ผมอยู่กันมา 14 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตผู้ชายเรียน ป.6 คนเล็กผู้หญิงเรียน ป.3 ปัจจุบันผมอายุ 33 แฟนผม 35
แต่ก่อน เวลาเห็นคนโพสต์เรื่องความรัก อกหัก แล้วผมบอกตรง ๆ ว่าจั๊กจี้
ไม่เคยคิดว่าสักวันจะต้องเกิดกับตัวเอง ไว้ใจเกินไป
วัน ๆ ผมทำแต่งาน บ้างานมานานแรมปี ภาระผมรับทุกอย่าง ทุกปัญหาที่เข้ามา ผมแอ่นอกรับ ไม่เคยให้ตกมาถึงลูกเมีย หนี้สินพะรุงพะรัง แต่ลูกเมียต้องกินอยู่สบาย ผมพึ่งรู้ตัวเองว่า เราหน้าตาอมทุกข์มานานมากแล้ว
ผมหาเลี้ยงมาโดยตลอด
ของผมเรื่องเพิ่งเกิดได้ 20 กว่าวัน
3 วันแรก เมาเป็นหมา เมาเหล้า ร้องไห้ทุก 5 นาที 3 วัน 2 คืน ไม่ได้หลับนอน อาละวาด เกือบแทงกันตาย 2 รอบ กับแฟนของเพื่อนแฟน
5 วันแรกไม่ได้กินข้าวเลย กินไม่ลง ถ่ายเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด และล่าสุด ฉี่เป็นเลือดแล้วครับ
วันเกิดเรื่อง ผมเองก็ไม่ดี เมาเป็นหมากลับมาก็ด่าว่าเธอ ไปหยิบมีดมาจะแทงเธอ เกือบพลาดไปโดนลูก จากนั้นก็ตบเธอแรงมาก เลือดกลบปาก แล้วก็งีบหลับไปตอนเธอไปส่งลูกไปโรงเรียน
รู้สึกตัวตอน 9 โมงเช้า เธอยังไม่กลับมา ตกลงเธอไม่ได้เอาลูกไปโรงเรียน แต่เอาลูกหนีไปอยู่บ้านพี่ชายที่ปทุมฯ
5 วันแรกผ่านไปอย่างทุลักทุเล เพราะร้านค้าของผมยังต้องเปิด แต่เจ้าของร้านทำงานคนเดียวในสภาพเมาทั้งวัน งานก็ทำไม่ไหว สภาพจิตใจแย่มาก
แต่ลูกยังต้องกลับมาเรียนหนังสือ แต่จะอยู่ด้วยกันต่อ ก็มองหน้ากันไม่ได้แล้ว ผมจึงตัดสินใจหอบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากร้านที่ผมพยายามจะสร้างครอบครัว กลับไปอาศัยอยู่กับแม่และพี่ชาย ช่วยงานเค้า เอาแค่เงินเดือน ผมให้น้องสาวมาทำแทน ทำได้ก็ให้มันเก็บไป เพราะแฟนผมเธอทำอะไรไม่เป็นเลย และร้านก็ทำคนเดียวไม่ได้
เราตกลงกันว่า ช่วงนี้แยกกันอยู่ไปก่อน วันที่ลูกจบ ป.6 ค่อยมาคุยกันอีกทีว่าจะเอายังไง
มาอยู่กับแม่วันแรก ๆ ก็ยังไม่ดีขึ้น ยังทำใจไม่ได้ บางคืนแม่กับพี่ชายต้องตื่นมากลางดึก เพราะผมแอบเอารถออกตอนดึก เอาปืนจะไปยิงกบาลมัน ต้องลำบากเค้าลุกขึ้นมาห้ามตอนตี 2
วันรุ่งขึ้นผมเดินเข้าร้านตัดผม สกินเฮด มันซะเลย ประชดชีวิต จากปกติที่ไว้ผมยาวเกือบถึงบ่า
