PANTIP.COM : L7233842 อยากได้ข้อคิด หรือ วิธีการครองรักการให้นาน ค่ะ [ปัญหาสุขภาพจิต]

ความคิดเห็นที่ 5

ศิลปะการพูดคุยในชีวิตคู่

หลายคนศรัทธาในการพูดคุยกัน เชื่อว่าการพูดคุยกันในทุกเรื่องคือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ผมก็ด้วยครับ แต่เคยเจอปัญหาอย่างนี้มั้ยครับ คุยกันไม่รู้เรื่อง คุยไปคุยมาฉันผิดตลอด คุยไม่จบตัดบทกันไปดื้อๆ ฯลฯ

พอคุยไม่รู้เรื่องก็เลยพาลไม่คุย ใช้เวลากลบปัญหา พอวันผ่านไป ก็ฟอร์มๆคุยกันแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ต่างฝ่ายต่างคาใจ ก็ไม่อยากคุยกันอีกไม่อยากทะเลาะกัน อดทนกันไป เล็กๆน้อยๆช่างมัน เดี๋ยวก็ผ่าน ลืมๆมันไปซะ

แต่ในความเป็นจริงคุณๆรู้มั้ยครับว่า เราไม่ได้ลืมเรื่องเหล่านั้น ความอดทนคนเราย่อมมีวันสิ้นสุด เหมือนภาชนะใส่น้ำ มันจะใหญ่แค่ไหนก็มีวันเต็ม พอถึงเวลาความอดทนสิ้นสุด ระเบิดกันออกมานี่สิ จะนานแค่ไหน พ่อเจ้าประคุณแม่เจ้าประคุณจำได้หมด โดยเฉพาะความผิดความไม่ดีของอีกฝ่าย พอทะเลาะกันก็เลยขุดประเด็นเก่ามา"คุย"กันอีก อีกฝ่ายก็เลยหาว่าเอาแต่เรื่องเก่าซ้ำซากมาพูด พาลจะเลิกกันไปหลายรายเพราะเรื่อง "เล็กๆน้อยๆ"

ผมว่าการทำอะไรแต่ละอย่างควรมีศิลปะครับไม่ใช่ทำลวกๆ ทำอาหารก็ต้องมีศิลปะการทำอาหารมันถึงจะน่ากิน การแต่งหน้าก็ต้องมีศิลปะการแต่งหน้าไม่งั้นก็แยกกันลำบาก คนหรืองิ้ว(วะ)นั่น การพูดคุยกันเช่นเดียวกันครับ ย่อมต้องมีศิลปะการพูดคุยในชีวิตคู่ ไม่ใช่พูดคุยด้วยศิลปะแม่ไม้มวยไทยในชีวิตคู่ อันหลังศิลปะเหมือนกันแต่ผมขอบายละกัน ไม่อยากเลี้ยงชีวิตด้วยลำแข้ง

ศิลปะที่ว่ามาได้มาจากทฤษฎีและปฏิบัติครับ อ่านมาหลายตำรา แต่ที่คั้นมาได้และได้ใช้จริงๆก็มี

ข้อแรก ไม่มีใครคิดว่าตัวเองผิด ฉะนั้นสิ่งที่จะเจอในการคุยเปิดใจคือ เอ...พูดไปพูดมากรูผิดทุกเรื่องเลยเหรอฟะ อีกฝ่ายจะมีเหตุผลในทุกการกระทำ ใจเขาใจเราครับ เราก็ยังไม่คิดว่าเราผิด เขาก็เช่นกัน เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเห็นแก่ตัวหรอกครับ การพูดคุยกัน ก็เพื่อที่ว่า ให้อีกฝ่ายเข้าใจในมุมมองของเรา ให้เราเข้าใจมุมมองของเขาว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้ เหตุใดเราจึงไม่ชอบอย่างนี้ ไม่ใช่การพูดคุยเพื่อหาคนผิดคนถูก

ข้อสอง "ผู้สันทัดในการบงการข้าศึก จะสามารถสร้าง"ลักษณ์"(สถานการณ์)ลวงให้ข้าศึกเคลื่อนไหว และใช้ผลประโยชน์ล่อให้ข้าศึกช่วงชิงตามที่ฝ่ายตนต้องการ ดังนั้นจึงสามารถบงการให้ข้าศึกเคลื่อนไหวตามที่ฝ่ายตนวางแผนเตรียมกำลังไว้จัดการแล้ว" ซุนวูกล่าวไว้"ยุทโธบายชั้นยอดในการเอาชนะข้าศึกทางยุทธศาสตร์ ยุทโธบายชั้นต่ำสุดคือการตีหักเอาเมือง" การพูดคุยก็เช่นกันครับการคุยกันตอนที่อีกฝ่ายยังร้อนแล้วเราจะคุยให้รู้เรื่องให้ได้ ก็ไม่ต่างจากการตีหักเอาเมือง ซึ่งต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรมหาศาล เปอร์เซ็นต์เดี้ยง สูงอีกต่างหาก ดังนั้นเราควรเป็นผู้สันทัดในการ่บงการการคุยกัน เมื่ออีกฝ่ายร้อนเราควรเย็นพอที่จะวางแผนดึงให้เขาเข้ามาสู่จุดที่คุยกันได้ นี่จึงเรียกว่าการเอาชนะทางยุทธศาสตร์

ข้อที่สาม หากมีเรื่องต้องเคลียร์กันไม่ควรคุยกันทางโทรศัพท์ คนเราคบกันมาระดับนึงจะเริ่มรู้ว่าอีกฝ่ายตอนโกหกสีหน้าและแววตาเป็นอย่างไร หรือพูดจริงๆหนักแน่นสีหน้าแววตาเป็นอย่างไร การคุยเพื่อเคลียร์กันทางโทรศัพท์จะไม่เห็นสีหน้าและแววตาอีกฝ่าย ทำให้คุยกันยากยืดเยื้อ บางทีอาจมีอารมณ์ชั่ววูบตัดสายไป ทำให้งอนเผลอๆเกิดทิฐิต่างฝ่ายต่างทิฐิ นัยว่าเคสนี้ก็เลิกกันมาแล้วหลายราย

ข้อที่สี่ เมื่อคุยต้องคุยให้จบอย่าปล่อยข้ามคืนครับ เพราะบางทีเมื่อข้ามคืนแล้วพอตื่นมาบางประเด็นที่จะคุยก็ลืมไปจำไม่ได้ว่าจะคุยอะไร แถมเมื่อคืนที่คุยก็พอจะเคลียร์ไปนิดหน่อยแล้วก็เลย"ช่างมันเถอะ" แต่จริงๆก็อย่างที่บอกไม่ได้ลืมหรอกครับ มันแค่ตกตะกอนไปนอนนิ่งๆในใจเราเท่านั้นเลยนึกไม่ออก แต่พอระเบิดทีก็ขุ่นขึ้นมาที กลายเป็นเอาเรื่องเก่ามาพูดอีก เลยยิ่งไปกันใหญ่

ข้อที่ห้า คำที่อันตรายที่สุดในชีวิตคู่คือ"ช่างมันเถอะ" คำนี้ในที่นี้หมายถึงเวลาที่เราเจอเรื่องขัดใจเล็กๆน้อยๆแล้วไม่อยากทะเลาะก็เลย"ช่างมันเถอะ" อันนี้อันตรายเพราะเวลาสะสมเรื่องเล็กๆน้อยๆไว้เยอะๆ เมื่อความอดทนถึงที่สุดก็เหมือนฟางเส้นเดียวทำให้ม้าหลังหัก อีกฝ่ายก็เลยคิดว่า เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ทำใมถึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่ พาลรำคาญกันไป นี่แหละหนาพระท่านว่า หินก้อนใหญ่ไม่มีใครเดินไปชนมัน แต่ฝุ่นละอองเล็กๆนี่แหละ ที่มันจะระคายเคืองดวงตาเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคำว่าช่างมันเถอะจะดีเป็นอย่างยิ่งถ้าเราคุยจนเข้าใจมุมมองกันแล้วแล้วอภัยให้กัน

ข้อที่หก พึงระลึกเสมอว่าคนเราแตกต่างกัน ผู้หญิงต่างจากผู้ชาย ต่างคนโตมาต่างสภาพแวดล้อม ต่างสภาพการเลี้ยงดู ความคิดย่อมแตกต่างกัน อย่าเอาความคิดเราตัดสินคนอื่น อย่าไปคิดว่าเขาเห็นแก่ตัวจนกว่าจะคุยกันจนเป็นที่เข้าใจแล้วว่าไอ้นี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆนี่หว่า ดังนั้นไม่พอใจอะไรก็คุยกันซะครับ คุยอย่างมีศิลปะในการพูดคุย ไม่ใช่คุยพร้อมศิลปะการฟ้อนเล็บ(ทั้งหยิกทั้งข่วน) คนเราเปลี่ยนเลยไม่ได้หรอกครับ แต่ปรับได้ต้องค่อยๆปรับ ช่วงที่ปรับต้องอาศัยความอดทนเป็นอย่างยิ่ง แต่ความอดทนผลของมันหอมหวานเสมอครับผม

เขียนไว้หลายปีแล้วครับ

ปัจจุบันชีวิตคู่ยังมีความสุขดี และดีกว่าเดิมเมื่อมีเจ้าตัวเล็กมาเติมเต็มชีวิต

จากคุณ : ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง - [ 22 พ.ย. 51 20:35:22 ]