ความคิดเห็นที่ 12
เพือนๆทุกท่านตอบมาดีครบถ้วนถูกต้องแล้วครับ นี่คือกระทู้ตัวอย่างที่ดีมากว่า คนไทยส่วนใหญ่แล้วขาดความรู้เรื่องกฎหมายการเงินอย่างรุนแรง! (รวมทั้งผมด้วย โง่ซะขนาด)
ผมจึงขอเสริมเรื่องการขึ้นศาลดังนี้ครับ
1. คดีเกี่ยวกับเงินทอง เป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา ไม่ติดคุก แต่ชดใช้ค่าเสียหาย
2. เมื่อถูกหมายเรียก ให้คุณจขกท.ดูวันนัดที่ศาล แล้วไปตามนัด ห้ามขาด เพราะการที่ลูกหนี้ไม่ไปศาล จะกลัว จะลืม จะติดธุระก็แล้วแต่ เท่ากับเราตัดสิทธิ์ในการต่อสู้คดี ถ้าศาลท่านพิจารณาคดีเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายที่มาศาล(จะโจทย์จำเลยก็แล้วแต่) ใครลาป่วยก็แพ้เปรียบไป
ถึงวันนัด ถ้าพอหาทนายได้ ให้หาไปด้วย เพราะจะช่วยเราเจรจาต่อรองเรื่องการผ่อนชำระ และช่วยดู "สัญญาประนีประนอมยอมความหน้าศาล" ได้ดีกว่าเรา ถ้าหาไม่ได้ ถึงวันนัด แจ้งต่อศาลท่านว่าไม่มีทนาย ศาลจะหาทนายให้ คุณจขกท.ก็ให้เขาช่วย 2 เรื่องที่ว่าน่ะแหละ และอย่าฝากชีวิตไว้ในมือทนาย ใหติดตามเรื่องของเราทุกเม็ด อย่าเพิกเฉย
3. ระหว่างนี้ พิจารณาเลยว่าเมื่อขึ้นศาลแล้วคุณผ่อนชำระได้เดือนละเท่าไหร่ ตามหลักการชำระหนี้ที่สบายๆแล้ว คือสัดส่วนหนี้ต้อง 1/3ของรายได้ ถ้าคุณมีเงินเดือน 10,000 คุณต้องจ่ายหนี้สินไม่เกิน 3,000 ถ้าหากรายได้เหลือ 7,000 ไม่พอใช้ หน้าที่คุณคือต้อง"แถลงต่อศาล = ชี้แจงให้ศาลท่านฟัง" ว่าคุณมีรายจ่ายอย่างนี้ๆ ขอผ่อนชำระเหลือเดือนละ 1000 ได้ไหม เอาหลักฐานเอกสารเรื่องค่้าใช้จ่ายต่างๆไปศาลด้วยนะครับ เพราะหลักการแล้ว ศาลท่านไม่รับฟัง"คำพูดปากเปล่า" ศาลจะพิจารณาเฉพาะหลักฐานในมือเท่านั้น
4. การขึ้นศาลคุณต้องเจอดอกเบี้ยแน่นอน ท่วมเงินต้นแล้ว ดอกเบี้ยปรับการผิดนัดตามกม.คิดได้แค่ 15%ต่อปี เอาเงินต้น x 15% x จำนวนเดือนหรือปีที่คุณค้าง จะ= ยอดรวมที่คุณต้องจ่าย ยอดนี้สามารถลดได้อีกเยอะมาก ไม่ต้องกลัวเลยครับ ขอให้คุณไปต่อรองที่ศาลเอาว่า "รับสพภาพหนี้"ไหวที่เท่าไหร่
5. เมื่อต่อรองตกลงกันได้ทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว จะมีการทำ"สัญญายอมหน้าศาล" ตรงนี้แหละครับ เครียด เพราะคุณต้องทำตามนั้น ห้ามผิดนัดอีก เพราะเจ้าหนี้จะยึดทรัพย์คุณได้ทันที (เขาจะเขียนไว้ในสัญญายอม)
ดังนั้นต่อรองดีๆครับ พิจารณาจากรายได้ของเราที่ส่งไหวครบทุกงวดแน่ๆ ถ้าไม่ไหว ให้ลดค่างวดลงมาอีกเรื่อยๆจนกว่าคุณจะชัวร์
6. ข้อดีของเงินกู้ยืมการศึกษาคือไม่มีดอกเบี้ยมหาประลัยมาท่วมเงินต้น อย่างมากก็คิดได้แค่ 15% ซึ่งลดลงไดกว่า้ครึ่งๆเลยครับ แต่ข้อเสียคือ "เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นคดีที่ไม่มีอายุความ"ครับ ดังนั้น ถ้าคุณไม่ปิดหนี้ ก็อย่าหวังว่าจะหลุดได้ บัตรเครดิต อายุความในการส่งฟ้องคือ 2 ปี สินเชื่อบุคคล 5 ปี สินเชื่ออื่นๆ 10 ปี พอขึ้นศาลแล้วอายุความจะ 10 ปีในการบังคับคดี พ้นอายุความไปก็หลุดหนี้กัน แต่เงินกู้การศึกษา ไร้อายุความครับ ดังนั้น ใช้หนี้เถอะครับ ในแบบที่คุณพอใจและส่งไหว
ไฟ้ติ้งงงงงงงง!
จากคุณ :
ผึ้งน้อยพเนจร
- [
15 ก.ค. 51 16:56:32
]
|
|
|