ลึก ๆ ก็โทษตัวเอง ว่าเราคงบกพร่องไปหลายอย่าง เธอบอกกับแม่ผมว่า อยู่กับผมมาตั้ง 14 ปี ชีวิตไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น ผมเมาทุกคืน บ้านก็ยังไม่มีเป็นของตัวเอง ที่อยู่ ๆ นี่ก็เช่าเค้า รถก็โดนยึดไปเกือบ 2 ปีแล้วยังไม่มีปัญญาซื้อใหม่ หนี้สินพะรุงพะรัง และที่เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือ ทำร้ายร่างกายเธอ ถ้าไม่นับครั้งนี้ ครั้งล่าสุดที่ผมตีเธอคือเมื่อประมาณ 4 ปีก่อนที่ทะเลาะกันแรง ผมตีเธอซะนิ้วผมหัก แต่หลังจากนั้นไม่เคยทะเลาะกันแรง ๆ อีกเลย
พอผ่านมาได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ผมโทรคุยกับเธอ ถามเธอว่ายังรักกันอยู่หรือเปล่า ผมบอกเธอว่าผมยังรักเธออยู่ ถ้าเธอเล่าความจริงให้ผมฟังทุกอย่าง ผมพร้อมจะอภัยให้ แล้วมาเริ่มกันใหม่
แต่เธอบอกว่าผมหมดรักผมมา 4 ปีแล้ว ตั้งแต่ครั้งที่ผมตีเธอจนนิ้วหักครั้งนั้น เพราะหลังจากนั้น ผมเคยจับได้ทีนึงว่าเธอแอบมีคนอื่น แอบหนีผมไปเที่ยวผับ มันเป็นนักร้องเล่นกีตาร์ตามร้าน ผมรู้หลังจากเรื่องเกิดมาเกือบ 2 ปี เพราะไอ้คนที่ผมจะแทงด้วยวันก่อนแหละมันมาบอก ผมโทรคุยกับผู้ชายคนนั้น มันเป็นทหารอยู่ลพบุรี แต่พื้นเพเป็นเด็กแถวบ้านผม มันก็สาบานกับผมด้วยเกียรติลูกผู้ชาย ว่ายังไม่มีอะไรกัน แค่นั่งกินข้าวกันเฉย ๆ ครั้งนั้น ผมอภัยให้ไปทีนึงแล้ว และเธอก็สัญญากับผมว่าจะไม่ทำอีก
แฟนผมเป็นผู้หญิงหน้าตาดี ตัวเล็ก ๆ เลยทำให้ยังดูดีอยู่ถึงอายุจะ 35 แล้ว ลูก 2 แล้วด้วย มักมีผู้ชายมาเจ๊าะแจ๊ะด้วยประจำแหละ ผมก็รู้ ในใจยังแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ว่าเมียเรายังสวยอยู่ เพราะไว้ใจครับ ไม่เคยแม้แต่จะคิดเลยว่าเธอจะไปเล่นด้วยกับคนอื่น
มาครั้งนี้เรื่องที่เกิดเพราะ มีคนเห็นว่าเธอแอบไปเที่ยวตลาดอัมพวา ไปดูหิ่งห้อยกับผู้ชายคนอื่น เป็นคู่สวีทกอดหอมกันบนเรือต่อหน้าธารกำนัน มันจะโรแมนติคกันไปหน่อยหรือเปล่า มันเล่าได้ละเอียดมาก เป็นช็อต ๆ ตั้งแต่เวลาลงเรือ แวะซื้อน้ำตาลสดตามบ้านชาวบ้านแถวนั้น เวลาขึ้นเรือ มีแวะไปหาบ้านพ่อแม่ผู้ชายด้วย ผมพยายามหาช่องโหว่ ถ้าคนโกหกมันต้องมีช่องโหว่ แต่ผมหาไม่เจอจริง ๆ ทั้งที่ใจผมอยากให้มันเป็นเรื่องโกหก มันเอาที่ไหนมาพูด มันเล่าให้ฟังหมดตั้งแต่ตอนจีบกันใหม่ ๆ ทั้งโทรศัพท์จีบกัน มีงอนกันด้วย แอบไปนั่งกินข้าวด้วยกัน แอบเอาตังค์ผมไปซื้อของให้ผู้ชายด้วย ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง แล้วคนที่มันกล้าโกหกปั้นเรื่องมาพูดให้คู่ผัวเมียเค้าเลิกกันได้ มันจะต้องกล้าหาญมาก มันกล้าสาบานให้พ่อแม่พี่น้อง ลูกผัวมันตายหมด ถ้ามันพูดโกหก
