ความคิดเห็นที่ 1 ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เหลือเท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่ต้องไปคิดมาก ถ้าไม่พอก็อาจจะต้องหารายได้เสริม ถ้าจะค้าขายหรือลงทุนอะไรก็ดูดีๆ ด้วย เพราะเงินที่ลงไปอาจจะสูญได้เหมือนกัน จากคุณ : udom_su - [ 25 พ.ย. 51 07:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ง่ายและดีสุดครับ คิดเงินออมเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ตัวนึง คือเงินเดือนออกก็ออมเลย จะกี่พันก็ได้ โดยโอนไปใส่อีกบัญชีนึง หรือซื้อตราสาร / กองทุน ต่างๆไว้ ถ้า 1 เดือนไม่พอ ก็ออมหลายเดือนแล้วไปซื้อทีนึง เช่นซื้อ LTF RMF หุ้น พันธบัตร เงินฝากประจำ โดยอาจแยกเป็นเงินลงทุนระยะยาวสำหรับเกษียร และเงินออมเผื่อใช้ฉุกเฉิน ปล.การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดพิจารณาให้ดีด้วยครับ จากคุณ : LoginM2F - [ 25 พ.ย. 51 07:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ค่อยเริ่มเก็บจากเศษเหรียญที่มีติดกระเป๋าทุกวัน -- หาถุง หากระปุก กระเป๋า โยนๆใส่ไว้ทุกวัน -- ทิ้งไว้ ทำเป็นลืมๆ แล้วซัก 2-3 เดือนค่อยมานับ -- พอนับแล้ว อาจจะประหลาดใจได้ว่า แค่เศษเหรียญที่เราว่าเล็กน้อย เมื่อรวมๆ กัน ก็ได้จำนวนมาก เราเป็นแม่ค้า -- เราเก็บไว้วันละแบงค์ แล้วแต่อารมณ์ ว่าเจอแบงค์ไหน -- เก็บเป็นก๊อก2 -- การออมของเรา เราจะไม่ให้กระเทือนวงจรการค้าขาย เพราะ cash on hand นิสำคัญมาก -- ออมมาก แต่ขาดเงินหมุนเวียน ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ จากคุณ : ปังจิ้มนม - [ 25 พ.ย. 51 07:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนแต่งงานไม่เคยมีเงินเหลือ ใช้เงินเป็นเบี้ย เงินขาดทุกเดือน... แต่คนเราพอแต่งงานไป นิสัยมันจะเปลี่ยนคะ จะงกมากขึ้นเพราะรู้ว่าตัวเองหาเงินไม่ได้ โชคดีว่าคุณสามีบริหารเงินเก่ง... ให้ลองคุยกันก่อนคะว่าจะทำอะไรได้บ้าง คร่าวๆ ที่เราเรียนรู้มาคือ การซื้อของ (ทุกห้างจะมีรายการพิเศษว่าวันไหนอะไรถูก ก็เช็คก่อนไปซื้อ) และก็ออมเงินทุกเดือน พอนานๆ ไปเริ่มเห็นเงินในบัญชีเยอะขึ้น ความงกจะมากขึ้น และอยากมีเงินมากขึ้น ทุกวันนี้กลายเป็นคนควบคุมบัญชีค่าใช้จ่ายและบริหารเงินคะ พอเงินเดือนคุณสามีออก... หนึ่งในสามเราจะเอาเข้าบัญชีก่อนเลย แต่เงินที่เหลือต้องเพียงพอกับค่าใช้จ่ายรายเดือนและเงินสำรองนิดหน่อยนะคะ ลองคำนวนค่าใช้จ่ายพื้นฐานคร่าวๆ ดูคะและบวกไปสามสิบเปอร์เซนต์ของเงินที่คำนวนได้เป็นเงินสำรอง ถ้าเงินสำรองไม่ได้ใช้ สองสามเดือนทีก็เริ่มเก็บเข้าบัญชีออมไป แต่ส่วนใหญ่บ้านเราหมดทุกเดือน พอเอาเข้าบัญชี... ให้ลืมมันไป และอย่าถอนออก เก็บทุกเดือนให้เหมือนหน้าที่ ไม่ทำจะตายประมาณนั้น และบัญชีเงินออมควรเก็บเป็นความลับคะ กับคุณสามีก็ไม่ควรให้ทราบ เราให้ดูปีละครั้งชะทุกสิ้นปีหรือปีใหม่ เพราะให้ดูทีหนึ่งเงินจะเป็นก้อนใหญ่จะดูมีคุณค่าและดูน่าเหลือเชื่อกว่า ทำบัญชีรายรับรายจ่าย... ซื้ออะไร ใช้เท่าไหร่... จดลงไปให้หมดทุกแดง ของเราโชคดีที่ว่าคุณสามีไม่ใช้เงินเลยเลยทำบัญชีง่ายมาก เพราะจะรู้ว่าจ่ายอะไรไป บิลเท่าไหร่ และของเราใช้เครดิตการ์ด... ดังนั้นก่อนวันเก็บเงินจะต้องเช็คบัญชีดูว่ามีเงินแน่ๆ และพอจ่าย เพราะถ้าไม่มีเงินเดี๋ยวโดนขึ้นบัญชีและเสียเครดิต เงินที่นอกเหนือจากเงินเดือน เงินพิเศษต่างๆ ที่ได้เช่นเงินที่ได้จากการประชุม เงินที่ได้พิเศษจากพอ่แม่ เงินที่ได้พิเศษจากสังคม... ให้เอาเข้าบัญชีไปเลย เพราะเงินเดือนทุกเดือนที่วางไว้มันเพียงพออยู่แล้ว ไม่ควรเอามาเข้าบัญชีเดียวกัน มีเงินในบัญชีมาก บางครั้งจะหมดไปโดยไม่ทราบสาเหตุ... สำหรับเราเราหาเงินไม่ได้... แต่คติเราคือถ้าเราออมเงินได้... เงินออมที่เราออมได้ จะเป็นเงินที่เราหาได้ในแต่ละเดือนคะ ก็ถือว่าเงินออมคือเงินเดือนเราคะ จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 25 พ.