ความคิดเห็นที่ 1 แถมด้วยบทความสั้นๆ เกี่ยวกับ "ไขมันดื้อ stubborn fat" อาจจะไม่ค่อยลงลึกทางด้านวิชาการเท่าไหร่ ประมาณว่า มีแอบแฝงขายของด้วยประมาณนั้น แต่ก็คิดว่า น่าจะได้ประโยชน์บ้างครับ ทุกๆ คนที่อยู่บนโลกนี้ มีเซลล์ไขมันอยู่ในตัวมากมาย ในผู้ใหญ่ปกติที่สุขภาพปกติจะมีเซลล์ไขมันประมาณ 30 พันล้านเซลล์ !!! แปลกใจละซิ ว่า ทำไมคนเราถึงมีเซลล์ไขมันมากถึงเพียงนี้ และ พวกเซลล์ไขมันพวกนี้มีไว้เพื่ออะไร คำตอบก็คือ เซลล์ไขมันของเรา ก็เป็นส่วนหนึ่งของรหัสพันธุกรรม และมันก็ก็จะเก็บสะสมอยู่ในตัวคุณถ้าทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป ในคนสมัยดึกดำบรรพ์ในยุคน้ำแข็ง ก็ต้องทานอาหารปริมาณมากๆ โดยเฉพาะไขมัน(จากวาฬ และแมวน้ำ) เพื่อความอยู่รอด แต่ในสังคมสมัยใหม่นี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไขมันมากมายเพื่อการดำรงชีวิตแล้ว ไขมันส่วนเกินที่กวนใจพวกเรา ถ้าเป็นผู้ชายก็มักจะไปสะสมอยู่ที่หน้าท้องและหน้าอก -_-' ส่วนผู้หญิงก็จะไปสะสมอยู่ที่สะโพก, บั้นท้าย และต้นขา และที่ท้องแขน จากคุณ : Christian Chang - [ 6 พ.ค. 51 17:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 *** ปัจจัยแรกที่ทำให้การลดน้ำหนักล้มเหลว *** หลายๆ คนที่มีความพยายามที่จะลดน้ำหนักแต่ก็ต้องล้มเหลวก็เพราะว่ามีปัจจัยหลักมาเกี่ยวข้องอาจจะเพราะพลาดพลั้งไม่ทันรู้ตัว หรือ ใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะสำเร็จ (หรือเปล่าหว่า) บางคนก็ตั้งใจลดน้ำหนักอย่างเต็มเปี่ยมทั้งยังเข้าฟิตเนสตลอดด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า แต่ทำมั้ย ทำไม น้ำหนักที่ต้องการจะลดไม่ไปถึงฝั่งฝันเอาซะที บางคนน้ำหนักลดเอ๊าลดเอา แต่ก็ยังเหลือน้ำหนักอีกไม่กี่กิโลฯ ก็ยังค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น เราจะเรียกเหตุการณ์นี้ว่า เหตุการณ์ขึ้นที่ราบสูง (plateau) เป็นเหตุการณ์ที่คนหลายๆ คนเกิดการเสียความตั้งใจ ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักแล้ว โดยที่พวกเขาก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ (โดยกลับไปกินอาหารโดยไม่คำนึงคุณภาพ และขี้เกียจออกกำลังกาย) สุดท้ายก็คือ พวกเขาเหล่านั้น ก็กลับไปมีรูปร่างอ้วนอย่างที่เคยเป็น -_-' *** แนวทางการแก้ไข *** อย่างแรกเลย เราก็ต้องเข้าใจว่า เซลล์ไขมันเหล่านั้นทำงานอย่างไรและการที่เราจะข้ามผ่านเหตุการณ์ขึ้นที่ราบสูงเพื่อจะเอาไขมันดื้อด้านก้อนสุดท้าย (stubborn fat) ออกไปจากร่างกายได้อย่างไร จากคุณ : Christian Chang - [ 6 พ.