ผมถามเธอดีๆ เธอยอมรับแค่ในบางประเด็น ว่าแอบคุยโทรศัพท์กันจริง แต่ไม่มีอะไรถึงขั้นนั้น ไม่เคยไปอัมพวา คน ๆ นั้นมันใส่ความเธอทั้งสิ้น เธอกล้าสาบานให้พ่อแม่เธอตาย ถ้าตั้งแต่แต่งงานกันมาเธอเคยไปนอนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผม
ผมไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าความจริง มันคืออย่างไร
แต่ใจผมมันเอนเอียงไปทางข้อกล่าวหา เพราะพฤติกรรมเธอชวนให้เชื่อได้ว่าเธอไปอะไรอย่างนั้นจริง ทั้งแอบคุยโทรศัพท์หลังบ้านไม่ให้ผมได้ยิน มี SMS แปลก ๆ เข้าเครื่อง และขยันลบ SMS มาก เสาร์-อาทิตย์ อ้างว่ากลับไปบ้านพ่อแม่บ่อย แทบทุกอาทิตย์ แต่งตัวเก่ง ชอบฟังเพลง และเธอตอบคำถามผมเกี่ยวกับข้อกล่าวหาต่าง ๆ ได้ไม่เคลียร์เลย
หลังจากที่เธอสาบานกับผมแล้ว ล่าสุดผมยังไม่เคลียร์ เลยตั้งคำถามให้เธอตอบอีก เธอบอกว่า ตกลงต้องให้เธอตายให้ผมดูหรือเปล่า ยาเม็ดละไม่กี่บาท แต่ถ้าเธอจะตาย เธอจะเอาลูกไปด้วยทั้งคู่ ทำให้ผมยอม ไม่กล้าถามถึงเรื่องที่อัมพวาและเรื่องอื่น ๆ อีก เธอเล่นไม้ตาย เธอกำลังปั่นหัวผมอยู่หรือเปล่า ผมคิดว่าเธอขู่ผมแบบนี้ เพราะเธอจนแต้ม ไม่สามารถตอบคำถามของผมได้
ทุกวันนี้ ผมเหมือนจะเป็นคนบ้า คิดมากตลอด ไม่รู้จะเชื่อใครดี มันสับสนไปหมด ยิ่งเมาก็ยิ่งคิดมาก ไม่เมาก็นอนไม่หลับ สว่างคาตาทุกคืน กลางวันมีงานทำยังพอไหว แต่กลางคืนนี่ลำบาก ทรมานมาก ฟุ้งซ่านอยู่กับความคิดตัวเอง
ไม่แฟนผม ก็ คนที่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ผมฟัง ต้องมีสักคนที่โกหก ชีวิตผมพัง ทุกวันนี้ครอบครัวแตกแยก เรื่องที่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็มีคน 4 คนที่ชีวิตเปลี่ยน
ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าความจริงคืออะไร ถ้าเธอทำจริง อย่างน้อยผมก็รู้ว่าที่ต้องเลิกกัน เพราะเธอผิดกับผม เธอนอกใจผม แต่ถ้าเธอไม่ได้ทำ ความผิดทั้งปวงจะตกอยู่กับผม เพียงเพราะผมหูเบา เชื่อคนง่าย ทำให้ครอบครัวพัง แล้วผมจะพยายามทำดีกับเธอให้มากขึ้น เพื่อชดเชยความผิดผม ส่วนเธอจะให้อภัยหรือเปล่า ก็แล้วแต่เธอ
ใครมีวิธีเค้นความจริงจากปากคน ช่วยแนะนำผมที
ช่วงนี้ผมใจร้อน อาจต้องมีคนเดือดร้อน ถ้าผมจะเอาปืนไปง้างปากเอาคำสารภาพจากปากคน
จากคุณ :
นรธามังช่อ
- [
21 ส.ค. 51 19:42:23
]