ย. 51 08:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนอื่นขอชื่นชมครับ ให้เงินเดือนกับที่บ้านเกือบ 20% ของเงินเดือน ดีมากๆ :) การทำประกันแบบออมระยะยาว 1499 ต่อเดือน ผมว่าสูงเกินไปนิดนึง ^^" ถึงแม้จะลดภาษีได้ก็เถอะ แต่เราไม่สามารถเอาเงินจากประกันมาใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ กว่าจะได้ใช้เงินก่อนนี้ก็ต้องผ่านไปหลายปีมากๆแล้ว น่าจะทุกธนาคาร จะมีเงินฝาก 24 เดือน เดือนละเท่าๆกัน และไม่เสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับอยู่ ลองออมผ่านเงินฝากตัวนี้ เดือนละซัก 1 - 2000 ก็ได้ครับ สลากออมสิน ถ้าผมไม่มีเงินพอที่จะซื้อแล้ว ถูกรางวัลเลขท้ายทุกงวด ผมจะยังไม่ซื้อครับ เอาไปฝากดีกว่า ;) พอรายได้มากกว่านี้ แล้วก็ค่อยขยับขยาย ไปสู่พวก LTF + RMF ที่จะทำให้ได้สิทธิลดหย่อนภาษีต่อไป จากคุณ : Denon - [ 25 พ.ย. 51 08:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมมักจะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า นอกจากคุณจะหาเงินเป็นแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการหาเงิน คือ การออมเงินครับ .... โดยส่วนใหญ่ผมเองจะรู้ตัวเองว่า ชอบกินโน่นๆนี่ๆ ซื้อของ Technology เล็กๆน้อย แต่บ่อยเป็นประจำ เพราะฉนั้น จึงต้องบอกกับตัวเองว่า มีเงินอยู่กับตัว ให้พอดีกับที่ใช้ อย่ามีมากเกินจำเป็น เพราะมักจะคุมตัวเองไม่อยู่ เพราะฉนั้น พอเงินเดือนออกปุ๊ป ในวันนั้น ผมจะทำการโอนเข้าบัญชีกองทุนทันที เพื่อทำการออมเงิน และ ให้เงินพ่อกับแม่ในวันเดียวกัน และในวันเงินเดือนออก เราจะมีเงิน อยู่ก้อนนึง และเงินนี่แหละ คือเงินตั้งต้นของชีวิต ในเดือนนั้นๆ ^_^ รวมถึงมีการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ด้วย เผื่ออนาคตจะได้มีเงินก้อนกับเขาบ้าง ทำตรงนี้จนเป็นนิสัยแล้วครับ แล้วจะพบว่า เราจะมีเงินงอกขึ้นมาทุกเดือนๆ ผ่านไปสักปีนึง ลองมาดูผลลัพธ์สิครับ จะพบว่ามันน่าชื่นใจมาก เป็นกำลังใจให้นะครับ ทำไปแรกๆ อาจจะรู้สึกว่าแบบ ทำไมมันช้าจัง แต่ทำไปนานๆเข้ามันจะชินจนเป็นนิสัยคับ จากคุณ : โรบินฮูดตะวันออก - [ 25 พ.ย. 51 08:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ฝากเงินทุกเดือน 10% ของเงินเดือน เอาแบบที่ถอนยากๆหน่อย bonus ซื้อ RMF ครับ จากคุณ : sysiphus (sysiphus) - [ 25 พ.ย. 51 09:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สรุปรายรับรายจ่ายว่าแต่ละเดือนเป็นอย่างไร จากนั้นดูว่ารายจ่ายอะไรที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย เนื่องจากคุณไม่ได้บอกว่ามีรายจ่ายอะไรบ้าง แต่ผมคาดเอาว่าคงจ่ายกับสิ่งไม่จำเป็นไปมากพอดู ยกเว้นว่าผ่อนบ้าน ก็ไม่ว่ากัน ก็เริ่มตัดสิ่งฟุ่มเฟือยทิ้งไป อะไรที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยคงไม่ต้องแจกแจงนะครับ น่าจะรู้ดีแก่ใจ เรื่องการออม เนื่องจากเงินเดือนไม่มากนัก เงินขนาดนี้ดูเหมือนว่าแทบจะไม่เสียภาษี หรือไม่เสียเลยด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ LTF RMF พวกนั้นสำหรับพวกรายได้สูงๆ ฐานภาษี 20 % ขึ้นไปจะเหมาะสมกว่า ยังอีกไกลที่จะไปสนใจ ดังนั้นใช้วิธีฝากเงินเข้าบัญชีประจำดีแล้ว โดยตั้งเป้าไปเลยว่าจะออมเดือนละเท่าไร พอเงินเดือนออกก็ใส่ไปเลย แล้วต้องอยู่ให้ได้ด้วยเงินที่เหลือในแต่ละเดือน ถามคำถามง่ายๆว่า ใส่เงินเข้าบัญชีประจำเดือนละ 8000 คุณอยู่ได้ไหมด้วยเงินที่เหลือ ถ้าได้แค่นี้ราวๆปีเศษ ก็ได้แล้วนะแสนนึงตามต้องการ เอาใจช่วยครับ อยากมีเงินออมก็ต้องประหยัด แม้จะดูว่าเริ่มคิดช้าไปแต่ก็ดีกว่ายังไม่ได้คิด จากคุณ : pop - [ 25 พ.