Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ข้อคิดเตือนใจ เคยมองย้อนกลับไปถึงชีวิตในอดีตกันบ้างมั้ย

    เห็นแต่พูดเรื่องดีๆเกี่ยวกับครอบครัวกันมาเยอะ ลองมาขุดคุ้ยความหลังที่ไม่อยากขุดกันดูบ้างดีมั้ย อย่างน้อย มันก็ทำให้เราได้รู้ว่า ชีวิตเราเคยตกต่ำมาแค่ไหน

    เรื่องของเรื่องมันก็มีอยู่ว่า สภาพปัจจุบันของเรา พ่อแม่ทำงานค้าขายวัสดุก่อสร้าง มีเงินส่งลูกสองคนเรียนหนังสือสูงๆ มีบ้านหลังใหญ่อยู่ มีเงินจับจ่ายใช้สอยไม่เคยขาดมือ เงินหมดก็โทรไปขอแม่ ใช้เดือนๆนึงเกือบหมื่น เพื่อนๆที่รู้ว่าพ่อแม่เราทำอาชีพอะไรก็มักคิดว่าเราเป็นลูกคนรวย แล้วเราก็คิดงั้นจริงๆ คิดว่าบ้านตัวเองรวย เงินใช้ไม่ขาดมือ แต่เราลืมไปแล้ว ว่าเมื่อก่อนมันไม่ได้เป็นแบบนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ก็เหอะ แต่เราก็จมไม่ลงแล้ว คิดเสมอว่าเรามันไม่ใช่คนจน ไม่จำเป็นต้องประหยัดอย่างเพื่อนที่จนๆบางคน อยากได้อะไรก็ต้องได้

    จนวันนี้เราโทรไปขอยืมเงินน้องชาย แต่พอดีน้องเราได้ทุนเรียนดีมา 3000 บาท เราเลยขอแบ่งมันมา 500 พร้อมถามไถ่ว่าเดือนนี้แม่ให้มาเท่าไหร่ เพราะเราได้มา 7000 จ่ายค่าหอไป 3000 เหลือ 4000 ปกติแม่จะให้ค่าขนมเดือนละ 5000 แต่มักขอเพิ่มอีก 2000 กลางเดือนนี้เราจึงขอเพิ่มอีก 2500 น้องเราก็บอกได้ 6000 จ่ายค่าหอ 2000 เหลือ 4000 เราก็บอกงั้นก็ไม่พอดิ ได้ใช้เดือนนี้แค่ 4000 เอง ข้าวแพงจะตาย โทรไปขอแม่เพิ่มสิ มันก็บอกว่า โทรขอทำไมนักหนาพ่อแม่ทำงานเหนื่อยจะตาย เราก็สะดุ้งนิดนึง ทำไมเราคิดไม่ได้อย่างงี้นะ แต่ก็ยังไม่คิดไรมาก วันนี้ก็ยังเอาเงินที่ได้ ไปดูหนังอีก

    จนตอนเย็นโทรหาแม่ เล่าให้ฟังที่น้องพูด เพราะอยากให้แม่เห็นว่าน้องก็คิดเป็นนะ แม่ก็บอกว่า ก็น้องเรามันเคยทำงานนี่ มันก็เลยรู้ว่างานมันเหนื่อยแค่ไหน น้องเราตอนปิดเทอม ช่วยพ่อแม่แบกเสา เทปูนค่ะ เพราะคนงานไม่พอ พ่อแม่เราก็ทำเกือบทุกวัน เพราะคนงานหายาก ไม่ได้นั่งเป็นเถ้าแก่อย่างที่คนอื่นเข้าใจ คิดดูแล้วกัน แม่เราเป็นผู้หญิง แต่ต้องมาแบกปูนเทเสา จะหนักมากแค่ไหน แต่แม่เราตัวหใญ่หน่อย ไม่ใช่คนเอวบางร่้างน้อยเลยทำได้ แต่เราก็ไม่เคยคิดเลย ว่าถึงไงมันก็หนักเกินไปสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ดี แต่เราเองนั้นนั่งนอนเป็นคุณหนูอยู่ในบ้าน มาช่วยเป็นบางครั้งเวลาขาดคนจริงๆ แต่ทำไรไม่ได้มาก เพราะเป็นผู้หญิง เลยทำให้ไม่รู้สึกตัวเลย

