ความคิดเห็นที่ 1 ตอบแบบทุบโต๊ะเรยนะคะ....ธรรมมะเข้าไม่ถึงค่ะ แฮ่!! จากคุณ : หมาของชินจัง - [ 23 พ.ค. 51 13:50:17 A:58.97.9.41 X: TicketID:175907 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะห้องนี้ปู้หญิงเยอะดีครับ แต่ไม่สวยซ้ากคนรวมทั้งแฟนป๋มด้วย จากคุณ : พ่ออ้ายแรค&ทายนี่ - [ 23 พ.ค. 51 13:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แค่ปกติไปวัด แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูวัด บุญที่ทำไปก็หมดแล้วค่ะ เดินออกจากวัด ก็ด่ากันไปพลาง (เวลาไปกับเพื่อนนะคะ) หลายๆ คนในห้องนี้ก็ไม่ได้อยู่ห้องจิตห้องเดียวนะ เราเองก็ไปตั้งหลายห้องไม่ว่าจะ blue planet โต๊แป้ง ห้องสมุด เหลิมไทย แต่ห้องศาสนา ก็มิเคยเฉียดกรายจริงแฮะ สงสัยแค่เอาเคอร์เซอร์ไปจ่อ มือก็ร้อนแร่ะ ทุบโต๊ะด้วยคนค่ะ ชาตินี้อิชั้นไม่ถึงนิพพานแน่ เข้าไม่ถึงจริงๆ ค่ะ จากคุณ : sneer - [ 23 พ.ค. 51 14:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบเหมือนทุกท่านค่ะ เข้าไม่ถึงธรรมะค่ะ จะบาปมั้ยเนี่ยะ? คือว่าอ่านหนังสือธรรมะเวลานอนไม่หลับอ่ะ แต่เหงาจะเข้าพันทิป อยากจะทุบโต๊ะด้วยคน แต่ว่า ^^^ ข้างบนทุบกันพังหมดแล้ว จากคุณ : บาปหนาปัญญาควาย (หนุกจังตังค์อยู่ครบ) - [ 23 พ.ค. 51 14:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 .....ธรรม เป็นเรื่องย่อยยากสำหรับคนทั่วไป..... .....การพูดปลอบใจหรือทางแก้ไขต่างๆ มันก็อิงธรรมเพียงแค่อธิบายในรูปภาษาที่เข้าใจง่าย มันน่าฟังและเข้าใจได้มากกว่า...... จากคุณ : คาซีโอเพย่า. - [ 23 พ.ค. 51 14:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 วิถีชีวิตปุถุชน เหมือน เรือสำเภาที่บรรทุกทองคำมาเต็มลำเรือ วิ่งไปสู่จุดหมาย เมื่อมีคลื่นใหญ่ หรือมรสุมชีวิตเข้ามาถาโถม จนเรือแทบจะล่ม ถามว่าทำไมคนส่วนใหญ่เลือกเข้าห้องสุขภาพจิต มากกว่าห้องศาสนา คงเพราะทุกคนทราบแน่แก่ใจ หรือ ไม่ก็สมมติเอาเองละมังครับว่า ห้องสุขภาพจิตจะให้วิธีพยุงเรือไม่ให้ล่มแก่เขา หรืออย่างน้อยก็ให้กำลังที่ จะทำให้เรื่อแล่นฝ่ามรสุมไปได้ โดยที่ยังสามารถมีทองคำบรรทุกอยู่เต็มลำเรือ เหมือนเดิม ในขณะที่ห้องศาสนา จะบอกให้ทุกคนรู้จักละทิ้งทองคำไปเสียบ้างเพื่อพยุง ไม่ให้เรือล่มทั้งลำ หรือ ทิ้งไปให้หมดเลยยิ่งดี เพื่อเป็นหนทางสู่นิพพาน ซึ่งมันขัดกับความรู้สึกของเรือสำเภาทุกลำ ที่ยังอยากแล่นต่อไปได้โดยเรือ ยังเต็มไปด้วยทองคอยู่อย่างนั้น ทองคำแห่งความสุขความทุกข์ของคนธรรมดา ที่ห้องศาสนาอาจเรียกมัน ว่า "กิเลส" แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 14:39:55 จากคุณ : FinalPath - [ 23 พ.ค. 51 14:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพราะห้องศาสนาตอบในหลักการที่เถียงไม่ได้ครับ เมื่อยกข้อกำหนดใดๆขึ้นมา ก็มักตรงจุด เสร็จแล้วก็ไปต่อไ่ม่ได้แล้ว แก้ปัญหาก็ไม่ได้ด้วย เพราะที่ตอบๆมาก็เรื่องจริงทั้งนั้น จากคุณ : Mr.DogGie - [ 23 พ.ค. 51 14:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพราะคำว่า "ศาสนา"   เป็นสิ่งที่คนทั่วไปยอมรับ นับถือ ให้ความเคารพ และพร้อมที่จะทำความดีจริงๆ แล้วอิชั้นเป็นคนธรรมดาที่จะทำสิ่งที่ดีและไม่ดีได้ตลอดเวลา ขออยู่แบบสบายๆห้องนี้ดีกว่า (- - " ) จากคุณ : หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท - [ 23 พ.ค. 51 14:40:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คำตอบของศาสดามาจากการรู้แจ้งเห็นจริง คำตอบของสาวกส่วนมากมาจากการคิดอ่ะครับ จากคุณ : ซีโร่ - [ 23 พ.