ย. 51 09:36:57 A:58.137.53.241 X: TicketID:070123 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มีน้อยใช้น้อย.....มีมากก็ใช้น้อย เดี๋ยวเงินในกระเป๋าก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ นะคะ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 10:10:22 จากคุณ : shewant - [ 25 พ.ย. 51 09:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราไม่ใช่ผู้รู้อะไรแต่นี่เป็นวิธีที่เราใช้..และได้ผล..ลองดูนะคะ 1. บัญชีแรก ฝากแบบประจำยกเว้นภาษี บัญชีแบบนี้มีเกือบทุกธนาคารนะคะ แต่ละธนาคารดอกเบี้ยต่างกันไป ขึ้นลงแล้วแต่ช่วง (แต่ดอกเบื้ยที่เราจะได้จะเท่าวันที่เราเริ่มฝาก) ..เป็นเงินฝากระยะยาว 24-36 เดือน.. อันนี้เหมือนบังคับให้ "ต้องเก็บ"ค่ะ.. *บัญชีแบบนี้ เลือกฝากได้แค่ธนาคารเดียวนะ 2. บัญชีที่2 สำหรับเก็บเอง ในชีวิตประจำวัน ค่อยๆออมก็ได้นะ อันนี้ต้องใจแข็งๆหน่อย บัญชีนี้ไม่ต้องมีเอทีเอ็ม จะได้ถอนยากๆหน่อย 3. บัญชีตรงในการเอาเงินเดือนเข้า..คือบัญชีที่เอาไว้ใช้ อันนี้มีเอทีเอ็มได้เพื่อความสะดวก ใช้เท่าที่มี คือถ้าไม่จำเป็นจะต้องไม่ไปรบกวนบัญชีอื่นๆเด็ดขาด (เพราะก้อนนี้เอาไว้ใช้ เราว่าไม่ต้องประหยัดมากจนลำบากนะ บางทีเงินก็ต้องเอาไว้ซื้อความสุขบ้าง กินข้าวกะเพื่อน ซื้อของที่อยากได้ ฯลฯ) 4. โบนัส จ๊อบ เงินก้อนพิเศษอื่นๆ..ฝากเข้าบัญชีที่ 2 ทั้งหมด ห้ามใช้ อืม...ลองดูนะคะ..เราว่าการเริ่มต้นคิดว่าจะเก็บอะ สุดยอดแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องสร้างระบบที่เหมาะกับตัวเอง แล้วก็ทำตามนั้น ..โชคดีค่ะ ^_^ จากคุณ : หายใจเข้าแล้วก็หายใจออก - [ 25 พ.ย. 51 10:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีสลึง            พึงบรรจบ  ให้ครบบาท อย่าให้ขาด     สิ่งของ      ต้องประสงค์ มีน้อย           ใช้น้อย      ค่อยบรรจง อย่าจ่ายลง     ให้มาก      จะยากนาน.. จากคุณ : takop - [ 25 พ.ย. 51 10:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แนะนำให้ไปหาหนังสือของคุณมณฑานี ตันติสุขเล่มหนึ่งชื่อ "เงิน เรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน" ของสำนักพิมพ์ at office มาอ่านค่ะ เธอเขียนด้วยภาษาอ่านง่าย ไม่น่าเบื่อ เล่าประสบการณ์ส่วนหนึ่งของตัวเองให้ฟัง ถ้ามีโอกาสลองแวะไปหามาอ่านดูนะคะ จากคุณ : ป้าปูเป้ - [ 25 พ.ย. 51 11:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอาตามที่พี่ป้อมอัสนีว่าไว้นะคะ "เหลือเก็บค่อยเอาไปใช้ เหลือจ่ายค่อยเอาไปเก็บ" จากคุณ : ปองดาว - [ 25 พ.ย. 51 11:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องให้เงินที่มีอยู่ทำงานค่ะ.. แหม กำปั้นทุบดินจริงๆ เพราะเรามองว่า..เงินเดือน 16000 บาท ก็ต้องใช้สอยอย่างประหยัดค่ะ แต่คุณไม่มีคชจ.เรื่องรถ ก็สบายกระเป๋าไปนะคะ... เพราะคชจ.เรื่องรถนี่หนักพอสมควร ไหนจะประกัน ไหนจะภาษี ไหนจะค่าสึกหรอ คิดๆแล้ว 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนเราเลยล่ะ เราเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคุณนะคะ แต่ทำงานเอกชน ทำมาสิบกว่าปี ที่สำคัญ คือ ไม่ค่อยมีเงินเก็บมากอย่างคุณเลย.. เราไม่มีสลากออมสิน ไม่มีฝากประจำ แต่มีประกันชีวิต ที่มีเงินปันผล หรือ ผลตอบแทนที่ผันแปรไปตามเงินเฟ้อ กับ หุ้นในกองทุนรวมค่ะ เราว่าก่อนอื่น ต้องปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย อย่างตอนนี้เรางดใช้บัตรเครดิต ลดการกินเที่ยว ช้อปปิ้ง เพราะแพลนว่าอยากเก็บเงินทำธุรกิจที่เรามีความถนัด รายรับจากช่องทางเดียว ยังไงก็ไม่พอหรอกค่ะ ต้องเสริม เมื่อใช้เงินน้อยลง มันก็มีเก็บ เหมือนอย่างที่คคห.