มีเพื่อนๆหลายท่านต้องการให้น้ำหนักลดเร็วๆ โดยลืมเรื่องกายออกกำลังกายและลืมหลักของความเป็นจริงที่ว่า น้ำหนักที่เหมาะสมควรลดไม่เกินสัปดาห์ละ 1กิโลกรัม หรือบางคน "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" คือ ทั้งๆที่รู้ทุกอย่าง แต่เรื่องอยากลดให้ได้เยอะๆและเร็วๆ มาครอบงำจนทำให้ลืมเรื่องอื่นๆโดยสิ้นเชิง
วันก่อนได้เข้าไปอ่านเจอในเว็บของนักเพาะกาย เห้นบทความนี้มีประโยชน์เลยเอามาฝากกันค่ะ
บทความนี้เน้นที่คุณต้องเสริมสร้างกล้ามเนื้อก่อน หรือพร้มๆกันไปกับการลดน้ำหนัก ไม่ไช่ลดก่อนแล้วจะมาเล่นเวทเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อภายหลัง มันไม่ไช่สิ่งที่ถูกต้อง และสิ่งที่จะตามมาก็อย่างที่เห็นในรูปนี้แหละค่ะ
คำถาม... ผมกำลังพยายามลดความอ้วน แต่ทำไมพี่แนะนำให้ทานอาหาร และอาหารเสริมอีก ไม่ยิ่งทำให้ตัวใหญ่เข้าไปอีกหรือครับ ผมไม่เคยได้ยินคำแนะนำแบบนี้ แล้วถ้าได้ผลจริง ทำไมสถาบันลดความอ้วนไม่เอาวิธีของพี่ไปใช้ล่ะครับ
คำตอบ... สำหรับคำตอบนี้ผมจะแยกเป็นส่วนๆดังนี้นะครับ
การลดความอ้วนมีอยู่หลายวิธี ซึ่งแล้วแต่ใครจะสรรหาทำกัน อยากสวย อยากผอมจนลืมเรื่องตาย ตัวอย่างที่จะขอยกนี้มีอยู๋ 3 แบบ
แบบที่ 1 คือหักดิบไปเลย คืออดอาหารให้ถึงที่สุด โดยคิดถึงภาพคนที่อดอาหารตายในประเทศเอธิโอเปีย อันนี้ก็เป็นหลักธรรมชาติอยู่แล้วว่า เมื่อไม่ได้อาหารเข้าไป มันก็ต้องแห้งตายเป็นธรรมดา
แบบที่ 2 ลดอาหาร (ไม่ถึงกับอด) แล้วทำแอโรบิคอย่างหนัก แต่แทบไม่ได้เล่นกล้ามเลย
เพื่อนสมาชิกท่านนี้ใช้แบบที่สอง (ขออนุญาตนำรูปมาลงเพื่อเป็นวิทยาทานนะครับ แต่ตามจดหมายที่เขียนมาหาผม น้องเขาก็เอารูปตัวเองโพสไว้ที่ตามเวบบอร์ดที่ต่างๆอยู่แล้ว) โดยการวิ่ง และปั่นจักรยานถึงวันละ 2 - 3 ชั่วโมง ถ้ามองในแง่การลดน้ำหนักแล้วถือว่าได้ผล เพราะลดจาก 100 กว่ากิโล ลงเหลือ 80 กว่ากิโลได้ในปีเดียว
แต่เมื่อมองภาพรวมแล้ว เห็นว่าเป็นปัญหาทันที เพราะเกิดช่องว่างระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ (ตรงที่เคยเป็นที่อยู่ของไขมันมาก่อน แล้วไขมันถูกละลายไป) ทำให้ผิวหนังย้วยลงมา ซึ่งแก้ปัญหาได้ด้วยการผ่าตัดผิวบางส่วนออก ในลักษณะทำศัลยกรรมได้อย่างเดียว
ปัญหาเกิดเพราะตั้งต้นผิดแต่แรกว่าจะลดน้ำหนักก่อนแล้วสร้างกล้ามเนื้อทีหลัง ซึ่งความจริง คุณจะต้องเน้นเรื่องการสร้างกล้ามเนื้อเรื่องเดียวเลยตั้งแต่แรก
แล้วเรื่องลดน้ำหนักมันจะเป็นของแถมให้คุณ เพราะน้ำหนักที่คุณแบกอยู่มันเป็นน้ำหนักของไขมันทั้งนั้น ซึ่งสามารถเอามาแปลงเป็นพลังงานในการเล่นกล้ามได้ และเมื่อใช้ไปเรื่อยๆมันก็ลดลง เป็นไปตามกฎธรรมชาติครับ
แบบที่ 3 ก็คือรูปแบบที่ชักนำคุณให้เข้ามาในเวบนี้ไงครับ ก็คือการเล่นกล้ามเพียวๆเลย ถ้ามีแรงเหลือในแต่ละวันก็อาจจะเพิ่มการวิ่งหรือปั่นจักรยานเข้าไปครั้งละ 5 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้งก็พอ
*เหตุที่เล่นกล้ามแล้วลดความอ้วนได้ก็เพราะ