    พอวันนี้เล่าที่น้องพูดให้ฟัง แม่เราก็เลยเล่าเรื่องสมัยแม่เด็กๆให้ฟัง (จริงๆเราก็รู้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่สำนึกอีก) ตอนที่ไปอยู่บ้านคนอื่น เพราะตากับยายไม่มีเงินเลี้ยง จึงส่งไปให้ญาติเลี้ยง แม่กับน้าเราโดนใช้เยี่ยงทาส ยิ่งกว่าละครน้ำเน่าหลังข่าวอีก เรียนหนังสือก็ได้แค่ ป. 6 เพราะไม่มีเงิน ครูอยากเอาไปเลี้ยงเพื่อส่งเรียนยายก็ไม่ให้ หวง พอโตเป็นสาวก็แต่งงานกับพ่อซึ่งทำอาชีพก่อสร้างเหมือนกัน แล้วก็มีเรา ตอนนั้นเราเป็นเด็กยากจนคนหนึ่ง แต่เรียนดี สอบได้ที่ 1 ตลอด ได้ทุนตลอด เงินกินข้าวไม่ค่อยจะมี ตัวผอมมากๆ ขี้โรคด้วย ไม่มีเงินซื้อนมกิน จึงทำให้ปัจจุบันไม่ค่อยจะสูง ตุ๊กตาก็ไม่เคยมี ต้องเอาผ้าขี้ริ้วมาเย็บแล้วยัดนุ่นเอาเอง จำได้ว่าตัดเป็นหัวกลมๆ มีแขนมีขา แค่นั้น แต่ก็ภูมิใจมาก ถือไปถือมาตลอด เป็นตุ๊กตาตัวเดียวในชีวิตของเราเลยนะนั่น

    จนใกล้จะจบประถม แม่บอกว่าคงไม่ได้เรียนต่อ เพราะไม่มีเงิน ตอนนั้นใจหายแว้บ เสียใจมาก เรายังรักเรียนอยู่ แต่สุดท้าย แม่ก็ดิ้นรนที่จะมีกิจการเป็นของตัวเอง เพื่อจะได้มีเงินส่งเราเรียน ตอนแรกว่าจะเปิดร้านของชำ แต่สุดท้ายเลือกที่จะทำอาชีพที่ตัวเองถนัด คือขายวัสดุก่อสร้าง แรกๆเป็นร้านเล็กๆ ทำกันสองคนผัวเมีย แต่กำไรดีอย่างเห็นได้ชัด โดนกีดกันจากเจ้าของร้านเก่าที่แม่เราเคยเป็นลูกจ้างเสมอ จนกลายเป็นมีอันจะกินในปัจจุบัน ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว เมื่อก่อนช่วงเปิดร้านแรกๆ เราสามคนพ่อแม่ลูกยังช่วยกันแบกปูนเทเสา ปาดแต่งเสากันอยู่เลย เหนื่อยแต่ก็ภูมิใจ แผลเป็นที่มือที่เราได้จากการช่วยพ่อยกเสาก็ยังมีอยู่ ตอนนั้นเลือดโชกเชียว ตอนนี้เหลือแค่รอยแผลเป็น แต่ทำไมเราจำไม่ได้นะ

    ตอนนี้ เราไม่เคยทำแบบนั้นแล้ว กลัวมือด้าน กลัวดำ กลัวกล้ามขึ้น กลัวมดลูกพัง (เค้าบอกว่าผู้หญิงห้ามยกของหนักจะเจ็บมดลูก) เห็นแก่ตัวจัง ว่ามั้ย ตอนนี้เรามีเงินใช้ไม่ขาดมือ มีเงินซื้อเครื่องสำอางค์ขวดละพันใช้ อยากกินอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ ไม่เคยจัดกลุ่มตัวเองอยู่ในสถานะ คนจน เห็นเพื่อนประหยัดตังค์กันเราก็คิดว่า เราไม่จำเป็นต้องประหยัดขนาดนั้น บ้านเรารวย มีเงินใช้ไม่ขาด แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ที่บ้านต้องส่งหนี้เดือนละ 70000 เราก็ยังไม่สำนึกอีก

    ผลการเรียนก็กลับไม่ดีเหมือนตอนเป็นเด็กจนๆ แม้จะอ้างว่ามหาลัยมันยาก ก็ได้เท่าเพื่อนนั่นแหละ เพื่อนเรามันก็คะแนนเท่านี้กันทั้งนั้น แต่พอน้องชายเรามันมาเรียนมหาลัย มันกลับได้ 3.9 ทั้งที่เมื่อก่อนมันสู้เราไม่ได้เลย แต่ตอนนี้เรากลับได้ 2.6 เราก็อ้างอีกละ ว่าเพราะมันได้เรียนคณะที่ตัวเองชอบ มันก็เลยได้คะแนนดี แม่ก็ไม่เคยว่าอะไรเราเลย เห็นอกเห็นใจเราอีกต่างหาก เพราะแม่เป็นคนบอกให้เราไม่เลือกวิศวะเอง ถ้าเลือกแม่จะไม่ส่งเราเรียน เราเลยไปเลือกสัตวแพทย์ แล้วก็เรียนได้ไม่ดีนัก เราจึงมักเอาเหตุผลนั้นมาอ้างเรื่องคะแนนของเราเสมอ

    เรามักคิดเสมอว่าเราเป็นลูกที่ดี น่ารัก เพราะเราไม่เคยทำให้แม่เสียใจ เนื่องจากเราไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว ไม่มีแฟน ไม่เคยทำเรื่องเสียๆหายๆ และรักครอบครัว โทรกลับบ้านหาพ่อแม่ทุกวัน อยู่แต่กับบ้าน แม้เราจะไม่ได้เกรดสูงๆก็เหอะ เราจึงไม่เคยสำนึกตัวเลย

