ความคิดเห็นที่ 1 นายหูอึงหรือป่าว V V V จากคุณ : Future is on probation - [ 20 พ.ย. 51 16:26:59 A:58.9.14.211 X: TicketID:162059 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณสำหรับบทความดีแบบนี้  เพราะตอนนี้เราก็เป็นโรคนี้อยู่เช่นกัน และหมอก็บอกว่าไม่สามารถหายขาดได้ จากคุณ : ~Okini~ - [ 20 พ.ย. 51 16:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ Okini ครับ รักษาที่ไหนครับเพราะผมก็เป็น หายแล้ว เลิกคิดมาก เลิกกินมัน ออกกำลังกาย จากคุณ : จขกท - [ 20 พ.ย. 51 18:06:15 A:124.120.229.2 X: TicketID:159201 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลืมบอก หูอึงเกิดได้จากหลายอย่างนะครับ เช่น ภูมิแพ้ สียงรบกวนในหู รศ. พญ. ขวัญชนกยิ้มแต้ ภาควิชาโสต ศอ นาสิกและลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เสียงรบกวนในหูคืออะไร เสียงรบกวนในหู คือเสียงที่ไม่มีความหมาย เป็นเสียงที่เกิดขึ้นเองและอาจได้ยินมาจากหู หรือในศีรษะ เสียงได้ยินอาจป็นเสียงซ่าๆ เสียงหึ่ง เสียงหวีด เสียงตุ๊บๆคล้ายจังหวะการเต้นของ หัวใจ เสียงฟู เสียงคลิก เป็นต้น เสียงรบกวนในหูเป็นพียงอาการอย่างหนึ่ง มิใช่โรคแต่อาจเป็นผล ตามมาจากโรคต่างๆได้คนปกติก็อาจได้ยินเสียงที่เกิดจากการทํางานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย เช่นเสียงหายใจเสียงหัวใจเต้นได้หากอยู ในที่ที่เงียบเพียงพอ เสียงรบกวนในหูพบได้บ่อยแค่ไหน เสียงดังรบกวนในหูเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุ จากการศึกษาพบว่าหนึ่งในสามของประชากรผู้ใหญ เคยมีเสียงดังรบกวนในหูอย่างน้อยหนึ่งครั้งใน ชีวิต และมากกว่าร้อยละห้าได้รับผลกระทบจากการที่มีเสียงรบกวนในหู อาทิเช่น รบกวนการนอน หลับหรือก่อให้เกิดความรําคาญและความเครียด เป็นต้น เสียงรบกวนในหูเกิดขึ้นได้อย่างไร เสียงรบกวนในหูอาจเกิดขึ้นจากโรคของอวัยวะต่างๆที่บริเวณศีรษะและคอ โดยเฉพาะ บริเวณที่อยู ใกล้ๆหู แต่เสียงรบกวนส่วนใหญ่เกิดจากโรคของหู สันนิษฐานว่าเกิดจากการปล่อย สัญญาณที่ผิดปกติจากหูชั้นใน หรือประสาทหู หรืออาจเกิดจากความบกพร่องของการปรับตัวของ สมองต่อความผิดปกติของหูชั้นใน โรคที่เป็นสาเหตุของเสียงรบกวนในหูคืออะไร โรคที่ทําให้เกิดเสียงรบกวนในหูได้แก่ − ความผิดปกติของหลอดเลือดแดงหรือหลอดเลือดดําที่บริเวณศีรษะและคอ − ภาวะน้ำคั่งในสมอง − ภาวะที่มีการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้นอาทิเช่นการตั้งครรภ์ธัยรอยด เป็นพิษ หรือโลหิตจางเป็นต้น − การกระตุกของกล้ามเนื้อที่เพดานปากหรือในหู − เนื้องอกของเส้นประสาทสมอง − ขี้หูอุดตันในรูหู − สิ่งแปลกปลอมในรูหู − หูชั้นกลางอักเสบ − ความผิดปกติของท่อปรับความดันอากาศระหว่างหูและคอหอยส่วนที่อยู่หลัง โพรงจมูก − โรคของหูชั้นในเช่นประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันหูชั้นในอักเสบประสาทหู เสื่อมจากการสัมผัสเสียงดังหรือได้รับยาที่มีพิษต่อหูเป็นต้น เมื่อไรจึงต้องไปพบแพทย์ ผู้ป่วยควรไปปรึกษาแพทย์หูคอจมูกเมื่อเสียงรบกวนในหูดังต่อเนื่องเกินกว า5 นาทีหรือ มีอาการหูอื้อการได้ยินลดลงเวียนศีรษะปวดหูหรือมีน้ำหรือหนองไหลจากหูเป็นต้น ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยของแพทย์ 1. การซักประวัติแพทย์จะทําการซักประวัติเกี่ยวกับเสียงรบกวนในหูได้แก่ ลักษณะของ เสียงรบกวนในหูระยะเวลาที่เป็นความรุนแรงอาการร่วมโรคประจําตัวหรือประวัติ การใช้ยาปัจจัยที่ทําให้เสียงรบกวนในหูเพิ่มขึ้นหรือลดลง 2. การตรวจร่างกายทางหูคอจมูกและระบบประสาท 3. การตรวจการได้ยินเพื่อดูว่ามีการได้ยินเสื่อมร่วมด้วยหรือไม่ 4. การตรวจเลือดเพื่อวัดระดับน้ำตาลไขมันความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงการทํางาน ของไตการติดเชื้อซิฟิลิสและระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นต้น 5. การตรวจทางรังสีแพทยฺอาจส่งตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์หรือเอ็กซเรย คลื่น แม่เหล็กไฟฟ้าในกรณีที่สงสัยว่าจะมีความผิดปกติของหลอดเลือดแดงหรือเนื้องอกใน สมอง การรักษา การรักษาผู้ป่วยที่มาด้วยอาการเสียงรบกวนในหูขึ้นอยู กับปัจจัยที่สําคัญดังต่อไปนี้ 1. สาเหตุที่ทําให้เกิดเสียงรบกวนในหู การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุของเสียงรบกวนใน หูจะทําให้เสียงรบกวนในหูหายได้ 2. ปัจจัยที่ทําให้เสียงรบกวนในหูดังขึ้น เช่น ความเครียด การอดนอน ความหิว การ ดื่มสุรา ชา หรือกาแฟ การรับประทานยาบางชนิดที่มีพิษต่อหู เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือยาแก้ปวด เป็นต้น การรับเสียงที่ดังติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น ในโรงงาน หรือในสถานบันเทิงต่างๆ เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้จะทําให ผู้ป่วยได ยินเสียงรบกวน ในหูดังขึ้นดังนั้นจึงจําเป็นที่ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆเหล่านี้ 3. ปัญหาที่แท้จริงของผู้ป่วยที่เกิดจากเสียงรบกวนในหูคืออะไร เช่น ความวิตกกังวล ความเครียดความกลัวเป็นต้น 4. เสียงรบกวนในหูรบกวนชีวิตประจําวันผู้ป่วยมากน้อยเพียงใด ทั้งในด้านการ ทํางานการนอนหลับหรือการเข้าสังคมเป็นต้น ชนิดของการรักษาได้แก่ 1) การรักษาด้วยยา 2) การผ่าตัด ใช้ในรายที่เกิดจากเนื้องอก หรือที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด ในสมอง 3) การรักษาด้วยเครื่องมือเฉพาะ เช่น เครื่องกลบเสียงใช้หลักการเพิ่มเสียงจาก ภายนอกเข้าไปรบกวนการได ยินเสียงรบกวนในหู หรือการใส่เครื่องช วยฟังในผู้ป่วยที่ มีการได้ยินเสื่อมร่วมด้วยอาจช่วยลดอาการเสียงรบกวนในหูได้ 4) การรักษาอื่นๆเช่น การฝังเข็ม การฝึกผ่อนคลาย การนวดคลายกล้ามเนื้อ การฝึก โยคะ เป็นต้น การรักษาเหล่านี้ส่วนใหญ่ หวังผลในการลดความเครียดหรือเพิ่มความ อดทนของผู้ป่วยต่อเสียงรบกวนในหูมากกว่าการลดเสียงรบกวนในหูโดยตรง การดูแลสุขภาพตนเองของผู้ที่มีปัญหาเสียงรบกวนในหู ข้อแนะนําในการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยที่มีอาการเสียงรบกวนในหูได้แก่ 1. งดการสูบบุหรี่และดื่มสุรา 2. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัดการดื่มชาหรือกาแฟช็อคโกแลคเนยและครีม 3. ลดความเครียด 4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 5. ออกกําลังกายสม่ำเสมอ 6. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่เงียบสงัด อาจเปิดเพลงบรรเลงเบาๆเวลาทํางานหรืออ่าน หนังสือคนเดียว 7. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีเสียงดังเป็นระยะเวลานาน 8. หากไม่สบายและจําเป็นต้องรับประทานยาควรปรึกษาแพทย์ http://www.warnermusic.co.th/community/index.php?s=f6848e3a081105c12898dc6e1001e1ae&showtopic=1714 จากคุณ : จขกท. - [ 20 พ.ย. 51 18:33:26 A:124.120.229.2 X: TicketID:159201 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หูอึง นี่คือ หูอื้อ + หูตึง รึปล่าวครับ  -__-" จากคุณ : Bellis Perennis - [ 20 พ.ย. 51 20:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่งรู้เนี่ย ว่าตัวเองเป็นโรคหูอึง มันจะมีเสียงวี๊ดในหูตลอดเวลา หมอบอกว่าไม่หาย วิธีแก้คือเวลาอยู่ในที่เงียบ ๆ ถ้าเสียงวี๊ดมันรบกวน ก็ให้ "เปิดวิทยุ"!!! ไปหาหมอท่านี้มา หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งจะพูดเหมือนเดิมคือ "ห้ามกินเค็ม" จากคุณ : คุณแหวะ - [ 21 พ.ย. 51 17:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถูกต้องครับ รักษาง่ายๆแบบที่ผมทำคือ เลิกของมัน เค็ม หวาน แล้วก็ลืมเรื่องเสียงไป แป๊ปเดียวหายครับ แล้วออกกำลังให้เหงื่ออกเยอะๆด้วย เลิกเครียด พักผ่อนเยอะๆแป๊ปเดียวหายครับ หมอโรงพยาบาลที่คุณไปนี้ที่ไหนครับ จากคุณ : remember - [ 21 พ.ย. 51 18:50:55 A:124.120.226.227 X: TicketID:159201 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราก็เป็น เวลานอนแล้วเอาหูแนบติดกับหมอนจะได้สินเสียงเหมือนหัวใจเต้นเลยได้ยินข้างเดียว แล้วเวลาเราผันหูหูจะอื้อตลอดเลย รึว่าเข้าไปลึกเกินไปก็ไม่รู้ แต่เคยไปหาหมอมาแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าหูจะอักแสบนะ ไม่ได้ฟังเสียงดังนะพวกหูฟังก็ไม่ค่อยได้ใช้เพราะว่าใช้ฟังเพลงยังไม่ถึงนาทีก็ปวดหูแล้วแต่ถ้าฟังแบบปกติจะไม่ปวด เค็มก็ไม่กินไม่ชอบเลย แต่ชอบกินหวาน ตอนนี้ก็พยายามเลิกกินแล้ว ยอมรับว่าตัวเองเครียด ชอบคิดด้วย จากคุณ : เจน - [ 21 พ.ย. 51 21:49:08 A:125.25.189.241 X: TicketID:192356 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบคุณ remember คห.7 รพ. กรุงธน 2 ใช้สิทธิ์บัตรทอง แต่คุณหมอท่านก็รักษาดีมาก ที่ไปพบเพราะมีอาการบ้านหมุน ตั้งแต่รักษามา บ้านไม่หมุนอีกเลย แต่เสียงวี๊ดยังคงอยู่ ก็พอรับได้ เรื่องงดเค็มหวานนี่ยังตัดกิเลสไม่ขาด แต่ก็พยายามเพลาๆลง อาศัยออกกำลังกายมากขึ้น ก็ช่วยได้บ้าง จากคุณ : คุณแหวะ - [ 22 พ.ย. 51 08:26:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าคุณไป โรงพยาบาล ศิริราชก็ได้ครับ หายแน่ๆ มีคนหายแล้ว สาเหตุเพราะเครียดส่วนใหญ่ เลิกเครียดแล้วลืมเสียในหูไปก็หายได้ครับ จากคุณ : remember - [ 22 พ.ย. 51 09:51:01 A:124.121.211.49 X: TicketID:159201 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบคุณremember - ตอนนี้รักษาตัวอยู่มี่ญี่ปุ่นคะ กว่าจะได้กลับเมิองไทยก็ปลายปี และที่นี่ได้ห้ามดิฉันออกกำลังกายมากและหนักเกินไปด้วยค่ะ จากคุณ : ~Okini~ - [ 22 พ.ย. 51 18:54:44 ]