เมื่อเราสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา กล้ามเนื้อนั้น จะทำหน้าที่เผาผลาญไขมันในร่างกายเราอยู่ตลอดเวลาทั้งวัน สังเกตได้จากคนที่เล่นกล้ามจะเป็นคนแอคทีฟ คือมีพลังงานตลอด ในขณะที่คนอ้วนจะเนือยๆเฉื่อยๆเพราะระดับการเผาผลาญอาหารอยู่ในระดับต่ำ (ยกเว้นคนอ้วนที่แอคทีฟบางคน เพราะมีไขมันไปอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ทำให้รู้สึกอึดอัดตลอดเวลาและขี้หงุดหงิด) แต่การลดไขมันในรูปแบบที่ 3 นี้
**ไม่สามารถวัดได้ด้วยการชั่งน้ำหนัก หมายความว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน พอเรามาชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่ามันคงที่เท่ากับก่อนเล่นกล้ามเลย ถ้าไม่รู้ข้อเท็จจริงก็จะทำให้เราเสียขวัญนึกว่าเสียเวลาเปล่า**
แต่ความจริง **ไขมันกำลังถูกละลายออกไป และกล้ามเนื้อก็กำลังถูกสร้างขึ้นสวนทางกัน น้ำหนักที่ออกมาจึงเป็นน้ำหนักของกล้ามเนื้อที่สร้างขึ้นด้วยส่วนหนึ่ง ไม่ใช่น้ำหนักไขมันที่เราเคยชั่งเมื่อตอนก่อนเล่นกล้าม**
ตอนนี้ผมตอบคำถามของคุณในส่วนแรกไปแล้ว คือคำว่า "กำลังลดความอ้วน" ของคุณในที่นี้ ก็คือ การลดความอ้วนด้วยการเล่นกล้ามนั่นเอง (คุณถึงได้มาอ่านเวบนี้)
ต่อจากนั้น ผมจะตอบคำถามในส่วนที่สองว่า
"ทำไมถึงให้ทานตามปกติแล้วยังมีการทานอาหารเสริมอีก"
คำตอบในส่วนนี้ก็คือ คุณตั้งโจทย์ให้ตัวเองไว้แล้วว่า คุณจะเล่นกล้าม (เพื่อลดความอ้วนไปด้วย) ดังนั้นก็ต้องตอบคำถามให้ตรงว่าทำอย่างไรจะเล่นกล้ามให้ได้ผล ไม่ใช่ทำอย่างไรจะลดน้ำหนักให้ได้ผล คำตอบของการเล่นกล้ามให้ได้ผลก็คือ
**คุณต้องทานอาหารให้เป็นปกติ ให้เพียงพอต่อความต้องการ เพราะคุณจะต้องมีแหล่งพลังงานในตัวก่อน เพื่อพร้อมสำหรับการเล่นกล้าม ถ้ามัวแต่อดอาหาร คุณก็จะขาดน้ำตาลในเลือด แล้วจะเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาเล่นกล้าม**
เมื่อมีแรงเล่นกล้ามแล้ว คุณควรใช้อาหารเสริมโปรตีนช่วยด้วย เพราะคุณต้องการโปรตีนมากกว่าคนปกติ แต่หากคุณแน่ใจแล้วว่าอาหารที่คุณทานอยู่มีโปรตีนมากพอแล้ว
(ถ้าคุณทานเนื้อสัตว์ขนาดกว้างยาวหนาเท่ากับ 1 ฝ่ามือตัวเองทุกวัน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้)
และอาหารเสริมนี้คือสิ่งที่จะสร้างกล้ามเนื้อให้คุณ เพื่อที่ว่า เมื่อเรามีกล้ามเนื้อมากขึ้น มันก็จะเผาผลาญไขมันได้ทั้งวันตามที่ผมพูดไปแต่แรก ไม่ใช่เข้าไปทำให้ไขมันคุณมากขึ้น
ผมตอบคำถามในส่วนที่สองไปแล้ว ตอนนี้มาถึงส่วนที่สามคือ
"ไม่ทำให้ตัวใหญ่ขึ้นไปอีกหรือ?" ขอตอบว่า
การที่คุณจะตัวใหญ่ขึ้นไปอีกนั้น คุณจะต้องผ่านขั้นตอนการลดไขมันและสร้างกล้ามเนื้อไปก่อน
**เพราะระหว่างที่คุณสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันไปพร้อมๆกันนั้น ดูภายนอกแล้วร่างกายคุณจะยังไม่ใหญ่ขึ้น เพราะยังถูกชั้นไขมันคลุมอยู่ แต่ดูข้างในแล้ว กล้ามเนื้อคุณเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว รอเวลาให้ชั้นไขมันบางลงอีกนิด มันก็จะเห็นกล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นชัด จนดูเหมือนมันโตพรวดพราดเลยทีเดียว แต่ความจริงมันค่อยๆโตภายใต้ผิวหนังที่มีไขมันของคุณมานานแล้ว**
จวบจนคนอื่นดูรู้แล้วล่ะว่าคุณมีกล้ามขึ้นแล้ว ตอนนั้นแหละคุณค่อยมาพะวงกับคำว่า "ไม่ทำให้ตัวใหญ่ขึ้นไปอีกหรือ?"