ค. 51 17:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในบทความที่ไปอ่านมานี้ เขาพูดถึงความเข้าใจในเรื่องของ ฮอร์โมน กับ ไขมันดื้อด้าน เขาไม่ได้ลงในรายละเอียดมากนัก แต่อธิบายคร่าวๆ ว่า ไขมันดื้อด้านจะเผาผลาญได้ช้ามากๆ และจะต่อต้านกระบวนการทำงานของฮอร์โมนในการเผาผลาญไขมันได้เริ่มต้นขึ้น (บางคนก็ฮอร์โมนแปรปรวนเพราะความอ้วน เช่น มีขนดกมากผิดปกติ) ในการเผาผลาญไขมัน ฮอร์โมนในกลุ่ม adrenal hormone ที่เรารู้จักในชื่อของ อะดรีนาลีน และนอร์อะดรีนาลีน จะไปส่งผ่าน  ตัวรับของเซลล์ไขมัน (fat cell receptors) ทำให้ดึงพลังงานจากเซลล์ไขมันมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งตัวรับของเซลล์ไขมันจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ อัลฟ่า กับ เบต้า ซึ่งตัวรับชนิดเบต้าจะมีความว่องไวและตอบสนองต่อฮอร์โมน จึงทำให้เราสามารถลดไขมันในร่างกาย (body fat) ได้ โดยเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน แต่ถ้าบางคนมีไขมันดื้อด้านเยอะ ก็จะทำให้ลดไขมันในร่างกายได้ช้าลง ซึ่งไขมันดื้อด้านจะมีตัวรับชนิดเอสโตรเจน (estrogen receptor) อยู่มาก จึงไม่แปลกเลยว่า ทำไมผู้หญิงจึงมีโอกาสสะสมไขมันดื้อด้านมากกว่าผู้ชาย (เอาไว้ผมมีเวลามากกว่านี้ อยากจะอ่านเกี่ยวกับรายละเอียดในเรื่องของฮอร์โมน อ่านเยอะๆ เพื่อตัวเองจะได้เอาไปใช้ประยุกต์กำจัดไขมันดื้อด้าน และเผื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านอื่นๆ ด้วย) แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 51 18:11:45 จากคุณ : Christian Chang - [ 6 พ.ค. 51 17:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จริงๆ แล้วมันฟังดูเหมือนเลวร้ายนะ เหตุการณ์จะเลวร้ายลงถ้าเรายังคงตามใจตัวเองในการทานอาหารแบบสมัยใหม่อยู่และใช้ชีวิตแบบนั่งๆนอนๆ (แม้กระทั่งทำงานกับโต๊ะอย่างเดียวก็ไม่ลุกไปไหน) โดยจะมีผลเกี่ยวพันกับ insulin sensitivity ด้วย (อันนี้คงต้องให้คุณประการังเรืองแสง และท่านอื่นๆ ช่วยอธิบายต่อ) มาดูความแตกต่างของผู้ชายผู้หญิงดีกว่า คร่าวๆ คือ ผู้ชายรูปร่างก็ใหญ่กว่าผู้หญิง น้ำหนัก็มากกว่า และที่สำคัญ ก็แข้.แรงกว่า ก็เพราะว่า ผู้ชายมีการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งจะกระตุ้นให้มีกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นและช่วยในการเติบโตของกระดูกและเพิ่มระดับของเซลล์เม็ดเลือดแดงในกระแสเลือดอีกด้วย นอกจากนี้ผู้ชายยังมีฮอร์โมนเพื่อการเติบโตมากกว่า (Human growth hormone) ยังมีหลายอย่างที่เราไม่รู้อีกเยอะ (นั่นสิ ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้ว่า ทำไมเรารู้น้อยจัง) เซลล์ของผู้ชายยังมีการเก็บออกซิเจนได้มากกว่าเซลล์ของผู้หญิงอีก  เมื่อเซลล์ผู้ชายเก็บออกซิเจนเพื่อทำกิจกรรมแค่ 50 % แต่ผู้หญิงต้องเก็บออกซิเจนเพื่อทำกิจกรรมทางกายถึง 70 % ถึงจะเพียงพอ ดังนั้น จะเห็นว่า ผู้หญิงจึงเหนื่อยง่ายกว่าผู้ชาย (ของมันแน่อยู่แล้วนี้) ผู้หญิง ก็มีเปอร์เซ็นต์ของกล้ามเนื้อน้อยกว่า อีกทั้งยังมี body fat สูงกว่าอีก ความสำคัญของย่อหน้านี้คือ ฮอร์โมนที่ผู้หญิงมี คือ เอสโตรเจน ก็สนับสนุนให้มีการเก็บสะสมไขมัน และไขมันนั้นก็เป็นไขมันดื้อซะด้วยสิ -_-' จากคุณ : Christian Chang - [ 6 พ.ค. 51 18:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อเปรียบเทียบเซลล์ไขมัน ของผู้หญิงและผู้ชาย ในด้านขนาดและการใช้งาน เซลล์ไขมันของผู้หญิงใหญ่กว่าของผู้ชายถึง 5 เท่า ไม่เพียงเท่านั้น เซลล์ไขมันของผู้หญิงยังต้องเก็บไขมันอย่างมากมายอีกด้วย โดยขออธิบายฮอร์โมน 2 ชนิดเพิ่มเติมคือ 1. ไลโปจีนิค (Lipogenic) เป็นเอนไซม์ในการเก็บไขมัน 2. ไลโปลีติก (Lipolytic) เป็นเอนไซม์ในการใช้ไขมัน ร่างกายของผู้หญิงจะมีเอนไซม์ในการเก็บไขมันมากเป็นสองเท่าของเอนไซม์ในการใช้ไขมัน ก็เนื่องมาจากว่า ผู้หญิงต้องเอาน้ำนมเลี้ยงลูก นอกจากนี้แล้ว ยังมีตัวสนับสนุนอื่นๆ ที่ทำให้เกิดไขมันดื้อด้านอีก คือพวกสารที่เป็นองค์ประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน อาทิเช่น อนุพันธ์ของปุ๋ย, พลาสติก, ฮอร์โมนจากถั่วเหลือง, สมุนไพรบางตัว และ ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม ถ้าสารพวกนี้เขาไปปนในอาหารและน้ำดื่มของเรา ก็จะมีส่วนกระตุ้นให้ตัวรับเอสโตรเจนทำงานได้ดีขึ้น (คือยิ่งช่วยให้สะสมไขมัน) และช่วยกระตุ้นให้สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนอีกด้วย (เคยอ่านข่าวจากต่างประเทศ ที่ชายต่างประเทศ เกิดโรคนมโต เพราะใช้ภาชนะพวกพลาสติกหรือโฟมบรรจุอาหาร) นอกจากนี้แล้ว พวกสารเหล่านี้ ยังทำให้การทำงานของฮอร์โมน Aromatase เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย ไปเป็นสารประกอบของฮอร์โมนเพศหญิงด้วย (น่ากลัวจริงๆ )-_-' การแก้ไข ก็ต้อง ลงไปจนถึง ต้องระมัดระวังในการทานอาหารและดื่มน้ำ  อย่าไปกินอาหารแบบแย่ๆ และเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่ๆ จากคุณ : Christian Chang - [ 6 พ.ค. 51 18:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แนวทางแก้ไข เนื่องจากทุกวันนี้ ผู้ชายอาจจะใช้ชีวิตแบบฉาบฉวย อาหารก็มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน นอกจากนี้มลพิษสิ่งแวดล้อมมีมีผลต่อร่างกายอีกด้วย ซึ่งผู้หญิงในสังคมเมือง ก็คงใช้ชีวิตไม่แตกต่างกัน งั้นมาเปลี่ยนแปลงในด้านอาหารก่อนดีกว่า ควรจะลดพวกสารพิษที่มีผลต่อตับ หลีกเลี่ยงพวกอาหารที่ผ่านกระบวนการเยอะๆ, พวกธัญพืชบางชนิด, เนื้อสัตว์ในฟาร์มเลี้ยง และสารเคมีในอาหาร ลองเปลี่ยนไปทานพวกอาหารออแกนิคสิ ควรทานพวก บล๊อคคอรี่ กะหล่ำปลี กระหล่ำดอก ผลไม้ตระกูลมะนาว ผลไม้พวกส้ม พวกเบอรรี่ แอบเปิ้ล และสับประรด (ก่อนเอามาทาน ต้องล้างน้ำเยอะๆ ยาฆ่าแมลงเยอะอีก) ส่วนพวกอาหารที่ทำให้ระบบของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ก็มี พวกถั่วและเมล็ดพืช อะโวกราโด น้ำมันมะกอก ผักใบเขียว ข้าวโอ๊ต ขมิ้น ผักโขม ขิง โอเมก้า-3 น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว ปลาแซลมอน อย่าพยายามทานพวกถั่วเหลืองเยอะ เพราะมีอนุพันธ์ของฮอร์โมนเพศหญิง จากคุณ : Christian Chang - [ 6 พ.