ค. 51 14:41:17 A:64.178.96.109 X: TicketID:087715 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อะไรที่คุณคิดว่า การแนะนำเชิงปัญหาสุขภาพจิต ให้แก่เราได้ในขณะที่นักศาสนาให้ไม่ได้ ^ ^ ^ ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยค่ะ! ที่ไม่เข้าเพราะ ไม่เคยเข้า งงไหม? และที่สำคัญ เวลาที่มีปัญเรื่องด้าน "จิตใจ" เราเองก็คุย อะไรที่เป็นเชิงปรัชญาทางพุทธศาสนา กับเพื่อนๆ อยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว และคิดไปเองค่ะว่า ห้อง พุทธศาสนา เป็นห้องสอนหรือ อธิบาย พระธรรมคำสั่งสอน อันเป็นการหาความรู้ และเสริมสร้างสติปัญญาให้กับตัวเอง มากกว่าจะเป็นการ "คุยและระบายทุกข์หรือระบายความในใจ" เพื่อปลดปล่อยภาระทางจิตใจ ซึ่งก็เข้าใจค่ะ ว่าพระธรรมคำสั่งสอน แท้ที่จริงแล้ว คือ "ทางตรง" ที่เราจะปลดปล่อยภาระทางจิตใจให้กับเราได้ เพียงแต่ เรามันยังเป็นมนุษย์ ปุถุชนธรรมดา ที่ยังหลงใหล ในกิเลศ ตัณหา เลยขออยุ่สนุกสนาเฮฮาปาจิงโกะ กับ"ทางอ้อม" อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก่อนละกัน แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 14:46:20 จากคุณ : แพรเพลง - [ 23 พ.ค. 51 14:41:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 การบำบัดตนเองทำได้งายๆ ด้วยการมองทุกข์ของผู้อื่น ห้องจิตมีคนทุกข์เยอะ เข้ามาแล้ว รู้สึกดี๊ ดี ห้องศาสนา เข้าไปแล้วพบสุขง่ายๆ พบแล้วไม่มีไรให้หา เลยกลับมาทุกข์ดีก่า จากคุณ : offey - [ 23 พ.ค. 51 14:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สบายใจคนละอย่างกัน  ศาสนาต้องยึดตามหลัก จะเข้าใจไม่เข้าใจ มันก็คือหลักความจริง ส่วนสุขภาพจิต สามารถแต่งเติมตามความเข้าใจ ตามบุคลิกความนึกคิดของเรา จะปลอบ จะบอกในประสบการณ์ ก็ย่อมได้ เพราะมันเป็นการแลกเปลี่ยนกันในด้านความรู้สึก ไม่ใช่ ด้านความจริง คนเราอยากจะมีคนยอมรับ อยากมีคนรับฟัง และ ห้องสุขภาพจิต ก็ให้ที่เหล่านั้นสำหรับคนที่มีปัญหา  ส่วนศาสนาจะให้ความรู้และความจริง ความศรัทธา ความเชื่อ แต่ที่จะรับฟังมันน้อย  คนเราเลยมักหาที่ๆสบายใจมากกว่า จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 23 พ.ค. 51 14:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดิฉันเป็นผีอินเตอร์เน็ตค่ะ....กลัวพระ....กลัววัด....รวมทั้งกลัวห้องศาสนาด้วย ทุกวันนี้ดิฉันไม่มีตัวตนค่ะ....ความเห็นต่างๆที่ทุกคนได้อ่านกันนั้น....ดิฉันใช้เสกจิ้ม...เสกจิ้มค่ะ   จากคุณ : ลอยมาตอบ : ) (++ Little Miss Someone ++) - [ 23 พ.ค. 51 14:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คนห้องจิตมักไม่รู้เรื่องศาสนา คนห้องศาสนามักไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิต จากคุณ : Her Handwriting - [ 23 พ.ค. 51 14:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ห้องศาสนาไม่มีเหตุผล ถ้าจะมีเหตุผลก็แบบเหตุผลแบบอิงศาสนามันฟังไม่ขึ้นไม่เข้าท่าไงครับ อ่านแล้วเสียสุขภาพจิต (สำหรับผมเท่านั้น) ส่วนห้องนี้อ่านแล้วรู้ว่าคนอื่นมีสุขภาพจิตเป็นยังไงรู้สึกสนุกสนานมากกว่า จากคุณ : Jump.Jr - [ 23 พ.ค. 51 14:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เพราะยังไม่ลึกซึ้งถึงธรรมะอ่ะ รู้สึกว่ามันแลดูต้องสงบนิ่ง เยือกเย็น โอ้ว......ทำไม่ได้ แล้วก็ไม่เคยไปห้องนั้นด้วยอ่ะ มันรู้สึกไม่สบายใจเท่าห้องนี้ ไม่รู้สินะ ความรู้สึกที่สัมผัสได้มันแตกต่างกัน จากคุณ : เกิดจากความรัก - [ 23 พ.ค. 51 15:05:20 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เพราะผมไม่เคยเข้าห้องศาสนาเลยคับ :) จากคุณ : ผมแอบดูกระทู้คุณอยู่ - [ 23 พ.ค. 51 15:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เวลาใครทำให้เราโกรธ ถ้าไปถามห้องศาสนา เขาจะตอบว่า เพราะเราเคยทำกรรมเก่าเอาไว้ ดังนั้นให้ปลงเสียบ้าง ให้ทำใจ แต่ถ้ามาถามห้องสุขภาพจิต จะมีคนมาช่วยเราด่าไอ้หมอนั่น แถมด้วยวิธีล้างแค้นแบบสะใจสุดๆ จากคุณ : รักจิตข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง (แม่ขวัญข้าว) - [ 23 พ.