ความคิดเห็นที่ 1 บางทีอาจไม่ลดนะคะ  เพราะพลังงานที่กินเข้าไปไม่พอกับที่ใช้ไป  ถ้าต่างกันนิดหน่อยก็จะดึงไขมันออกมาใช้ค่ะ  แต่ถ้าต่างกันมากเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว  ก็จะเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานค่ะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 4 เม.ย. 51 18:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Q: ถ้าทานน้อยในช่วงที่ออกกำลังกายหนักๆ ที่บอกว่า ทำให้ได้กล้ามเนื้อแทน แทนที่น้ำหนักจะลดคือ A: ถ้าทานน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ จะออกหนักยังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่กล้ามจะขึ้นครับ จะทำให้น้ำหนักลดลงแทนครับ Q: ถ้าออกกำลังกายหนักๆไปเรื่อยๆและยังกินน้อยๆอยู่คือ ทำในระยะยาว คือผลระยะยาว น้ำหนักก็ลดอยู่ดีใช่มั๊ย A: ถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ น้ำหนักจะลดลงในช่วงแรกครับ แต่ในระยะยาวแล้ว ร่างกายของเราจะลดการใช้พลังงานลงเนื่องจากร่างกายจะรับรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในภาวะอดอาหาร (starvation) ทำให้ตอนหลังอาจจะกินน้อย ออกกำลังเยอะ แล้วยังไม่ยอมลดอย่างที่เราเรียกกันว่า "หิดปลาทู" (Hit the plateau) นั่นแหละครับ เสริม : คุณก็อาจจะถามต่อไปอีกว่าแล้วจะทำยังไงไม่ให้ร่างกายลดการใช้พลังงานลง ตอนนี้ผมกำลังลดน้ำหนักแบบ "Zig-Zag method" อยู่ครับ โดยอ่านในหนังสือของคุณ Tom Venuto ถ้าคุณสนใจข้อมูลผมยินดีบอกครับ จะได้มีเพื่อนร่วมทางเดินเดียวกัน ^ ^ จากคุณ : Kas - [ 4 เม.ย. 51 19:26:43 A:58.9.251.113 X: TicketID:034895 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณ สำหรับคำตอบค่ะ ทั้งคุณ กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย  และคุณ Kas ^^ ถามคุณ Kas ค่ะ Zig-Zag method เป็นยังไงหรอค่ะ อยากทราบข้อมูลค่ะ รบกวนด้วยค่ะ จากคุณ : You R what U eat !! - [ 4 เม.ย. 51 20:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ้อ สงสัยค่ะ แล้วเราจะรู้ได้ไงค่ะ ว่าเราทานอาหารน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ คือบางทีอาจะทำกิจกรรมอะไร โดยไม่รู้ว่าเสียไปเท่าไร หน่ะค่ะ ?? จากคุณ : You R what U eat !! - [ 4 เม.ย. 51 20:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมขออนุญาตอธิบายหลักการที่ทุกคนที่กำลังลดความอ้วนน่าจะรู้กันทุกคนคือ หากคุณต้องการลดความอ้วน คุณต้องทำให้มีพลังงานที่รับ (กิน) น้อยกว่าพลังงานที่ใช้ เป็น คอมม่อนเซ้นท์เลย แต่การลดความอ้วนมันก็ไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างนี้เสมอไป Q : พลังงานที่ใช้แต่ละวันจะคำนวณอย่างไร? A : พลังงานที่ใช้ในแต่ละวันมี 2 ส่วน คือ 1) Basal metabolic rate (BMR) คือ พลังงานน้อยที่สุดที่ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างปกติ ค่า BMR นี้เปรียบได้กับคุณนอนนิ่ง ๆ ไม่ทำอะไรเลย เราสามารถคำนวณได้จากสูตรของ The Harris-Benedict formula คือ ผู้ชาย: BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนัก หน่วย kg) + (5 x ความสูง หน่วย cm) - (6.8 x อายุ หน่วย