำให้หมดก่อน) แล้วใช้น้ำเกลือนั้นสวนรูจมูก เกลือซึ่งมี "พลังหยาง" มันเป็น centripetal force (พลังวิ่งเข้าหาศูนย์กลาง) ในขณะที่ nasal polyps มี "พลังหยิน" มันเป็น centrifugal force (พลังแผ่กระจายออกจากศูนย์กลาง) ผลก็คือ "พลังหยางของเกลือสมุทรจะทำให้ nasal polyps หดตัวลง จนยุบไปได้ในที่สุด" แต่อย่าลืมว่าการที่จะปราบ nasal polyps ได้นั้น "จะต้องหยุดกินอาหารต้องห้าม ตามรายการที่เราให้ไว้ ในบทความใน blog เราที่ให้ link ไว้ข้างบน" เราใช้วิธีการดังกล่าวรักษาตัวเอง เราจึงรอดพ้นจากการ ไปพบจิตแพทย์เพราะมันทำให้เรารักษา OCD ได้เอง และพ้นจากการไปหาสรีรแพทย์ และรอดพ้นจากการผ่าตัดเนื่องจากเราแก้ปัญหาระบบทางเดินหายใจได้ และแก้ไขปัญหา misalignment of the spine กับ nasal septum ที่บิดเบี้ยวได้ โดยการรักษาตนเอง มันเป็นธรรมชาติบำบัดล้วนๆเลย...ที่เราคิดขึ้นมาได้โดยการศึกษาวิชา Zen Macrobiotics กับการสังเกตการณ์ว่าระบบในร่างกายเรามีปฏิกิริยาอย่างไรบ้างต่ออาหารแต่ละประเภทที่เรากินเข้าไป...และจากการฝึกโยคะของอินเดีย และฝึก Qi Gong ของจีน...เราจึงรักษาตัวเองได้จนกลายเป็นมีสุขภาพดีมากๆในที่สุด... แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 51 00:22:19 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 51 00:09:38 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 9 มี.ค. 51 00:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลองโทรถามศูนย์ดูก่อนดีมั้ย รู้สึกว่าเบอร์อยู่หลังบัตรทองน่ะ เราก็เป็นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ทนไปก่อน รอกลับเมืองไทยค่อยทำทีเดียวเลย เจ้าหน้าที่ว่ายังไงรายงานผลหน่อยนะ อยากรู้ จากคุณ : ทุ่งแสงตะวัน - [ 12 มี.ค. 51 12:48:03 ]