ค. 51 15:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบแบบโง่ๆเลยนะอาจารย์ อิฮั้นอ่านภาษาของพวกห้องนั้นแล้วไม่เข้าใจอ่ะ แต่ละคนสำแดงภูมิปัญญา  ผ่านภาษาที่เข้าใจยาก(อิบอ๋าย) แถมอิฮั้นจะก็เกรียนไม่ได้  กวงติงไม่ได้  ตอบถั่วๆไม่ได้ อะไรๆก็ต้องทรงภูมิ---เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา  สาระมหาศาลตลอดเวลา เข้าแล้วร้อน  พอๆกะเข้าวัดเลย และคำตอบนี้------------------ คำตอบของศาสดามาจากการรู้แจ้งเห็นจริง คำตอบของสาวกส่วนมากมาจากการคิดอ่ะครับ จากคุณ : ซีโร่ - [ 23 พ.ค. 51 14:41:17 A:64.178.96.109 X: TicketID:087715 ] ---------------------------------- โคตะระจะโดนใจอิฮั้นเลย   มันช่ายยยยยยยยยยยยยย  เลย อิฮั้นศรัทธาศาสนา  แต่หมั่นไส้คนที่ชอบบรรยายธรรมมะแบบอัตตาคับจอค่ะ ---------------------------------- มีแต่ตาบอด  จูงตาบอด  บอกให้ตาบอด  ไปคลำช้าง  กันทั้งน้านนนนนน จากคุณ : KHIMM - [ 23 พ.ค. 51 15:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ห้องนี้ให้คำตอบที่ยืดหยุ่น และเข้าใจง่ายกว่าครับ เดี๋ยวนี้ไปวัดทีไรมีแต่คนมาเรี่ยไร ผมคนนึงละที่ไม่ชอบพุทธพาณิชย์เอาเสียเลย จากคุณ : palermos - [ 23 พ.ค. 51 15:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เพื่อนเราก็เคยบอกว่า.. เพิ่งรู้ เดี๋ยวนี้คนอกหักเค้าไม่เข้าวัด เค้าเข้าสวนลุมกัน จากคุณ : ratta - [ 23 พ.ค. 51 15:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 22 1. ไม่ชอบคนยกโน้นยกนี่ไม่ว่ามาจากศาสดาองค์ไหนแล้วมาเป็นบรรทัดฐานให้กับคนทั้งโลก 2. ไม่ชอบอะไรที่อ่านยากเข้าใจแค่คนบางคนเท่านั้น 3. ศีล 5 ข้อมีไรบ้างผมยังท่องผิดๆถูกๆเลย 4. ห้องโลกจิตสาวเยอะ ช่วยสร้างจิตนาการผ่านชื่อล็อคอิน 5. ห้องนี้คนขวางโลก ตอบเอาเท่ห์สาดดด ได้ฮาก๊ากกกกกกกกกก มากกว่าห้องศาสนา 6. เพราะห้องศาสนาไม่มีกระทู้ติดเรท จากคุณ : นายแมมมอส - [ 23 พ.ค. 51 15:21:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ห้องนี้อ่านแล้วยิ้มได้และสบายใจกว่าห้องศาสนาค่ะ จริงๆแล้วข้าวปั้นก็พอจะศึกษาเรื่องธรรมมะมาบ้างนะคะ (โดนจับกรอกหู) แต่การที่จะนำสิ่งที่เรา เข้าใจด้วยสมอง มาใช้แก้ปัญหา ที่เราเข้าใจด้วย ใจ เนี่ย มันยากเกินกว่าที่จะทำได้อ่ะคะ เลยขอแอบสิงอยู่ห้องนี้ต่อค่ะ แฮะๆๆ จากคุณ : ข้าวปั้นตัวอ้วนกลม - [ 23 พ.ค. 51 15:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณสำหรับคำตอบบนๆทุกๆคำตอบนะครับ เป็นคำตอบที่ดีจัง กับการเข้าใจด้วย ใจ หรือความรู้สึก ผมชอบที่คุณ FinalPath พูดเรื่องเรือสำเภาที่พยายามขนสินค้าไปให้ถึงฝั่ง เหมือนกับว่า บางทีในแง่มุมของคนธรรมดา สินค้าอันมีค่าจากแดนไกล ที่ต้องทะนุถนอม อาจจะเป็นของที่ควรทิ้ง เมื่อมองจากมุมมองอีกแบบก็ได้ บางทีอ่านแล้วก็สนุกแบบเดียวกับที่คุณแม่ขวัญข้าวบอกมาเหมือนกัน เหมือนได้เฮฮา แบบที่ห้องศาสนาให้เราไม่ได้ สำหรับผม ผมเข้าทั้งสองที่ ห้องนั้นผมเข้าไปเพื่อฟังแง่คิดบางอย่าง ที่พอจะเก็บมาคิดต่อได้ ส่วนห้องนี้ บางทีอ่านแล้วมันอบอุ่นดี ปนกับเรียกเสียงฮาได้มั้งครับ ห้องศาสนา ไม่ใช่จะไม่ได้อะไรดีๆซะเลยทีเดียว เพราะยังมีหลายๆคนในนั้น ที่เขาก็ให้แนวคิดกับคนที่เข้ามาได้ เพียงแต่ไม่ออกแนวเฮฮาเหมือนห้องจิตฯเราเท่านั้นเอง ยังรออ่านของท่านต่อๆไปอยู่นะครับ ^^ .. จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 23 พ.ค. 51 16:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณแมมมอสตอบไปแล้วค่ะ เพราะห้องศาสนาไม่มีกระทู้ติดเรท อิ อิ จากคุณ : ขนมปังปิ้งจิ้มนม - [ 23 พ.ค. 51 16:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อืม... เคยเข้าห้องศาสนาหนนึงไปตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองสับสน หลังจากนั้นก็ไม่กล้าเข้าอีกเลย กลัว แหะๆ จากคุณ : sorry about that - [ 23 พ.