ข้างบนว่า แต่ต้องหาช่องทางลงทุนให้เงินที่มีอยู่งอกเงย เราว่าง่ายที่สุดนะ ตอนนี้คุณฝากประจำไปก่อนก็ดีนะคะ... เพราะอาจจะเอาออกมาใช้ได้ง่ายกว่าเอาไปลงทุนในกองทุนต่างๆ แต่ผลตอบแทนอาจจะไม่ดีมาก ตอนนี้ตราสารหนี้ พันธบัตร ระยะสั้น เค้าก็ออกกันมาเยอะนะคะ ฝาก 3 เดือนเองมั้ง...แต่ถ้าเงินต้นน้อยๆ ก็ไม่เห็นดอกผลมากเท่าไหร่อ่ะ จากคุณ : 2nd Ave. - [ 25 พ.ย. 51 11:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โอ้วววว รอมานาน กระทู้มีสาระแบบนี้   อยากตอบมากอ่ะ  กำ เราคนหนึ่งหล่ะ ที่สนใจ  อ่าน  ศึกษาเรื่องพวกนี้มาพอสมควร อยากให้เพื่อนๆสนใจเรื่องพวกนี้ให้มากๆ ด้วย เราจะแนะนำให้ จขกท โดยตรงนะ  คนอื่นอ่าน อาจนำไปใช้ไม่ได้ เพราะแต่ละคน  การเก็บเงินจะไม่เหมือนกัน ใครอยากให้แนะนำก็ request ได้อ่ะ   กำ - เริ่มต้น ได้เงินเดือนมา เก็บก่อนเลย   20%ไปเลย  (เฉพาะ จขกท) เพราะเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า  ใช้ไปก่อน เหลือเท่าไหร่แล้วค่อยเก็บตอนสิ้นเดือนนั้น   ถึงปลายเดือนทีไร  จะไม่มีเงินเหลือทุกที  จขกท(และเพื่อนๆ)  คงรู้ดี - แนะนำ  ขั้นแรกเก็บเงินเข้าอีกบัญชีหนึ่ง แยกต่างหาก เก็บให้ได้ ห้ามไปยุ่งกับมันอีก จำนวนเงินเท่ากับ ค่าใช้จ่าย 3-6 เดือนถ้าตกงานไม่มีงานทำ - ทำส่วนแรกได้แล้ว ให้เคลียร์หนี้(ถ้ามี)  เช่น หนี้บัตรเครดิต บัตรเงินผ่อน  เคลียร์ให้หมด  เพราะดอกสูงมาก อย่าลืมว่า ไม่มีการลงทุนการเงินใด  ผลตอบแทนจะสูงกว่าดอกเบี้ยบัตรพวกนี้ (ยกเว้นหุ้นบางจังหวะ) เอาให้หมดหนี้ แล้วอย่าลืมยกเลิกบัตรให้หมดด้วย   เหลือแค่ใบเดียวพอ   ใบที่ไม่เสียค่าธรรมเนียมประจำปี   ต้องจ่ายเต็มๆ   ไม่เอาแบบหัก 10% อีกนะ - ไม่ต้องสนใจ RMF  LTF เนื่องจาก จขกท เงินเดือนน้อยมาก  ไม่คุ้มกับหักภาษี  ลงทุนยาวนานไป ขาดสภาพคล่อง (แนะนำแค่ จขกท นะ ไม่รวมคนอื่น)   - เหลือเงินจากข้างต้น  เอามาไว้ในตราสารหนี้สะสมทรัพย์ มีทุกธนาคาร  เพราะดีกว่าฝากประจำเยอะ  ดอกเบี้ยประมาณ 3 % เท่ากัน  แต่สภาพคล่องดีกว่ามากๆ มีข้อดีอีก เดี๋ยวบอก - ประกันแบบออมระยะยาว เดือนละ 1499 บาท ถ้ายกเลิกได้  น่าจะยกเลิก  ไม่มีสภาพคล่องเลย เอามาทำอย่างอื่นดีกว่า concept คือ ถ้าเก็บเงินเองได้  อายุยังน้อย ไม่ควร  "จ้างคนอื่นเก็บเงิน"  หรือประกันชีวิต แนะนำ เอาเงินมาส่วนนี้ มาซื้อกองทุนหุ้น แบบสมํ่าเสมอ แบบ DCA (dollar cost average) ดีกว่าเยอะ   ยิ่งช่วงหุ้นผันผวน ยิ่งดี - "แล้วก็ซื้อสลากออมสิน ไป 10,000 บาท(เอาโบนัสปีที่แล้วไปออมค่ะ) ซื้อนานหลายเดือนแล้ว ถูกรางวัลมาร้อยกว่าบาท" ไม่มีหนังสือเล่มใดเลย  ที่แนะนำให้ซื้อฉลากออมสิน  ไม่ควรซื้ออีกครับ เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า - เนื่องจากการประหยัดอย่างเดียว ไม่ทำให้รวย  ต้องลงทุนด้วย ถ้าไม่มีความสามารถลงทุนเอง เช่น เปิดร้าน หรือ ขายของ ก็ไม่ต้องไปทำ ไม่ต้องไปสนใจ ทำงานประจำให้ดี ให้ก้าวหน้า แล้วให้ลงทุนทางการเงินแทน ดีกว่า ไม่เหนื่อยด้วย เช่น พันธบัตร ระยะสั้น  กองทุนหุ้น - หาสามีรวย อันนี้ผู้หญิงสมัยนี้ยึดเป็นหลักว่า ไม่ต้องเก็บเงินก็ได้ มีแฟนรวยเมื่อไหร่ ก็มีเงินเก็บเอง( เอามาจากหนังสือการเงินเล่นหนึ่ง) จขกท  แนะนำแฟนตนเองให้มาอ่านกระทู้นี้ด้วย ยังมีอีกมากครับ แต่กลัวจะยาวไป โดยเฉพาะ การโยกเงินไปมา ระหว่าง ตราสารหนี้ กับ กองทุนหุ้น ก็สนุก และ ได้เงินแบบไม่ยาก ท้ายสุด แนะนำเพื่อนๆวางแผนการเงินให้ดี