    จนวันนี้ นั่งย้อนคิดไปถึงเรื่องในอดีต เราได้รู้ตัวแล้วว่า เรากำลังทำร้ายพ่อแม่อย่างไม่รู้ตัว เรามาเรียนแบบเฉื่อยๆ ไม่มีความตั้งใจ ใช้ชีวิตให้จบไปวันๆ ผลาญเงินพ่อแม่ไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ตอนนี้พ่อแม่กำลังลำบาก แม่ก็เจ็บขา ปวดหลังบ่อยๆ ก็กินยาพาราบรรเทาอาการไป พ่อก็เป็นโรคเกาต์ ขาเจ็บ เลยเลิกแบกเสาไปซักพัก แต่พอทุเลาก็มาทำอีก เพราะกลัวไม่มีเงินส่งเราเรียน ไม่มีเงินส่งหนี้ธนาคาร บางวันก็กินข้าวแค่กับน้ำพริก บอกว่าเก็บเงินไว้ให้ลูกมันเรียน แล้วเราล่ะ ทำอะไร กินข้าวบางมื้อคนเดียวหมดเป็นร้อย กินเค้กชิ้นเดียว 50 บาท กินไอติมลูกละร้อย แล้วเอาเกรดห่วยๆ ผลการเรียนแย่ๆไปให้แม่ดู เป็นลูกที่เลวจริงๆ แล้วก็ชอบคิดว่าตัวเองเรียนหนัก งานเยอะ เลยต้องกินเพื่อบำบัดอารมณ์ กินทีก็หมดเงินเยอะ แล้วก็คิดว่าไม่ผิด ที่เราจะใช้เงินหมดไปกับเรื่องกิน เราไม่ได้เอาไปซื้อของฟุ่มเฟือย เอาไปซื้อเสื้อผ้า เที่ยว หรือกินเหล้า เราบอกแม่ แม่ก็ไม่ว่าอะไร แม่ก็เข้าใจว่าเป็นความสุขของเรา เราทำร้ายพ่อกับแม่โดยที่เราไม่รู้ตัวจริงๆ

    แล้วพอกินมากก็อ้วน อ้วนก็โดนล้อ แล้วก็มีปัญหากับเพื่อน ทำให้เป็นโรคจิตนิดๆ ไม่อยากที่จะไปเรียน ไม่อยากเจอเพื่อน ชอบเข้ามาตั้งกระทู้และอ่านกระทู้ในห้องสุขภาพจิต เพราะเห็นความทุกข์ของคนอื่นแล้วรู้สึกดีที่ได้ตอบปัญหาให้เค้า รู้สึกเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่เรามีความสุข

    วันนี้เราคงต้องบอกลาพันทิปซะที เพราะที่นี่เป็นที่ๆเรามาสิงสถิตย์เป็นประจำ เพราะเรามักคิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า ต้องการที่พึ่งทางใจ นั่งเล่นทีปาไป 4-5 ชม. บอกตามตรงว่าเราติด ใช้ชีวิตส่วนใหญ่หลังจากเลิกเรียนอ่านกระทู้ในนี้ เราควรจะแก้ปัญหาจากตรงนี้ก่อน โดยการตัดวงจรนี้ซะ ต่อไปนี้เราคงเอาเวลาไปทุ่มให้กับการเรียน การทำงานพิเศษ เลิกหาความสุขทางใจได้แล้ว ไม่ใช่มีแต่เราคนเดียวที่ทุกข์ที่มีปัญหา ลาก่อนนะคะ คุณคงจะได้เห็นล็อคอินนี้เป็นครั้งสุดท้าย อยากให้กระทู้นี้ไว้เตือนใจใครหลายๆคน ที่มัวแต่คิดถึงจิตใจของตัวเอง คิดถึงแต่ความทุกข์ของตนเอง จนลืมนึกถึงความทุกข์ของคนอื่น  หันกลับไปมองคนรอบข้างซักนิด แล้วคุณจะรู้ ว่าไม่ใช่มีแต่คุณคนเดียวที่ทุกข์หนักหนา

    จากนี้ต่อไป เราคงเห็นค่าของเงินมากขึ้น แต่ละบาทแต่ละสตางค์ พ่อแม่ต้องเสียเหงื่อไปเท่าไรกว่าจะได้มันมา บำเรอความสุขให้แก่เรา เรามันเป็นลูกที่แย่จริงๆ

    ปล. ขอโทษนะคะที่ย๊าวยาว แต่ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ ที่จะเข้ามาเขียนไว้ที่นี่ จากนี้คงลาขาดไปนานค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน
    ปล.2 ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะลาขาดหรอก แค่จะมาตั้งกระทู้แลกเปลี่ยนความทุกข์ในอดีตเฉยๆ แต่พอพิมพ์ไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแย่มากๆ ควรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้ว เลยตัดสินใจเลิกค่ะ ขอบคุณค่ะสิ่งดีๆที่เคยได้รับจากที่นี่ เราจะจดจำไว้เป็นอดีตที่ไม่เคยลืมเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆนะคะ

    แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 51 02:36:05

    จากคุณ : kurapik - [ 24 ส.ค. 51 02:06:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom