เริ่มเรื่อง
ในที่สุด ฉันก็ตัดสินใจเปิดโน้ตบุคคู่ใจ (จะว่าคู่ใจก็ไม่ถูกนัก เพราะฉันมีโน๊ตบุคแค่เครื่องเดียว และทุกครั้งที่หยิบมันขึ้นมานั่นหมายถึงการต้องทำงานในวันหยุดอันน้อยนิดของฉัน) พร้อมด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะถ่ายทอดเรื่องราวที่ฉันอยากเล่าให้ทุกคนได้รับรู้ แต่ก็อิดออดมาเป็นปี เพราะความขี้เกียจที่สะสมมานาน และอีกใจก็แย้งตลอดว่า คนป่วยมะเร็งเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับโรคนี้เยอะแล้ว คนอ่านเค้าคงเบื่อกันบ้าง และอีกอย่าง ฉันไม่เคยเขียนหนังสือ อย่าว่าแต่หนังสือเลย ประกวดเขียนเรียงความตอนเด็กๆ ยังตกรอบแรก ประสาอะไรกับการถ่ายทอดเรื่องราวให้คนอื่นอ่านแล้วรู้เรื่อง... แต่สิ่งหนึ่งที่เรียกร้องให้ฉันเริ่มลงมือเขียนคือ.. ฉันต้องการเขียนมัน
ฉันขอบอกก่อนนะคะว่า มันก็แค่ชีวิตคนธรรมดาคนหนึ่ง และเพราะมันไม่ใช่ชีวิตของคุณเอง ฉันอยากให้คุณมองเหมือนมันเป็นตัวละครตัวหนึ่งในละครหลังข่าวที่คุณเปิดๆดูฆ่าเวลาเพื่อให้หมดไปวันวันนึง แต่อย่างไรก็ตามมันคือชีวิตจริง คือสิ่งที่ฉันคิด และฉันเต็มใจจะเล่าให้คุณฟัง
สองปีมาแล้ว นับตั้งแต่ชั้นได้พบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคร้ายแรง ที่ชื่อว่ามะเร็ง ฉันจำได้ดีก่อนที่จะพบว่าตัวเองป่วย หากฉันได้ยินข่าวหรือรู้ว่าใครป่วยเป็น มะเร็ง ความคิดแรกที่ผุดขี้นมาคือ ตายจริง..เค้าจะตายแล้วเหรอเนี่ย... ดังนั้น ฉันค่อนข้างแปลกใจที่เมื่อสองปีที่แล้ว หมอบอกฉันว่า คุณเป็นมะเร็ง แล้วฉันกลับนั่งฟังอย่างงุงงน อ้าว เฮ้ย ฉันยังไม่ตายนี่นา ยังไม่รู้สึกเหมือนใกล้จะตายซักหน่อย ตั้งแต่นั้นมาทรรศนะในการมองคนเป็นโรคมะเร็งของฉันก็เปลี่ยนไป .. .เอ๊ะ แล้วจะยังไงต่อไป มาเริ่มเรื่องกันเลยค่ะ...
ฉันเกิดในครอบครัวข้าราชการเต็มขั้น คุณพ่อเป็นเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ซึ่งตอนนี้ท่านเกษียณอายุราชการแล้วค่ะ ส่วนคุณแม่ เป็นอาจารย์โรงเรียนประถม ฐานะทางบ้านไม่ได้จัดว่าร่ำรวย แต่ฉันไม่เคยอยู่อย่างลำบาก ฉันมีพี่น้องสามคน มีพี่ชายและพี่สาวอย่างละคน ฉันเป็นลูกคนสุดท้อง ที่เกิดมาอย่างขี้โรคเหลือเกิน เป็นลูกสาวคนเล็ก พร้อมทั้งเจ็บออดแอดดด้วยโรคหอบหืด ฉันจึงค่อนข้างได้รับการประคบประหงมจากครอบครัวเป็นพิเศษ แม้จะเป็นคนร่าเริง แต่อุปนิสัยส่วนตัวของฉันอย่างหนึ่งก็คือ เป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ซึ่งฉันมาทราบทีหลัง ว่ามะเร็งมันชอบคนใจร้อนค่ะ แม้ทุกวันนี้ฉันก็ยังคงใจร้อนไม่หาย จึงไม่แปลกใจเลยที่มะเร็งยังคงอยู่กับฉันไม่ห่างหายไปไหน
เจอกันครั้งแรก...
ราวปลายปี 2547 ที่บริษัทฉันมีสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีให้พนักงานตามปกติ ผลตรวจทั่วไปของฉันปกติดี จะมีผิดปกติก็แห่งสองแห่ง หนึ่งคือที่หลอดลมด้านขวามีก้อนอะไรบ้างอย่างซึ่งทางโรงพยาบาลที่ตรวจ แนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม อีกอย่างก็คือ เค้าสงสัยว่าฉันเป็นธาลัสซีเมียแฝงเนื่องจากว่ารูปร่างเม็ดเลือดแดงผิดปกติ คุณเชื่อมั้ย ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันเป็นกังวลไม่ใช่เจ้าก้อนประหลาดที่หลอดลมด้านขวาอะไรนั่นหรอก หากแต่เป็นธาลัสซีเมียต่างหาก เท่าที่รู้มา ธาลัสซีเมียมันเป็นโรคพันธุกรรมไม่ใช่เหรอ ฉันไม่มีพันธุกรรมเป็นโรคนี้ ฉันจะเป็นได้ยังไง แล้วอย่างงี้ ฉันจะมีลูกได้เหรอ ลูกฉันไม่ต้องเป็นธาลัสซีเมียเหรอเนี่ย ด้วยความไม่รู้ ฉันคิดกังวลไปต่างๆ นานา เสาร์ต่อมา ฉันไม่รอช้า ไปตรวจเพิ่มเติม ตามที่โรงพยาบาลแนะนำทันที ผลน่ะเหรอค่ะ ไม่มีอ่ะค่ะ ไม่มีธาลัสซีเมีย ส่วนฉันก็สบายใจ ไม่มีธาลัสซีเมีย ก็สบายใจ ลืมไปเลย ใช้ชีวิตปกติ จนวันคริสต์มาสมาถึง......
แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 09:51:18
จากคุณ :
gotjz
- [
วันเนา (14) 09:23:51
]