ศึกษาหาความรู้ให้มาก หนังสือดีๆเยอะ อย่าประมาท อย่ามัวสนุกกับการใช้จ่าย  วันใดหมดเงิน ตกงาน เจ็บป่วยหนักพร้อมๆกัน ไม่มีใครจะช่วยท่านได้นะ อย่าหลอกตัวเองว่า ค่อยไปคิดตอนอายุมาก  มีเงินแล้วก็ต้องจ่าย   เก็บไปทำไม เดี๋ยวก็ตายแล้ว ตายแล้วเอาไปไหนไม่ได้ อันนี้คือหลอกตัวเองนะครับ ของเราเอง แม้ว่าจะ  high income , above 200K per month แต่เรายังอดออม ประหยัด และไม่ประมาท ไม่ shopping ไม่ฟุ่มเฟือยใดๆ แต่ยังไง ก็ไม่ใช้ประหยัดเกินไป จนอึดอัดเอง และชีวิตไม่มีความสุขนะครับ ด.ช.เกรียน จากคุณ : คนโดนแบน - [ 25 พ.ย. 51 12:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ o_O !!! จากคุณ : น้องเขียบ บ้านนา - [ 25 พ.ย. 51 12:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดีจัง สำหรับเรา ..บัญชีแรกเป็นบัญชีเงินเดือนเข้า เอาไว้ใช้จ่าย ไม่เกี่ยวกับการออม ..บัญชีที่สองเก็บออมเล็กน้อย เพื่อของที่อยากได้ หักจากบัญชีแรก ประมาณเดือนละ 1000+ แล้วแต่ว่ากำลังอยากได้อะไร อยากได้แพงก็หักแพงหน่อย เผื่ออยากได้อะไรเป็นพิเศษ ก็เอาเงินกองนี้ไปใช้ ...บัญชีที่สามเป็นบัญชีที่ถูกลืม เก็บเล็กๆ น้อยเหมือนกัน แต่เพราะมันลืม นานวันเข้ามาหลายตังค์อยู่ เผื่อเจ็บป่วย ฉุกเฉิน ครบปีสองปีถ้าไม่มีอะไรจำเป็น ก็จะเอาไปรวมกับบัญชีที่สี่ ...บัญชีที่สี่เป็นบัญชีฝากแบบ เพื่ออนาคตจริงๆ เราหัก จากบัญชีแรกสม่ำเสมอทุกเดือน เพื่อเก็บเป็นก้อน และซื้อทอง ทะยอยซื้อเรื่อยๆ แบบไม่ได้เก็งราคา เพราะกะเอาไว้ขายกินตอนแก่จริง เคยฝากแบบประจำ แต่ช่วงนี้ทองผันผวน เลยเอาแบบเผื่อเรียก ...ซื้อประกันชีวิต แบบปีต่อปี ไม่ได้เพื่อสะสม แต่เพื่อว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น เราพอยังเหลือเงินจากประกัน ให้คนข้างหลังเอาไปทำศพได้ ...เราไม่ซื้อประกันแบบออมทรัพย์เพราะว่าเงินมันโตช้า ไม่ทันอัตราเงินเฟ้อ ...กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นี้ บริษัทบังคับทำ ...ถ้าคุณเก็บได้เงินกองโต เมื่อไหร่ มันจะโตเร็วมากๆ จริงๆนะ ว่ากินดอกเบี้ย ยังมากกว่าเอาเงินพันไปฝากเลย เดี๋ยวมาต่อ ทำงานก่อน //อยู่ที่วินัย จากคุณ : น้ำตาฟ้า - [ 25 พ.ย. 51 13:15:49 A:124.121.219.184 X: TicketID:186377 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณ ดร.เกรียน ด้วยคนค่ะ  มีความรู้ขึ้นเยอะมากๆ จากคุณ : ไม้ร่ม - [ 25 พ.ย. 51 13:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พอเงินเดือนออกให้ออมก่อนแล้วค่อยใช้ อย่าคิดว่าเหลือใช้แล้วค่อยออม มันจะไม่ได้เก็บออมค่ะ ทำประกันเราว่าเบี้ยเสียเปล่าเยอะนะ ---------- ไปธนาคารที่ใกล้บ้าน แล้วขอเปิดฝากประจำพิเศษ (แบบที่ต้องฝากเท่ากันทุกเดือน) ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยค่ะ ส่วนมากจะ 24 เดือน แล้วได้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ + .25% เช่น สมมติตอนนั้นเงินฝากประจำ 2% ดอกเบี้ยที่จะได้คือ 2.25% แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 14:58:33 จากคุณ : la-la-bell - [ 25 พ.ย. 51 13:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 นาน ๆ จะเห็นพี่เกรียน ตอบได้มีหลักการ ก็คราวนี้แหล่ะ ... จากคุณ : ... กระซิบรัก จากความทรงจำ ... - [ 25 พ.ย. 51 14:18:55 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปล.เรื่องทำประกัน เราว่าถ้าประกันเพื่อออมเหมือนมันจะไม่คุ้มอะ กว่าจะได้เอาเงินออกมาใช้ ค่าเงินก็เปลี่ยนไปถึงไหนๆ แล้ว จากคุณ : น้องเขียบ บ้านนา - [ 25 พ.ย. 51 16:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ใช่..