ค. 51 16:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มันแทนกันได้ที่ไหนล๊าาา ถ้าทุกปัญหาชีวิต ความผิดปรกติทางจิตใจ และอารมณ์ แก้ได้ด้วยธรรมมะ นี่ถือว่า ใกล้ละ ให้บำเพ็ญต่อไปคุณอาจเข้าถึงห้วงพระนิพพาน *0* ดิฉันเองก็เข้าวัดทำบุญ ไปบวชอยู่บ่อยๆ เรียนรู้พระธรรมบ้าง แต่จะให้มีสติ สมาธิปัญญา ถึงขนาดนำมาแก้ไขตัวเอง ในขณะที่ไม่อยากคิดอะไร หงุดหงิดอยากทำลายข้าวของ เบลอๆแล้วก็อยากจะตาย (คุณหมอบอกสารเคมีในสมองไม่สมดุล)นี่ก็ยากอยู่ค่ะ เข้าไม่ถึงธรรมขนาดนั้น (แต่ไม่เถียง บางคนอาจทำได้ ) แต่หลักธรรมที่เคยศึกษามาก็มีส่วนช่วยค่ะ ช่วยให้หลังจากที่เข้ารับการรักษาจากคุณหมอแล้ว ก็พอมีสติมาคิดทบทวนได้บ้าง ปล่อยวางได้ แล้วก็ถ้าไม่ใช่คนที่เคยเชื่อในบาป ก็คงฆ่าตัวตายไปเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : Degrade - [ 23 พ.ค. 51 17:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เพราะชอบห้องนี้มากกว่าไง ^0^ จากคุณ : หลงทางเป็นงานอดิเรก - [ 23 พ.ค. 51 17:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ห้องนั้นคนงี่เง่าเยอะ.... คิดอะไรที่แตกต่างกลายเป็นชั่วไปเรย ไปทีไรด่ากันทุกที ด่าจนโดนขังคุกเลย(พันทิปยึดลอคอินไปเดือนกว่าๆ) ไม่เข็ดหรอก แต่ไม่อยากไป หว้ากอยังหนุกกว่าอีก จากคุณ : Quenn - [ 23 พ.ค. 51 17:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่เคยเข้าไปที่นู่นอ่ะครับ ผมไม่มีศรัทธา อ่านไปก็คงไม่เข้าหัว... จากคุณ : eMiLe - [ 23 พ.ค. 51 18:01:30 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เพราะมันมีกระทู้ติดเรทมากกว่าห้องศาสนาอ่ะคะ จากคุณ : หวานใจนายโหด - [ 23 พ.ค. 51 18:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่เคยไปเลยค่ะ อยู่แต่ในห้องนี้ จากคุณ : ปิศาจสีชมพู (berkery74) - [ 23 พ.ค. 51 18:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มันอนิจจังเกินไปน่ะค่ะ อิชั้นยังไม่สามารถจริงๆ แล้วห้องศาสนา ณ บอร์ดนี้ บอกตรงๆว่าหลายครั้งที่เห็นขิงกับข่า อิชั้นเลยยิ่งนึกถึงการปล่อยวางไม่ออกเลยค่ะ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 23 พ.ค. 51 19:00:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ก็เวลามีปัญหา ห้องนี้มีกำลังใจให้ไง เชิ้บๆ จากคุณ : หน้าแง๊ว~* - [ 23 พ.ค. 51 19:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เอ่อ ช่วงหลังนี้เข้าห้องจิตน้อยกว่าเดิม(แต่ก็เข้า) เพราะส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องอกหักรักคุด ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้ (บอกไปก็คงจะไม่คลายสงสัย เพราะใจยังคงไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น) แรกๆก็ตอบบ่อย หลังๆรู้สึกเบื่อนิดหน่อยที่ต้องตอบแบบเดิมๆ อีกอย่างก็มีคนให้กำลังใจเยอะแระ ครั้นจะหาหลักธรรม(หลักความจริง) มาบอกให้ ทำใจ ก็คงไม่โดนใจใช่ไหมละ ยังเข้ามาทุกวันครับ จากคุณ : นายไวรัส - [ 23 พ.ค. 51 21:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เอาตรงๆใหมครับ ผมคิดว่าคนห้องศาสนา อยู่กับธรรมะ ทำเป็นอ้างธรรมะ แต่จริงๆไม่มีธรรมะในหัวใจครับ จากคุณ : joblovenuk - [ 23 พ.ค. 51 21:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เพราะผมใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริงครับ จากคุณ : อัศเจรีย์ - [ 23 พ.ค. 51 22:05:50 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่ได้เข้าไปห้องนั้นหลายปีแล้วครับ จำเหตุผลของตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมถึงไม่เข้าไปอีก จากคุณ : MuHN - [ 23 พ.