ความคิดเห็นที่ 1 แล้วไงครับ ??? เข็มนึง 14000 แพงไป ??? หมอให้ยาถูกผิดยังไง ก็ไม่มีใครรู้ ??? หมออาจเห็นคนไข้เป็นหนูลองยาก็ได้ ??? สงสัยอยู่ว่า ยามะเร็ง กำลังทำให้ปอดของน้อง เกิดน้ำท่วมปอด ??? เจตนาคืออะไร ไม่อยากใช้ยานี้แล้ว ไม่มั่นใจแพทย์ ไม่มั่นใจยา ??? จากคุณ : Wizard. - [ 31 ต.ค. 51 01:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บางครั้งการให้ยาในการรักษา  ก็มีผลข้างเคียงได้ แต่ก็เป็นทางเลือกที่หมอต้องพิจารณาแล้วว่า ดีที่สุด แต่บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้ด้วย ว่า ร่างกายเหมาะกับยาตัวนี้มั้ย มีผลค้างเคียงมากน้อยอย่างไร   บางคนอาจไม่มีอาการน้ำท่าวมปอด  แต่น้องคุณมี ลองฟังท่านอื่นดู จากคุณ : samr - [ 31 ต.ค. 51 04:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หมอกับคนไข้ ไม่เหมือนคนทำอาชีพอื่น อาชีพอื่น คนขายของไมใช่คนตัดสินใจว่าคุณควรซื้อของ แต่เป็นผู้บริโภคตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ใช้บริการหรือไม่ใช้ แต่หมอกับคนไข้ เป็นความสัมพันธ์ที่อยู่บนพื้นฐานของความไว้ใจกัน วิชาแพทย์เป็นศิลป์มากกว่าศาสตร์ ถีงแม้จะมีคนเถียงว่า ปัจจุบันการแพทย์ยึดหลัก รักษาตามหลักฐานงานวิจัย หรือที่คนพูดถีงบ่อยๆว่า evidence based medicine แต่ในชีวิตจริงคนไข้ที่นั่งอยู่ข้างหน้าหมอไม่ใช่ค่าเฉลี่ย แต่เป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อ มีจิตใจ ผมแนะนำว่าคุยกับหมอ ให้เข้าใจ ถ้าคุยแล้วยังไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจหมอก็ควรจะหา ความเห็นจากหมอมะเร็งคนอื่น ถ้ายังไม่มั่นใจหมอควรเปลี่ยนหมอ เป็นสิทธิของคนไข้ ไม่อย่างนั้น สมมติว่าผลการรักษาไม่ดีอย่างที่คาดหวัง จะเสียใจทั้ง 2 ฝ่าย คุณอาจจะคิดย้อนหลังว่า รู้อย่างนี้เปลี่ยนหมอแต่แรก คุณอาจฟ้องหมอ หรือไปพูดไม่ดี บอกต่อปากต่อปาก น้ำท่วมปอดเป็นอาการอย่างหนี่งของมะเร็งปอดอยู่แล้ว เป็นอาการที่เจอบ่อย จนเป็นหนื่งในอาการที่ใช้บอกว่าเป็นมะเร็งขั้นไหน บางครั้งตอนแรกอาจไม่มีน้ำ แล้วมีน้ำเกิดขึ้นตอนหลังได้ระหว่างรักษา   นาเวลบีน ไม่ใช่ยาหนูทดลองแน่นอนครับ เป็นหนื่งในยาที่เป็นมาตรฐานที่ใช้รักษามะเร็งปอด ขอแถมนอกเรื่องอีกหน่อยก็แล้วกัน คนไข้ส่วนใหญ่จะกลัวการเป็นหนูทดลองในงานวิจัย ในทางตรงกันข้าม หมอที่ป่วยหรือหมอที่มีญาติป่วยหลายคนกลับมองหาโอกาสเป็นคนไข้ในงานวิจัย งานวิจัยยาเป็นงานที่รัดกุมมาก ก่อนที่ยาจะมาถีงระดับให้ใช้ในคนไข้มักจะต้องผ่านการศีกษามาอย่างมากมาย ก่อนจะทำงานวิจัยในคน หมอที่จะทำงานวิจัยต้องขออนุญาต คณะกรรมการจริยธรรม