อันนี้ขอตอบล่วงหน้าไปถึงวันนั้นเลยว่าพวกนักเพาะกายที่เราเห็นใหญ่ๆนั้น เขาไม่ได้ทานอาหารปกติเหมือนเรา เขาทานกันแบบ "สุดขั้ว" (Hard core) เกินกว่าที่คุณจะจินตนาการถึง ดังนั้น ถ้าเราทานอาหารปกติ เพื่อให้มีพลังในการเล่นกล้าม (ใช้อาหารเสริมช่วยด้วย เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อ) และเล่นกล้ามไปเรื่อยๆแล้ว คุณก็จะประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่สำคัญคุณจะต้อง "ศรัทธา" ตัวเองก่อนว่า คุณสามารถทำได้ เพราะถ้าคุณคิดว่า คุณ Born to be สวรรค์ลงโทษให้เกิดมาเป็นคนอ้วนแล้ว คุณก็ต้องติดแหง็กอยู่อย่างนี้ไปชั่วชีวิต ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าการไม่ให้กำลังใจตัวเองแล้วล่ะครับ
อาร์โนลด์ ชวาลเซเนกเกอร์ พูดไว้ว่า
"What count is how far you are able to go ,not how fast"
คือ สิ่งที่จะถือว่าคุณประสบความสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน ไม่ใช่วัดที่การทำเสร็จเร็วก่อนคนอื่น หมายความว่า ถึงแม้สถาบันลดความอ้วนทั้งหลาย จะลดไขมันในร่างกายคุณได้เร็วมากๆจนน่าตกใจ (how fast) แต่นั่นไม่ถือเป็นความสำเร็จเพราะคุณไม่อาจรักษามันไว้ได้นาน (not how far)
เหตุที่พูดว่าไม่สามารถรักษาไว้ได้นานก็เพราะ
***คุณไม่อาจจะอดอาหารตามสูตรลดไขมันนั้นได้ตลอดชีวิต***
คุณยังต้องใช้หัวสมองในการทำงาน (ซึ่งเกี่ยวพันกับการรับสารอาหารที่ครบถ้วน) คุณยังต้องการความผ่อนคลายจากการทานอาหารดีๆ ดังนั้นขอให้ใช้วิธีการเล่นกล้าม ซึ่งได้ผลช้าก็จริง แต่คุณสามารถเล่นกล้ามได้ตลอดไป โดยจัดภารกิจประจำวันในช่วงเวลาที่เหลือให้เข้าที่เข้าทาง และไม่ต้องเคร่งครัดเรื่องโภชนาการจนเกินไป
เมื่อปฏิบัติตัวได้อย่างนี้แล้ว สักวันหนึ่งคุณต้องประสบความสำเร็จ โดยมีกล้ามเนื้อเป็นมัดสวยงาม และยังปราศจากความอ้วนอีกด้วย นั่นแหละถึงจะเรียกว่า "ของจริง" เพราะมันจะอยู่ติดกับตัวคุณ จนเป็นบุคลิกใหม่ของคุณได้ตราบนานเท่านาน
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 22:36:32
จากคุณ :
ยายหนูAK
- [
19 ก.ค. 51 22:35:26
]