ค. 51 22:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่รู้ซิ ก็เคยไม่เข้าห้องศาสนานี่ !!! ห้องนี่ก็เหมือนกัน เข้ามาแล้วมันก็ติด จะเลิกก็ยาก พยายามจะเลิกอยู่หลายที ก็ยังไม่ได้ บอกเหตุผลไม่ได้เหมือนกัน  เพราะส่วนมามาอ่านแล้วก็ตอบ แทบจะไม่มีปัญหามาตั้งกระทู้เลย  แต่กระทู้อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน กระทู้พวกนี้ ดิฉันมักจะข้ามไปนะคะ อ่านทีไรก็เดิมๆ เพียงแต่ตัวผู้ตั้งกระทู้เท่านั้นเอง จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน - [ 23 พ.ค. 51 23:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คำตอบอยุ่ที่ชื่อ... จริงๆแล้ว ศาสนาย่อมมองโลกในมุมของศาสนา โลกนั้นย่อมเป็นของคนที่เชื่อในศาสนา ไม่ใช่โลกที่เป็นตามจริง จากคุณ : atheist - [ 24 พ.ค. 51 05:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ส่วนตัว .. อาร์ตฯ ว่า ห้องศาสนาศัพท์ลึกซึ้งค่ะ บางทีอ่านแล้วไม่เข้าใจ ส่วนวัด นานๆ ที มีโอกาส ก็ไปค่ะ .. ไปไหว้พระ ถวายสังฆทาน หน่ะค่ะ แต่ที่เข้าห้องนี้ .. เพราะสนุกกับห้องนี้ คุยกันรู้เรื่อง ถูกคอมากกว่าอ่ะค่ะ จากคุณ : Art of Illusion - [ 24 พ.ค. 51 15:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ห้องศาสนา  เข้าแล้วเครียด เหมือนอยู่ในสงครามศาสนา เข้ามาอ่านกระทู้ติดเรท สวนลุมฯ ดีกั่ว หื่นได้ใจ กร๊ากกกก จากคุณ : Xomega - [ 24 พ.ค. 51 17:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คงคล้ายๆ การคุยกับเพื่อน  vs สนทนากับพระ คนเราคงเลือกที่จะแชร์ปัญหากับเพื่อนมากกว่าจะไปค้นหาหลักธรรมแห่งชีวิต ห้องนี้แฝงด้วยความทะลึ่งทะเล้น บ้าบอ เป็นกันเอง บรรยากาศแบบนี้มันง่ายกว่าที่จะคุยด้วยครับ จากคุณ : 1ktip - [ 24 พ.ค. 51 19:35:18 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เข้าห้องนี้แล้วรู้สึกสบายใจกว่า ห้องศาสนาดูเครียดๆยังไงไม่รู้ครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 24 พ.ค. 51 20:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่ชอบฟังพวกทฤษฎี อยากฟังจากความเปนจริงมากกว่า จากคุณ : คนหัวฟู - [ 24 พ.ค. 51 23:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เพราะห้องศาสนาใช้ยาแรงเกิน  หรือเป็นแนวหักดิบ  คนรับไม่ได้ ณ. ขณะนั้น     ต้องใช้เวลาปรับใจ  ศึกษาทำความเข้าใจก่อนถึงจะรับยานั้นได้   แต่ถ้าหายแล้วจะหายเลย แต่ห้องนี้ใช้ยาที่คนรับได้  แต่อาการอาจจะกลับมาเป็นใหม่ได้อีก อีกอย่างห้องนี้มีเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน อ่านแล้วได้ความรู้ดีเหมือนกัน   ประกอบกับสมัยนี้ เริ่มมีคนเพ่งเล็งคนทำความดี มีคำถาม ลังเลสงสัยกับคนทำความดี   เช่นสร้างภาพ  มือถือสากปากถือศีล   เลยฝ่อไม่กล้าแสดงตัวให้รู้ว่ากำลังพยายามทำดี คือถ้าแสดงตัวให้รู้ว่าดี  มันจะมีคำถามว่า ดีจริงเปล่า  ( มันก็มีเสียมั่งแหละ เพราะเป็นปุถุชนอยู่ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว  ก็มีมั่งที่พลั้งเผลอไปว่าอีกฝ่ายเข้าทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่บรรลุ )  มีความเสี่ยงเป็นเป้านิ่ง แต่ถ้าแสดงตัวให้รู้ว่าปกติ หรือร้ายๆ    มันก็จะไม่มีคำถามที่แสดงการคาดหวังตามมา  ปลอดภัยไม่ตกเป็นเป้านิ่ง แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 51 05:07:48 จากคุณ : ไทยเจริญ - [ 25 พ.ค. 51 04:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เพราะห้องศาสนาไม่มี กระทู้เรทค่ะ ^___^ จากคุณ : แซลมอนเทอริยากิ - [ 25 พ.ค. 51 09:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่เห็นจะเกี่ยวเลยอะ ศาสนาก็ส่วนศาสนาสิจ๊ะ มันเป็นความสนใจเฉพาะบุคคลมากกว่ามั้ย แล้วคนทั่วไปเวลามีความทุกข์คงเลือกจะระบายกับเพื่อนสนิท ก่อนที่จะไปนั่งวิปัสสนาอะ เห็นหัวข้อกระทู้แล้วงงมาก ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง ทดแทนกันได้ยังไง ห้องศาสนาไม่ได้มีไว้บำบัดทุกข์เหมือนที่บางคนไปวัดแล้วรู้สึกสบายใจ มันคนละเรื่องกันอย่างแรง จากคุณ : ZzIqka - [ 25 พ.