ซี่งเป็นคนที่ไม่เกี่ยวกับงานวิจัย ไม่มีผลได้ผลเสีย คณะกรรมการมักเป็นอาจารย์แพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจในงานวิจัยดี การวิจัยในคนมักเป็นงานวิจัยที่คาดว่าน่าจะได้ผลการรักษา"ดีกว่า"การรักษามาตรฐาน โดยทำการวิจัยว่าดีกว่าจริงหรือเปล่า ส่วนยาใหม่จริงๆ ทีจะใช้ในคน โดยเฉพาะโรคมะเร็ง จะใช้ในคนไข้ที่ไม่เหลือทางอื่นเลย เป็นขั้นหนักมากๆ หรือใช้ยามาตรฐานไปจนหมดทุกตัวแล้ว คือเรียกว่ามี 2 ทาง ไม่ทำอะไร รอตาย หรือลองยาใหม่ ถ้ายาใหม่ตัวนี้ใช้ได้ผลดี ถีงจะได้เขยิบไปทดลองเทียบกันยามาตรฐานว่าใครดีกว่ากัน ผมเชี่อว่าคุณกำลังเครียดและสับสน เป็นสิ่งที่ปกติมากๆ สำหรับคนที่มีญาติสนิทป่วยเป็นมะเร็ง แต่คุณต้องตั้งสติให้ดี หลายครั้งเพราะความเครียด อารมณ์ไม่มั่นคงทำให้การตัดสินใจไขว้เขว หลายคนเลยหันไปรักษาด้วยวืธีที่ไม่มีหลักฐานว่าได้ผลจริงแล้วมาเสียใจตอนหลัง อย่างไรก็ตามผมอยากแนะนำ การนั่งสมาธิ สวดมนต์ (ฝืน) ยิ้ม หัวเราะ ร้องเพลง มองโลกในแง่ดี ช่วยในเรื่องของผลการรักษา งดเนื้อแดง กินปลา กินไก่ กินนม กินไข่ เพราะระหว่างรักษาน้องคุณต้องการโปรตีน กินผักผลไม้ แต่ทำให้สุก เปลี่ยนจากข้าวขาวมาเป็นข้างกล้อง เลี่ยงแป้งขัดขาว กินธัญพืชหลายอย่าง แต่"อย่า"ทำเป็นน้ำ RC ตามสูตรชีวจิต ออกกำลังกายเท่าที่ทำได้ ถ้าเดินพอไหวให้เดิน อย่าบังคับให้น้องคุณนอนอย่างเดียว โชคดีครับ จากคุณ : it's not urgent - [ 31 ต.ค. 51 05:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แม่เราเป็นมะเร็งปอด(ระยะสุดท้าย) หลังจากฉายแสง ให้เคมีบำบัดหมอให้กินยาตัวแรก กินไปกินมาได้ 6 เดือน เกิดน้ำท่วมปอด หมอบอกว่ายาที่กินไม่เหมาะกับเรา ให้เปลี่ยนยาอีกเป็นยาใหม่(หนูทดลอง) แต่เราก็ยอม เพราะไม่มียาอื่นอีกแล้ว แม่ก็กินต่อ อยู่ได้อีกเป็นปีอะ แต่สุดท้ายก็ต้านไม่ไหว หมอบอกว่าแม่คุณถือว่าอยู่ได้นาน มากแล้ว 4 ปีสำหรับมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เราขอบคุณหมอนะ เป็นหนูทดลองก็ยอม จากคุณ : aomoo - [ 31 ต.ค. 51 07:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไม มะเร็งเต้านม  ต้องใช้ยาขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ภรรยาผมเป็น ก็ให้คีโม ฉายแสง ผ่าตัดทิ้ง  แล้วก็กินยาควบคุมฮอร์โมน เม็ดละเกือบร้อย .. แต่เลิกกินแล้ว เพราะไม่มีตังค์ซื้อยา (ข้ออ้าง) .. จากคุณ : สามทับหนึ่ง - [ 31 ต.ค. 51 10:38:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอบคุณ สามทับหนึ่ง ค่ะเพราะว่าเป็นขั้นที่ 4 แล้ว [เขาเป็นขั้น4 ลามไปหลายจุดแล้ว ปอด ตับ กระดูก ต่อมน้ำเหลือง] quote จากคุณเจ้าของกระทู้ จากคุณ : MOMIJI_99 - [ 31 ต.ค. 51 21:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากข้อมูลที่คุณให้เพิ่มเติม คีอน้องคุณเป็นมะเร็งเต้านมที่กระจายไปที่อื่นรวมถึงที่ปอด แต่ไม่ได้เป็นมะเร็งที่ปอด ในแง่ของการรักษาจะต่างกัน จริงๆผมอยากให้คุณคุยกับหมอโดยตรงจะได้เข้าใจตรงกันมากขี้น แต่อย่างไรก็ตามจากที่ข้อมูลที่คุณให้มาผมพอจะเดาได้ว่าคุณหมอของน้องคุณรักษาน้องคุณยังไง เพราะขั้นตอนการให้ยาที่น้องคุณได้รับเป็นยามาตรฐานที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน ไม่ว่าที่อเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่นก็ใช้ขั้นตอนคล้ายๆกับที่น้องคุณได้รับ ก่อนอื่นผมอยากอธิบายก่อนว่าในการรักษาโรคมะเร็งทุกชนิดจะมี "หลักการ" ที่คล้ายกันคือหยิบยาที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบันมาใช้เป็นอันดับแรก ถ้าไม่ได้ผลก็ค่อยใช้ยาชุดที่สอง ผมขออนุญาตเทียบกับการทำสงครามเพื่อให้คุณเข้าใจมากขี้น ถ้าเทียบหมอเป็นแม่ทัพ หมอจะเลีอกขุนศึกที่ชำนาญที่สุด มีประสบการณ์มากที่ไว้ใจได้มากที่สุดออกรบก่อน ในกรณีนั้ผมเชื่อว่าหมอคุณเลือกใช้ยาที่ชื่อ Taxotere กับ Xeloda เป็นอันดับแรกเพราะเป็นยาที่มีการใช้มาระยะหนึ่งแล้ว มีผลการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดตัวหนี่งในปัจจุบัน ผมเดาว่าการตอบสนองคงไม่ดีนัก ยาชุดที่สองมักเทียบได้กับขุุนศีกดาวรุ่งแต่ยังขาดประสบการณ์ ยังไม่มีผลงานให้ไว้ใจได้มากนัก ยากลุ่มนี้มักเป็นยาที่คาดหวังว่าในอนาคตเมื่อข้อมูลมากขึ้นอาจกลายมาเป็นยามาตรฐานใหม่ ยาที่หมอคุณเลือกใช้คงเป็นยาที่ชื่อ Gemzar กับ Navelbine โดยเฉพาะ Navelbine เป็นยาที่ได้ผลดีในกรณีที่มีน้ำท่วมปอด กรณีที่ยากลุ่มที่สองไม่ได้ผล โดยทั่วไปจะไม่มีมาตรฐานสำหรับยากลุ่มที่สามที่จะเลือกใช้ กรณีนี้จะค่อนข้างยากมากเพราะโรคมักจะเป็นมากขี้น และผู้ป่วยเองก็ได้รับผลข้างเคียงจากการรักษา ผมเดาว่ากรณีของน้องคุณไขกระดูกอาจจะรับยาคีโมอีกไม่ไหวคุณหมอของน้องคุณเลยลองใช้ยา zadaxin ซี่งไม่ใช่ยาคีโมแต่เป็นยาที่กระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของน้องคุณทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขี้น ส่วนสาเหตุที่น้องสาวคุณมีน้ำท่วมปอด ผมไม่คิดว่าเป็นจากยา น่าจะเป็นจากมะเร็งเอง ที่ผมเชื่อเช่นนั้นเพราะปกติเซลล์ปอดปกติซี่งคอยกันไม่ให้น้ำท่วมปอดเสียการทำงานไปจากเซลล์มะเร็ง มะเร็งเต้านมที่กระจายไปปอดพบน้ำท่วมปอดได้บ่อยมากๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ผมเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย และผมเองก็ไม่ได้อยู่เมืองไทย ที่ผมพยายามอธิบายเพราะผมไม่อยากให้คนไข้กับหมอไม่เข้าใจกัน ไม่ไว้ใจกัน ซี่งเป็นปัญหาที่ใหญ่มากกว่าที่หลายคนคิดไว้ ผลเสียจะตกกับทั้งสองฝ่าย ตอนนีัที่อเมริกาเองระบบสาธารณสุขก็มีปัญหามาก ค่ารักษา ค่าประกันสุขภาพ ค่าประกันโดนฟ้องของหมอแพงมหาศาล สาเหตุอันดับหนี่งของการล้มละลายในอเมริกาคือไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ขณะเดียวกันหมอหลายคนต้องเปลี่ยนงานเพราะรายได้ไม่พอจ่ายค่าประกันโดนฟ้อง เวลาผมได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการฟ้องหมอไทยในอินเตอร์เน็ต เกือบทุกครั้งผมพอเดาได้ทันทีว่ามันเกิดจากการไม่เข้าใจกันของหมอ ของคนไข้ และของสื่อที่นำเสนอข่าว   ยังไงหาโอกาสคุยกับคุณหมออีกทีนะครับ จากคุณ : it's not urgent - [ 1 พ.ย. 51 11:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณ it's not urgent  ค่ะ ความเห็นของคุณมีประโยชน์ต่อคนไข้โรคมะเร็งมาก บางทีคนไข้ก็ไม่เข้าใจขั้นตอนการรักษาของหมอ เพราะหมอมีเวลาให้คนไข้น้อย จนบางครั้งคนไข้ก็เหงา ว้าเหว่ วังเวงกับการรักษาเหมือนกัน เพราะรู้ว่ารักษาไปก็ไม่หาย บางทีก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะสู้กับโรคนี้ไปทำไม ถ้ารู้ว่าสุดท้ายก็ต้องแพ้อยู่ดี จากคุณ : r231 - [ 1 พ.ย. 51 19:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้ารู้ว่า สู้แล้วแพ้ ..  ก็อยู่ด้วยกันอย่างสันติ ก็ได้นิครับ .. อยู่กันแบบดูแลซึ่งกันและกัน  ศึกษาให้เข้าใจลึกซึ้งถึงเรื่องและสาเหตุที่ทำให้เป็นโรค ..  อะไรที่ทำให้โรคนี้กำเริบเสิบสาน  อะไรที่จะทำให้เราชนะ  ก็ประคองกันไป ที่สำคัญคือ กำลังใจ ครับ .. จะต้องไม่แพ้ .. จากคุณ : สามทับหนึ่ง - [ 1 พ.ย. 51 22:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับ คห.3 มากๆๆ คะ แม่เราก็เป็นมะเร็งปอดขั้นสุดท้าย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ต่อสู้กับอาการน้ำท่วมปอด แม่จะเหนื่อยมากๆๆ แต่ก็สู้ แม่เราเป็นคนไข้ในโครงการวิจัยของหมอที่ศิริราชมา 3 ปีแล้ว ในความรู้สึกของเรา เราดีใจที่ได้เป็นคนไข้ในโครงการวิจัยของหมอ เราว่าแม่เราได้รับการดูแลที่ดีมากๆๆ และได้ใช้ยาดีๆๆ มีการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เราลองกลับมาคิดดู ถ้าตอนนั้นเราไม่ให้แม่เข้าโครงการวิจัย เวลาเราพาแม่ไปหาหมอแต่ละครั้ง คงต้องรอเป็นวันๆๆ กว่าจะได้รับการรักษา ประเมินผล ได้ยาต่างๆๆ มองในแง่ดี มีโอกาสได้รับการรักษา ยังดีกว่าคนที่อยากรักษาแล้วไม่มีโอกาสนะคะ โชคดีนะคะ จากคุณ : orjita - [ 5 พ.ย. 51 16:17:00 ]