เพิ่งเห็นคุณเกรียนตอบได้มีสาระก็กระทู้นี่แหละ  ไม่อยากจะเชื่อ ก๊ากๆๆ จากคุณ : 2nd Ave. - [ 25 พ.ย. 51 16:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เราเน้นซื้อประกันชีวิตค่ะ แบบเงินออม ^^ จากคุณ : จูหน่านพ - [ 25 พ.ย. 51 18:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ของเราคล้ายๆกะของพี่เกรียนนิดนึง แต่ไม่ทั้งหมดค่ะ เรายังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง เนื่องจากยังเรียนไม่จบ ------------------------------------------------------ แต่ตอนนี้มีบัญชีออมหุ้นอยู่กับ บริษัทหลักทรัพย์ซิกโก้ เป็นการออมหุ้นแบบ DCA ซื้อหุ้นพื้นฐานดีเก็บไว้ (SET index 50) เริ่มต้นที่เดือนละ 1 พันบาท แม้ตอนนี้จะขาดทุนยับเยิน แต่เราออมหุ้นกินปันผล ยังไม่คิดจะขายตอนนี้ แม้ช้อนอาจจะหักได้ ฮี่ๆๆ เรามีหน่วยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ซึ่งให้ผลตอบแทนพอๆกับเงินฝากประจำ แต่มีสภาพคล่องมากกว่า เรามีสลากทวีสินที่แม่ซื้อให้จำนวนหนึ่ง ซึ่งมากพอจะลุ้นรางวัลเลขท้ายได้ทุกเดือน เรามีประกันชีวิตหนึ่งกรมธรรม์ที่มีเงินปันผลให้ ------------------------------------------------------- เห็นหลายๆคนแนะนำว่าให้ฝากประจำ แต่เราคิดว่าสภาพคล่องมันน้อยมากเลย เราอยากแนะนำให้เปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนของอะไรก็ได้ แต่ขอแนะนำ SCB ค่ะ เข้าไปดูได้ที่ http://www.scbam.com เพราะเปิดบัญชีเสร็จปุ๊บ ซื้อกองทุนแต่ละกองทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 5,000 บาท ซึ่งไม่ถือว่าสูงเกินไป ครั้งต่อไปหากซื้อกองทุนเดิมก็ครั้งละ 1,000 บาท หากสงสัยเรื่องกองทุน  สอบถามคุณพี่จุก (pjuk) ณ ห้องสินธรได้ค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าบลจ.อื่นๆไม่ดีนะ  ดีเหมือนกันค่ะ แต่การซื้อขั้นต่ำเราว่ามันสูงเกินไปสำหรับนักศึกษาจนๆคนนึงอย่างเรา ข้อมูลการออมและการลงทุนเพิ่มเติม http://edu.tsi-thailand.org/ ขอให้โชคดีค่ะ ^^ จากคุณ : มิสพรหล้า - [ 25 พ.ย. 51 18:58:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณทุกความเห็นมากค่ะ จะเริ่มออมตั้งแต่เงินเดือนเดือนนี้ออกเลยค่ะ เก็บเป็นเงินฝากประจำทุกเดือน เอ.......แล้วประกันชีวิตสามารถยกเลิกได้ไหมค่ะ จากคุณ : ให้รักนำทาง - [ 25 พ.ย. 51 19:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เอาเงินครึ่งหนึ่งเข้าบัญชีฝากประจำแบบไม่มี atm แต่ว่ามีค่าใช้จ่ายแค่เดินทางกับค่าข้าวกลางวันคะเลย สบายๆ เหลือชอปสิ้นเดือน 1000บาท อิอิ ปล.พกเงินไปทำงานวันละ100บาทคะ อยากได้อะไรเดินวนก็2วันแล้ว ค่อยว่ากันถ้ายังอยากได้ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 19:53:35 จากคุณ : ครีมโซดา - [ 25 พ.ย. 51 19:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรากำหนดไว้เลยค่ะ ว่าเดือนนึงจะใช้เงินสักเท่าไหร่ อย่างเช่น ถ้ากะว่าจะใช้ประมาณ 8000 บาท ก็เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้อีกหน่อย สัก 2000 เป็น 10000 ส่วนที่เหลือก็เอาเข้าแบงค์ เปิดบัญชีฝากประจำเท่าๆ กันทุกเดือน ที่ยกเว้นภาษี (ที่ข้างบนบอกกันน่ะค่ะ) ส่วน 10000 สำหรับใช้นั้น ถ้ามีเหลือก็เก็บไว้ในบัญชีนั้นแหละค่ะ พอหลายๆ เดือนรวมกัน ถ้าเยอะสักระดับนึง ก็เอาไปใส่บัญชีที่ไม่มี ATM เอาไว้เผื่อฉุกเฉินค่ะ ถ้ามีอะไรพิเศษๆ อย่างเช่นโบนัส ก็แบ่งใช้ตามความพอใจ ส่วนที่เหลือก็เข้าบัญชีที่ไม่มี ATM อีก เยอะๆ เข้าก็ซื้อกองทุนค่ะ กองทุนที่เราซื้อไม่ได้เป็น LTF หรือ RMF นะคะ เพราะไม่ได้ประโยชน์ในการหักภาษีเท่าไหร่ เนื่องจากเงินเดือนไ่ม่มากนัก สรุปว่ามี 3 บัญชีธนาคาร + 1 กองทุนค่ะ พอกองทุนครบกำหนดก็เลือกกองใหม่ที่ผลตอบแทนดีๆ แต่ส่วนใหญ่เราจะเลือกผลตอบแทนปานกลางแต่ค่อนข้างมั่นคงค่ะ ไม่ค่อยชอบอะไรเสี่ยงๆ จากคุณ : หมึกปิ้งสีชัง - [ 25 พ.