ค. 51 15:38:10 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เพราะไม่เคยเข้าห้องศาสนา  เลยไม่รู้ว่าเค้าคุยอะไรกัน ไว้จะลองเข้าไปดู จากคุณ : วุ่นวุ่น - [ 25 พ.ค. 51 17:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่เคยเข้าค่ะ ไม่รู้เค้าคุยอะไรกันมั่ง แค่อ่านกระทู้สองสามห้องในนี้ก้หมดวันแล้ว จากคุณ : อินทวา - [ 26 พ.ค. 51 10:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ไม่เคยเข้าห้องศาสนาอะ -*- ไม่กล้าเข้า... จากคุณ : lonelytoto - [ 26 พ.ค. 51 12:55:45 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาแนวแปลกครับ  สงสัย ท่านจขกท. คงไม่ได้คำตอบที่แท้จริง จึงไปโพสต์ไว้ที่ห้องศาสนาด้วยกระมัง http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6657271/Y6657271.html#19     อันที่ จริง ผมเพิ่งเข้าห้อนนี้เป็นครั้งแรก และการทู้นี้เป็นกระทู้แรกเสียด้วย(ตามลิงค์มา) และก็เข้าใจทัศนะของหลายๆคนในห้องนี้ที่มีต่อศาสนาอยู่บ้าง ( ตอนเเรก เข้าใจว่า ห้องลุมพีนีเป็นห้องสำหรับนักมวยเสียอีก 555) ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่า ผมเป็นคนจากห้องศาสนา หากแต่เป็นคนที่ได้ศึกษาธรรมะอยู่บ้างพอควร และไม่ได้ศึกษาธรรมะในห้องศาสนา แต่ศึกษาจากข้างนอก แต่ห้องศาสนาเป็นเพียง เหตุปัจจัย และเป็นทางผ่าน และแสดงความคิดเห็นเท่านั้น   มีอีกหลายๆเรื่องมากมายในจักรวาลที่เราไม่รู้ และอย่าคิดว่าเรารู้หรือฉลาดไปเสียทุกเรื่อง จนกลายเป็นการยกตนข่มท่านไป  ทุกคนในที่นี้ ส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมที่จะศึกษาถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา หรือ ศาสนาอื่นๆ ซึ่ง ก็พอเข้าใจอยู่บ้างเพราะเทคโนโลยีและวิวัฒนาการในปัจจุบันทำให้คนเรามองโลกเปลี่ยนไป มีทัศนคติเปลี่ยนไป มีวัฒนธรรมเปลี่ยนไป แต่อย่างไรก็แล้วแต่ การดำรงชีวิตด้วยความสุข ไม่ทำความเดือดร้อนแก่ใครก็เพียงพอแล้ว   แต่บางคนต้องการมากกว่านั้น ต้องการร่ำรวย มีชื่อเสียง มีฐานะ มีเงินทอง มีคู่ครองที่ดี มีชีวิตที่มีความสุข และหลายๆคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าชีวิตนี้ไม่ได้มีสุขอย่างเดียว มีทั้งสุขและทุกข์ควบคู่กัน แต่ก็สามารถประคับประคองให้ชีวิตเดินไปได้อย่างมีความสุข และทุกข์น้อย ปัจจุบัน เราเรียกว่า การพัฒนาสุขภาพจิต   เพราะในปัจจุบัน ภาวะความเครียดเนื่องจากปัจจัยภายนอกเพิ่มมากขึ้น คนเราจึงหาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวแก่ตน เช่น อ่านหนังสือธรรมะบ้าง ปรัชญาบ้าง เพื่อลดความเครียด หรือไปพบจิตแพทย์ หรือบ้างก็บอกว่าออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยในการแต่งแต้มสีสรรในชีวิต ให้เราได้คิดตระหนักว่าเรายังคงพบความสุขได้รอบกายทั่วๆไป    การที่เราไปยึดติดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมกมุ่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนเกินไป ก็ทำให้เราเครียดได้   หาอะไรทำบ้าง ฟังเพลงบ้าง  สนทนาบ้าง  ฟังเรื่องขำขันบ้าง แค่นี้ก็พอประทังความทุกข์ในวันๆไปได้          แต่พอเราอายุมากขึ้น เห็นสิ่งต่างๆมากขึ้น เห็นความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เมื่อนั้นเราจะเริ่มเห็นความเป็นอนิจจัง นั่นคือ ไม่เที่ยง มีแต่กระแสเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อันนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่วังวนของศาสนา    พอเราเจ็บป่วย เราสูญเสียพลัดพรากจากคนอันเป็นที่รัก มากขึ้น เราจะเริ่มตระหนักแล้วว่า