ค. 51 18:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไหนๆ ก็เลือกกินแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายร่วมด้วยอยู่ดี ง่ายๆ อาจจะเดินแทนการขี่รถยนต์ อาจจะปั่นจักรยาน  เดินแทนที่จะขึ้นลิฟท์ จอดรถไกลๆ เพื่อจะได้เดินมากขึ้น  อาจจะตัดหญ้าที่หน้าบ้านเอง หรือ ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ หรือ เล่นกับเด็กๆ กิจกรรมพวกนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นการออกกำลังกาย แต่ถ้าทำหลายๆ อย่าง ก็จะช่วยให้เราได้เผาผลาญพลังงานมากขึ้นด้วยจากชีวิตเดิมๆ จากคุณ : Christian Chang - [ 6 พ.ค. 51 18:37:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สุดท้ายก่อนจาก ฝากอะไรเล็กๆ น้อยๆ 1. อย่าอดอาหาร ให้ทานอาหารให้เพียงพอ การที่อดและจำกัดอาหารมากเกินไป อาจจะทำให้ร่างกายเกิดโยโย่ เอฟเฟ็กต์ได้ 2. พยายามหลีกเลี่ยงพวก 0 แคลอรี่ พวกอาหารที่ผ่านกระบวนการ เช่น โซดา หรือ น้ำตาลเทียม 3. ควรจะกินมื้อเล็กๆ เบาๆ ทำให้น้ำตาลในเลือดคงที่ และการเผาผลาญเป็นจังหวะดีขึ้น 4. ทานไขมันดี พวก โอเมก้า-3 จากปลาแซลมอน 5. ทานผักเยอะๆ 6. ดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอ 7. นอนพักผ่อนให้เพียบพอ 8. อย่าเครียด และลดความเครียดให้ได้ 9. หลีกเลี่ยงพวกสารกระตุ้นต่างๆ เช่น เหล้า กาแฟ ชา ยาสูบ 10. ออกกำลังกาย การออกกำลังการเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น และจะลดการสะสมไขมันดื้อด้านใหม่ๆ ด้วย 11. ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน หัวเราะบ้างนะ จากคุณ : Christian Chang - [ 6 พ.ค. 51 18:42:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้วแน่นปึ๊กๆ ขอบคุณครับพี่ พอดีอ่านตรงบรรทัดนี้แล้วนึกขึ้นได้ เลยขอเล่าเสริมนะครับ "ในการเผาผลาญไขมัน ฮอร์โมนในกลุ่ม adrenal hormone ที่เรารู้จักในชื่อของ อะดรีนาลีน และนอร์อะดรีนาลีน จะไปส่งผ่าน  ตัวรับของเซลล์ไขมัน (fat cell receptors) ทำให้ดึงพลังงานจากเซลล์ไขมันมาใช้ประโยชน์ได้" กลไกของอะดีนาลีนนี้เป็นระบบดึงพลังงานฉุกเฉินมาใช้ครับ สาเหตุที่มาตรงนี้ ใช้อธิบายเรื่องความเครียดมีผลต่อความอ้วนโดยตรงเลยครับ คือเมื่อร่างกายรับรู้ถึงสภาวะอันตราย ฮอร์โมนตัวนึงชื่อคอติซอลจะทำงาน คอติซอลนี้เป็นเหมือนตัวเปิด alert mode ดึงพลังงานจากส่วนต่างๆของร่างกายในภาวะฉุกเฉิน แล้วอะดรีนาลีนก้อทำงานเป็นเหมือนbooster เร่งกานเผาผลาญพลังงานให้เกิดแรงมหาศาลในช่วงสั้นๆ เคยได้ยินเรื่องคนตกใจยกโอ่งหนีไฟไหม้ไหมครับ นั่นละ ใช่เลย แล้วทีนี้ความเครียดก้อเป็นตัวการสำคัญให้ร่างกายหลั่งคอติซอลมาดึงพลังงาน เครียด โมโห ตกใจ เจ้านายด่า หมากัด รถติด แฟนทิ้ง คนเราเด่วนี้เจอกับสถานะการณ์ที่ร่างกายหลั่งคอติซอลตลอดเวลา