ย. 51 20:13:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เราชอบออมเงินตั้งแต่เด็ก (ออกแนวงกเล็กน้อย) เช่น ถ้าได้เงินไป ร.ร. 100 บ. ก็จะเอาไป 50 บาท (สมัยก่อนยังอยู่ได้)  ที่เหลือเก็บรวมๆกันไว้ซื้อของที่อยากได้   จนเรียนมหาวิทยาลัย  ก็ทำวิธีเดิม แต่เรื่องกินนี่เต็มที่  ถ้าใช้เกินลิมิตที่ตัวเองตั้งไว้ก็จะรู้สึกว่า  "พอได้แล้ว"  เก็บตั้งแต่สมัยเรียน มีทางบ้านให้โอกาสพิเศษบ้าง จบมาก็ส่งตัวเองไปต่างประเทศได้  (สมัยนั้นมีวัยทำงานมาขอกู้ด้วย)   ถ้ามีเป้าหมายในชีวิต อาจจะรู้สึกอยากเก็บเงินมากขึ้น  เช่น มีเป้าหมายว่าจะเรียนต่อต่างประเทศ  หรืออยากซื้อบ้าน  มีแค่แสนนึงในบัญชีก็ไม่พอแน่นอน  ทำให้มันรู้สึกอยากออมไปเรื่อยๆ  ถ้ารู้สึกว่าตัวเองรวยแล้ว มันจะเหิมเกริม ใช้เต็มที่ คิดว่าไม่มีวันหมด แล้วสุดท้ายก็จน คิดซะว่ายังมีภาระ ก็จะไม่ค่อยกล้าใช้เงิน  ภาระนั้นก็คือ เงินที่ต้องเอามาเลี้ยง ตัวเองหรือตอบสนองเป้าหมายในอนาคตตัวเองนั่นแหละ ส่วนวิธีออมยังไง  แบ่งกี่เปอร์เซนต์นั้น ข้างบนตอบหมดแล้ว  เลือกใช้ที่สอดคล้องกับรายได้และเป้าหมายในอนาคตของเรา  แก่ตัวไปมีเงินเก็บแน่นอน แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 20:24:37 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 20:19:35 จากคุณ : สุดแสนรัก - [ 25 พ.ย. 51 20:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เงินเดือนเรา 35K  เงินเดือนแฟน 40K (เยอะหรือน้อยอ่ะ) เงินเดือนออก แฟนให้เราเก็บ 10K+ของเรา 10K นอกนั้นเงินส่วนตัวเลยถ้าเหลือก็เก็บเอง(ส่วนใหญ่ของเราไม่เหลืออ่ะ) ค่ารถแฟนจ่าย ค่าบ้าน(7000)จ่ายคนละครึ่ง เราไม่มีค่าบัตรเครดิตแฟนไม่ให้ใช้ (อยากได้ซื้อสด เงินไม่เหลือก็ไม่ต้องซื้อ) คบกันมา 2 ปี เงินเก็บพอมีบ้าง แต่ไม่มีเงินลงทุนเลย ชอบเก็บไว้กะตัวอ่ะ จากคุณ : ง่อนแง่น (คาเนชั่นสีแดง) - [ 25 พ.ย. 51 22:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 จากที่อ่าน  คุณมีเงินเก็บค่อนข้างน้อย  แต่ก็เป็นเพราะคุณเงินเดือนไม่ค่อยเยอะด้วย การจะมีเงินเก็บมากขึ้น  เท่าที่คิดออก มีอยู่ 3 วิธีคือ -  เก็บให้มากขึ้น -  หารายได้เพิ่ม -  เก็บเท่าเดิม  แต่นำเงินไปลงทุนให้งอกเงยมากขึ้น วิธีการต่างๆ  อ่านได้จากคห.ของเพื่อนๆทุกคน  โดยเฉพาะคุณ คนโดนแบน   แต่เราขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ 1.  ประหยัดให้มากที่สุด  เท่าที่จะประหยัดได้ สิ่งที่เราต้องการจริงๆมีแค่ปัจจัย 4 เท่านั้น  นอกนั้นถือเป็นของฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น ลองดูว่าเดือนๆหนึ่งคุณจ่ายเงินไปกับของฟุ่มเฟือยมากเท่าไหร่  ถ้าตัดใจไม่ซื้อได้ จะเหลือเงินเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ 2.  โทรศัพท์มือถือ  เลือกใช้โปรที่คิดว่าเหมาะกับคุณที่สุด  ถูกที่สุด 3.  รถไม่มี  ดีแล้ว  เพราะมีรถ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกมาก  ไม่ใช่แค่ค่าผ่อนรายเดือนเท่านั้น ยังมีค่าน้ำมัน  ค่าประกัน  ค่าต่อทะเบียนรายปี  ค่าเข้าศูนย์  ค่าล้างรถอีก  ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิด 4.  ประกันชีวิต  จริงๆแล้วสำหรับคุณไม่น่าทำ  เพราะเงินเดือนขนาดนี้  ยังไม่ต้องเสียภาษี  ทำให้อดได้ประโยชน์จากค่าลดหย่อนไปเปล่าๆปีละประมาณ 1,800 บาท เราว่าคุณเสียเบี้ยประกันค่อนข้างเยอะ  แถมระยะยาวอีก  ปกติผลประโยชน์จากประกัน  แม้จะเป็นแบบออมทรัพย์ก็ตาม  มักจะต่ำกว่าดอกเบี้ยฝากประจำของแบงค์อยู่แล้ว กรณีนี้ถึงยกเลิก  ขอเป็นค่าเวนคืนกรมธรรม์แทน  ก็ขาดทุนอยู่ดี  แต่ก็แล้วแต่คุณว่าจะทำอย่างไรต่อ  ถ้าคุณมีคุณพ่อคุณแม่ พี่ น้องที่ต้องเลี้ยงดู  ก็ทำทิ้งไว้ก็ดีค่ะ 5.  