ทุกสิ่งนั้นเป็น อนัตตา คือ สิ่งทั้งปวงไม่ใช่ของๆเรา ไม่มีอะไรเป็นของเรามาแต่แรกแม้แต่ทรัพย์สินเงินทองหรือเกียรติยศ นั่นคือ เราเริ่มรู้ว่า เราแก่เกินไปเสียแล้ว เป็นเรื่องของคนหนุ่ม เราแก่เกินที่จะแบกรับเกียรติ หรือเสาะเเสวงหาความสุขด้วยทัพย์ เมื่อนั้น เราจะเริ่มเข้าใจโลกมากขึ้น ซึ่งก็ตรงกับ หลักธรรมในพุทธศาสนา       หลังจากนี้ เราจะเริ่มรู้จักความทุกข์ ทุกข์เพราะสังขาร สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแก่เราอยู่ตลอดเวลา เราต้องรู้จักเรียนรู้มัน การที่เราตั้งอยู่ในความเป็นคนดีมีศีลธรรม ทำให้เราเหมือนมีชีวิตอยู่แบบมีกำไร  กำไรมิใช่การประสบผลสำเร็จ แต่เป็นการที่เราทำอะไรเพื่อคนอื่น สิ่งเหล่านี้เป็นนามธรรม เมื่อใดที่เราเริ่มรู้และตระหนัก เราจะรู้ว่าทุกสรรพสิ่งเป็นรูปธรรมได้             -  เอาเป็นว่า การที่ตั้งอยู่ในคุณความดี ย่อมทำให้เราปลอดภัยทั้งปัจจุบันและเบื้องหน้า  แม้ตอนนี้เราอาจยังไม่สนใจธรรมก็ไม่เป็นไร เพียงแค่เราเป็นคนดีเสียอย่าง ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เบียดเบียนผู้อื่น แค่นี้ก็ไม่มีใครว่าเรา ใจบาปหยาบช้าได้ การที่เราเป็นคนที่มีวาจาไพเราะ ไม่นินทาว่าร้าย ไม่โป้ปดมดเท็จจนเกินงาม เท่านี้ใครก็อยากคบค้าสมาคมด้วย การที่เรารักษาตน ทำอาชีพสุจริต ไม่ลักขโมยของๆใคร เท่านี้ ก็ไม่มีใครมาว่าเราสันดารโจร  เพียงเเค่เราครองตนได้ เท่านี้ก็ได้ชื่อว่าได้ประพฤติตามหลักธรรมของพระศาสนา โดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าโบสถ์ บริจาคทาน ไหว้พระสวดมนต์ หรือทำอะไรที่มันดูเคร่งจนเกินไป เราก็มีชีวิตอยู่ได้ แต่เมื่อใดที่มีความทุกข์   ทุกข์ที่แม้แต่จิตแพทย์ก็ช่วยไม่ได้ ลองเอาเวลามาปฏิบัติธรรมบ้าง สละเวานิดนึง แล้วท่านจะเห็นโลกมากขึ้น ตัวตนมากขึ้น ศาสนาไม่มีโทษ เหมือนยาเสพติด หรือ อินเตอร์เน็ต   ตั้งแต่เกิดมายังไม่เห็นใครว่า พระพุทธศาสนาเป็นโทษ ที่เราเห็นปานนั้น เพราะเรามัวแต่ไปยึดเอา คนที่ไม่ประพฤติธรรมตามสมควรมาเป็นแบบ ทำให้บางคนเลิกนับถือศาสนาไปเลยก็ดี   ครั้งนี้ผมมาชี้เเจงว่าศาสนานั้น สอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันเราทุกหนทุกแห่ง        ถ้าเราจับจุดได้ เราจะเริ่มรู้ว่า อะไรคือศาสนา ศาสนาสอนอะไร แต่ไม่ได้มาเชิญชวนใครมาเข้าห้องศาสนา นะ +++++++++สุดท้ายจริงๆ นะ++++ แม้ว่าเราจะรู้ตัวว่า .." ฉันเนี่ยนะ ก็ไม่ได้เป็นคนดีเท่าไหร่นักหรอก ก็มีเลวบ้าง  แต่ขอให้เราตระหนักว่า อย่างน้อย เราก็ยังมีด้านดี มากกว่า  ด้านเลว                                                       เจริญธรรม..สุขภาพจิตดี/แจ่มใส แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 51 15:59:03 จากคุณ : Cho_shang - [ 31 พ.ค. 51 15:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอเดาว่า คงไม่มีใครในสวนลุม อ่านของคุณ Cho_shang ได้จบ เพราะถ้ามา ตอบแบบห้องศาสนาล่ะก้อ เป็นอิฉัน ก้ออ่านได้แค่ 4-5 บรรทัดเท่านั้นแหละ ค่า 555 อย่าโกรธนะคะ สำหรับดิฉันแล้วคิดว่าเข้าใจความหมายของ จขกท นะ แต่ดิฉันว่า มันเทียบกันไม่ได้ ระหว่างทางเลือก 2 ทางนี้ ค่ะ มันเหมือนกับคำ ถามที่ว่า ทำไมคุณจึงเลือกดื่มน้ำร้อน หรือน้ำเย็นในชีวิตประจำวัน (ไม่ใช่ เฉพาะตอนป่วย) บางคนก้อสามารถบอกได้ว่า เพื่อสุขภาพที่ดี เลือกน้ำร้อน อีกคนก้อจะบอกว่า ดื่มน้ำเย็นก้อไม่ได้ป่าว นี่นา ฉะนั้นข้อสรุปของทางเลือก นี้ คือ ความชอบเท่านั้นเอง คนที่นี่ ชอบที่จะ "รับรู้" สิ่งที่อยู่ภายในของคนอื่น และแบ่งปันสิ่งที่อยู่ภายใน ให้ผู้อื่น ตามความสนใจ คนที่นั่น ชอบที่จะ "เสนอ" สิ่งที่อยู่ภายใน ให้กับผู้อื่น โดยบางครั้งดิฉันยัง สงสัยว่า พวกเขา "รับรู้" สิ่งที่อยู่ภายในของคนอื่นบ้างมั้ย ? (เพราะเราได้ยินเสมอๆ ว่า ธรรม เกิดขึ้นจากภายใน ฉนั้น