4-5 วันแล้วครับที่ทราบข่าว จริงๆก็ทำใจไว้แล้วล่ะ แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ ก็รู้สึก เซ็ง และ ท้อแท้ (นิดหน่อย)
นั่นคือ ผมเกรดไม่ถึงพอที่จะทำวิทยานิพนธ์ในเทอมนี้ (ในปีนี้)
ผมเรียนคณะสถาปัตย์ครับ คณะศิลปะที่บอกตามตรงว่า สมัยเรียนปีแรกๆ ผมทำงานที่มันออกจะแหกคอกจากคนอื่นเค้าหน่อย คือไม่ค่อยจะคิดอะไรให้มันเป้นระบบแบบที่นักเรียนถาปัดเค้าคิดกัน จำได้ว่าช่วงนั้นคิดแต่ว่า เรายังเรียนอยู่ เราลองๆอะไรผิดๆถูกๆไปไม่เป้นไรหรอก ไม่อยากจะทำตามเพื่อน ที่มันเป้นงานเอาใจอาจารย์มั่ง งานแบบที่มีคนคิดแล้วมั่ง ทำให้เกรดวิชาเรียนของผมไม่ค่อยจะดีนัก
แล้วไม่รู้เกิดอะไร ยิ่งเรียนไปแทนที่จะดีขึ้น เกรดมันยิ่งแย่ลงๆๆ สวนทางกับความรู้สึกผมที่รู้สึกว่าตัวเองพยายามยิ่งกว่าเทอมที่แล้วมาตลอด ซึ่งมันก็คงเป้นเพราะว่า "พยายามแล้ว แต่ยังไม่พอกับระดับความยากที่มันเพิ่มขึ้น" นั่นแหละครับ
สุดท้ายพอผ่านปีสี่ ซึ่งปีห้าก็จะต้องทำวิทยานิพนธ์หรือที่เรียกว่าธีสิสนั่นล่ะครับ ผมก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดวิชาหลักอยู่หลายตัว และเกรดรวมไม่ถึง 2.00 (ติดอยู่ที่ประมาณ 1.97)
ปีที่ผ่านมาผมก็เคลียร์ๆให้มันหมด เทอมแรกผ่านไปด้วยดี ผมทำคะแนนได้ดีจนอาจารย์ชมครับ ไม่น่าจะมีปัญหา แต่พอเทอมสอง ซึ่งวิชาที่ผมติดหลายตัวดันมารวมอยู่ในเทอมนี้ และก็มีปัญหาส่วนตัวบางประการ บวกกับความยากที่มันเพิ่มขึ้น(จากนโยบายของทางคณะเอง) ทำให้คะแนนแต่ละวิชาผมอยู่ในขั้น "ย่ำแย่" เลยทีเดียว
จริงๆผมก็ผิดเอง เพราะมันมีวิชานึงเรียกว่าวิชา Special Problem ที่อาจารยืที่ปรึกษาเปิดให้เป็นกรณีพิเศษสำหรับผมและเพื่อนอีกคนที่เกรดไม่ถึงเหมือนกัน แต่ผมดันทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร อาจารย์เลยยังไม่ออกเกรดให้ ให้แก้ตัวใหม่ตอนปิดเทอม คือไปช่วยอาจารย์ทำงานวิจัย
ซึ่งปัญหามันมาเริ่มตรงนี้...ทางรอดเดียวของผมคือ ต้องลงวิชาในภาคฤดูร้อน 2 ตัว และทำให้ได้ A บวกกับช่วยงานอาจารย์ (ซึ่งอาจารย์ก็จะช่วยโดยการให้ A เหมือนกัน) ถ้าทำได้ตามนี้ เกรดจะออกมา 2.00 พอดี และมีโอกาสได้ทำธีสิสพร้อมกับรุ่นน้อง
แต่ไม่รู้เพราะอะไร....แทนที่เกรดวิชา Special Problem จะคิดรวมในเทอมปลายภาคก่อน (ซึ่งมันจะช่วยได้มากจากวิชาอื่นๆที่ผมย่ำแย่) ผมกลับลงหมู่ผิด เพราะมีเรียนแค่สองคน หมู่ที่จารย์เปิดคือหมู่ 3 ผมดันเขียนว่าหมู่ 13 มารู้ตัวเอาตอนท้ายๆ ก็ต้องทำเรื่องขอเปลี่ยนหมู่ฉุกเฉิน ซึ่งมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก
...ถ้าไม่เพราะเหตุว่า ผมจำได้เลย วันนั้นผมไปหาอาจารย์ เพื่อถามว่าจะทำยังไงดี ผมได้ยินอาจารย์บอกว่า ให้ไปดรอปซะ แล้วอาจารย์จะเปิดให้ใหม่ตอนซัมเมอร์ โอเค ผมก็ไปทำตามนั้น เจ้าหน้าที่ยังถามเลยว่าดรอปทำไม แค่เปลี่ยนหมู่มันทำได้อยู่แล้ว ผมก็บอกว่าอาจารย์ให้มาดรอปครับ เถียงไปเถียงมา สุดท้ายก็ดรอปซะ
พอถึงวันลงทะเบียนภาคฤดูร้อน กลายเป้นว่า วันนั้นอาจารย์บอกให้ผมไป "ถามดูว่าลงซัมเมอร์ได้มั้ย" ไม่ใช่ "ไปดรอปเพื่อลงซัมเมอร์"
กลายเป้นว่า ผมพลาดวิชาที่จะมาช่วยเกรดผมไปแล้ว ต้องลงใหม่ในภาคเรียนต่อไปเลย คงเป้นผมเองที่ฟังผิดในวันนั้น เพราะกำลังตกใจ บวกกับอารามรีบทำเรื่องให้เสร็จเพื่อที่จะไปฝึกงานต่อ
ไม่เป้นไร ผมคิดในใจ อย่างน้อยเราก็มีวิชาซัมเมอรืที่ดูๆแล้วมันไม่น่าจะยาก และโอกาสคว้า A ก็สูง ช่วงซัมเมอร์นี้เลยกลายเป้นช่วงเหนื่อยที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตผม อย่างที่เคยมาตั้งกระทู้แหละครับ ผมต้องตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อไปเรียนซัมเมอร์จนถึงเที่ยง แล้วไปฝึกงานต่อที่สุขุมวิท (ซึ่งโคตรไกลบ้านและมหาลัย) เลิกงานกลับถึงบ้านราวๆ 2 ทุ่ม แล้วนั่งปั่นงานเกมที่รับมาจากภายนอกอีก
(อย่าเพิ่งว่าว่าผมรับงานมาทำไมในเมื่อภารกิจรัดตัวขนาดนั้น งานนี้รับมานานแล้วครับ มันเป้นโปรเจคต์ใหญ่ที่ทำต่อเนื่องไป และผมขาดช่วงไปช่วงนึงตอนที่ส่งงานปลายภาค ก็เลยต้องทำต่อ ไม่งั้นบริษัทเค้าก็เสียหาย)
ใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้เดือนกว่า วันไหนงานเกมเคลียร์ได้พักหนึ่งก็มาอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน (ตั้งใจคว้า A แน่ๆ) ยอมรับว่าเหนือยมากๆ โชคดีมั้งที่เป้นคนปรับตัวง่าย ไม่นานก็ชินกับชีวิตรัดตัวแบบนี้
อ้อ...เพราะว่าลงเรียนซัมเมอร์นี่ล่ะครับ ทำให้ผมต้องยืดเวลาฝึกงานออกไปนานกว่าคนอื่นๆ (เค้ากหนดว่าต้องฝึก 200 ชั่วโมง ปกติเค้าทำกันวันละ 8 ผมทำวันละ 4 ก็ต้องเพิ่มเข้าไปอีกเกือบสองเท่า)
เพื่อที่จะพบว่า...สุดท้ายแล้ว เกรดผมก็ไม่ถึง (จริงๆผมคำนวณไว้แล้วล่ะว่ามันไม่ถึง แต่ยังหวังว่าเค้าอาจจะช่วยอนุโลมให้บ้าง)
ตอนที่รู้ข่าว ผมบอกไม่ถูกว่าเกิดอาการ "โล่งใจ" "หัวขาวโพลนไปหมด" "ตกใจ" หรืออะไรต่อมิอะไร จำได้แค่เพียงว่า พอวางโทรศัพท์ที่อาจารย์โทรมาบอกว่า "อาจารย์เอาเรื่องเข้าที่ประชุมแล้วนะ เค้าช่วยไม่ได้จริงๆ แต่เธอไม่ได้ทำธีสิสปีนี้" ผมตอบไปว่า "ไม่เป้นไรครับ ผมก็จะหาข้อมูลไปพร้อมเพื่อนๆแหละครับ"