ปี) ผู้หญิง: BMR = 655 + (9.6 x น้ำหนัก หน่วย kg) + (1.8 x ความสูง หน่วย cm) - (4.7 x อายุ หน่วย ปี) (แต่จริง ๆ ไม่ต้องคิดเองก็ได้ครับไป search ใน google ว่า BMR Calculator แค่นี้ก็มีตั้งหลายเว็บแล้วที่ใส่ค่าแล้วคิดให้เลย ส่วนใหญ่แต่ละเว็บค่าก็จะใกล้เคียงกันครับ) 2) พลังงานที่มาจากการทำกิจกรรมของเรา ทุกอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นนั่งดูทีวี รีดผ้า หรือออกกำลังกาย แค่วัน ๆ เรานั่ง ๆ นอน ๆ เล่นคอมก็ใช้พลังงานในการเกร็งกล้ามท้องให้นั่งทรงตัวอยู่ได้เป็นร้อย ๆ แคลอรีแล้วครับ เราสามารถคำนวณพลังงานที่ใช้ต่อวัน ได้อย่างคร่าว ๆ ได้โดยเอาค่า BMR คูณกับ factor ดังนี้ นั่ง ๆ นอน ๆ = BMR X 1.2 (ออกกำลังกายเล็กน้อย หรือไม่ออกเลย, ชีวิตทำงานอยู่กับที่) Active เล็กน้อย = BMR X 1.375 (ออกกำลังกายเล็กน้อย / 1-3 วันต่อสัปดาห์) Active ปานกลาง = BMR X 1.55 (ออกกำลังกายปานกลาง / 3-5 days/wk) Active มาก = BMR X 1.725 (ออกกำลังกายอย่างหนัก / 6-7 days/wk) โคด Active = BMR X 1.9 (ออกกำลังกายอย่างหนักทุกวัน/ทำอาชีพเป็นนักกีฬา เป็นต้น) เช่น ถ้าคุณใช้ชีวิตส่วนใหญ่นั่งอยู่กับที่ และมีค่า BMR = 1700 ฉะนั้นพลังงานที่ใช้ต่อวัน = 1700 x 1.2 = 2,040 แคลอรี จากคุณ : Kas - [ 4 เม.ย. 51 23:43:13 A:58.9.251.113 X: TicketID:034895 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทีนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าวันนึงเรากินไปกี่ Calorie สิ่งเดียวที่คุณจะรู้ได้คือ ตารางพลังงานของอาหารต่าง ๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปซื้อมาจากไหนหรอกครับ ก็ค่อย ๆ search หาใน google นี่แหละ แต่ก็ควรดูความน่าเชื่อถือของข้อมูล และควรเปรียบเทียบกันในหลาย ๆ แหล่งด้วย แต่ส่วนใหญ่ ก็จะประมาณ ๆ ได้ ขอให้คุณรู้และจำไว้คร่าว ๆ เช่น ข้าวทัพพีละ 70 Cal พอกับขนมปัง 1 แผ่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำเส้นหมี่เนื้อสด ประมาณ 300 Cal , สุกี้น้ำประมาณ 200 , ข้าวผัดไข่ใส่หมู 600 Cal (ผมแค่ประมาณนะครับ) ถ้าคุณไม่เคยคำนวณมาก่อน แล้วมาได้เห็นค่าแคลอรีอาหารที่เคย ๆ กินมาแล้วจะตกใจ แต่ก่อนมื้อเย็นไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผมซัดข้าวผัดไข่ 1 จาน (600 Cal) เบิ้ลด้วย เส้นหมี่ราดหน้า (300 Cal) ซื้อป๊อปคอน 1 ถุง ก่อนกลับห้อง พอมารู้จากค่าตารางแคลอรีก็ "โหย กูกินแค่มื้อเย็น ก็เป็น 1000 แคลอรี แล้วเหรอ" แล้วไหนจะเป็นพวกชอบทั้งบุฟเฟ่ต์หมูจุ่ม หมูกระทะ ไม่สน อร่อยกินแหลก แต่ตอนนี้รู้แล้วก็ไม่ทำแล้ว จากคุณ : Kas - [ 5 เม.ย. 51 00:02:26 A:58.9.251.113 X: TicketID:034895 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วน Zig-Zag method นั้นผมเอามาจากหนังสือ e-book : เบิร์นเดอะแฟท ฟีดเดอะมัสเซิ่ล ของคุณ Tom Venuto ครับ ซึ่งผมก็กำลังลองทำตามอยู่ ไม่ยุ่งยากเลยครับ รายละเอียดคร่าว ๆ คือ เมื่อพลังงานที่เรารับเข้าไปแต่ละวันน้อยกว่าพลังงานที่เราใช้ไป ร่างกายก็จะนำพลังงานที่สะสมมาใช้ หากเราทำให้ร่างกายขาดแคลอรีเป็นจำนวนมากและเป็นเวลานาน ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่ภาวะอดอาหาร (Starvation mode) ซึ่งจะทำทำให้ร่างกายใช้พลังงานน้อยลง โดย BMR ของร่างกายเราก็จะลดลง ๆ จนถึงจุดหนึ่งที่บอกไว้ตอนแรกไงครับว่า ไม่ว่าจะลดอาหารอีกเท่าไร น้ำหนักของเราก็ไม่ลดลงแล้ว Zig-Zag method เป็นการลดน้ำหนักที่ทำให้ BMR ของเราลดลงไปเรื่อย ๆ โดยใช้วิธี คือ - 3 วัน Low Calorie - 1 วัน High Calorie อธิบาย : - 3 วัน Low Calorie คือ ให้เรากินอาหารให้น้อยกว่าพลังงานที่ใช้เป็นเวลา 3 วัน - 1 วัน High Calorie คือ ให้เรากินอาหารให้ได้พลังงานเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายไม่รับรู้ว่าเราอยู่ในภาวะอดอาหาร BMR ของเราก็จะไม่ลดลง เราก็จะทำสลับเป็น cycle ไปเรื่อย ๆ คำถาม : แล้วควรจะกินให้น้อยกว่าพลังงานที่ใช้เท่าไรล่ะ ? คำตอบ : ควรกินให้น้อยกว่าประมาณ 15 - 20 % ของพลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน เช่น (จากต.ย.ข้างบน) ผมรู้แล้วว่าวันนึงผมใช้พลังงาน 2,040 แคลอรี ฉะนั้นผมต้องกินให้น้อยกว่าเดิม 20 % ฉะนั้นวันนึงต้องกินประมาณ 1600 แคลอรี แต่ก็มีคำแนะนำจาก National Institutes of Health (NIH) ว่าให้กินให้น้อยกว่าที่ใช้เพียง 500 แคลอรีก็สามารถลดน้ำหนักได้สัปดาห์ละ 1 ปอนด์ หรือ 0.45 กิโลกรับ แล้ว คำถาม (อีก) : แล้วลดมากกว่านี้อีกไม่ได้เหรอ เห็นบางคนเดือนนึงเขาลดได้ตั้ง 7 - 8 โล ? คำตอบ : การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกินไปทำให้ร่างกายปรับตัวอยู่ในสภาวะอดอาหาร อย่างที่บอกไว้ข้างต้น เราอาจจะลดได้เร็วในตอนแรก แต่พอเรากลับไปกินอาหารแบบปกติ เราก็จะอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างที่เขาเรียกว่า Yo-Yo effect เพราะว่าร่างกายใช้พลังงานน้อยลง ดังนั้นอย่ารีบร้อนจนเกินไป เพียงแค่คุณมีวินัย ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทรมาณตัวเอง คิดซะว่า "ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม" อาจจะตอบยาวหน่อย หรือตอบเกินกว่าที่คุณถามนะครับ ขอให้คุณตั้งใจ จากคุณ : Kas - [ 5 เม.ย. 51 00:28:07 A:58.9.251.113 X: TicketID:034895 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Zig-Zag method เป็นการลดน้ำหนักที่***ทำให้ BMR ของเราลดลงไปเรื่อย ๆ โดยใช้วิธี คือ ขอแก้เป็น ไม่ทำให้ BMR ของเราลดลงไป นะครับ พิมพ์ผิดครับ ขอโทษที จากคุณ : Kas - [ 5 เม.ย. 51 00:32:53 A:58.9.251.113 X: TicketID:034895 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณคุณ Kas มากๆค่ะ เข้าใจขึ้นมากเลยค่ะ กับการลดน้ำหนัก ขอบคุณจิงๆ>< จากคุณ : You R what U eat !! - [ 5 เม.ย. 51 07:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วถ้า มากกว่า 3วัน ที่ โลวแครอลี่ เช่น โลวแครอลี่ 6 วัน High Calorie 1 วันได้มั้ยค่ะ หรือ High Calorie มากกว่า 1วันได้มั้ยค่ะ แล้วถ้าไม่เป็น หิดปลาทู แล้วจำเป็นต้องทำมั้ยอ่ะค่ะ จากคุณ : bbgoing (bbgoing) - [ วันอนามัยโลก 01:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้ามีปัญหาเรื่องความอ้วนแล้วอยากลดอย่างจริงจังโทรมานะคะ ยินดีให้คำปรึกษาฟรีๆ ค่ะ 086-3619869 นะคะ จากคุณ : yui - [ 10 เม.ย. 51 13:27:15 A:58.8.63.170 X: TicketID:173270 ]