ถ้าคุณไม่ได้เสนอ สิ่งที่อยู่ภายในให้คนอื่นแล้วล่ะก้อ แปลว่าคุณเอาอัตตามาเสนอทั้งนั้นแหละ ค่ะ แต่ถ้าใครคิดต่างกัน ก้ออภัยด้วย) แต่ก้อนั่นแหละ จิตวิทยา "น่าจะ" มีเป้าหมายอยู่ที่ ทำความเข้าใจระหว่าง บุคคล ส่วน ศาสนา "น่าจะ" มีเป้าหมายอยู่ที่การไม่มีตัวตน บุคคล เรา เขา จึงทำให้ลักษณะการตอบข้อความของ 2 ที่นี้ ต่างกัน (ที่บอกว่าน่าจะ เพราะดิฉันมั่วเอาค่ะ แฮ่) แต่ก้อเหมือนกันแหละค่ะ ดิฉันว่า "ที่นี่" ก้อให้ได้แค่ แนวทางการทำใจ หรือ ปฏิบัติตัวเมื่อเกิดปัญหา "ที่นั่น" ก้อให้ได้แค่ แนวทางการ "หลุดพ้นจาก ปัญหาทั้งปวง แต่โดยท้ายที่สุดแล้ว ตัวผู้มีปัญหา ต้องแก้ไข และปฏิบัติตน ด้วยตัวเอง ไม่มีใครทำอะไรให้ใครได้หรอกค่ะ เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นนี่หรือ ที่นั่น อย่างดิฉัน บอกได้เลยว่า อ่านห้อง ศาสนา มากกว่า แต่ก้อตัดสินใจตอบที่นี่ ดีกว่า เพราะแนวคิดของผู้คนทั้ง 2 ห้อง มองดูแล้ว มาตอบที่นี่ น่าจะ ปลอดภัยกว่า 5555 ป.ล. ดิฉันยังคิดๆ อยู่ว่า จะมีใครนอกจาก จขกท อ่านข้อความของดิฉันจบ หรือไม่ เหอเหอ จากคุณ : ปกติอ่านเฉยๆ - [ 31 พ.ค. 51 20:04:09 A:58.9.62.10 X: TicketID:147539 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ยังไม่อยาก เสวยวิมุตติสุข เข้าห้องนี้ ก็ยังเบิกบานดี สุข ๆ ทุกข์ ๆ ตอนนี้ ... ยังทนอยู่ได้ จากคุณ : HI Golfer - [ 1 มิ.ย. 51 12:09:24 ]

ความคิดเห็นที่ 55 #53 อ่านอยู่ครับ เป็นข้อคิดเห็นที่ดีทีเดียว จากคุณ : แวะกลับมาอ่าน.. (DigiTaL-KRASH!!!) - [ 1 มิ.ย. 51 17:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 56 555 เรียน คุณ คห. 53   ผมเองก็คิดเห็นว่า คงยากที่จะมีคนอ่านคห. ของผมจบเช่นกัน   อันที่จริง ผมก็ทำย่อหน้าเอาไว้ เผื่อว่า ใครขี้เกียจอ่านยาวๆ ก็อ่านบางย่อหน้าก็ได้ ดังนั้น สำหรับหลายๆท่าน ที่ขี้เกียจเข้าไปอ่าน Rep. บน ก็เลยทำสรุปย่อๆ ไว้ดังนี้  "  ศาสนาตอบโจทย์เราได้ดีหรือไม่ อันที่จริง เราจับประเด็นของศาสนาผิดไป คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า จุดมุ่งหมายของพุทธศาสนา คือสอนให้เราละอัตตา ซึ่งก็ถูก แต่นั่นเป็นแก่นแท้ของพุทธศาสนา แต่ในความเป็นจริง เราสามารถเลือกใช้ได้ เลือกเอาธรรมบางข้อ เช่น พรหมวิหาร 4 อิทธิบาท 4 ฯลฯ มาใช้ให้เหมาะกับตัวเรา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการละอัตตาเลย คนมีหลายประเภท พระบรมศาสดาก็ทรงเทศนาสั่งสอนคนหลายๆประเภทด้วยธรรมที่แตกต่างกัน "   ดังนั้น เพียงแค่เราดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และเป็นประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่น ก็เพียงพอสำหรับการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี คือทำความดีละเว้นชั่ว     หรือ.. ใครจะบอกว่า ฉันก็มีส่วนไม่ดีบ้าง แต่ก็ขอให้ทำส่วนดีมากกว่าส่วนไม่ดีก็แล้วกัน สุดท้าย แก่นแท้ของทุกๆศาสนา คือ สอนให้อยู่ร่วมกัน เกื้อกูลกัน เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ซึ่งหากทุกคนทำได้จริง สังคมย่อมมีวันเจริญถ่ายเดียว     ธรรมใดเป็นโทษ ย่อมรู้ว่ามีโทษ เราย่อมบำเพ็ญเพียรเพื่อละธรรมนั้น   ธรรมใดเป็นประโยชน์ ย่อมรู้ว่าเป็นประโยชน์ เราย่อมบำเพ็ญเพียรธรรมให้เจริญ การเราศึกษาธรรม เพื่อให้เราทราบว่า ธรรมใดมีโทษ ธรรมใดเป็นประโยชน์ เราจึงน้อมประพฤติไปในธรรมที่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษ  ดีกว่าการดำรงอยู่โดยไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์สิ่งใดเป็นโทษ นี้คือประโยชน์ของพระศาสนาอย่างแท้จริง     ส่วนปัญหาเรื่องสุขภาพจิต ก็ต้องปรึกษาจิตแพทย์ ศาสนามีส่วนช่วยในการป้องกัน มิใช่แก้ไข ต้องรักษาให้ถูกโรคด้วย  / เจริญธรรมจิตแจ่มใส จากคุณ : Cho_shang - [ 2 มิ.ย. 51 10:14:38 ]