สลากออกสิน  ถ้าซื้อน้อย  โอกาสที่จะได้เงินรางวัลก็น้อย  เทียบกับนำไปลงทุนอย่างอื่น เช่น ซื้อกองทุน  จะได้มากกว่า เรื่องการนำเงินไปลงทุนในกองทุนต่างๆ  ถ้ายังไม่รู้เรื่อง  ลองไปหากระทู้อ่านในห้องสินธรดูก่อนก็ได้  น่าจะพอเข้าใจมากขึ้นค่ะ  หรือไม่ก็ลองคุยกับเจ้าหน้าที่แบงค์ที่รับผิดชอบด้านนี้โดยตรง  ก็น่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้  ใจเย็นๆ  ไม่ต้องรีบร้อน  ทำความเข้าใจและดูให้ดีๆก่อนซื้อ  จะได้ไม่เสียใจทีหลังค่ะ  เพราะการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ตอนนี้ถ้าจะเริ่มออม  อาจจะลองฝากประจำระยะสั้น เช่น แบบ 4-5 เดือนดูก่อนก็ได้ ถ้าอยากรู้ว่าแบงก์ไหนมีโปรโมชันอะไรบ้าง  ก็เข้าไปดูในเวปของแต่ละแบงค์  แล้วเปรียบเทียบดอกเบี้ยของแต่ละที่  แล้วก็เลือกที่ๆเราสะดวกได้เลยค่ะ  (แนะนำว่าให้เลือกแบงก์ใหญ่ๆ ความเสี่ยงจะต่ำกว่านะคะ) แค่นี้ก่อนละกันนะคะ  แฮ่ก  แฮ่ก  พิมพ์มาก  เหนื่อยเหมือนกันค่ะ โชคดีค่ะ จากคุณ : เจ้าขาว - [ 25 พ.ย. 51 23:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนตัว เห็นแย้งเรื่องประกันชีวิตนะคะ ถ้าทำประกันชีวิต ที่คุ้มครองเรื่องอุบัติเหตุและมีค่ารักษาพยาบาลเวลาadmit เป็นคนไข้ในได้ด้วย ยังอยากแนะนำให้ทำทิ้งไว้ ถึงจะไม่ได้ประโยชน์ทางตรงเรื่องภาษีนะคะ เพราะการประกันก็ถือเป็นการออมในรูปแบบหนึ่งด้วย สมัยยังสาวๆ ไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของการทำประกันเลยค่ะ แต่พออายุมากขึ้น กลับรู้สึกเห็นประโยชน์ของมันนะคะ ไหนๆก็ทำแล้ว ถ้ายังพอไหว ก็ส่งต่อไปเถอะค่ะ เมื่ออายุมากขึ้น ได้เงินเดือนมากขึ้น เบี้ยประกันที่ส่งตอนนี้ จะถือเป็นจำนวนไม่มากเลยค่ะ จากคุณ : ป้าปูเป้ - [ 26 พ.ย. 51 10:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยกับป้าปูเป้ค่ะ  เราคิดว่าประกันชีวิตไม่น่ายกเลิกค่ะ ประกันชีวิตไม่ใช่การออมเงิน  ได้เงินก็ได้น้อยไม่คุ้มค่ะ  แต่ข้อดีมีมากกว่าเงินที่เสียไป  มันเป็นหลักประกันว่าถ้าเราเกิดป่วยไข้เราจะได้รับการรักษาอย่างดีค่ะ  ดีกว่าประกันสังคมที่หักจากเงินเดือนนะจ๊ะ   สมมติวันนึงคุณอาหารเป็นพิษขึ้นมา  ไปประกันสังคมหรือ30บาท  รอคิว กว่าจะได้เจอหมอ กว่าจะได้ทำไร ต้องเสียเวลางานไป1วัน  ไม่นับรวมพักรักษาตัว  แต่ถ้าใช้ประกันชีวิตแป๊ปเดียวก็ได้เจอหมอเลย  ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเพราะเรามีประกันชีวิตแล้ว  รักษาเสร็จก็ออกมาทำงานต่อได้เลย นี่แค่เจ็บป่วยเล็กน้อยนะคะไม่นับรวมเจ็บป่วยใหญ่ๆไว้อีก  บ้านเราทำประกันอย่างดีกันไว้ทุกคนเลยค่ะ  มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดค่ะ สำคัญที่สุด  เวลาประกันชีวิตอย่าไปคิดว่าได้เงินคือเท่าไหร่ปีไหน  ถ้าจะออมเงินให้ออมวิธีอื่น  เวลาซื้อประกันให้ดูว่าเข้ารพ.ประกันจ่ายเท่าไหร่  ต้องนอนรพ.ถึงเบิกประกันได้รึเปล่า  เจ็บป่วยแบบไหนเบิกได้บ้าง  ฯลฯ  อย่าไปงกกับค่าประกัน  เพราะคุณเดือดร้อนขึ้นมาจริงๆตรงนี้จะช่วยคุณได้ค่ะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ วันสาธารณสุขแห่งชาติ 01:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนตัวเราใช้วิธีซื้อประกัน(เราใช้ของไทยประกันชีวิต)ค่ะ ได้ทั้งเงินและค่ารักษาพยาบาลสำหรับเราจะคิดถึงตอนแก่ตัวมากกว่า(กลัวไม่มีคนเลี้ยง) จากคุณ : notkicka - [ 30 พ.ย. 51 08:04:10 ]