แต่ว่าจะออกแรงฮึดต่อยเจ้านาย กระทืบลูกน้องก้อไม่ได้ สรุป คอติซอลสะสมพลังงาน แต่อะดรีนาลีนไม่ได้หลั่ง พลังงานฉุกเฉินที่ดึงมาก้อต้องหาที่เก็บแบบฉุกเฉินคือซุกเอาไว้แถวๆตับ ทำให้คนที่เครียดมากๆมีภาวะอ้วนกลางตัวคือลงพุง ข้อสังเกตุ ผมเหนว่าเด่วนี้คนชอบคิดกีฬาอะไรแปลกๆ กิจกรรมหวาดเสียวๆมาเล่นกัน ก้อคงต้องเกี่ยวกับการหลั่งอะดรีนาลีนแน่ๆ เพราะฮอร์โมนเหล่านี้เกี่ยวข้องกะสัญชาตญาณดั้งเดิมของคนเราด้วย ซึ่งปัจจุบนคนเรามีชีวิตที่เรียบง่ายเกินไป ไม่มีโอกาสได้ระบายออก จากคุณ : nirvanine - [ 7 พ.ค. 51 03:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณคุณ Christian Chang และคุณ nirvanine ได้ความรู้มากๆ คะ... จากคุณ : noot (thangthai_ladypink) - [ 7 พ.ค. 51 10:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 น่าสนใจที่ว่าทานปลาแล้วไม่เป็นไรนะคะ เพราะว่าในปลานั้นมี omega-3 ใช่ปะคะ แล้วเจ้า omega-3 นี่สามารถไปกระตุ้นเอนไซม์ที่ชื่อว่า lipase ซึ่งจะช่วยในการย่อยสลายไขมัน เผาผลาญไขมันใช้เป็นพลังงาน จัดไขมันในร่างกายให้แยกสะสมอย่างสมดุล คือเป็นเจ้านายที่คอยดูแลไขมันนั่นเอง ทีนี้ถ้าคุณช้างทานปลาแล้วรู้สึกสบายขึ้น อาจจะเป็นผลพลอยได้จาก omega-3 ถ้าคราวหน้าลองทานไขมันดี พวกถั่วอย่าง almond หรือ เปลี่ยนมาใช้น้ำมัน olive oil ในการปรุงอาหาร ดูซิว่ายังมีอาการหรือเปล่า ถ้ายังมีอยู่ ทฤษฎีปะการังก็เจ๊ง -"- ค่อยหาทางแก้กันใหม่ ฮ่าๆ จากคุณ : ปะการังเรืองแสง - [ 7 พ.ค. 51 11:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อิอิ จะลองทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์  ถั่วพิชตาชิโอ เม็ดทานตะวัน อัลมอนด์ ดูนะครับ แล้วจะมารายงานผลอีกทีนึง จากคุณ : Christian Chang - [ 7 พ.ค. 51 12:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาเก็บข้อมูลค่ะ ^ ^~ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เพื่อนค่ะ - [ 7 พ.ค. 51 17:35:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สุดยอดคะ อ่านแล้วเซฟโลด ขอบคุณ ^^ นะคุณช้าง จากคุณ : Enjoysweet - [ 7 พ.ค. 51 20:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โอเมก้า3สลายตัวได้ง่ายเมื่อโดนความร้อนครับ ดังนั้นแนะนำข้าวปั้นปลาดิบครับ อิอิ อาการอึดอัดหลังทานอาหารนี่ ถ้ามีกิจกรรมเบาๆหลังทานสักหน่อยน่าจะช่วยให้หายอึดอัดได้นะครับ จากคุณ : nirvanine - [ 8 พ.ค. 51 00:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ซื้ออัลมอนด์มากินทุกวันเลยครับ ช่วงนี้ ^_^ อร่อย ส่วนปลาดิบไม่ค่อยชอบทาน ถ้าจะกินคงต้องทานเป็นพวกแซลมอนรมควันซะละ จากคุณ : Christian Chang - [ 8 พ.ค. 51 12:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แวะมาบอกคุณปะการังฯ : ถั่วแอลมอนด์ที่คุณแนะนำ คงช่วยลดไขมันดื้อได้ จากคุณ : Christian Chang - [ 13 พ.ค. 51 00:17:34 ]