======================
จริงๆผมไม่ค่อยตกใจนักหรอกครับ ยังไงก็เตรียมแผนการเผื่อไว้แล้ว กะว่าถ้าไม่ได้ทำจริงๆ ก็คงจะทำไปพร้อมๆเพื่อนนั่นแหละ (เพราะยังไงก็ไม่ต้องลงวิชาอะไรแล้ว) แล้วไปให้อาจารยืตรวจเป้นระยะ ปีหน้าจะได้ไม่ต้องลำบากมาก หรือถ้าทำไม่ได้จริงๆ ผมก็คงจะไปทุ่มให้กับงานเกมที่รับมานั่นแหละ (มันเป็นโปรจคต์ใหญ่ที่เรียกได้ว่าไม่เคยมีใครทำมาก่อนในวงการเกมไทยเลยก็ว่าได้ ถ้าสำเร็จ มันก็คุ้มค่าต่ออนาคตที่วาดไว้แหละครับ)
แต่มันก็รู้สึกหวิวๆ อยากจะร้องไห้ให้เหมือนคนอื่นๆเวลาเค้าเจอปัญหาชีวิต แต่มันก็ไม่ร้อง อยากจะฆ่าตัวตาย แต่ก็คิดว่ากูไม่ทำอะไรโง่ๆงั้นหรอกเฟ้ย ในใจคิดเพียงว่า ไม่เป้นไร คนเราย่อมเจอปัญหาชีวิตอยู่เสมอ นี่มันก็แค่เรื่องจิ๊บๆเท่านั้นแหละ
แต่ผมดันคิดไปคนเดียวนี่สิรึเปล่า? ถ้าคนอื่นรู้เข้า ถ้าคนในบ้านรู้เข้า กับคำถามที่ว่า ทำไมเรียนไม่จบซะที หรือ เรียนยังไงให้มันยำแย่ แล้วผมจะตอบเค้าว่าไง หรือผมควรจะหนีออกจากบ้าน ไม่กล้าสู้หน้าใครทั้งนั้น
หรือว่าผมควรจะหน้าด้าน ทำตามแผนที่วางไว้ต่อไปเลย ส่วนตัวผมไม่ได้คิดมากกับเรื่องเรียนจบไม่จบอยู่แล้วครับ ผมคิดว่าปริญญาสำหรับผมมันแค่ใบที่ทำให้ใช้ชีวิตสะดวกขึ้นนิดหน่อย ยังไงจบไปก็จะทำงานที่ตัวเองรัก (ที่ไม่ใช่งานถาปัด)อยู่แล้ว ผมแอบปรึกษาพี่สาว พี่สาวก็เข้าใจ และก็บอกด้วยว่าทำอย่างงี้แหละดีแล้ว อย่าไปสนใจระบบการศึกษาไทยเลย อย่างน้อยมีเป้าหมายในชีวิตก็ดีกว่าคนอื่นๆบางคนที่เรียนจบเกียรตินิยมแต่ไม่มีความสุขก็ดีแล้ว
แต่มันก็ยังคิดอยู่....แล้วกูจะลำบากมาทั้งเดืดอนเพื่ออะไร แทนที่กูจะฝึกงานให้เสร็จๆไป จะได้สบายๆ แทนที่จะได้ทำงานเกมให้สมบูรณ์ (ซึ่งที่ผ่านมาเพราะไอ้ตารางเวลาทั้งหมด งานเกมก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมาก) แล้วกูทำไปทำไม? แล้วอะไรต่อมิอะไร ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ มันวนอยู่ในหัว แล้วทำไมกูเรียนไม่จบตามเพื่อน? ผมซิ่วมาปีนึงก่อนหน้า แล้วเรียนถาปัด 5 ปี ก็ยังต้องเรียนซ้ำปี 6 แล้วก็ต่อไปปี 7 สรุปคือผมใช้เวลาเรียนมหาวิทยาลัยทั้งหมด 8 ปี! จบช้ากว่าเพื่อนถึง 4 ปี!
สับสนไปหมดแล้วครับ ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าการที่ผมไม่ร้องไห้แล้วมุ่งหน้าต่อไป มันเป้นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว? หรือผมต้องคว้านท้องตัวเองให้ใครๆรู้ว่า "ผมสำนึกผิด"
จากคุณ :
CARAGIO
- [
13 พ.ค. 51 01:56:22
]